เมื่อย่าไห่เห็นลูกสะใภ้และหลานๆ ของเธอ ล้วนชักชวนไห่ถงไปนั่งที่บ้านอย่างแข็งขัน นอกจากนี้เธอยังก่อเรื่องมาตั้งนาน เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น แต่ยังถูกชาวบ้านหัวเราะเยาะอีกด้วยเธอทำหน้าดีขึ้นและพูดว่า “ไห่หลิง ไห่ถง ป้าสะใภ้ของพวกเธอพูดถูก พวกเรายังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้ามีเรื่องอะไร ก็เข้าไปนั่งคุยกันข้างในบ้านอย่างช้าๆ ก็ได้”"ย่าก็ไม่อยากโต้เถียงกับพวกเธอแล้ว รอเมื่อปู่ของเธอเขากลับมาค่อยว่ากัน อย่างไรก็ตาม บ้านของย่าก็คือบ้านของย่า"ไห่ถงยิ้มเย็นชา "ฉันก็ไม่อยากโต้เถียงกับย่า ไม่อยากทะเลาะกับพวกคุณ พวกเราไปเจอกันที่ศาลแล้วกัน"การฟ้องร้องคือการกําหนดส่วนแบ่งมรดกที่ถูกต้องที่สุด จากคําพูดของป้าใหญ่ บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินร่วมของพ่อแม่ของเธอหลังจากแต่งงาน ครึ่งหนึ่งเป็นทรัพย์สินของแม่ของเธอ อีกครึ่งหนึ่งถึงเป็นทรัพย์สินของพ่อเธอทรัพย์สินของพ่อของเธอแบ่งกันเท่าๆ กันระหว่างสองพี่น้องกับปู่ย่า บ้านของเธอมีพื้นที่ 100 ตารางเมตร โดยครึ่งหนึ่งเป็นของแม่เธอ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือแบ่งกันเท่าๆ กันระหว่างสองพี่น้องและผู้อาวุโสสองคน ซึ่งเท่ากับผู้อาวุโสทั้งสองสามารถแ
"ฟ้องศาล พวกเราไม่มีทางชนะ?"ย่าไห่พูดว่า “บ้านหลังนี้อาสามแกเป็นคนสร้าง และฉันเป็นแม่แท้ๆ ของเขา ฉันก็ไม่สามารถครอบครองได้เหรอ?”"สามารถครอบครองได้ แต่ย่าไม่ครอบครองมรดกได้ทั้งหมด เหมือนฉันเพิ่งบอกย่าไป ย่าสามารถได้รับส่วนแบ่งมรดกของอาสามได้แค่หนึ่งในสี่ และปู่เองก็ได้รับมรดกหนึ่งในสี่เช่นกัน"ไห่จือชินอธิบายเรื่องให้ย่าฟังอย่างอดทน เพราะเขาเกรงว่าเธอจะทะเลาะกับไห่ถงอีก"ฉันไม่สน ยังไงบ้านนี้ก็ของฉันกับปู่ของแก แน่นอนว่ามันเป็นของพวกเรา และพวกเราก็จะยกให้ใครก็ได้ที่ต้องการ ถ้าแพ้คดีแล้ว สามารถไล่ฉันออกจากบ้านได้ไหม?"ไห่จือชินทำให้ย่าตกใจ "ถ้าศาลออกหมายมาบังคับใช้ ก็จะไล่ปู่และย่าออกจากบ้านทันที และหากย่ายังก่อเรื่อง ก็ได้ไปกินข้าวแดงฟรีในคุกล่ะ ซึ่งเหมือนกับตอนที่ฉันถูกส่งไปกักตัวครั้งล่าสุด ย่า การเข้าไปข้างในน่ากลัวมาก เป็นการดีกว่าสำหรับที่พวกเราจะทำตามกฎหมายนะ"เขาถูกคุมขังเป็นเวลาสิบห้าวัน เมื่อมีประสบการณ์แล้ว ไห่จือชินไม่มีความกล้าที่จะให้ทำเรื่องน่าเกียจอีก"แต่พวกไห่ถงเป็นผู้หญิง ผู้หญิงจะเป็นทายาทได้ยังไง?""ตามกฎหมายมรดก ลูกสาวก็มีสิทธิได้รับมรดกเช่นกัน""นังตัวดี
เมื่อนึกถึงอดีต ไม่เพียงแต่สองพี่น้องไห่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณนายซางและลูกสาที่กำลังฟังเธอก็รู้สึกเศร้ามากเช่นกัน ดวงตาของคุณนายซางเริ่มแดงก่ำถ้าเธอได้พบน้องสาวเร็วกว่านี้ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปก็ได้แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการจากไปของน้องสาวเธอได้ แต่เธอก็ยังสามารถปกป้องหลานสาวทั้งสองได้ไม่ต้องให้พวกเธอทนทุกข์กับความโหดร้ายของพวกเหล่าญาติๆ หลังจากที่สูญเสียพ่อแม่ไปอย่างกะทันหันอีก พวกเธอได้สัมผัสกับความอบอุ่น ความเย็นชา และความน่ากลัวของมนุษย์มาตั้งแต่ยังเด็ก"ถงถง"จ่านหยินกอดเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยความปวดใจและพูดว่า "ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว มันผ่านไปแล้วนะ"ก่อนตรุษจีน เขากับไห่ถงผ่านประสบการณ์ขึ้นการค้นหายอดฮิตบนอินเตอร์เน็ตไห่ถงได้โพสต์ไดอารี่ของพี่สาวลงอินเตอร์เน็ต เพื่อโต้แย้งข้อพิพาท จากนั้นความคิดเห็นของสาธารณชนก็เปลี่ยนไป เขาเองก็อ่านไดอารี่ที่พี่สาวเขียนไว้เช่นกัน เขากล้าอ่านเพียงครั้งเดียวและไม่กล้าอ่านซ้ำอีกดูครั้งเดียวก็ รู้สึกเจ็บปวดใจแทนภรรยาของเขาเขาไม่ใช่คนอ่อนไหวอะไร แต่หลังจากอ่านไดอารี่ของพี่สะใภ้แล้ว ดวงตาของเขาก็กลับมีน้ำตาคลอบางครั้ง สิ่งที่โหดร้า
ป้าสองของไห่ถงถามแม่สามีว่า “โฉนดที่ดิน แม่มีอยู่ในมือ? แม่ควรโอนหลังบ้านนี้ เป็นชื่อแม่ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ"หากเป็นบ้านเป็นของผู้เฒ่าทั้งสอง แม้ว่าบ้านนั้นจะสร้างโดยเจ้าสามกับภรรยา ก็ยังอาจกบอกได้ว่าเป็นบ้านที่เจ้าสามกับภรรยา ต้องการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้เฒ่าทั้งสองแบบนั้นสองพี่น้องไห่ก็เอาบ้านคืนไม่ได้แล้วย่าไห่พูดว่า "พวกเราหาทะเบียนบ้ากับโฉนดที่ดินพวกเขาไม่เจอ พ่อของแกกับฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ และสงสัยว่าโฉนดที่ดินจะไปมีประโยชน์อะไร เพราะตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในบ้านแล้ว ใครกล้าไล่พวกเราออกไปได้?""คงเป็นนังเด็กเลว 2 คนนั้น ที่ทะเบียนบ้านและกัยโฉนดที่ดินไป""ย่า พี่ไห่ถงออกมาแล้ว"เมื่อไห่จือชินเห็นจ้านหยินกับไห่ถงออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะทึ้งผมตัวเองเขากลัวญาติผู้พี่คนนี้มากๆ"ไห่จือชินมานี่"ไห่ถงเรียกไห่จือชินออกมาตรงๆเรียกเขา?หลังจากที่ตกตะลึงไปสักครู่ ไห่จือชินก็วิ่งเข้ามาหาอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงประจบประแจงว่า "พี่ไห่ถง มีอะไรเหรอ?""หลุดศพพ่อแม่ฉันอยู่ที่ไหน แกรู้ไหม?"ไห่จือชินตาโต และต้องการปฏิเสธ แต่ภายใต้สายตาของไห่ถงแ
ไห่หลิงคิดว่าความคิดของน้องสาวดี เธอจึงตกลง "โอเค ทำตามที่เธอว่าแล้วกัน"จ้านหยินมองดูเวลา แล้วค่อยๆ พูดออกมา “พี่ หยางหยาง เมื่อเข้าไปในตัวเมืองแล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ พวกเราผู้ใหญ่ไม่หิว แต่หยางหยางเป็นเด็กที่อดไม่ได้ และน่าจะหิวแล้ว"ไห่ถงมองดูเวลา โดยไม่รู้ตัวว่าใกล้จะเที่ยงแล้วเธอพูด "งั้นพวกเราไปกินข้าวกันก่อน ฉันก็ไม่ได้กินอาหารจากบ้านเกิดมานานแล้ว""กลับไปบ้านมา แล้วรีบไปเตรียมการฟ้องร้องทันที"ไห่ถงพูดกับพี่เธอไห่หลิงเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้งเมื่อตระหนักถึง ร้านของพี่ที่จะเปิดในวันมะรืนนี้และยุ่งมาก ไห่ถงจึงพูดอย่างจริงใจว่า "พี่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ร้านของพี่จะเปิดในวันมะรืนและต้องยุ่งมาก ฉันเปิดร้านกับเสี่ยวจวิน ดังนั้นฉันจึงให้เธอเฝ้าร้านได้ในขณะที่ฉันไปยื่นเรื่องฟ้องศาล""ถงถง รำบากเธอแล้ว "ไห่หลิงรู้สึกเหมือนเธอเป็นพี่สาว แต่ตอนนี้มีหลายอย่างที่ต้องให้น้องสาวจัดการ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ที่ไร้ประโยชน์"เพื่อจะได้บ้านพ่อแม่คืนมา เป็นสิ่งที่พวกเราต้องทำ ตอนนี้บอกว่ารำบากฉันแล้ว ถ้าบอกมาแบบนี้ พี่เห็นฉันเป็นคนนอกแล้วล่ะ"จ้านหยินจับมือไห่ทง และพูดเบาๆ
เขาน่าจะเพิ่งมาถึง เมื่อเห็นว่าร้านอาหารเช้ายังไม่เปิด จึงยืนรออยู่ที่ประตูสักครู่ก่อน จากนั้นหันหลัง เพื่อเดินออกไปเมื่อหันกลับไป ก็เห็นไห่หลิงที่กำลังขี่จักรยานไฟฟ้าพาลูกชายซ้อน มาจากไกลๆ“ไห่หลิง”โจวหงหลินตะโกนเรียกเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอดีตสามี ไห่หลิงก็รู้สึกใจอยากหักหัวรถเลี้ยวกลับถูกครอบครัวของอดีตสามีตามรังควานไม่เว้นแต่ละวันตอนที่ยังไม่หย่า ไม่เคยเห็นโจวหงหลินเห็นหัวพวกเราสองแม่ลูกหยางหยางนั่งอยู่ด้านหน้า และดีใจมากเมื่อเห็นพ่อของเขาและตะโกนเรียกเขาเสียงดังไห่หลิงไม่ได้หักหัวรถกลับ และตัวเองก็ไม่ได้เป็นขโมย ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดโจวหงหลินเดินลงมาบนถนน รอให้แม่และลูกชายเดิรเข้ามาหา"หยางหยาง"ไห่หลิงหยุดรถจักรยานไฟฟ้า โจวหงหลินก้าวไปข้างหน้า จากนั้นอุ้มลูกชายจากที่นั่งเด็ก และถามหยางหยางด้วยรอยยิ้ม "หยางหยาง คิดถึงพ่อไหม?""คิดถึง"โจวหงหลินก้มศีรษะลงและหอมแก้วเล็กๆ ของลูกชาย และหยางหยางก็หอมแก้มเขาด้วยเช่นกันหลังจากพ่อและลูกชายหอมแก้มกันแล้ว โจวหงหลินก็ถามไห่หลิงว่า “วันนี้คุณมีธุระ? ฉันมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ร้านของคุณยังปิด"เขาไม่กล้าโท
ไห่หลิงพูดอย่างใจเย็นว่า "คุณสั่งกระเช้าดอกไม้มาให้ฉัน ถ้าภรรยาของคุณรู้เรื่องเข้า แล้ววิ่งแจ้นมาต่อว่าฉันอีกว่าฉันไปยั่วยุสามีของเธอ ซึ่งมันไร้สาระมาก ถ้าฉันอยากจะยั่วยุผู้ชาย แน่น่อนว่าจะต้องยั่วยุคนที่เก่งและดีกว่าคุณแน่นอน ทำไมต้องกลับไปกินของเก่าด้วย? ผู้ชายคนอื่นในโลกตายหมดแล้วเหรอ?"โจวหงหลินทำหน้าอยากจะมุดดินหนี เขาเป็นคนเลวในสายตตาของไห่หลิง และด้วยนิสัยของเธอ เธอไม่กลับมารื้อฟื้นหาอดีตแน่นอนไม่รู้จริงๆ ว่าแม่และพี่สาวคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงพวกเขาปฏิบัติกับไห่หลิงแบบนั้นในตอนนั้น และตอนนี้พวกเธอกลับอยากให้ เขาแต่งงานกับไห่หลิงใหม่ พวกเธอเห็นไห่หลิงเป็นอะไรไป?จะบอกให้มาก็มา จะบอกให้ไปก็ไป"ไห่หลิง ฉันยอมรับว่าฉันคิดผิดเอง แต่นั่นเป็นเรื่อในอดีต ตอนนี้พวกเรา.....ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว พวกเราก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของหยางหยาง อย่างน้อยก็ไว้หน้าฉันบ้างเถอะ"ไห่หลิงมองลูกชาย ซึ่งไร้เดียงสา เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมทุกวันนี้เขากับแม่ถึงไม่ได้อยู่กับพ่อแล้วและไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมีป้าอยู่กับพ่อ แทนที่จะเป็นแม่ไห่หลิงคิดว่าลูกชายยังเด็กอยู่ ดังนั้นเธอจึง
เย่เจียนีไม่ยอมตกลง และลึกๆ ในใจของโจวหงหลิน เขาเองก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน มีเพียงแค่คลายความสัมพันธ์กับไห่หลิงเท่านั้น ที่จจ้านหยินจะสามารถช่วยเหลือเขาได้หากเขารู้มาตั้งแต่แรกว่า ไห่ถงเป็นนายหญิงของตระกูลจ้าน ถึงแม้ว่าจะประวิงเวลาไป เขาก็จะทำและไม่ยอมหย่า และด้วยวิธีนี้ ไห่ถงจะไม่ยอมให้จ้านหยินทำร้ายเขา เพราะเห็นแแก่พี่สาวตัวเองเสียดายที่ไม่ได้รู้ตั้งแต่แรกในตอนแรก เขาสงสัยว่าจ้านหยินคือนายน้อยจ้าน แต่เขาคิดว่าไห่ถงไม่ได้มีดวงรวย และไม่เชื่อว่าไห่ถงจะสามารถแต่งงานกับตระกูลเศรษฐีได้ ดังนั้นเขาจึงเลิกเดา ใครจะคิดว่า จ้านหยินคือนายน้อยจ้านจริงๆโจวหงหลิน "...""คุณโจวถ้าไม่มีธุรอะไรแล้ว ก็เชิญกลับไปเถอะ"โจวหงหลินอุ้มลูกชายเอาไว้และนั่งนิ่งๆ ปากก็ว่า "ฉันอยากใช้เวลากับหยางหยางมากกว่านี้ ฉันเคยยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาอยู่กับหยางหยาง แต่ตอนนี้ฉันว่างงานชั่วคราว และมีเวลาเหลือเฟือที่จะชดเชยเวลาในอดีตเหล่านั้นแล้ว""คุณกับคุณหนู่เย่ไม่ต้องเตรียมงานแต่งเหรอ? บ้านตกแต่งเสร็จแล้ว?"ไห่หลิงถามเขาโจวหงหลิน: "... เงินส่วนใหญ่ของฉัน เจียนีเป็คนจัดการ และเธอก็เป็นคนรับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ ด้