พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดินแสงสลัวสะท้อนอยู่บนใบหน้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลา นอกจากความโกรธแล้ว เซี่ยเชียนฮวันก็คล้ายจะมองเห็น...ความผิดหวังจางจาง“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียงเย็นชา “ดีชั่วอย่างไร ข้าก็เป็นคุณหนูจวนโหว กฎของตระกูลล้วนเข้มงวด เรื่องประเภทคบชู้สู่ชายนั้น ข้ามิเคยทำ”เซียวเย่หลันร้องหึเบาๆ เดินเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว จนปลายจมูกของทั้งสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้ว แรงกดดันมหาศาลปกคลุมเหนือหัวเซี่ยเชียนฮวันเขาแสยะยิ้มเย็น “กฎของตระกูลล้วนเข้มงวด? ทั่วทั้งเมืองหลวง ผู้ที่ตามใจบุตรสาวอย่างไร้ขอบเขตมากที่สุดก็คือจวนอันติ้งโหว”“......”“......”เซี่ยเชียนฮวันไม่อาจหักล้างได้นางนึกถึงท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย ไม่เอาถ่านของเซี่ยเหยียน และยังนึกถึงท่าทีพะเน้าพะนอของสองสามีภรรยาอันติ้งโหวที่มีต่อตัวเองกับตา หรือว่า เจ้าของร่างเดิมจะเคยทำเรื่องไร้สาระจริงๆเป็นไปไม่ได้น่านางไม่มีความทรงจําเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย“อย่างไรก็ตาม เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยเชียนฮวันหันหน้าหนี“เหอะ”เซียวเย่หลันหัวเราะอย่างเย็นชา บีบคางของนาง แล้วบังคับให้นางหันกลับมาสบตาตัวเอง “เจ้าไม่มีเลือด
“ท่านอ๋อง? จ้านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ?”เสียงของขันทีดังมาจากนอกห้องตำราคนจากในวังมาถึงแล้วลมหายใจอันหนักหน่วงของเซียวเย่หลัน รินรดใบหูเซี่ยเชียนฮวัน ราวกับลมหายใจของหมาป่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงปล่อยนางไปเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจอย่างโล่งอกดูเหมือนนางจะหนีอันตรายพ้นแล้วหลังจากประตูห้องตำราเปิดออก ก็ปรากฏขันทีผู้ส่งสารยืนอยู่ข้างนอก สิ่งที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนคือ ขันทีผู้นี้ยิ้มระรื่นเต็มใบหน้า เขาไม่ควรมาหาเซี่ยเชียนฮวันเพื่อพบหมอ“ฝ่าบาท องค์ฮ่องเต้เชิญท่านกับพระชายาเข้าร่วมงานเลี้ยงพระราชวัง” ขันทีโค้งกายรายงาน“งานเลี้ยงอันใดจัดขึ้นเวลานี้”น้ำเสียงของเซียวเย่หลันไม่ค่อยจะดีนักเห็นได้ชัดว่าไม่อยากไปงานเลี้ยงขันทีดูเหมือนจะคุ้นเคยกับท่าทีเผด็จการเอาแต่ใจของจ้านอ๋อง จึงไม่ถือสา และตอบกลับยิ้มๆ ว่า “องค์ฮ่องเต้ทรงรับสั่งว่า พระจันทร์เต็มดวงในวันนี้ เหมาะแก่การจัดงานเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งฝ่าบาทไม่ได้พบปะเหล่าองค์ชายทุกพระองค์มาสักพักแล้ว จึงรู้สึกคิดถึงพ่ะย่ะค่ะ”เขาเงยหน้ามองสีหน้าของเซียวเย่หลัน และมองดูพระชายาจ้านอ๋องที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเยิง ดวงตารื้นน้ำตา แ
