“ตาซีมีคนรักแล้วล่ะ เห็นพ่อแม่เขาบอกว่าพอเรียนจบก็จะขอผู้หญิงคนนั้นหมั้นและอาจจะแต่งงานกันหลังกลับจากเมืองนอก...”
สิ่งที่ได้ยินกระชากหัวใจเธอจนแทบหลุดจากอก
ไม่! ไม่ยอม!
ผู้หญิงโชคดีคนนั้นเธอก็รู้จัก เพราะเคยพบกันตอนวันเกิดของ ฉัตรินปีก่อนหน้าที่เขาจะไปเรียนต่อเมืองนอกไม่นาน เขาชวนเธอคนนั้นและเพื่อนๆ มาจัดวันเกิดที่บ้าน ปรียากรจึงรบเร้าขอตามพ่อแม่ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวของชายหนุ่มมาแต่ไหนแต่ไรไปร่วมงานด้วย
จำได้ว่าวันนั้นเจ้าของวันเกิดแต่งกายในชุดหล่อเหลาดูดีที่สุด ฉัตรินในสายตาเธอก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยวัยเจ็ดแปดขวบที่ตามพ่อแม่มาวิ่งเล่นที่บ้านหลังใหญ่ของคุณลุงคุณป้าเพื่อนสนิทสมัยเรียนของพ่อกับแม่
พี่ซี อายุห่างจากเธอประมาณ 5 ปี แต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เธอยังจำวันแรกที่พบกันได้ ตอนนั้นเขากำลังเรียนเปียโนที่บ้าน ภาพเด็กชายหน้าตาคมคายมีเสน่ห์นั่งตรงหน้าเปียโนสีขาวหลังใหญ่อย่างสง่างาม เขากำลังบรรเลงเพลงรักที่เพิ่งลงมือแกะโน้ตเองไปหมาดๆ ให้ทุกคนฟัง ราวกับภาพเจ้าชายในฝัน
เด็กหญิงปรียากรยืนมองภาพนั้นโดยไม่รู้เลยว่ามันจะติดตราตรึงในหัวใจเธอมาจนถึงทุกวันนี้ ต้นรักเล็กๆ ของเธอถูกปลูกขึ้นในหัวใจดวงน้อย และค่อยๆ เติบโตขึ้นตามวันเวลาที่เธอได้พบและรู้จักเขา
ฉัตริน คือพี่ชายใจดี ที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนกับเธอมาตลอด ไม่ว่าเธอต้องการอะไรเขาก็ตามใจไม่เคยขัด แต่ก็นั่นแหละ เขาปักอาณาเขตระหว่างเธอและเขาอย่างชัดเจน ในฐานะพี่ชายน้องสาวคนสนิท ไม่เคยคิดไกลเกินกว่านั้น ผิดกับเธอที่ล้ำเส้นคิดมากกว่าพี่น้องกับเขามานาน นับวันความต้องการที่ว่ามันก็เติบโตตามวัย แม้จะมีคนเข้ามาจีบ แต่เธอไม่เคยมองใคร นอกจากพี่ซีของเธอเพียงคนเดียว
มันคงเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ หากไม่มีใครบางคนก้าวเข้ามาแทรกและทำท่าว่าจะมาแย่งเขาไปครอบครองคนเดียว
รัญชิสา หรือ รัญ คือผู้หญิงคนนั้นที่ฉัตรินรักและต้องการมาเป็นคู่ครอง แถมยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ปรียากรต้องใช้แผนการที่ไร้ยางอายเพื่อให้ได้เขามา
ในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของฉัตรินคือวันที่เธอเลือกลงมือ!
