ดวงตาของซูอินเกิดเปลวไฟแห่งความคาดหวังขึ้นมาเธอต้องสืบหาเหตุผลมาให้ได้ ว่าทำไมคุณท่านเย่ถึงเลือกซูหราน ถ้าเกิดทำได้ ขอแค่ทำให้ซูหราน “คุณหนูตระกูลเย่” คนนี้ฝันแตกสลายกลายเป็นผุยผงได้ ไม่ว่าจะต้องเสียเท่าไหร่ เธอก็ยอมจ่ายได้ทั้งนั้นแต่ว่า เธอควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ?ทันใดนั้น ซูอินก็นึกถึงผู้หญิงที่เธอเห็นตรงห้องโถงหลักของวิลล่าตระกูลเย่ในวันนี้เธอจำได้ว่า ในตอนที่คุณท่านเย่ประกาศว่าซูหรานเป็นหลานสาวคนใหม่ของเขา หญิงสาวคนนั้นก็ดูไม่เชื่อเช่นกันคุณท่านเย่เรียกเธอว่าซือเหยียน......ทันใดนั้นดวงตาของซูอินก็สว่างขึ้น และเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วค้นหารายชื่อ “เย่ซือเหยียน” ในทันทีเย่ซือเหยียน......คุณหนูใหญ่ตระกูลเย่......ที่แท้ เธอก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลเย่!คุณหนูใหญ่เย่ไม่ชอบซูหราน บางที เธออาจเริ่มต้นจากคุณหนูใหญ่เย่ก่อนก็ได้พอคิดแบบนี้แล้ว ซูอินก็เริ่มรู่สึกตื่นเต้นขึ้นมา และแอบสาบานว่า “แม่คะ หนูรู้แล้วค่ะ ว่าควรทำยังไงต่อ แม่วางใจเถอะค่ะ ตระกูลลู่คิดจะใช้หนูเพื่อซื้อใจซูหราน หนูจะต้องทำให้ตระกูลลู่ต้องเสียใจเข้าในสักวัน”......วันรุ่งขึ้น ซูหรานก็ไปทำงา
ซูหรานรู้สึกสับสน พร้อมกับเกิดความรู้สึกที่ว่าโลกนี้มันช่างน่าขันเสียจริงเมื่อก่อนต่อให้เธอจะหมั้นหมายกับลู่ซิวหนิง คุณหญิงย่าลู่ก็คงแค่เรียกเธอว่า “ซูหราน” เท่านั้น พร้อมกับท่าทีการวางตัวที่ดูเย่อหยิ่งความรู้สึกอบอุ่นและสนิทสนมอย่างวันนี้ กลับไม่เคยเห็นจากตัวของเธอมาก่อน“คุณหญิงย่าลู่คะ ฉันยังมีธุระค่ะ ขอตัวนะคะ” ซูหรานปัดมือของคุณหญิงย่าเบา ๆคุณหญิงย่าลู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้ว ราวกับว่าเธอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยซูหรานที่เห็นแบบนั้น ก็มองตามสายตาของคุณหญิงย่าลู่ทันที และได้พบกับลู่ซิวหนิงที่กำลังจับมือซูอินเดินเข้ามาพร้อมกันเข้าพอดี ดูเหมือนว่าก่อนหน้าที่พวกเธอจะมองไปยังทั้งสองคน ลู่ซิวหนิงก็ได้พูดคำหวานหรืออะไรสักอย่างที่ข้างหูของซูอิน จนทำให้ซูอินต้องรู้สึกเขินอาย“แค่ก ๆ ......”เสียงไอของคุณหญิงย่าลู่ก็ดังขึ้น ในที่สุดก็ดึงความสนใจของลู่ซิวหนิงและซูอินได้ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมอง และได้พบเข้ากับซูหรานและคุณหญิงย่าลู่ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบปล่อยมือทันทีลู่ซิวหนิงถึงขั้นผลักซูอินออกไปเลยด้วยซ้ำ เดิมทีร่างกายซูอินก็
ซูหรานจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม และลู่ซิวหนิงเองก็เห็นคำว่า “สามี” ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอได้อย่างชัดเจนจากนั้นก็ได้ยินเสียงซูหรานรับสายตามมา.......“ที่รักคะ......” น้ำเสียงที่ซูหรานเรียกนั้นทั้งหวานทั้งเลี่ยนราวกับเธอต้องการจะบอกกับลู่ซิวหนิงและคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ว่าตอนนี้เธอได้แต่งงานมีชีวิตที่ดีไปแล้ว ให้พวกเขาเลิกมายุ่งวุ่นวายกับเธอสักทีลู่ซิวหนิงขมวดคิ้ว และมองไปทางคุณหญิงย่าลู่เพื่อขอความช่วยเหลือคุณหญิงย่าลู่เองก็มีใบหน้าที่ดูบูดบึ้ง ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปทางซูอินด้วยความรังเกียจ ราวกับเอาความขุ่นเคืองทั้งหมดไปลงกับซูอินรอจนซูหรานเดินจากไปไกลแล้ว คุณหญิงย่าลู่ถึงได้เริ่มชี้นิ้วด่าด้วยท่าทีที่ดูเย็นชา “ในตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงบางคน ป่านนี้ลู่ซิวหนิงคงได้แต่งงานกับซูหรานไปนานแล้ว ถ้าคนคนนั้นมีสมองสักหน่อย ก็ควรไสหัวไปไกล ๆ ได้แล้ว อย่ามาให้คนตระกูลลู่เห็นหน้าอีก”คุณหญิงย่าลู่ดูเหมือนจะลืมไปแล้ว ว่าเดิมทีเธอต้องการมอบซูหรานให้กับคุณชายสามฟู่เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากเขาในอนาคตในใจของซูอินรู้สึกเหมือนกำลังถูกหนามทิ่มแทงอย่างแรงเ
“เหอะๆ......ไม่จำเป็นหรอกมั้ง”ซูหรานเผยยิ้ม เสียดายที่ไม่ได้ปิดปากเขาตั้งแต่แรกความต้องการแบบนี้เขาเอ่ยมันออกมาได้ยังไง?ซูหรานมองไปรอบๆ ตั้งใจจะเตือนเขาว่านี่คือที่สาธารณะ การป้อนอาหารในที่สาธารณะแบบนี้ เธอไม่อายที่จะป้อน แล้วเขาไม่อายที่จะกินเหรอ?แต่เธอกลับไม่เข้าใจความคิดของฟู่จิ้นหานเลยสักนิดที่สาธารณะแล้วจะทำไม?เขากินอาหารที่ภรรยาเขาป้อน ไม่ได้กินของที่คนอื่นป้อนสักหน่อย!ฟู่จิ้นหานหลบตาลงอย่างเศร้าหมอง “ผมหวังดีช่วยคุณ เงินห้าพันล้านผมไม่ได้เก็บดอกเบี้ยจากคุณด้วยซ้ำ......”“......”ซูหรานแทบจะโพล่งออกมา: รบกวนคิดดอกเบี้ยด้วย เรื่องป้อนข้าวน่ะไม่มีทางหรอก!แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ดอกเบี้ยเงินห้าพันล้านหากคำนวณออกมามันต้องมากขนาดไหน อยู่ ๆ ซูหรานก็รู้สึกว่าความจริงการป้อนข้าวก็ไม่ได้ยากอะไรสูดหายใจเข้าลึก ๆ ซูหรานรีบหั่นสเต๊กเนื้อหนึ่งชิ้นแล้วรีบยัดเข้าไปในปากของสามีตัวพ่อของเธออย่างรวดเร็วในขณะที่ทำท่าทางเหล่านี้ สายตาของซูหรานก็มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเธอถึงจะสบายใจ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้ารอช้าแม้แต่ครู่เดียว หลังจากที่ยัดสเต๊กเข้าไปในป