เซี่ยเชียนฮวันเอียงศีรษะเล็กน้อยผู้ที่อยู่ข้างกายของนางคือ องค์หญิงแปดเซียวหมิงเซียน“เซียนเออร์อย่าก่อเรื่อง ที่นั่งถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว นั่งตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง และอย่าสร้างปัญหาให้เสด็จพ่อของเจ้า” เฉิงกุ้ยเฟย มารดาขององค์หญิงแปดพูดองค์หญิงแปดเบะปาก “ใครเป็นคนจัดที่นั่ง ถึงได้ให้ข้านั่งข้างผู้หญิงอย่างเซี่ยเชียนฮวัน ทำชื่อเสียงของข้าเสียหายกันพอดี”เซี่ยเชียนฮวัน “......”นางนึกขึ้นได้ว่า องค์หญิงแปดผู้นี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีกับซูอวี้เออร์ดังนั้น นางจึงถูกกีดกัน และโดนดูถูกเหยียดหยามในทุกๆ ด้าน“ที่องค์หญิงรู้สึกเหม็น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าหรอก แต่เป็นเพราะถุงหอมข้างเอวของท่านไม่ใช่สูตรที่เหมาะสม” เซี่ยเชียนฮวันปรายตามองที่ข้างเอวขององค์หญิงแปดแวบหนึ่ง ขณะกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“อะไรนะ?”องค์หญิงแปดก้มมองถุงหอมของตัวเองไม่รอให้นางพูด เซี่ยเชียนฮวันก็กล่าวต่อว่า “กวางชะมด วาเลอเรียน มธุรส โรสแมรี่...ล้วนเป็นที่สัตว์ตัวผู้ชื่นชอบ”แม้ว่าองค์หญิงต้องการใช้กลิ่นหอมเพื่อดึงดูดผู้ชาย แต่ไม่ควรใส่เครื่องเทศที่มีผลเหมือนกันเป็นจํานวนมากเช่นนี้ กลิ่นที่ฉุนเกินไปอาจ
“บังเอิญว่าหม่อมฉันมีสร้อยโมราสีทัออยู่เส้นหนึ่ง ด้วยอายุของหม่อมฉันในตอนนี้คงไม่เหมาะที่สวมใส่มัน มิสู้มอบให้พระชายาจ้านเป็นของรางวัลดีหรือไม่ ฝ่าบาททรงคิดเช่นไรเพคะ”ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย และเสนอความเห็นอย่างรวดเร็วฮองเต้พยักหน้า “ดีมาก แต่ฮองเฮากล่าวผิดไปคำหนึ่ง ในสายตาของข้าเจ้ายังคงอ่อนเยาว์ และเหมาะที่จะสวมเครื่องประดับสีชมพู”“ฝ่าบาททรงหยอกเล่นอีกแล้ว”ฮองเฮาหลุบตาต่ำลง ด้วยรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนเช่นนี้ จึงดูไม่เหมือนสตรีที่ให้กำเนิดบุตรมาแล้วหลายคน เฉิงกุ้ยเฟยซึ่งนั่งอยู่อีกด้าน ดวงตาหม่นหมองเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุขเซี่ยเชียนฮวันสังเกตท่าทางของพวกเขา พลางคิดในใจว่า...วังหลังคือทุ่งสังหารจริงๆ!เมื่อนึกถึงเรือนหลังของเซียวเย่หลัน ที่มีเพียงซูอวี้เออร์ ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความปวดหัวให้กับนาง จึงยากที่จะจินตนาการได้ว่า ในวังหลังนั้นจะต้องวุ่นวายมากเพียงใดหลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ในวังก็นำสร้อยโมราสีท้อของฮองเฮาเข้ามา แล้ววางไว้บนถาด“เข้ามารับรางวัลสิ” น้ำเสียงของฮองเต้ดูใจดี“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”เซี่ยเชียนฮวันยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ก้าวไปข้างหน้าแล้วรับรางวัล