ปรียากรยังจำสายตาคมกล้าที่ฉายรอยโกรธขึ้งปนผิดหวังคู่นั้นได้แม่น เมื่อถูกบีบคั้นจากพ่อแม่ของตัวเองให้แต่งงานทั้งที่ชายหนุ่มมีหญิงสาวในดวงใจอยู่ก่อน แน่นอนว่าเขาต้องไม่ยอมง่าย ๆ
‘ผมไม่ได้รักปูน เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องเป็นแผนชั่วร้ายของใครบางคน’ คำหลังเขาตวัดสายตาดุขึ้งมองมาทางปรียากรอย่างจับผิดจนเธอเสียวสันหลังวูบขึ้นมา
‘ทำไมพี่ซีว่าปูนอย่างนั้นล่ะคะ ในเมื่อพี่ซีเป็นคน ฮือๆ ...’ พูดไม่ทันจบน้ำตาไหลรินอาบแก้มราวกับสั่งได้
เธอไม่ได้แกล้งหรอก แต่น้ำเสียงที่สั่นเครือกับใบหน้าซีดเผือดนั้นมาจากความกลัวจับจิตจับใจ กลัวว่าความจะแตกจนเสียแผน กลัวทุกคนจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นแค่การจัดฉากโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น นาทีนั้นเธอขี่หลังเสือมาแล้ว ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือไปต่อให้สุดแล้วหยุดที่ได้ผู้ชายตรงหน้ามาครอบครอง
พี่ซีควรเป็นของเธอในฐานะที่ผู้ใหญ่เคยหมั้นหมายกันมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ไม่ใช่คนมาทีหลังแล้วชุบมือเปิบอย่างผู้หญิงคนนั้น
‘ในฐานะที่แกเป็นลูกผู้ชาย เมื่อทำลงไปแล้ว จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หนูปูนเขาก็เป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องรับผิดชอบหนูปูน แกต้องแต่งงานกับน้อง หรือไม่ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่ออีก’
ประกาศิตนั้นทำให้ฉัตรินถึงกับตกตะลึง เงยหน้ามองคนเป็นพ่อ อย่างผิดหวัง ในขณะที่ปรียากรลอบยิ้มในใจที่แผนสมดังหวัง
‘แต่ผมไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้’
คำนั้นทำเอาคนฟังถึงกับสะอึก หน้าชา หัวใจเจ็บวูบราวกับถูกโบยด้วยแส้ที่มองไม่เห็น
‘หึ ถ้าผมมีอะไรกับผู้หญิงแล้วต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานทุกคน ป่านนี้พ่อคนได้ลูกสะใภ้เป็นโหลไปแล้ว’ ชายหนุ่มส่งสายตาดูแคลนไปทางคนที่หยุดสะอื้นหันมามองหน้าเขาตาค้าง
‘ตาซี!’ คุณโฉมฉายถึงกับอุทานกับวาจาเชือดเฉือนของลูกชาย
‘อย่าเอาหนูปูนไปรวมกับผู้หญิงพวกนั้น’
‘แล้วทำไมจะรวมไม่ได้ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ดีเด่กว่าผู้หญิงคนอื่น แถมหน้าด้านไร้ยางอายกว่าด้วยซ้ำ’
คนถูกว่าจุกแปลบจนหน้าเสีย ที่ผ่านมาเธอไม่เคยพบกับพี่ซีในเวอร์ชั่นใจร้ายมาก่อนเลย เขาแสนดี อ่อนโยน สุภาพ
แต่เป็นเพราะเธอที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้สุดท้ายฉัตรินจำใจต้องทำตามคำสั่งบิดาอย่างเสียไม่ได้ เขายอมแต่งงานกับเธอเพื่อเห็นแก่บิดาและเป็นการแสดงความรับผิดชอบ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ได้เขามาแต่ตัว
