หลังจากที่ออกจากวังหย่งโซ่วแล้วเซี่ยเชียนฮวันนั่งอยู่บนเกี้ยว ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆเจ้าของร่างเดิมดื้อด้านด่ากราดไปทั่ว ใช้แรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อจะได้เข้าใกล้เซียวเย่หลัน ถึงขั้นไม่สนใจว่าจะทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นี่เป็นเพียงเพราะนางหลงรักเซียวเย่หลันเท่านั้นหรือเมื่อคิดดูแล้ว คงไม่ใช่เพราะแค่เหตุนั้นอันติ้งโหวเคยถูกเรียกตัวให้เข้าวังอย่างลับๆ อยู่หลายครา ทุกครั้งที่กลับจวนก็หน้ามุ่นคิ้วขมวด ดึกดื่นแค่ไหนก็นอนไม่หลับ และทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเจ้าของร่างเดิมเซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าหลับตา จับจ้องไปที่ฝ่ามือของตน พร่ำเบาๆ “เจ้าเป็นลูกสาวที่กตัญญูผู้หนึ่ง เสียดายก็แต่จวนของเจ้ามีภูมิหลังในเมืองหลวงไม่ลึกพอ เพิ่งแต่งเข้าจวนจ้านอ๋องก็ถูกปองร้ายเสียชีวิต ยังไม่ทันได้ปกป้องคนในบ้าน ก็ต้องเอาชีวิตตัวเองไปแลกก่อนเสียแล้ว” ปีนั้นที่ถูกรับเลี้ยง อาจารย์ก็เคยตั้งชื่อให้นางว่าเชียนฮวัน บางทีนี่อาจเป็นวาสนาในความมืดที่กำหนดไว้ให้นางมาทำตามเป้าหมายของเจ้าของร่างเดิมที่ต้องการปกป้องจวนอันติ้งโหวให้อยู่รอดปลอดภัยก็ได้ เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้นางก็ต้องผูกติดกับเซ
“ยินดีด้วย เจ้าตอบถูกแล้ว”ชายสวมหน้ากากหรี่ตา หางตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกคุ้นเคยนางเคยพบเขาไม่ผิดแน่ ในงานเลี้ยงจักรพรรดิวันนี้ มีบางคนมองนางด้วยสายตาเช่นนี้!ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงทุกคนล้วนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายองค์หญิง หรือแม้แต่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นชินอ๋องสูงสุด นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีสมาชิกในครอบครัว และองค์รักษ์ติดตามอย่างใกล้ชิดมีคนจำนวนมากเกินไป แต่ละโต๊ะจะมีระยะห่างที่แน่นอน ภายในวังยังมีข้ารับใช้คอยบรรเลงเพลงและร่ายรำอีก เซี่ยเชียนฮวันจําไม่ได้จริงๆ สายตาที่คุ้นเคยนี้มาจากใครกันแน่?คงต้องลองเสี่ยงดวงดู นางตอบเสียงเย็นชา “สถานะของท่านไม่ได้ต่ำต้อยเลย บุกเข้ามาหาภรรยาของคนอื่นในจวนจ้านอ๋องตอนกลางดึกได้ โดยไม่เกรงจะโดนตัดหัวหลังถูกพบ!”“โอ้? แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสถานะของข้าไม่ได้ต่ำต้อย?” ชายสวมหน้ากากแสดงท่าทีสนใจ“ท่านเห็นข้าดูเหมือนคนที่จะบอกท่านหรือ”“ฮ่าฮ่า”ชายสวมหน้ากากพบว่า เขาเริ่มสนใจเซี่ยเชียนฮวันมากขึ้นเรื่อย ๆช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ แต่เซียวเย่หลันกลับเพิกเฉยนาง แล้วหันไปประคองรองเท้าพังๆ อย่างซูอวี้
ดวงตาสีเข้มฉายแววยิ้มแย้มอีกครั้ง“เจ้าเป็นคนฉลาด และคนฉลาดย่อมรู้วิธีที่จะทิ้งเส้นทางหลบหนีให้กับตัวเองมากขึ้น”“อีกอย่าง อย่าเสียเวลาคาดเดาตัวตนของข้า เพราะข้ามิใช่คนโง่”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปากแน่น และไม่กล่าวสิ่งใดอีกนางกำลังลังเลนางควรใช้โอกาสนี้ ฝังเข็มตามจุดฝังเข็มบนร่างกายของเขาดีไหมพอผ่านไปสักสองสามวัน หากพบว่าใครมีท่าเดินแปลกๆ บางทีนางอาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้แต่การทำเช่นนี้มีความเสี่ยงแม้การโจมตีอาจไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บใดใด และนางสามารถแสร้งทำเป็นว่าตัวเองตกใจจึงพลั้งมือโจมตีออกไป แต่ถ้าหากเขาเดาจุดประสงค์ได้ล่ะ เกรงว่าเขาคงฆ่าคนปิดปากถึงแม้ชายคนนี้จะยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ส่วนลึกในดวงตาของเขากลับเย็นชาถ้าต้องฆ่าปิดปากนาง เขาทำแน่ในขณะที่เซี่ยเชียนฮวันลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ชายสวมหน้ากากก็เข้ามาใกล้ เขาใช้มือซ้ายลูบผมของนางแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ากำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่หรือไม่?”“....ไม่”“อย่าโกหก ข้าได้กลิ่นคำโกหก”ชายผู้นี้เป็นพวกชอบความตื่นเต้นอย่างแน่นอนหลังสังเกตเห็นความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเซี่ยเชียนฮวัน ดวงตาของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ราวกับจะกลื
“อย่าขยับ”ชายสวมหน้ากากจับตัวเซี่ยเชียนฮวัน และค่อยๆ เดินถอยหลังเมื่อเซียวเย่หลันเปิดประตูเข้ามา เทียนในห้องทั้งหมดก็ดับลง ทั่วทั้งห้องพลันมืดสนิท มีเพียงเสียงหายใจเบาเบาของเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้น“ออกมา” เซียวเย่หลันกล่าวเสียงเย็นชาชายสวมหน้ากากไม่พูดอะไรเขาพาเซี่ยเชียนฮวันถอยไปทางหน้าต่างเซี่ยเชียนฮวันเดาว่า เขาคงกลัวว่าอีกฝ่ายจะจำเสียงของเขาได้ความสัมพันธ์ของเซียวเย่หลันและชายผู้นี้ แม้ไม่สนิทสนมกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักกันเลย“ไม่กล้าออกมางั้นหรือ? ข้าแค่อยากเห็นว่า คนไม่มีตาผู้นั้นเป็นใคร” เซียวเย่หลันแสยะยิ้มเย็นชาฮึ่ม เจ้าคนสารเลวเซี่ยเชียนฮวันรู้ว่า เซียวเย่หลันเข้าใจผิด คิดว่านักฆ่าผู้นี้คือคนรักของนางที่มาหานางอย่างลับๆ ตอนกลางดึกแต่ที่นางคาดไม่ถึงก็คือ คำพูดของเซียวเย่หลันกลับทำให้ชายสวมหน้ากากเปิดปากพูดขึ้นมา“จ้านอ๋อง ผู้ที่ตาไร้แววคือท่านมากกว่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ข้านึกว่าท่านกับพระชายาคนงามจะมีช่วงเวลาดีดีด้วยกันที่นี่ แต่นึกไม่ถึงว่าท่านจะปล่อยให้นางอยู่คนเดียวในห้อง ช่างเสียเวลาข้าเสียจริง”มันกลายเป็นเสียงแหบแห้งของชายวัยกลางคนนี่ค
“อ๊ะ!”ตอนที่เซี่ยเชียนฮวันชนเขาเข้าอย่างจัง ก็อดไม่ได้ถอนหายใจออกมานางลูบหัวตัวเอง แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก “ยังไม่ตาย!”ทักษะศิลปะการต่อสู้ของชายสวมหน้ากากนั้นสูงมาก หากนางได้รับฝ่ามือทะลวงใจอะไรสักอย่าง ตอนนี้หัวใจของนางคงแหลกเหลวไปแล้วและจากการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ นางคิดว่าตัวเองอาจจะชนเข้ากับมุมขอบโต๊ะที่แหลมคมโชคดีที่เลี่ยงมาได้“หากเจ้ายังไม่ลุก ข้าอาจจะตายได้”เสียงแข็งทื่อของบุรุษดังมาจากใต้ร่างของเซี่ยเชียนฮวันนางพบว่าตัวเองนั้นกำลังนั่งอยู่บนแผ่นอกของเซียวเย่หลัน ใช้เขาเป็นเบาะมนุษย์“โอ๊ะ ขออภัย” เซี่ยเชียนฮวันรีบลุกขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวเย่หลันเอื้อมมือมาจับนาง กะโหลกเล็ก ๆ ของนางอาจถูกเจาะเป็นรูไปแล้วชายผู้นี้ยังมีข้อดีอยู่บ้างนางขยับตัวไปด้านข้างและเตรียมจะช่วยประคองเซียวเย่หลันขึ้นมา แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่ยื่นมือออกไปสัมผัส จะได้กลิ่นเลือดฉุนจมูก!“ท่านบาดเจ็บ?”ลมหายใจของเซี่ยเชียนฮวันพลันสะดุด นางรีบยื่นมือไปแตะที่หน้าท้องของเขากล้ามเนื้อแข็งแรงมากจากนั้นก็...เลือดเซียวเย่หลันหลับตา ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย เสียงที่เปล่งออกมายิ่งอ่อนแรงล
“สัญญาแล้วนะ ท่านจะช่วยข้าตีเขาคืน” เซี่ยเชียนฮวันใช้แขนเสื้อเช็ดหางตาตัวเอง“อืม”เสียงของเซียวเย่หลันเบามาก บางที แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตระหนักว่า การตอบสนองนี้อ่อนโยนต่อผู้อื่นเพียงใดเงาเทียนสั่นไหวเซี่ยเชียนฮวันอาศัยแสงไฟสลัวๆ เริ่มรักษาบาดแผลของเซียวเย่หลันมีมีดอาบยาพิษทั้งหมดสี่เล่ม สามในสี่เจาะเข้าเนื้อไม่ลึก ส่วนเล่มสุดท้ายเจาะเข้าไปในแนวทแยงมุม เกือบทั้งหมดปักเข้าหน้าท้องของเซียวเย่หลันนางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อาวุธลับเหล่านี้มีหนาม สามในสี่สามารถดึงออกมาตรงๆ ได้ แต่จะเจ็บมาก ท่านสามารถทนได้หรือไม่”“ได้”เซียวเย่หลันตอบอย่างไม่ลังเลเซี่ยเชียนฮวันเม้มปาก ใช้มือกดเบาๆ แล้วดึงมีดอาบยาพิษทั้งสามออกมาทีละเล่ม!เลือดกระเซ็นไปบนพื้นอาวุธลับติดตะขอนั้นโหดร้ายที่สุด ถ้าถูกมันปักเข้าร่าง มันจะเกี่ยวเข้ากับเนื้อ บริเวณแผลจะหมุนและขยายออก เมื่อดึงออก เลือดและเนื้อจะหลุดติดมาด้วย ทำให้เกิดบาดแผลใหม่ที่รุนแรงยิ่งขึ้นยุคนี้ไม่มียาชา ทำได้เพียงใช้แรงดึงออกถ้าหากความอดทนของผู้บาดเจ็บไม่เพียงพอ พวกเขาอาจเจ็บปวดจนเกิดอาการช็อคขณะดึงอาวุธ และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความเหนื
“เจ้ามีแผลเก่าที่ตรงนี้ได้อย่างไร?!”เซี่ยเชียนฮวันพบมันหลังจากใช้มีผ่าเสร็จนางนี่มันแย่มากนางไม่กล้าขยับมีดลึกลงไปอีก สุดท้ายก็กัดฟันแน่น เอื้อมมือเข้าไปหยิบมีดอาบยาพิษอันตรายออกมา จากนั้นก็เริ่มให้การรักษาแบบฉุกเฉินด้วยปลายนิ้วที่สั่นเทา!เลือดไหลมากขึ้นเรื่อยๆมีแนวโน้มเลือดเป็นจำนวนมากนี่คือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดหลังการผ่าตัด“ทําไมท่านไม่บอกข้าเกี่ยวกับบาดแผลตรงนี้ นี่มันสำคัญมากรู้หรือไม่?! ไม่มียาชา ไม่มีผู้ช่วย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับสภาพแวดล้อมในการผ่าตัดที่แย่ขนาดนี้ เดิมทีก็ไม่มั่นใจอยู่แล้ว แต่ท่าน ท่านก็ไม่รู้จักให้ความร่วมมือ!”แม้เซี่ยเชียนฮวันจะสติแตก แต่ไม่ส่งผลต่อการทำงานแต่อย่างใดนางเย็บแผลห้ามเลือดไปพลาง ขณะพูดไปด่าไปพลางเลือดสีแดงอุ่นร้อนไหลเจิ่งนองบนพื้น มันเปื้อนมือนางทั้งสองข้าง และย้อมชายกระโปรงของนาง กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกนั่น ทําให้นางอดไม่ได้ที่จะเกิดกรดไหลย้อนในกระเพาะอาหารขึ้นมา แต่เวลานี้นางทำได้เพียงระงับความรู้สึกอยากจะอาเจียนเท่านั้นนอกจากเหงื่อแล้ว ละอองน้ำในดวงตาก็ทำให้วิสัยทัศน์ของนางค่อยๆ พร่ามัว นางแทบจะพึ่งพาประสบการณ์แ
เซียวเย่หลันจ้องนางเขม็งแม้ใบหน้านางจะไร้เดียงสา แต่เขารู้ว่านางไม่ได้พูดความจริงเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อยนางเบิกตาโตและเปลี่ยนเรื่อง “จริงสิ เหตุใดท่านถึงอยู่ใกล้ข้าเช่นนี้ล่ะ? หรือคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ข้ากำลังเหนื่อยเอาเปรียบข้า?”“ลุกขึ้นมาดูว่าใครเอาเปรียบใคร” เซียวเย่หลันเลิกสนใจนางเซี่ยเชียนฮวันก็ตอบสนองทันทีหัวเล็กๆ ของนางซบที่ไหล่ของเซียวเย่หลัน มือขวากอดแขนของเขาแน่น อาจจะใช้เป็นหมอนหลังจากที่นางหลับไปขาทั้งสองข้างกางเป็นเลขแปดพาดไปที่ขาของเขา ท่าทางดูไม่เหมาะสมเป็นอย่างมากดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันฉายแววรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “ท่านอนจะดูดีหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะควบคุมได้ ใครบอกให้ท่านเป็นลมข้างๆ ข้าล่ะ ขนาดตบไปหลายทีก็ไม่ตื่น”“เจ้าตบข้า?”“ใช่ หรืออาจจะไม่ ข้าลืมไปแล้ว”“ลุกไป”“ได้ๆ”เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอันที่จริงแล้วการได้พิงร่างของชายผู้นี้ค่อนข้างสบายมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อของเขาค่อนข้างแข็งแรง จึงทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกปกป้องความรู้สึกปลอดภัยนี้ทําให้นางนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน และยังได้ฝันดีที่ห่างหายไปนานอีก