“แม้ว่านี่จะเป็นโรคเก่าของเสด็จอา แต่พระชายาจ้านของพวกเราเป็นหมอเทวดาที่เชี่ยวชาญรักษาโรคแปลกๆ โดยเฉพาะ ขอเพียงแค่เจ้าลงมือ เสด็จอาจะต้องหายดีอย่างแน่นอน ใช่ไหม?”องค์หญิงแปดยังเจ็บแค้นกับเรื่องเมื่อครู่จึงจงใจสนับสนุนเซี่ยเชียนฮวันเสียงดังนางเคยได้ยินซูอวี้เออร์บอกว่า เซี่ยเชียนฮวันเป็นเพียงถุงฟางไม่เอาถ่าน แม้แต่หนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าก็ไม่เคยอ่าน แล้วจะมีทักษะทางการแพทย์ได้อย่างไร?ก่อนหน้านี้ที่บอกว่ารักษาหลานฮ่องเต้ได้นั้น ก็แค่เรื่องบังเอิญ!ประจวบเหมาะที่ครั้งนี้ โรคเก่าของเซวียนชินอ๋องกำเริบ แน่นอนว่าจะต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางได้!เซี่ยเชียนฮวันเพิกเฉยต่อองค์หญิงแปดนางลุกขึ้นยืนแม้ไม่มีการยั่วยุขององค์หญิงแปด แต่ในฐานะหมอ เมื่อเห็นคนป่วยอยู่ตรงหน้า นางย่อมเข้าไปช่วยอย่างแน่นอน“ข้าให้คำแนะนำเจ้าสักอย่าง ตอนที่รักษาเสด็จอาจะต้องระมัดระวังให้ดี ปกติร่างกายของเขาก็ไม่ดีอยู่แล้ว หากรักษาไม่ดี เจ้าจะต้องรับผิดชอบ” องค์หญิงแปดแสยะยิ้มอย่างเย็นชาเซี่ยเชียนฮวันยังคงไม่แยแสคุยกับสตรีประเภทนี้ มีแต่จะเสียเวลาแต่ในขณะที่นางกำลังจะออกจากที่นั่ง เซียวเย่
“นี่ไม่เกี่ยวกับอวี้เออร์”เซียวเย่หลันไม่สนใจองค์หญิงแปดอีกต่อไปสตรีงี่เง่าไร้เหตุผลในสายตาเขาล้วนก็พอๆ กันหลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันปลดเสื้อของเซวียนชินอ๋องออกท่ามกลางสายตาตกตะลึงของฝูงชน พบว่าเขาใกล้หยุดหายใจแล้ว นางทำการวินิจฉัยทันที มีความเป็นไปได้ที่เศษอาเจียนเพราะความตกใจของเขาเข้าไปติดในหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออก!“ขอแรงหน่อย ช่วยข้าพยุงเขาขึ้นมา”นางรีบสั่งคนที่อยู่รอบๆหลังจากที่พยุงเซวียนซินออกให้ลุกขึ้นแล้ว เซี่ยเชียนฮวันอ้อมไปข้างหลังเขา งอขาไปด้านหลัง ให้ร่างกายเขาเกยอยู่บนต้นขาของตัวเองท่วงท่านี้สร้างความแตกตื่นในท้องพระโรงอีกครั้งบรรดาอ๋อง องค์หญิงและราชวงศ์ทุกพระองค์อดไม่ได้ที่จะชี้หน้าตำหนิเซี่ยเชียนฮวัน“นางทำสิ่งใดกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะทำกิริยาไม่เหมาะสมเช่นนี้”“คงเป็นบ้าไปแล้ว...”เวลานี้ เซียวเย่หลันสีหน้าเริ่มหม่นแสงสตรีคนนี้ เมื่อครู่เพิ่งบอกว่าตัวเองมีขอบเขตนี่คือขอบเขตของนาง?หากไม่เห็นแก่ฐานะพระชายาจ้านอ๋องของนาง อาศัยแค่ความกล้าของนางทำกริยาเช่นนี้ต่อหน้าฮ่องเต้ ก็เพียงพอจะถูกตัดหัวสิบแปดครั้งแล้วองค์หญิงแปดที่อยู่ข้างกายเซียวเย่หลันสีหน้