ไม่สิ แม้แต่ตัวเขา เธอก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ มีแต่กระดาษทะเบียนสมรสที่เขาจำใจเซ็นต์ให้มาอย่างเสียไม่ได้ใบหนึ่ง กับตำแหน่งภรรยาที่สามีไม่รักและไม่เคยเหลียวแล
หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิด แม้จะได้เขามาเป็นสามี แต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทั้งที่เธอพยายามทำดีสารพัดและเปลี่ยนตัวเองทุกวิถีทางให้เหมาะสมกับฐานะภรรยาของเขา แต่ก็ไม่อาจลบล้างความผิดครั้งเดียวที่ทำลงไปจากใจอีกฝ่ายได้
จนกระทั่งเธอคนนั้นกลับเข้ามาอีกครั้ง และทำให้ปรียากรฟิวส์ขาดเมื่อได้เห็นทั้งสองไปฝากครรภ์ด้วยกันที่โรงพยาบาลเมื่อวาน หากเธอไม่ไปพบเข้าเสียก่อนก็ไม่แน่ว่าคนเคยรักกันทั้งสองจะไปจบกันที่ใด
เพียงคิดความหึงหวงก็บังตา ไม่อยากจะคิดว่าที่ผ่านมาสองคนนั่นทำอะไรลับหลังเธอบ้าง
กับเธอ ฉัตรินแสนจะเย็นชา ทำหมางเมินใส่สารพัด แต่กับรัญชิสา เขากลับทำตัวอ่อนโยน ใส่ใจความรู้สึกของฝ่ายนั้นอย่างน่าอิจฉา
ใช่! เธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้ความรักของเขาไปครอง โดยไม่ต้องพยายามให้เหนื่อย หลังจากหายหน้าไปนานกว่าสองปี พอกลับมาฉัตรินก็พร้อมจะอ้าแขนรับ ปรียากรกะพริบตาถี่ๆ เพื่อสะกดกลั้นน้ำตาแห่งความอ่อนแอไม่ให้รินไหลออกมา ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งครรภ์เกือบสองเดือน เธอกลับไร้วี่แววว่าจะมีลูก แถมสามีกลับมาท้าให้เธอหย่าเหย็งๆ
เธอต้องทำยังไงถึงจะได้ความรักของเขาแบบที่ผู้หญิงคนนั้นได้ไป ในเมื่อหัวใจของฉัตรินปักธงความเกลียดชังเธอไปเสียแล้วเต็มอกในฐานะคนหน้าด้าน ไร้ยางอาย ที่ทำลายความรักของเขากับผู้หญิงคนนั้น
คิดแล้วก็น่าน้อยใจ เธอมีอะไรสู้รัญชิสาคนนั้นไม่ได้งั้นหรือ เขาถึงไม่รัก แต่งงานกันมาเกือบสองปี สามีสุดที่รักกลับเปิดโหมดเย็นชาใส่ตลอด อะไรที่ทำให้เธอเจ็บช้ำใจได้ เขาทำทุกอย่างกับคำพูดที่ติดปาก
‘ถ้าทนไม่ได้ก็หย่าไปซะสิ จะได้จบๆ’
เขารอคอยวันนั้นเสมอ...
เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ปรียากรเผลอยิ้มออกมา เมื่อคิดว่าบางทีอาจเป็นคนที่กำลังคิดถึงทุกลมหายใจย้อนกลับมาเพราะเป็นห่วง แต่รอยยิ้มนั้นกลับหายวับไปในไม่กี่วินาทีต่อมา“คุณปูนคะ ป้าเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของตนไว้ ไม่ได้คิดจะสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนออกปากอนุญาตให้แม่บ้านเข้ามาได้“อุ๊ย! ตายจริง”คนมาใหม่ถึงกับอุทาน หน้าร้อนวาบๆ เมื่อเห็นสภาพห้องนอนของเจ้านายสาวที่มีเสื้อผ้าชุดชั้นในกระจายเกลื่อนที่พื้น คนไม่โง่คงเดาไม่ยากว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และเจ้านายทั้งสองคงจะ ‘จัดหนัก’ ใช่เล่น ถึงทำให้คนที่ปกติตื่นแต่เช้า ถึงขั้นนอนซมจนลุกไม่ขึ้นเช่นนี้“ป้าคะ พี่ซีล่ะคะ”“ออกไปทำงานแล้วค่ะ ป้าเห็นคุณปูนยังไม่ลงมาสักทีเลยเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”“แล้วก่อนไปทำงานพี่ซีพูดอะไรบ้างไหมคะ” เธอถามอย่างคาดหวังลึกๆ เธอก็แอบคิดตามประสาคนช่างฝัน ถ้าเขารู้ว่าเมื่อคืนคือครั้งแรกของเธอ และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทั้งตัวและหัวใจเธอไป จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหมนะ อย่างน้อยความโกรธเกลียดในใจจะ
“ป้าแน่ใจนะครับว่าเห็นเขากินยาด้วยตาตัวเอง โอเคครับ งั้นฝากป้าช่วยดูด้วยแล้วกัน อย่าให้เขาก่อเรื่องที่ไหน ถ้ามีอะไรก็รีบโทรมารายงานผมด้วย”ฉัตรินกดวางสายจากคุณแม่บ้านซึ่งโทรมารายงานเรื่องที่เขามอบหมายให้ทำเสร็จเรียบร้อย และเห็นกับตาว่าหญิงสาวกินยาคุมฉุกเฉินตามคำสั่งของเขาแล้วเขาไม่ต้องการมีลูกกับผู้หญิงอย่างปรียากร ลำพังแค่ต้องจำใจแต่งงานแบบมัดมือชกก็มากเกินพอแล้ว หากต้องมามีห่วงมาผูกคอเพิ่ม ชีวิตเขาคงวุ่นวาย แถมเด็กที่เกิดมาก็ต้องมาทนทุกข์กลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะพ่อกับแม่ไม่ได้รักกันอีก ดังนั้นควรตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่าหากจะมีอะไรกันอีกคราวหน้า เขาจะต้องไม่พลาดเรื่องการป้องกันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ง่ายกว่าการบังคับให้อีกฝ่ายต้องกินยาคุมฉุกเฉินแบบนี้ทุกครั้งชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน รวมถึงสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดว่าคืนนั้นเขากับปรียากรมีอะไรกันจริงหรือไม่ หากอีกฝ่ายยังคงบริสุทธิ์จนถึงเมื่อคืนที่มีอะไรกัน งั้นก็แปลว่าเรื่องในคืนนั้นก็เป็นแผนที่เธอจัดฉากขึ้นมาเพื่อจับเขาน่ะสิ“ยัยบ้าเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถอย่างเจ็บใจ ที่ผ่านมาเขาเองไม่แน่ใจเพ
บรรยากาศคึกคักของผับหรูย่านใจกลางเมืองแห่งนั้นเหมือนจะหยุดไปชั่วขณะเมื่อมีชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยก้าวเข้ามาใหม่ สายตาของสาวๆ จึงพุ่งตรงมาที่เขาโดยไม่ได้นัดหมาย หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก“ไอ้ซี ทางนี้...”ฉัตรินหันขวับไปตามเสียงเรียก เมื่อเห็นเพื่อนสนิทโบกมือให้ เขาจึงเดินตรงไปทางโต๊ะวีไอพีนั้นทันที หากแล้วร่างสูงก็ต้องชะงักปลายเท้า เมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่สุดปลายโต๊ะและมองตรงมาที่เขาด้วยแววตาลึกซึ้งที่ทำให้เขาต้องสะดุดอย่างจัง“อ้าวๆ เห็นแฟนเก่าแล้วค้างเลยนะมึง” นราธิป หรือ นอต แซวเพื่อนสุดหล่อ ความที่รู้จักกันมานานทำให้รู้ไส้รู้พุงของกันและกันดี“ยุ่งน่า!” ฉัตรินกระแทกกลับไม่ไว้หน้า พร้อมเก็บสายตากลับมา แต่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายยังคงมองมาที่เขาอยู่“ไม่พาเมียมาด้วยเหรอวะ น้องปูนคนสวยอยู่ไหนล่ะ”ดวงตาคมกริบตวัดมองคนปากดีเขียวปั๊ด ใจกระหวัดไปถึงเมียที่บ้านก่อนจะรีบปัดออกจากหัวสมองอย่างไว“จะไปรู้เหรอ ตัวไม่ได้ติดกัน”“โอ๊ะโอ๋...เมียมีเมียพี่ต้องมา นี่เมียไม่มางั้นก็แปลว่าวันนี้โสดสินะไอ้เพื่อนรัก” ปราการ หรือ เป้ เพื่อนสนิทอีกคนแซวเป็นเพลง พร้อมกับให้สัญญ
รัญชิสาชะงักไปนิดๆ เหมือนจะหน้าชาๆ แต่เธอฉลาดพอที่จะนิ่งทำหูทวนลมเสียไม่ต่อปากต่อคำใครกันแน่มือที่สาม เธอกับฉัตรินรักกันมาก่อนจนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่กลับต้องถูกยัยนั่นเข้ามาแทรกและวางแผนแย่งเขาไปหน้าด้านๆ“แล้ววันนี้เรียกออกมานอกจากกินเหล้าแล้วมีอะไร”“ถามไอ้เป้นู่นสิ มันเป็นคนให้นัด” นราธิปโยนกลองให้เพื่อนคู่หูที่ตอนนี้เริ่มกรึ่มได้ที่ สีหน้าอีกฝ่ายดูมีความสุขมากล้น“กูมีข่าวดีจะบอก แล้วก็มีเรื่องจะขอร้องพวกมึงด้วย”ฉัตรินขมวดคิ้วแน่น มองเพื่อนรักที่กำลังทำหน้าเหมือนเขินๆ“อะไรวะ ทำลับลมคมใน มีอะไรก็พูดมา”“กูกำลังจะแต่งงาน แล้วก็อยากให้พวกมึงมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้”“หา!”นราธิปทำตาโต ในขณะที่เพื่อนคนอื่นก็พลอยตกใจไปด้วย เพราะไม่มีวี่แววมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะสละโสด นอกจากฉัตรินที่จับพลัดจับผลูแต่งงานสายฟ้าแลบแล้ว ในกลุ่มก็ไม่มีใครมีวี่แวว“ใครวะ สาวที่โชคร้ายคนนั้น”“ลูกสาวเพื่อนแม่กูเอง เห็นมาแต่เด็กแล้ว”“อย่าบอกนะว่าโดนคลุมถุงอีกราย” คนปากกล้าประจำกลุ่มชิงดักคอ“ไม่เชิงว่ะ คนนี้กูปิ๊งเขาตั้งแต่แรกพบ รักจริงหวังแต่งเลย” พอขาดคำก็ได้รับเสียงโห่อย่างหมั่นไส้จากเพื่อนๆ ทั้งกลุ่ม“เป็
“เออ ไม่เลวนะ งั้นเดี๋ยวฉันขอติดรถไปด้วยคนแล้วกัน รถจอดไว้นี่ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้คนมาขับกลับก็ได้”นราธิปพยักเพยิดตาม จนหญิงสาวลอบค้อนใส่อย่างขัดใจ แต่ต้องสะกดสีหน้าไม่พอใจไว้ไม่ให้ฉัตรินเห็นจนเกิดสงสัยแต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่นราธิปเสนอมา จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ของดังมาขัดจังหวะเสียก่อน พอมองชื่อที่ขึ้นหน้าจอก็ทำให้เจ้าของโทรศัพท์งุนงง ก่อนยื่นหน้าจอไปทางฉัตริน“ไอ้ซี เบอร์แม่มึงหรือเปล่าวะ ช่วยดูหน่อย กูตาลาย”ฉัตรินมองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นเบอร์ของแม่เขา แต่ปกติอีกฝ่ายไม่เคยโทรมาเวลานี้ และยิ่งไม่มีทางโทรหาเพื่อนสนิทของเขาโดยไม่จำเป็น นอกจาก...จะมีใครไปขอร้องให้โทรตามจะมีใครได้ที่โทรหาเขาไม่ได้ก็แจ้นไปฟ้องแม่ผัวให้โทรมาตามจิกแทนตัวเอง แค่คิดก็ฉุนกึกขึ้นมาเสียแล้ว“โทรหามึง มึงก็รับสิ”“อ้าว ไอ้นี่ เออๆ รับให้ก็ได้วะ” ทันทีที่เขากดรับสาย ก็ได้ยินเสียงร้อนรนตอบกลับมาทำให้นราธิปแทบสร่างเมา“ตานอต นี่แม่โฉมเองนะลูก ตาซีอยู่ด้วยกันไหมจ๊ะ”“ครับคุณแม่ อยู่ด้วยกันครับ”“งั้นแม่ขอสายหน่อยได้ไหมลูก”“แม่มึงจะคุยด้วย” นราธิปรีบยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือเพื่อนฉัตรินกรอกตาไปมาก่อนจะเดินเลี่
“ตายจริง! คุณพูดอะไรแบบนั้นคะ...” คุณโฉมฉายอุทาน พลางมองหน้าสามีอย่างตกใจ แม้ลึกๆ เธอเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา เพราะหยิกเล็บก็จะเจ็บเนื้อเปล่าๆ“หรือไม่จริง หากได้เมียไม่ดีก็แล้วไปเถอะ แต่นี่เขาก็ทำดีด้วยทุกอย่าง มีของมีค่าในมือแต่ลูกเรามันดันไม่เห็นคุณค่า จะทนอยู่ไปทำไม”“อยู่เพราะรักไงคะ ถ้าไม่รัก ลูกเราทำกับเขาขนาดนี้ เป็นใครก็คงไม่ทน แต่ความรักที่ทุ่มใจให้อยู่เพียงฝ่ายเดียวมันจะก็เหมือนโยนก้อนหินถมทะเล ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มหรอก แล้วสักวันหนึ่งความอดทนของคนมันก็ต้องมีที่สิ้นสุด เป็นฉันคงขอหย่าไปนานแล้วล่ะ” คนเป็นทั้งแม่และแม่สามีได้แต่ถอนใจ“เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าซีมันไม่ไยดีเมียมันก็ช่าง พวกเราในฐานะพ่อแม่ก็ช่วยดูแลหนูปูนให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วกันนะแม่นะ”“แล้วนี่เราจะโทรบอกพ่อแม่หนูปูนว่ายังไงคะ”“ตอนนี้เห็นว่าสองคนไปดูงานที่ต่างประเทศยังไม่กลับ งั้นก็ยังไม่ต้องบอกอะไรแล้วกัน รอให้พวกเขากลับมาก่อน แล้วพ่อค่อยไปขอโทษด้วยตัวเอง” สองสามีภรรยาได้แต่สบตากันอย่างหนักอกหนักใจโดยทั้งสองหารู้ไม่ว่าบทสนทนาของพวกตน ทำให้คนป่วยที่รู้สึกตัวมาพักหนึ่งแต่ยังลืมตาไม่ขึ้นเพราะฤท
ฉัตรินสะบัดศีรษะไล่ความมึนปนง่วงงุน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาดูเวลา ก็พบว่ามันปิดเครื่องอยู่ จึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขากดปิดเครื่องเพราะรำคาญใครบางคนที่โทรจิก‘หนูปูนไม่สบายอาการไม่ค่อยดีเลย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ลูกรีบมาด่วนเลย’ คำนั้นของมารดาดังเข้ามาในหูจริงสิ ยัยนั่นก็เข้าโรงพยาบาลเหมือนกันนี่นาเพียงเขากดเปิดเครื่อง เสียงสัญญาณเตือนข้อความต่างๆ ก็ดังขึ้นรัวๆ ทั้งเบอร์ที่ไม่ได้รับหลายสาย หรือไลน์ที่ไม่ได้เปิดอ่าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากคนเดียวกัน คิ้วเข้มขมวดแน่น เมื่อความรู้สึกบางอย่างโจมตีเข้ามาในหัวใจหรือว่ายัยนั่นอาการจะหนักจริง“มีอะไรหรือเปล่าวะซี” นราธิปหันไปถามเพื่อนที่ทำหน้ายุ่งเหยิง “หรือว่าเกี่ยวกับที่แม่มึงโทรหากูเมื่อวาน”“อืม...มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อย”“อ้าว แล้วทำไมไม่รีบบอกวะ งั้นมึงรีบกลับไปจัดการก่อนเลย ทางนี้ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว เดี๋ยวกูจัดการให้เอง”“มีเรื่องอะไรหรือคะซี” คนป่วยถาม แต่หางตาจิกไปทางก้างขวางคออย่างขัดใจ“ไม่มีอะไรหรอก งั้นรัญพักผ่อนก่อน ไอ้นอตกูฝากด้วยแล้วกัน”“อืม รีบไปเถอะ”“ซีคะ...”รัญชิสาทำท่าจะรั้งตัวอีกฝ่ายไว้ แต่ก็ไม่ทันเพราะอีกฝ่ายผลุนผลันออ
“แล้วถ้าหนูไม่อยากโยนหินถมทะเลอีกต่อไปแล้วล่ะคะ คุณแม่จะว่ายังไง”ประโยคนั้นทำให้หญิงมากวัยกว่าใจหายวาบ“หนูได้ยินที่พ่อกับแม่คุยกันที่โรงพยาบาลคืนนั้นหรือลูก”ปรียากรพยักหน้ารับ“ค่ะ ได้ยินทุกอย่าง และปูนขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่มันทำให้ปูนได้คิด จริงๆ น่าจะคิดได้นานแล้วด้วยซ้ำ”“หนูปูน...”“คุณแม่จะว่ายังไงคะ ถ้าปูนจะหย่ากับพี่ซี”ประโยคนั้นทำเอาคนฟังสตั้นไปพักใหญ่ แม้จะเคยคิดว่าต้องมีวันนี้ แต่ก็อดใจหายไม่ได้คนเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนมองหญิงสาวที่เธอเห็นมาแต่เล็กอย่างเห็นใจ ในเมื่อความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ ชีวิตคู่ที่ทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียวสักวันมันก็ต้องพังทลายเมื่อความอดทนของฝ่ายหนึ่งสิ้นสุด“ถ้าหนูคิดดีแล้ว แม่ก็เคารพการตัดสินใจของหนู ชีวิตคู่ที่เราพยายามอยู่ฝ่ายเดียวมันเหนื่อย แม่เข้าใจหนูนะลูก”คำนั้นทำให้คนฟังสะเทือนไปทั้งใจ จนน้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนเข้าสวมกอดคนที่เธอรักไม่ต่างจากแม่แท้ๆ อย่างตื้นตันระคนใจหายคุณโฉมฉายลูบหลังลูบไหล่บางปลอบ
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&
ที่แผนกสูตินรีเวชกรรม ปรียากรพร้อมด้วยอดีตพ่อแม่สามีนั่งรอคิวเพื่อฟังผลตรวจและอัลตราซาวน์ ทั้งสามพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินและตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพแรกของลูกในท้องหญิงสาว โดยไม่ได้สนใจส่วนเกินที่เดินตามมานั่งที่ด้านหลังเงียบๆ“อ้าว แล้วแกไม่ไปทำงานทำการเหรอเจ้าซี” คุณเกรียงไกรหันไปถามลูกชายที่นั่งทำตัวเป็นอากาศ เพราะไม่มีใครคุยด้วย“เดี๋ยวเสร็จจากฝากครรภ์ค่อยไปครับพ่อ” ชายหนุ่มบอกราวกับจะมาฝากครรภ์เสียเอง“กลับไปเลยก็ได้มั้ง เดี๋ยวทางนี้พ่อกับแม่ดูเอง” คนเป็นแม่บอกอย่างไม่ไยดี แต่ฉัตรินกลับทำหูทวนลม ตาแอบมองอดีตเมียเก่าที่ทำตัวเฉยเมยไม่สนใจ แทบไม่มองหน้าเขาตั้งแต่ตอนนั่งรถมาด้วยกันก็อดขัดใจไม่ได้“คุณปรียากรค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องขานชื่อ ทำให้ทั้งคณะลุกพรึ่บขึ้นแทบพร้อมกัน“จะเข้าไปทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” ทุกคนพร้อมใจกันปรายตาไปมองส่วนเกินที่ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้เป็นตาเดียว“ครับ ทั้งหมดนี่เลย” ฉัตรินตอบอย่างมั่นใจ ในเมื่อมาแล้วเขาก็อยากเห็นผลผลิตที่อาจเป็น
ปรียากรมองคนถามอย่างหยั่งเชิง“ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นห่วง” คิดว่าเขาคงโต้กลับทำนองว่าอย่าหลงตัวเองเหมือนทุกที แต่ก็เปล่า“ใช่ พี่เป็นห่วง”คำนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ใจสั่นไหว“ห่วงลูกในท้อง”นั่นไง เธอว่าแล้ว“คุณเอาเวลาไปห่วงลูกในท้องพี่รัญเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับลูกฉันเลย” เธอไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง เธอเหนื่อยกับเขาเต็มทีแล้วกระทั่งยอมแพ้และเดินออกจากชีวิตอีกฝ่าย“อย่าลืมสิคะว่าเราหย่ากันแล้ว”ชายหนุ่มนั่งนิ่งงัน เพราะบางสิ่งกำลังก่อกวนในหัวใจเขาอย่างหนักหน่วง“พี่รู้ แต่ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริง”ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับโทสะ ไม่ให้เผลอข่วนหน้าคนพูดจนเป็นแผลเหวอะหรือชกเขาไปสักหมัด ข้อหาพูดจาไม่เข้าหูไม่ใช่ลูกเขาจะเป็นลูกใครได้ล่ะ ในเมื่อคืนนั้นเขาเล่นเคี่ยวกรำเธอจนระทวยไปกี่รอบต่อกี่รอบก็จำไม่ได้ จนไข้ขึ้นต้องนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวัน ยังจะมาสงสัยว่าลูกใครไม่เลิกไอ้ผัวผีบ้านี่! ไม่สิ ต้องเรียกว่าผัวเก่า ถึงจะถูก“เอาล่ะ งั้นฉันขอถามหน่อย ถ้าเขาใช่ลูกคุณจริงแล้วจะยังไงต่อ คุณจะกลับมารับผิดชอบฉันกับลูกหรือไง หรือว่าจะมาแย่งลูกไปจากฉัน หรือว่า...จะให้เอาออก เพราะคุณไม่อยากมีล
“เวรของกรรม!” จนิตาถึงกับอุทานลั่น เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากเพื่อนรัก หลังจากที่เธอรีบแจ้นมาหาถึงที่คอนโดทันทีที่วางสายจากฉัตริน“ท้องเกือบสองเดือนเนี่ยนะ ทำไมแกไม่รีบบอกฉันให้ไวกว่านี้”“ฉันก็เพิ่งรู้ไหม ช่วงก่อนย้ายบ้านก็วุ่นวายจนไม่ทันสังเกต” ปรียากรโบกยาดมไปมา พลางลูบที่หน้าท้องเบาๆ กลัวลูกในท้องตกใจเสียงแปดหลอดของเพื่อนแม่“แล้วนี่จะเอายังไง พ่อของลูก เขารู้เรื่องแล้วด้วย พี่ซีไม่ยอมปล่อยแกไปง่ายๆ แน่” ดูจากที่โทรจิกเธอทุกชั่วโมงก็พอรู้ได้“หรือจะคืนดี”“ไม่!” หญิงสาวตอบทันควัน “แกห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย บอกแค่แกแล้วก็พ่อแม่ฉัน”“ฉันน่ะไม่บอกแน่ แต่พ่อแม่ผัวเก่าแกล่ะ จะมั่นใจได้ยังไง เขาพ่อแม่ลูกกัน ยังไงรู้ว่ามีหลานต้องรีบบอกแน่” ปรียากรทำหน้าหนักใจ“ไม่หรอกแก พี่ซีเขาไม่เชื่อว่าลูกในท้องเป็นลูกเขา”“เชี่ยไรวะ!” คุณหมอสาวถึงกับสบถหยาบคาย