เมื่อซูหรานกลับมาถึงบริษัท ฟู่จิ้นหานก็ยังคงทำตัวล่อยลองราวกับคนว่างงานและอยู่ที่ห้องรับรองของซิงหลานจิวเวลรี่ทั้งช่วงบ่ายเย่ซือเหยียนตามไปจนถึงล่างตึกไป๋ลี่ แล้วจ้องทางออกของตึกอยู่อย่างนั้นในที่สุดหลังจากที่ทั้งตึกเลิกงาน ซูหรานและฟู่จิ้นหานก็จูงมือกันเดินออกมาสายตาของฟู่จิ้นหานมองอยู่ที่ซูหรานตลอดเวลาพอเห็นทั้งสองคนขึ้นรถ มือของเย่ซือเหยียนที่กำพวงมาลัยรถอยู่ถึงกับสั่นเธอตามทั้งสองคนมาตลอดทางจนมาถึงเจินหลินย่วนสองคนเหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไปที่กลับบ้านด้วยกัน ถ้าหากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ทำยังไงเย่ซือเหยียนก็คงจะไม่เชื่อ ฟู่จิ้นหานคนที่เมื่อผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ก็จะมองด้วยสายตาอาฆาตคนนั้น กลับดูเหมือนว่าจะเป็นคนติดกับซูหรานมากเย่ซือเหยียนกลับมาถึงวิลล่าที่คุณปู่อาศัยอยู่พอคุณปู่เย่เห็นเย่ซือเหยียนก็ถึงกับขมวดคิ้ว “หรานหรานล่ะ? ทำไมหรานหรานยังไม่กลับมา?”เย่ซือเหยียนกำหมัดแน่นแต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเผยยิ้มออกมา “คุณปู่ลืมแล้วเหรอคะ? หรานหรานเธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่สักหน่อย”“หลานสาวตระกูลเย่ แน่นอนว่าต้องอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเย่” คุณปู่เย่อย
ฟู่จิ้นหานกำลังจะเค้นถาม ซูหรานก็รีบวางสายในทันที“......”ฟู่จิ้นหานจ้องมองโทรศัพท์ ในหัวเต็มไปด้วยคำถามดึกขนาดนี้แล้ว เธอทักทายใครอยู่กันแน่?ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคนคนนึงขึ้นมา ในใจแทบอยากจะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ ฟู่จิ้นหานจึงโทรศัพท์หาเย่ถิงเซินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเพียงสองครั้งก็รับสาย“ฮัลโหล?” เย่ถิงเซินรับสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายต่อให้มีโทรศัพท์คั่นอยู่ รอยยิ้มผยองบนใบหน้าของเขาก็ถูกส่งมาราวกับว่ายืนอยู่ต่อหน้าฟู่จิ้นหาน“ซูหรานล่ะ?” ฟู่จิ้นหานถามอย่างร้อนรนแต่เย็นชาเย่ถิงเซินเหลือบมองซูหราน เขานึกว่าเมื่อสักครู่ซูหรานกำลังโทรศัพท์อยู่กับสามีของเธอ กลับนึกไม่ถึงว่าเป็นฟู่จิ้นหานดึกขนาดนี้ยังจะโทรหาซูหราน ไม่เอาสามีของซูหรานไว้ในสายตาบ้างเลยจริง ๆ สินะ!“เธอเป็นหลานสาวที่คุณปู่เพิ่งจะยอมรับ ซูหรานก็เป็นคนตระกูลเย่ ตอนเย็นกลับมาที่วิลล่าตระกูลเย่ก็สมเหตุสมผลใช่ไหม”รอยยิ้มที่มุมปากของเย่ถิงเซินยิ่งชัดขึ้นแต่สีหน้าของฟู่จิ้นหานกลับยิ่งดูไม่ได้ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!แววตาของมืดมนแล้ววางสายไปขณะที่สองคนโทรคุยกัน เสียงของเย่ถิงเซินเบามาก ซูหรานที่มีระเบียงคั่นอยู่จึ
“ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นสมัยมหาวิทยาลัยสองสามคนในเมืองไห่เฉิง พอพวกเขารู้ว่าฉันมาที่เมืองไห่เฉิงก็เลยเช่าเรือสําราญมาต้อนรับฉัน เดี๋ยวฉันจะแนะนําพวกเธอให้รู้จัก” หลังจากเย่ซือเหยียนพูดจบ เธอก็ดึงซูหรานขึ้นเรือสําราญ ยังเช้าอยู่และผู้คนบนเรือสําราญก็สนุกสนานกันแล้ว มีคนเห็นเย่ซือเหยียน ก็รีบล้อมรอบเธอทันที “ซือเหยียน นัดเธอมาตั้งหลายวันแล้ว แต่เธอก็ไม่ว่าง ในที่สุดวันนี้ก็นัดหมายคนยุ่งอย่างเธอได้สักที” คนที่เอ่ยปากพูดชื่อจี้หลิน นายน้อยในสาขาของตระกูลจี้แห่งเมืองไห่เฉิงตระกูลจี้ตระกูลเป็นที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองไห่เฉิง และสาขาของตระกูลจี้นั้นก็ร่ำรวยไม่แพ้กันจี้หลินรักสนุก เขาเป็นลูกคนรวยที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่เฉิง และคนที่เล่นกับเขาเป็นลูกชายลูกสาวของผู้ประกอบการรายใหญ่หลายคนในเมืองไห่เฉิงที่รักสนุกเช่นกัน ปาร์ตี้วันนี้ต่างก็เป็นเพื่อนฝูงพากันมา ในฝูงชน ซูหรานก็เห็นใครบางคนในเพียงพริบตาหวังม่านหลินก็เห็นซูหรานเช่นกัน“โอ้ นี่ไม่ใช่คุณหนูซูของเราเองเหรอ?”หวังม่านหลินครั้งก่อนถูกคุมขังไว้ครึ่งเดือนและเธอเพิ่งออกมาไม่นาน หลังจากออกมา พ่อของเธอก็ระงับบัตรของเธอและตัดเส
ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ เรือสําราญก็ได้ออกจากท่าเรือแล้ว “ทํายังไงดี?” ดวงตาของเย่ซือเหยียนเต็มไปด้วยคําขอโทษ “ฉันแค่อยากพาเธอมาพักผ่อน แต่ฉันนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเป็นคนแบบนี้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาก็ไม่เป็นแบบนี้......”“หรานหราน เธอรอฉันก่อน ฉันจะให้พวกเขาขับเรือสําราญกลับไป”เย่ซือเหยียนรีบหันหลังกลับ และไม่กี่นาทีต่อมาเมื่อเธอออกมาอีกครั้ง เธอก็คว้ามือของซูหรานด้วยใบหน้าขอโทษ: “หรานหราน เรือสําราญถูกตั้งค่าด้วยการล่องเรืออัตโนมัติ เมื่อมันเริ่มสตาร์ทแล้ว และจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงไม่มีทางกลับไปได้ในตอนนี้ เธอว่า......” ดูเหมือนว่าเย่ซือเหยียนก็ไม่รู้ว่าจะทําอย่างไร ซูหรานมองไปที่ผิวน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดรอบตัวเธอ แล้วขมวดคิ้วเป็นปม“หรานหราน เรือสําราญลํานี้ใหญ่มาก ไม่งั้นพวกเราก็อยู่กันก่อนชั่วคราว พวกเราเล่นของเราเอง ไม่ไปเจอพวกเขา”“ฉันสัญญาว่าจะเตือนพวกเขา ถ้าหากทำให้เธออารมณ์เสียอีก ตระกูลเย่จะทำให้ธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาหายไปในชั่วข้ามคืน” เย่ซือเหยียนจ้องมองซูหราน รอท่าทีของเธอซูหรานอยู่ในภวังค์ และในเวลานี้เย่ซือเหยียนยังคงท่าทางปกป