“ท่าทางเมื่อครู่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อมีคนสำลักอาหารจนหายใจไม่ออก โดยปกติแล้วจะลูบหลังเบาๆ เหตุใดพระชายาจ้านอ๋องจึงได้ทำตรงกันข้ามด้วยการใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าท้อง?”พวกหมอหลวงมองหน้ากัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถาม เซี่ยเชียนฮวัน “การลูบหลังความจริงแล้วเป็นเรื่องผิด เมื่อครู่ข้าใช้วิธีหัตถการไฮม์ลิคช์ มีประสิทธิภาพมาก”หมอหลวง “ไฮม์...วิธีใด?”พวกเขามึนงงแล้วรู้สึกว่าโลกของพวกเขาได้รับความกระทบกระเทือนเซี่ยเชียนฮวันไม่มีวิธีอธิบายกับพวกเขาชัดเจน ทำได้เพียงพูดว่า “ชื่อเรียกว่าอะไรไม่สำคัญ พวกเจ้าจำท่าทางขั้นตอนของข้าเมื่อครู่เอาไว้ก็พอแล้ว ต่อไปจะได้สะดวกในการช่วยคน”พวกหมอหลวงพยักหน้าพวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นหมอหลวงประจำพระราชวังที่อ่านตำราแพทย์ ดำเนินอาชีพหมอมาหลายปี แต่เวลานี้อยู่ต่อหน้าเซี่ยเชียนฮวัน กลับกลายเป็นเด็กนักเรียนประถมเซียวเย่หลันเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใช้ระดับเสียงที่มีแค่คนด้านข้างเท่านั้นที่ได้ยิน พูดเรียบๆ “เห็นหรือไม่? นางไม่ได้บ้า คนที่บ้าก็คือคนโง่เขลาที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นอย่างพวกเจ้า”องค์หญิงแปดที่นั่งอยู่ด้านข้างเมื่อได้ฟังก็โกรธจนเข็
“องค์หญิงไม่สู้เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ เจ้าพกถุงหอมไว้นานเช่นนั้น กลิ่นหอมติดตัวนานแล้ว อย่าว่าแต่สุนัขตัวผู้เลย แม้แต่นกตัวผู้ที่บินบนฟ้ายังอดไม่ได้ที่จะอุจจาระรดใส่เจ้า”เซี่ยเชียนฮวันหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ เพียงพูดสองสามคำก็ทำให้องค์หญิงโกรธจนหน้าเขียว!ดูเหมือนว่าช่วงนี้นางคงตกใจจนไม่กล้าออกจากบ้านแล้วงานเลี้ยงดำเนินต่อไปหลังจากช่วยชีวิตเซวียนชินอ๋องไว้ เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนใช้สายตามองนางมาเป็นครั้งคราว บ้างรู้สึกสนใจ มองสำรวจ บ้างกลับเป็นความสงสัยและหวัดหวั่นอาหารมื้อนี้ เมฆดำลอยคละคลุ้งหลังจากที่นางได้ตัดสินใจแล้ว ตำแหน่งนางในราชวงศ์นาง ดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป......หลังจบงานเลี้ยงหลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับไปก่อน ทุกคนทยอยแยกย้ายกลับบ้านตนกระทั่งคนส่วนมากจากไปแล้ว ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่มีรู้สึกถูกจับจ้องอีกต้องไป นางผ่อนคลายลงได้แล้วและค่อยๆ ดื่มน้ำแกงรังนกที่เหลือจนหมดอย่างเงียบๆไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เซียวเย่หลันที่ทำสิ่งใดไม่สนใจผู้อื่นมาตลอดกลับไม่ได้จากไป ทว่ากลับนั่งอยู่ข้างเซี่ยเชียนฮวันเงียบๆราวกับรอนางกินเสร็จโดยเฉพา
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา