“ท่าทางเมื่อครู่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อมีคนสำลักอาหารจนหายใจไม่ออก โดยปกติแล้วจะลูบหลังเบาๆ เหตุใดพระชายาจ้านอ๋องจึงได้ทำตรงกันข้ามด้วยการใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าท้อง?”พวกหมอหลวงมองหน้ากัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถาม เซี่ยเชียนฮวัน “การลูบหลังความจริงแล้วเป็นเรื่องผิด เมื่อครู่ข้าใช้วิธีหัตถการไฮม์ลิคช์ มีประสิทธิภาพมาก”หมอหลวง “ไฮม์...วิธีใด?”พวกเขามึนงงแล้วรู้สึกว่าโลกของพวกเขาได้รับความกระทบกระเทือนเซี่ยเชียนฮวันไม่มีวิธีอธิบายกับพวกเขาชัดเจน ทำได้เพียงพูดว่า “ชื่อเรียกว่าอะไรไม่สำคัญ พวกเจ้าจำท่าทางขั้นตอนของข้าเมื่อครู่เอาไว้ก็พอแล้ว ต่อไปจะได้สะดวกในการช่วยคน”พวกหมอหลวงพยักหน้าพวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นหมอหลวงประจำพระราชวังที่อ่านตำราแพทย์ ดำเนินอาชีพหมอมาหลายปี แต่เวลานี้อยู่ต่อหน้าเซี่ยเชียนฮวัน กลับกลายเป็นเด็กนักเรียนประถมเซียวเย่หลันเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใช้ระดับเสียงที่มีแค่คนด้านข้างเท่านั้นที่ได้ยิน พูดเรียบๆ “เห็นหรือไม่? นางไม่ได้บ้า คนที่บ้าก็คือคนโง่เขลาที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นอย่างพวกเจ้า”องค์หญิงแปดที่นั่งอยู่ด้านข้างเมื่อได้ฟังก็โกรธจนเข็
“องค์หญิงไม่สู้เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ เจ้าพกถุงหอมไว้นานเช่นนั้น กลิ่นหอมติดตัวนานแล้ว อย่าว่าแต่สุนัขตัวผู้เลย แม้แต่นกตัวผู้ที่บินบนฟ้ายังอดไม่ได้ที่จะอุจจาระรดใส่เจ้า”เซี่ยเชียนฮวันหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ เพียงพูดสองสามคำก็ทำให้องค์หญิงโกรธจนหน้าเขียว!ดูเหมือนว่าช่วงนี้นางคงตกใจจนไม่กล้าออกจากบ้านแล้วงานเลี้ยงดำเนินต่อไปหลังจากช่วยชีวิตเซวียนชินอ๋องไว้ เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนใช้สายตามองนางมาเป็นครั้งคราว บ้างรู้สึกสนใจ มองสำรวจ บ้างกลับเป็นความสงสัยและหวัดหวั่นอาหารมื้อนี้ เมฆดำลอยคละคลุ้งหลังจากที่นางได้ตัดสินใจแล้ว ตำแหน่งนางในราชวงศ์นาง ดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป......หลังจบงานเลี้ยงหลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับไปก่อน ทุกคนทยอยแยกย้ายกลับบ้านตนกระทั่งคนส่วนมากจากไปแล้ว ในที่สุดเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่มีรู้สึกถูกจับจ้องอีกต้องไป นางผ่อนคลายลงได้แล้วและค่อยๆ ดื่มน้ำแกงรังนกที่เหลือจนหมดอย่างเงียบๆไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เซียวเย่หลันที่ทำสิ่งใดไม่สนใจผู้อื่นมาตลอดกลับไม่ได้จากไป ทว่ากลับนั่งอยู่ข้างเซี่ยเชียนฮวันเงียบๆราวกับรอนางกินเสร็จโดยเฉพา
