“ท...ท้องงั้นเหรอ!”
“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นท้องได้แปดสัปดาห์แล้วแก”
ในขณะที่เธอต้องการมีลูกกับเขาจนต้องมาตรวจสุขภาพ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการมีบุตร ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ในเมื่อสามีสุดที่รักที่แต่งงานกันมาเกือบสองปีไม่เคยเหลียวแล หรืออยากแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง แล้วจะให้เธอท้องยังไงได้ แต่กับผู้หญิงคนนั้นที่กลายเป็นแฟนเก่าและหายไปจากชีวิตเขานานพอๆ กับที่เธอแต่งงานมากลับตั้งครรภ์ถึงแปดสัปดาห์
นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันจิน” น้ำเสียงสั่นเครือพึมพำ น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้ล้นออกจากตาจนเจ้าตัวต้องรีบปาดทิ้ง สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเจ็บจี๊ด แต่ยังไม่เท่าความปวดร้าวที่หัวใจ
ต่อให้ไม่รักกันก็ช่าง แต่การที่เขาแอบทรยศนอกใจกันกลับไปหาแฟนเก่าจนตั้งครรภ์ลับหลังเธอนี่มันคืออะไรกัน
จนิตาไม่รู้จะปลอบเพื่อนรักอย่างไรดี ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ เรื่องราวความรักหรือเรื่องในครอบครัวของอีกฝ่ายเธอเองก็พอรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ ทว่ามันก็บังเอิญเกินไปไหมที่สามีเพื่อนกับแฟนเก่าต้องเจาะจงมาฝากครรภ์วันเดียวกับที่เพื่อนเธอตั้งใจมาตรวจสุขภาพเพราะอยากมีลูก
“แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อ” เพราะสนิทกันพลอยทำให้เจ็บแค้นแทนตามไปด้วย “มาถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่าแกจะเลิก...”
คำนั้นกระตุกหัวใจเธอจนขาดวิ่น
“เลิกเหรอ...”
พลันหางตาก็เหลือบเห็นคนทั้งสองที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องตรวจพร้อมกัน ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องนัก แต่เธอก็ได้เขามาแล้วอย่างยากลำบาก แล้วทำไมต้องถอยให้คนอื่นด้วย
“ไม่! เรื่องอะไรฉันต้องเป็นฝ่ายเลิก...” พอขาดคำ คนพูดก็สลัดคราบน้ำตาทิ้ง พร้อมกับฉีกยิ้มหวาน เดินตรงเข้าไปหาเป้าหมายทันที
“เฮ้ย! ยัยปูน...” จนิตาเบิกตาค้าง ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวตามเพื่อนไปติดๆ เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่อง
“อ้าว! พี่ซีจะมาหาปูนทำไมไม่บอกก่อนล่ะคะ เราจะได้มาพร้อมกัน”
ฉัตริน หรือ ซี หันขวับไปมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ อดแปลกใจแกมหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
“เธอมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าสะกดรอยตามฉันมา”
“ที่รักก็พูดเป็นเล่น ทำไมปูนต้องทำอะไรแบบนั้นกับสามีตัวเองด้วยล่ะคะ” หญิงสาวเน้นคำว่าสามีเสียงดังจนใครต่อใครหันมามอง
“ซีคะ”
ปรียากรจิกตามองเจ้าของเสียงสั่นเครือที่บังอาจยื่นมือมายื้อแขนสามีเธอไว้ พร้อมกับดันตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังของเขาราวกับกลัวว่าจะโดนเธออาละวาดใส่
ที่จริงก็อยากทำอยู่หรอก แต่เหลือบไปเห็นกล้องมือถือที่มีคนแอบยกขึ้นมาถ่ายคลิปด้านหลังเสียก่อน หากเธอทำแบบที่คิด จากนางเอกก็จะกลายเป็นนางร้ายน่ะสิ แล้วใครจะโง่ทำ
“อ้าว! นึกว่าใคร ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่รัญ ได้ข่าวว่าพี่แต่งงานมีสามีไปแล้ว ตอนนั้นยังเสียใจที่ปูนกับพี่ซีไม่ได้ไปร่วมยินดีด้วยเลย”
คนถูกถามหน้าถอดสี หน้าชา ตัวสั่นสะท้าน ในขณะที่จนิตาได้แต่กลืนน้ำลายฝืดคออยู่ด้านหลังเพื่อน
“แล้วนี่สามีพี่รัญไม่ได้มาด้วยเหรอคะ ปูนจะได้ทักทาย แหม... ทำไมปล่อยให้ภรรยาตัวเองมากับสามีคนอื่นแบบนี้ล่ะ แย่จริงๆ เลย”
“ปูน!”
ฉัตรินปรามด้วยเสียงกร้าวแข็ง สีหน้าบอกบุญไม่รับมองหญิงสาวตรงหน้าราวกับอยากหักคอให้ตายเสียตรงนั้น ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
“ขา...ที่รัก ปูนก็อยู่ตรงนี้ ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วยล่ะคะ หรือว่าคิดถึงกัน”
“ซีคะ...รัญว่ารัญกลับก่อนดีกว่า” ปากบอกว่าจะกลับ แต่มือยังจิกแขนผัวคนอื่นไม่ยอมปล่อยเนี่ยนะ
“แล้วคุณจะกลับยังไงกำลังท้องกำลังไส้ เดี๋ยวผมไปส่ง...”
ประโยคนั้นทำให้คนฟังตาลุกวาวทันที ออเซาะเป็นคนเดียวหรือไง
“แต่ว่า...”
“อ้าว นี่พี่รัญก็ท้องเหรอคะ บังเอิญจัง เรานี่ชอบมีอะไรเหมือนๆ กันจริงๆ งั้นก็เอาแบบนี้ไหมคะ เดี๋ยวปูนไปส่งเองดีกว่า หรือถ้าลำบากใจจะให้ช่วยโทรตามสามีพี่มารับก็ได้นะคะ ยังไงก็ลูกเขาทั้งคนนี่นา”
“ปูน!”
เสียงเข้มๆ สำทับ พลางมองมือบางที่เกาะกุมแขนเขาไว้ด้วยอาการสั่นเทา ก็อดนึกสงสารไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกขุ่นเคืองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยาไม่น้อย
“ว่าไงคะที่รัก”
“ซีคะ! รัญไม่เป็นไร อย่าทะเลาะกันตรงนี้เพราะรัญเลยนะคะ รัญกลับเองได้จริงๆ”
“เห็นไหมคะพี่ซี พี่รัญเขาเก่งจะตาย งั้นปูนไม่เกรงใจนะคะ”
มือเรียวสวยยื่นไปดึงแขนที่ถูกเกาะกุมของสามีกลับคืนมาหน้าตาเฉย โดยไม่แยแสสายตาดุดันที่แทบจะกินหัวเธออยู่รอมร่อ
“งั้นก็กลับบ้านดีๆ นะคะพี่รัญ ไปค่ะที่รัก อ้อ จิน” ท้ายประโยคหันไปทางเพื่อนที่ยืนทำหน้าเหวอด้านหลัง
“ไว้เดี๋ยวฉันนัดคิวตรวจอีกทีนะ วันนี้ขอพาสามีกลับบ้านก่อน”
“ได้ๆ แกว่างเมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกัน ฉันจะดูคิวตรวจให้”
จนิตารีบพยักเพยิดรับมุกเพื่อน แอบดีใจที่เพื่อนรักควบคุมตัวเองได้ไม่ปรี๊ดแตกจนอาละวาดกลางโรงพยาบาลให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เสียก่อน พลางปรายตามองส่วนเกินที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มองตามผัวคนอื่นตาปรอย ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างดูถูกจากคนรอบข้างที่กำลังมารอตรวจ
เอาน่า โดนดูถูก แต่ยังไงก็ดีกว่าโดนจิกหัวตบล้างน้ำโทษฐานฉกผัวชาวบ้านล่ะนะ รัญชิสาอาจจะไม่โดนกินหัว แต่เพื่อนเธอนี่สิ ดูจากสายตาของฉัตรินแล้ว น่าจะรอดยาก...
“ไปค่ะที่รัก กลับบ้านเรา” ว่าแล้วปรียากรก็ควงแขนสามีแล้วลากออกไปจากตรงนั้นทันที
“บอกปูนมานะ เด็กในท้องพี่รัญเป็นลูกใคร ใช่ลูกพี่หรือเปล่า” คำถามนั่นทำให้คนถูกถามหันมาทำหน้าเย็นชาใส่ ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไม่อยากเสวนาด้วย“พี่อย่าเดินหนีนะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” หญิงสาวรีบคว้าแขนเขาไว้อย่างลืมตัวด้วยโทสะที่เก็บมาตลอดทาง เพราะคนได้ชื่อว่าสามีไม่ยอมอธิบายให้กระจ่าง ต่อให้เธอพยายามใจเย็นแค่ไหน ใครจะไม่ตะบะแตก“ถ้าฉันบอกว่าใช่แล้วไงล่ะ เธอจะทำยังไงเหรอ หรือว่า...” ฉัตรินแกล้งทอดเสียงยั่วโมโห “จะยอมหย่า”คำนั้นทำเอาคนฟังสะอึกอึ้งไปชั่วขณะ รู้ดีแก่ใจว่าเขาพร้อมจะทำอย่างที่พูดได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องอะไรเธอต้องยอมทำแบบนั้นให้เขาสมใจ“ฝันไปเถอะ ทำไมปูนต้องยอมหย่าให้พี่ไปสมหวังกับชู้รักเก่าด้วย”“ปูน!”“ปูนไม่หย่า ถ้าพี่อยากให้ลูกของพี่รัญเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสก็ตามใจสิ แต่ปูนไม่หย่าแน่”“เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากชีวิตฉันสักทีปูน”เสียงคำรามก้องผสมผสานด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหยาดเยิ้มสะดุ้งสะเทือน หวาดผวา หรือว่าตกใจกลัวแต่อย่างใด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนอีกฝ่ายสาดคำใจร้ายพวกนี้ใส่หน้า ปรียากรยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ มุมปากของเธอแต้มร
“สามีที่ดีงั้นเหรอ?”คนใจร้ายทวนคำด้วยสีหน้าเหยียดหยัน ดวงตาคมจัดที่เธอเคยหลงใหลมาตลอดกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของคนที่กำลังเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะภรรยาที่เขาไม่ต้องการอย่างเลือดเย็น จนคนถูกมองใจหาย รู้สึกหนาวยะเยือกในอก“ใช่ค่ะ เป็นสามีที่ดี พี่ทำเป็นไหม” คนถูกถามแค่นยิ้มเหี้ยม พลางใช้ลิ้นเดาะกระพุ้งแก้มตัวเองแบบกวนๆ“ก็คงทำเป็นมั้ง ถ้าเมียของฉันเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ”หญิงสาวหน้าเสีย ความขมขื่นแล่นขึ้นมาจุกที่คอหอย“เสียใจด้วยนะ ที่มันใช่ ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง แต่ปูนก็เป็นเมียพี่...”“หึ ก็แค่เมียในนามไหม ไม่พอใจก็หย่ากันเลยก็ได้นะ” คำท้านั่นทำเอาคนฟังสะอึก หัวใจราวกับถูกกระชากออกจากอก“หย่ากันซะให้จบๆ ทางใครทางมันไปเลย”“คำก็หย่า สองคำก็หย่า พี่อยากหย่ากับปูนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เธอก็รู้ดีแก่ใจนี่ จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าไม่พอใจก็หย่าซะสิ”ปรียากรแค่นยิ้ม หัวใจปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว“ไม่ค่ะ ปูนไม่หย่า ใครที่รอแย่งผัวคนอื่น อยากรอก็รอไปแล้วกัน เพราะปูนไม่หย่า...”“เอาเถอะ ถ้าเธอเสี้ยนอยากเป็นเมียฉันมากขนาดนั้น งั้นฉันก็จะลองกลั้นใจหลับหูหลับตา ‘เอา’ อีกสักครั้งก็ได้”ฉัตรินกดรอย
แม้จะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้วพักใหญ่ แต่ฉัตรินก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเรือนร่างงดงามตรงหน้าให้เป็นอิสระ ยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยจริง ทั้งสวยทั้งหวานไปทั้งตัวจนน่าหงุดหงิดทีแรกเขาก็แค่อยากจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัว หรือต่อต้านสักครั้งจะได้เข็ดหลาบ แต่เป็นเขาเองที่พอได้เริ่มแล้วกลับไม่อาจหยุดตัวเองได้ปรียากรคือดอกไม้สีสวยที่ล่อให้แมลงหน้าโง่อย่างเขาเผลอหลวมตัวจนถลำลึก ยิ่งได้ชิมความหอมหวานจากกายคนที่ได้ชื่อว่าเมียแต่งที่เขาแสนจะชังน้ำหน้า และแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉัตรินก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารู้สึกสุขสมอย่างรุนแรงและถึงใจชนิดที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิตตัวอันตราย!นอกจากจะเอาแต่ใจ ร้ายกาจ หน้าด้าน ไร้ยางอาย ผู้หญิงคนนี้ยังซ่อนความอันตรายไว้รอบตัว และดูเหมือนตอนนี้เขาจะโดนพิษสงของเธอเล่นงานจนหัวปั่นเข้าเสียแล้ว“อื้อ...”เสียงหวานประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท เมื่อถูกรั้งสะโพกเข้าหาความแข็งแกร่งที่ยังค้างคาภายในกุหลาบแสนหวาน ความคับแคบและแน่นหนึบของเธอกำลังป่วนประสาทเขาอย่างหนักหน่วง“ยัยตัวแสบ!”ชายหนุ่มกัดฟันคำราม พลางแกล้งกัดที่หัวไหล่มนหนักๆ หวังให้เจ้าตัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับผิดชอบท
“ตาซีมีคนรักแล้วล่ะ เห็นพ่อแม่เขาบอกว่าพอเรียนจบก็จะขอผู้หญิงคนนั้นหมั้นและอาจจะแต่งงานกันหลังกลับจากเมืองนอก...”สิ่งที่ได้ยินกระชากหัวใจเธอจนแทบหลุดจากอกไม่! ไม่ยอม!ผู้หญิงโชคดีคนนั้นเธอก็รู้จัก เพราะเคยพบกันตอนวันเกิดของ ฉัตรินปีก่อนหน้าที่เขาจะไปเรียนต่อเมืองนอกไม่นาน เขาชวนเธอคนนั้นและเพื่อนๆ มาจัดวันเกิดที่บ้าน ปรียากรจึงรบเร้าขอตามพ่อแม่ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวของชายหนุ่มมาแต่ไหนแต่ไรไปร่วมงานด้วยจำได้ว่าวันนั้นเจ้าของวันเกิดแต่งกายในชุดหล่อเหลาดูดีที่สุด ฉัตรินในสายตาเธอก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยวัยเจ็ดแปดขวบที่ตามพ่อแม่มาวิ่งเล่นที่บ้านหลังใหญ่ของคุณลุงคุณป้าเพื่อนสนิทสมัยเรียนของพ่อกับแม่พี่ซี อายุห่างจากเธอประมาณ 5 ปี แต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เธอยังจำวันแรกที่พบกันได้ ตอนนั้นเขากำลังเรียนเปียโนที่บ้าน ภาพเด็กชายหน้าตาคมคายมีเสน่ห์นั่งตรงหน้าเปียโนสีขาวหลังใหญ่อย่างสง่างาม เขากำลังบรรเลงเพลงรักที่เพิ่งลงมือแกะโน้ตเองไปหมาดๆ ให้ทุกคนฟัง ราวกับภาพเจ้าชายในฝันเด็กหญิงปรียากรยืนมองภาพนั้นโดยไม่รู้เลยว่ามันจะติดตราตรึ
เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ปรียากรเผลอยิ้มออกมา เมื่อคิดว่าบางทีอาจเป็นคนที่กำลังคิดถึงทุกลมหายใจย้อนกลับมาเพราะเป็นห่วง แต่รอยยิ้มนั้นกลับหายวับไปในไม่กี่วินาทีต่อมา“คุณปูนคะ ป้าเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของตนไว้ ไม่ได้คิดจะสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนออกปากอนุญาตให้แม่บ้านเข้ามาได้“อุ๊ย! ตายจริง”คนมาใหม่ถึงกับอุทาน หน้าร้อนวาบๆ เมื่อเห็นสภาพห้องนอนของเจ้านายสาวที่มีเสื้อผ้าชุดชั้นในกระจายเกลื่อนที่พื้น คนไม่โง่คงเดาไม่ยากว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และเจ้านายทั้งสองคงจะ ‘จัดหนัก’ ใช่เล่น ถึงทำให้คนที่ปกติตื่นแต่เช้า ถึงขั้นนอนซมจนลุกไม่ขึ้นเช่นนี้“ป้าคะ พี่ซีล่ะคะ”“ออกไปทำงานแล้วค่ะ ป้าเห็นคุณปูนยังไม่ลงมาสักทีเลยเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”“แล้วก่อนไปทำงานพี่ซีพูดอะไรบ้างไหมคะ” เธอถามอย่างคาดหวังลึกๆ เธอก็แอบคิดตามประสาคนช่างฝัน ถ้าเขารู้ว่าเมื่อคืนคือครั้งแรกของเธอ และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทั้งตัวและหัวใจเธอไป จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหมนะ อย่างน้อยความโกรธเกลียดในใจจะ
“ป้าแน่ใจนะครับว่าเห็นเขากินยาด้วยตาตัวเอง โอเคครับ งั้นฝากป้าช่วยดูด้วยแล้วกัน อย่าให้เขาก่อเรื่องที่ไหน ถ้ามีอะไรก็รีบโทรมารายงานผมด้วย”ฉัตรินกดวางสายจากคุณแม่บ้านซึ่งโทรมารายงานเรื่องที่เขามอบหมายให้ทำเสร็จเรียบร้อย และเห็นกับตาว่าหญิงสาวกินยาคุมฉุกเฉินตามคำสั่งของเขาแล้วเขาไม่ต้องการมีลูกกับผู้หญิงอย่างปรียากร ลำพังแค่ต้องจำใจแต่งงานแบบมัดมือชกก็มากเกินพอแล้ว หากต้องมามีห่วงมาผูกคอเพิ่ม ชีวิตเขาคงวุ่นวาย แถมเด็กที่เกิดมาก็ต้องมาทนทุกข์กลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะพ่อกับแม่ไม่ได้รักกันอีก ดังนั้นควรตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่าหากจะมีอะไรกันอีกคราวหน้า เขาจะต้องไม่พลาดเรื่องการป้องกันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ง่ายกว่าการบังคับให้อีกฝ่ายต้องกินยาคุมฉุกเฉินแบบนี้ทุกครั้งชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน รวมถึงสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดว่าคืนนั้นเขากับปรียากรมีอะไรกันจริงหรือไม่ หากอีกฝ่ายยังคงบริสุทธิ์จนถึงเมื่อคืนที่มีอะไรกัน งั้นก็แปลว่าเรื่องในคืนนั้นก็เป็นแผนที่เธอจัดฉากขึ้นมาเพื่อจับเขาน่ะสิ“ยัยบ้าเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถอย่างเจ็บใจ ที่ผ่านมาเขาเองไม่แน่ใจเพ
บรรยากาศคึกคักของผับหรูย่านใจกลางเมืองแห่งนั้นเหมือนจะหยุดไปชั่วขณะเมื่อมีชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยก้าวเข้ามาใหม่ สายตาของสาวๆ จึงพุ่งตรงมาที่เขาโดยไม่ได้นัดหมาย หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก“ไอ้ซี ทางนี้...”ฉัตรินหันขวับไปตามเสียงเรียก เมื่อเห็นเพื่อนสนิทโบกมือให้ เขาจึงเดินตรงไปทางโต๊ะวีไอพีนั้นทันที หากแล้วร่างสูงก็ต้องชะงักปลายเท้า เมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่สุดปลายโต๊ะและมองตรงมาที่เขาด้วยแววตาลึกซึ้งที่ทำให้เขาต้องสะดุดอย่างจัง“อ้าวๆ เห็นแฟนเก่าแล้วค้างเลยนะมึง” นราธิป หรือ นอต แซวเพื่อนสุดหล่อ ความที่รู้จักกันมานานทำให้รู้ไส้รู้พุงของกันและกันดี“ยุ่งน่า!” ฉัตรินกระแทกกลับไม่ไว้หน้า พร้อมเก็บสายตากลับมา แต่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายยังคงมองมาที่เขาอยู่“ไม่พาเมียมาด้วยเหรอวะ น้องปูนคนสวยอยู่ไหนล่ะ”ดวงตาคมกริบตวัดมองคนปากดีเขียวปั๊ด ใจกระหวัดไปถึงเมียที่บ้านก่อนจะรีบปัดออกจากหัวสมองอย่างไว“จะไปรู้เหรอ ตัวไม่ได้ติดกัน”“โอ๊ะโอ๋...เมียมีเมียพี่ต้องมา นี่เมียไม่มางั้นก็แปลว่าวันนี้โสดสินะไอ้เพื่อนรัก” ปราการ หรือ เป้ เพื่อนสนิทอีกคนแซวเป็นเพลง พร้อมกับให้สัญญ
รัญชิสาชะงักไปนิดๆ เหมือนจะหน้าชาๆ แต่เธอฉลาดพอที่จะนิ่งทำหูทวนลมเสียไม่ต่อปากต่อคำใครกันแน่มือที่สาม เธอกับฉัตรินรักกันมาก่อนจนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่กลับต้องถูกยัยนั่นเข้ามาแทรกและวางแผนแย่งเขาไปหน้าด้านๆ“แล้ววันนี้เรียกออกมานอกจากกินเหล้าแล้วมีอะไร”“ถามไอ้เป้นู่นสิ มันเป็นคนให้นัด” นราธิปโยนกลองให้เพื่อนคู่หูที่ตอนนี้เริ่มกรึ่มได้ที่ สีหน้าอีกฝ่ายดูมีความสุขมากล้น“กูมีข่าวดีจะบอก แล้วก็มีเรื่องจะขอร้องพวกมึงด้วย”ฉัตรินขมวดคิ้วแน่น มองเพื่อนรักที่กำลังทำหน้าเหมือนเขินๆ“อะไรวะ ทำลับลมคมใน มีอะไรก็พูดมา”“กูกำลังจะแต่งงาน แล้วก็อยากให้พวกมึงมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้”“หา!”นราธิปทำตาโต ในขณะที่เพื่อนคนอื่นก็พลอยตกใจไปด้วย เพราะไม่มีวี่แววมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะสละโสด นอกจากฉัตรินที่จับพลัดจับผลูแต่งงานสายฟ้าแลบแล้ว ในกลุ่มก็ไม่มีใครมีวี่แวว“ใครวะ สาวที่โชคร้ายคนนั้น”“ลูกสาวเพื่อนแม่กูเอง เห็นมาแต่เด็กแล้ว”“อย่าบอกนะว่าโดนคลุมถุงอีกราย” คนปากกล้าประจำกลุ่มชิงดักคอ“ไม่เชิงว่ะ คนนี้กูปิ๊งเขาตั้งแต่แรกพบ รักจริงหวังแต่งเลย” พอขาดคำก็ได้รับเสียงโห่อย่างหมั่นไส้จากเพื่อนๆ ทั้งกลุ่ม“เป็
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&
ที่แผนกสูตินรีเวชกรรม ปรียากรพร้อมด้วยอดีตพ่อแม่สามีนั่งรอคิวเพื่อฟังผลตรวจและอัลตราซาวน์ ทั้งสามพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินและตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพแรกของลูกในท้องหญิงสาว โดยไม่ได้สนใจส่วนเกินที่เดินตามมานั่งที่ด้านหลังเงียบๆ“อ้าว แล้วแกไม่ไปทำงานทำการเหรอเจ้าซี” คุณเกรียงไกรหันไปถามลูกชายที่นั่งทำตัวเป็นอากาศ เพราะไม่มีใครคุยด้วย“เดี๋ยวเสร็จจากฝากครรภ์ค่อยไปครับพ่อ” ชายหนุ่มบอกราวกับจะมาฝากครรภ์เสียเอง“กลับไปเลยก็ได้มั้ง เดี๋ยวทางนี้พ่อกับแม่ดูเอง” คนเป็นแม่บอกอย่างไม่ไยดี แต่ฉัตรินกลับทำหูทวนลม