“เสด็จลุงเกิดจากเฉินไท่กุ้ยเฟย ตอนเด็กฉลาดมาก เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้องค์ก่อน”เซียวเย่หลันค่อยๆ เล่าในท้องพระโรงว่างเปล่า เหลือเพียงเขาและเซี่ยเชียนฮวันสองคนเท่านั้น แต่เขายังเจตนากระซิบ เดิมเส้นเสียงค่อนข้างทุ่มต่ำนั้นฟังชัดยิ่งน่าหลงใหล“กระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ตำหนักที่เสด็จอาประทับอยู่ก็มีงูพิษโผล่มาตัวหนึ่ง มันกัดคนในตำหนักมากมาย รวมถึงเสด็จอาด้วย แม้จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ ทว่าพิษงูแล่นเข้าสมองแล้ว ตั้งแต่นั้นมาอาการชักก็กำเริบมาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ไม่ฉลาดหลักแหลมอีกต่อไป”น้ำเสียงเซียวเย่หลันราบเรียบ ราวกับกำลังกระซิบเรื่องปกติทั่วไปกับพระชายาอ๋องนั่นก็เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของนางกำนัลและขันทีเหล่านั้นเซี่ยเชียนฮวันได้ฟังเรื่องราวกลับรู้สึกหนาวสันหลัง นางพูดกระซิบเช่นเดียวกันอย่างไม่รู้ตัว “งูพิษตัวนั้น มีคนตั้งใจปล่อยเข้าไป?”เซียวเย่หลันมองตานาง “เจ้าทายถูกแล้ว งูชนิดนั้นไม่มีอยู่ในเมืองหลวง มีคนพกงูนั่นมากจากแคว้นทางใต้เข้าสู่เมืองหลวง ค่อยไปปล่อยไว้ในตำหนักของเสด็จอา ฮ่องเต้ององค์ก่อนรู้ว่ามีคนจงใจลอบวางแผนทำร้าย ทว่ากลับไปมีการสืบสวน เจ้าทายสิว่าเพราะเหตุใด”
“ไทเฮาเชิญพระชายาอ๋องไปพบที่ตำหนักหย่งโซ่ว”ขันทีก้มโค้งคำนับให้กับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ก็เป็นคนของเสด็จป้าเกือบนึกว่าฮ่องเต้เฒ่าย้อนกลับมา พบว่านางแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ คิดจะหาเรื่องนาง“ข้าไปเดี๋ยวนี้” เซี่ยเชียนฮวันหันหน้ามา จงใจขยิบตาใส่เซียวเย่หลัย “ท่านพี่กลับบ้านไปก่อน รอข้านะ”“ไม่มีใครคิดจะรอเจ้า”เซี่ยเชียนฮวันทำให้เซียวเย่หลันรู้สึกรังเกียจได้สำเร็จแล้วเขาเดินออกจากท้องพระโรงโดยไม่หันหน้ากลับมา ยิ่งเดินยิ่งเร็วขึ้น ราวกับสตรีที่อยู่ด้านหลังเป็นเชื้อโรคระบาดเซี่ยเชียนฮวันเดินตามขันทีไปยังตำหนักหย่งโซ่วเพิ่งก้าวข้ามธรณีประตู นางได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ราวกับอยู่ท่ามกลางทะเลดอกไม้ ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกๆไทเฮาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรุงเครื่องหอมแตกต่างจากผู้สูงอายุคนอื่นที่ชอบจุดธูปไหว้พระ งานอดิเรกของไทเฮาส่วนมากเป็นการปรุงเครื่องหอม ดังนั้นในตำหนักหย่งโซ่วมักจะอบอวนไปด้วยกลิ่นหอม ดึงดูดผีเสื้อมากกว่าตำหนักของนางสนมอื่นๆท่ามกลางกระถางสำริดหยกแต่ละใบ มีหญิงชราผมสีเงินใบหน้ามีเมตตาคนหนึ่งยืนอยู่
“ฮวันฮวัน มีเพียงรอให้หลังจากที่เจ้าเดินเข้าไปอยู่ในใจของบุรุษแล้ว เจ้าถึงจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แท้จริงของเขา เหมือนเช่นกับถุงหอม ‘กลิ่นอาวุธสงคราม’ เจ้าต้องดมเป็นรอบที่สอง ถึงจะสัมผัสได้ถึงความหอมสดชื่นที่ซ่อนอยู่ในกลิ่นคาวเลือด”ไทเฮายกพระหัตถ์ขึ้น แตะเบาๆ ไปที่จอนผมของเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันเข้าใจความหมายของไทเฮาแล้วครั้งนี้ที่เรียกนางไปที่วังหย่งโซ่ว ก็เพื่อจะเกลี้ยกล่อมให้คืนดีกันนางผงกศีรษะ “เซียวเย่หลันเป็นกรณีพิเศษ บนตัวเขาไม่มีความอบอุ่นอย่างแน่นอน เขาเป็นคนบ้ากระหายเลือดคนหนึ่งชัดๆ”ใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายๆ มาพูด ก็คือลักษณะนิสัยบกพร่อง เกิดมาก็มีนิสัยต่อต้านสังคมใครได้อยู่กับเขาคนผู้นั้นก็เป็นคนซวยมากไทเฮาหัวเราะ ตรัสว่า “เจ้ายังเด็กอยู่นัก ไม่รู้ว่าบุรุษยิ่งดูดุร้ายเพียงใด ยามที่เขาอ่อนโยนขึ้นมาราวกับจะคร่าชีวิตคนไปได้”“ใช่เพคะ ไทเฮาตรัสได้ถูกต้องยิ่งนัก เขาแทบจะคร่าชีวิตไปจริงๆ คร่าชีวิตหม่อมฉันไป ความหมายแปลตรงตามตัวอักษรเลยเพคะ”เซี่ยเชียนฮวันโกรธแล้ววันเวลาในจวนจ้านอ๋องช่วงที่ผ่านมา หากไม่ใช่เพราะนางดวงแข็ง กลัวว่านางอาจตายไปหลายหนแล้วก็ได้“เจ
หลังจากที่ออกจากวังหย่งโซ่วแล้วเซี่ยเชียนฮวันนั่งอยู่บนเกี้ยว ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆเจ้าของร่างเดิมดื้อด้านด่ากราดไปทั่ว ใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อจะได้เข้าใกล้เซียวเย่หลัน ถึงขั้นไม่สนใจว่าจะทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นี่เป็นเพียงเพราะนางหลงรักเซียวเย่หลันเท่านั้นหรือเมื่อคิดดูแล้ว คงไม่ใช่เพราะแค่เหตุนั้นอันติ้งโหวเคยถูกเรียกตัวให้เข้าวังอย่างลับๆ อยู่หลายครา ทุกครั้งที่กลับจวนก็หน้ามุ่นคิ้วขมวด ดึกดื่นแค่ไหนก็นอนไม่หลับ และทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเจ้าของร่างเดิมเซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าหลับตา จับจ้องไปที่ฝ่ามือของตน พร่ำเบาๆ “เจ้าเป็นลูกสาวที่กตัญญูผู้หนึ่ง เสียดายก็แต่จวนของเจ้ามีภูมิหลังในเมืองหลวงไม่ลึกพอ เพิ่งแต่งเข้าจวนจ้านอ๋องก็ถูกปองร้ายเสียชีวิต ยังไม่ทันได้ปกป้องคนในบ้าน ก็ต้องเอาชีวิตตัวเองไปแลกก่อนเสียแล้ว” ปีนั้นที่ถูกรับเลี้ยง อาจารย์ก็เคยตั้งชื่อให้นางว่าเชียนฮวัน บางทีนี่อาจเป็นวาสนาในความมืดที่กำหนดไว้ให้นางมาทำตามเป้าหมายของเจ้าของร่างเดิมที่ต้องการปกป้องจวนอันติ้งโหวให้อยู่รอดปลอดภัยก็ได้ เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้นางก็ต้องผูกติดกับเซ