ตาแอบมองอดีตเมียเก่าที่ทำตัวเฉยเมยไม่สนใจ แทบไม่มองหน้าเขาตั้งแต่ตอนนั่งรถมาด้วยกันก็อดขัดใจไม่ได้“คุณปรียากรค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องขานชื่อ ทำให้ทั้งคณะลุกพรึ่บขึ้นแทบพร้อมกัน“จะเข้าไปทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” ทุกคนพร้อมใจกันปรายตาไปมองส่วนเกินที่ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้เป็นตาเดียว“ครับ ทั้งหมดนี่เลย” ฉัตรินตอบอย่างมั่นใจ ในเมื่อมาแล้วเขาก็อยากเห็นผลผลิตที่อาจเป็น
ปรียากรมองคนถามอย่างหยั่งเชิง“ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นห่วง” คิดว่าเขาคงโต้กลับทำนองว่าอย่าหลงตัวเองเหมือนทุกที แต่ก็เปล่า“ใช่ พี่เป็นห่วง”คำนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ใจสั่นไหว“ห่วงลูกในท้อง”นั่นไง เธอว่าแล้ว“คุณเอาเวลาไปห่วงลูกในท้องพี่รัญเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับลูกฉันเลย” เธอไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง เธอเหนื่อยกับเขาเต็มทีแล้วกระทั่งยอมแพ้และเดินออกจากชีวิตอีกฝ่าย“อย่าลืมสิคะว่าเราหย่ากันแล้ว”ชายหนุ่มนั่งนิ่งงัน เพราะบางสิ่งกำลังก่อกวนในหัวใจเขาอย่างหนักหน่วง“พี่รู้ แต่ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริง”ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับโทสะ ไม่ให้เผลอข่วนหน้าคนพูดจนเป็นแผลเหวอะหรือชกเขาไปสักหมัด ข้อหาพูดจาไม่เข้าหูไม่ใช่ลูกเขาจะเป็นลูกใครได้ล่ะ ในเมื่อคืนนั้นเขาเล่นเคี่ยวกรำเธอจนระทวยไปกี่รอบต่อกี่รอบก็จำไม่ได้ จนไข้ขึ้นต้องนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวัน ยังจะมาสงสัยว่าลูกใครไม่เลิกไอ้ผัวผีบ้านี่! ไม่สิ ต้องเรียกว่าผัวเก่า ถึงจะถูก“เอาล่ะ งั้นฉันขอถามหน่อย ถ้าเขาใช่ลูกคุณจริงแล้วจะยังไงต่อ คุณจะกลับมารับผิดชอบฉันกับลูกหรือไง หรือว่าจะมาแย่งลูกไปจากฉัน หรือว่า...จะให้เอาออก เพราะคุณไม่อยากมีล
“เวรของกรรม!” จนิตาถึงกับอุทานลั่น เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากเพื่อนรัก หลังจากที่เธอรีบแจ้นมาหาถึงที่คอนโดทันทีที่วางสายจากฉัตริน“ท้องเกือบสองเดือนเนี่ยนะ ทำไมแกไม่รีบบอกฉันให้ไวกว่านี้”“ฉันก็เพิ่งรู้ไหม ช่วงก่อนย้ายบ้านก็วุ่นวายจนไม่ทันสังเกต” ปรียากรโบกยาดมไปมา พลางลูบที่หน้าท้องเบาๆ กลัวลูกในท้องตกใจเสียงแปดหลอดของเพื่อนแม่“แล้วนี่จะเอายังไง พ่อของลูก เขารู้เรื่องแล้วด้วย พี่ซีไม่ยอมปล่อยแกไปง่ายๆ แน่” ดูจากที่โทรจิกเธอทุกชั่วโมงก็พอรู้ได้“หรือจะคืนดี”“ไม่!” หญิงสาวตอบทันควัน “แกห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย บอกแค่แกแล้วก็พ่อแม่ฉัน”“ฉันน่ะไม่บอกแน่ แต่พ่อแม่ผัวเก่าแกล่ะ จะมั่นใจได้ยังไง เขาพ่อแม่ลูกกัน ยังไงรู้ว่ามีหลานต้องรีบบอกแน่” ปรียากรทำหน้าหนักใจ“ไม่หรอกแก พี่ซีเขาไม่เชื่อว่าลูกในท้องเป็นลูกเขา”“เชี่ยไรวะ!” คุณหมอสาวถึงกับสบถหยาบคาย