“ยินดีด้วย เจ้าตอบถูกแล้ว”ชายสวมหน้ากากหรี่ตา หางตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกคุ้นเคยนางเคยพบเขาไม่ผิดแน่ ในงานเลี้ยงจักรพรรดิวันนี้ มีบางคนมองนางด้วยสายตาเช่นนี้!ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงทุกคนล้วนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายองค์หญิง หรือแม้แต่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นชินอ๋องสูงสุด นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีสมาชิกในครอบครัว และองค์รักษ์ติดตามอย่างใกล้ชิดมีคนจำนวนมากเกินไป แต่ละโต๊ะจะมีระยะห่างที่แน่นอน ภายในวังยังมีข้ารับใช้คอยบรรเลงเพลงและร่ายรำอีก เซี่ยเชียนฮวันจําไม่ได้จริงๆ สายตาที่คุ้นเคยนี้มาจากใครกันแน่?คงต้องลองเสี่ยงดวงดู นางตอบเสียงเย็นชา “สถานะของท่านไม่ได้ต่ำต้อยเลย บุกเข้ามาหาภรรยาของคนอื่นในจวนจ้านอ๋องตอนกลางดึกได้ โดยไม่เกรงจะโดนตัดหัวหลังถูกพบ!”“โอ้? แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสถานะของข้าไม่ได้ต่ำต้อย?” ชายสวมหน้ากากแสดงท่าทีสนใจ“ท่านเห็นข้าดูเหมือนคนที่จะบอกท่านหรือ”“ฮ่าฮ่า”ชายสวมหน้ากากพบว่า เขาเริ่มสนใจเซี่ยเชียนฮวันมากขึ้นเรื่อย ๆช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ แต่เซียวเย่หลันกลับเพิกเฉยนาง แล้วหันไปประคองรองเท้าพังๆ อย่างซูอวี้
ดวงตาสีเข้มฉายแววยิ้มแย้มอีกครั้ง“เจ้าเป็นคนฉลาด และคนฉลาดย่อมรู้วิธีที่จะทิ้งเส้นทางหลบหนีให้กับตัวเองมากขึ้น”“อีกอย่าง อย่าเสียเวลาคาดเดาตัวตนของข้า เพราะข้ามิใช่คนโง่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากแน่น และไม่กล่าวสิ่งใดอีกนางกำลังลังเลนางควรใช้โอกาสนี้ ฝังเข็มตามจุดฝังเข็มบนร่างกายของเขาดีไหมพอผ่านไปสักสองสามวัน หากพบว่าใครมีท่าเดินแปลกๆ บางทีนางอาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้แต่การทำเช่นนี้มีความเสี่ยงแม้การโจมตีอาจไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บใดใด และนางสามารถแสร้งทำเป็นว่าตัวเองตกใจจึงพลั้งมือโจมตีออกไป แต่ถ้าหากเขาเดาจุดประสงค์ได้ล่ะ เกรงว่าเขาคงฆ่าคนปิดปากถึงแม้ชายคนนี้จะยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ส่วนลึกในดวงตาของเขากลับเย็นชาถ้าต้องฆ่าปิดปากนาง เขาทำแน่ในขณะที่เซี่ยเชียนฮวันลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ชายสวมหน้ากากก็เข้ามาใกล้ เขาใช้มือซ้ายลูบผมของนางแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ากำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่หรือไม่?”“....ไม่”“อย่าโกหก ข้าได้กลิ่นคำโกหก”ชายผู้นี้เป็นพวกชอบความตื่นเต้นอย่างแน่นอนหลังสังเกตเห็นความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเซี่ยเชียนฮวัน ดวงตาของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ราวกับจะกลื
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา