ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่งมีผู้คนเข้ามาใช้บริการกันมากมายเพราะเป็นช่วงพักเที่ยง หญิงสาวร่างเพรียวระหงในชุดเดรสกระโปรงสีฟ้าดูอ่อนหวานเปิดประตูเข้ามาในนั้น เธอยืนเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกำลังหาใครสักคน จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก
“ปูน! ทางนี้...”
ปูน หรือ ปรียากร หันไปตามเสียงเรียกก็พบกับเพื่อนรักกำลังกวักมือหยอยๆ จึงเดินตรงเข้าไปหาทันที
“ขอโทษทีนะจิน รอเรานานหรือเปล่า รถติดมากวันนี้”
จิน หรือ จนิตา ส่ายหน้าไปมา
“ไม่นานหรอกแก เราทำงานที่นี่อยู่แล้วก็เลยมาไวเป็นธรรมดา”
“แล้ววันนี้งานไม่ยุ่งเหรอ เลยมีเวลาให้เราได้”
ปรียากรมองคุณหมอสาวด้วยรอยยิ้ม จนิตาทำงานเป็นแพทย์ด้านสูตินรีเวชมานานหลายปี แต่เธอก็เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม รวมถึงสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันแม้จะคนละคณะในขณะที่จนิตาเลือกคณะแพทย์ ปรียากรกลับเลือกเรียนบริหารเพื่อหวังจะช่วยงานธุรกิจของที่บ้าน จนกระทั่งต่างคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก มีแต่ส่งข้อความหากันบ้างตามแต่จะสะดวก
“ยุ่งสิ ถ้าไม่ใช่แก ฉันคงไม่ออกมารับเอง แล้วนี่ผัวแกไปไหน ทำไมให้แกมาคนเดียวล่ะ”
ปรียากรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเอ่ยถึงผู้เป็นสามี
“เขาติดงานน่ะสิ แกก็รู้ว่าพี่ซีเป็นผู้บริหาร งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาไปไหน กลับก็ดึกทุกวัน”
“ยุ่งแค่ไหนก็ไม่ควรปล่อยให้เมียมาตรวจสุขภาพเตรียมความพร้อมก่อนมีลูกคนเดียวไหมยะ”
คนถูกเหน็บถอนหายใจอีกเฮือก รู้ดีแก่ใจว่าเพราะอะไรเขาคนนั้นถึงไม่มา หากไม่เห็นแก่ผู้ใหญ่ฝ่ายสามีที่คอยถามไถ่กันนักหนาว่าเมื่อไหร่จะมีหลานให้อุ้มเสียที เธอก็คงไม่ต้องลำบากใจเช่นนี้ ก็เด็กน่ะทำให้เกิดคนเดียวได้ที่ไหนถ้าอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ
อ้อ! อาจจะได้ในกรณีที่เธอขอรับบริจาคสเปิร์มคนอื่นมา แต่จะต้องยุ่งยากทำเช่นนั้นไปทำไม ในเมื่อเธอมีสามีอยู่แล้วทั้งคน และเธอก็รักเขาสุดหัวใจขนาดนั้น แต่ทว่า...
“ปูน แกเป็นอะไรไป ทำไมนิ่งไปล่ะ”
“หืม เปล่านี่ ไม่เป็นไร แกกินอิ่มหรือยัง”
“อืม อิ่มแล้ว”
“งั้นเราไปกันเลยไหม”
“อ้าว แล้วแกไม่กินอะไรหน่อยเหรอ” คนถูกถามค้อนใส่
“กินอะไรล่ะ ก็แกบอกเองว่าให้ฉันงดข้าวงดน้ำก่อนตรวจแปดชั่วโมงไม่ใช่เหรอ ลืมแล้วหรือไงยะคุณหมอจิน”
“เออ...จริงด้วย ขอโทษๆ ฉันลืมจริงๆ ทำงานหนักจนเบลอแล้วเนี่ย งั้นรอแป๊บนะแก ขอไปจ่ายตังค์ก่อนนะ...เอ๊ะ!” ยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็อุทานออกมาเมื่อสายตาหันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่กำลังลุกขึ้นพอดี
“นั่นมัน...สามีแกไม่ใช่เหรอปูน!” คำนั้นทำให้ปรียากรต้องรีบหันขวับไปมองตามทันใด แว่บแรกแอบดีใจที่เห็นเขา แต่ทว่าความดีใจนั้นอยู่ได้ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเมื่อได้เห็นคนที่มาด้วย...
“แล้วนั่นเขามากับผู้หญิงที่ไหนน่ะ หน้าคุ้นๆ จัง”
ราวกับโดนฟ้าผ่ากลางหัว เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เดินเคียงข้างสามีเธอด้วยรอยยิ้มประหนึ่งเป็นคู่รักหวานชื่น มีจังหวะหนึ่งที่ฝ่ายหญิงเหมือนจะสะดุด แต่ฝ่ายชายก็รีบเข้าประคองทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะล้ม ตั้งแต่แต่งงานกันมาเธอยังไม่เคยเห็นเขามีใบหน้าอ่อนโยนเช่นนั้นกับเมียแต่งอย่างเธอสักครั้ง แค่คิดหัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมา แน่นอนว่าเธอเองย่อมจำได้แม่นว่าคนที่เขากำลังประคับประคองดูแลราวกับไข่ในหินผู้นั้นเป็นใคร
“ก็ไหนแกว่าพี่ซีงานยุ่งไง...อ๊ะ! อ้าว! ยัยปูนรอฉันด้วยสิ” จนิตาเอะอะ เมื่อเห็นร่างเพรียวระหงของเพื่อนรักผลุนผลันเดินตามคนทั้งสองที่เพิ่งเดินออกไปจากร้าน จนทำให้คุณหมอสาวต้องรีบจ่ายเงินและวิ่งหน้าตั้งตามเพื่อนไปเพราะเกรงจะเกิดเรื่อง
ยามปกติปรียากรคือผู้หญิงอ่อนหวานใจดี แต่อย่าให้องค์ลงจนนางฟ้าต้องกลายร่างเป็นนางมารเชียว ซึ่งในกรณีตรงหน้านี่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ปรียากรรู้สึกราวกับทุกย่างก้าวที่เธอกำลังเดินนั้นปูด้วยพรมหนามแหลมคมคอยทิ่มตำที่หัวใจ ยามที่ได้เห็นคนตรงหน้าทั้งสองสนทนากัน หัวเราะ หรือยิ้มให้กัน มันยิ่งบาดตาบาดใจทำให้เธอร้อนรุ่มในอกจนแทบหายใจไม่ออก เพราะสิ่งเหล่านั้นสามีสุดที่รักไม่เคยทำต่อเธอเลยตั้งแต่แต่งงานกันมา
“ยัยปูนรอฉันด้วยสิ”
จนิตารีบจ้ำอ้าวมาจนทันเพื่อนที่เดินตามสามีและผู้หญิงคนนั้นไปห่างๆ แต่ไม่คลาดสายตา โดยยังไม่ได้เข้าไปจิกหัวอีกฝ่ายตบด้วยความหึงหวง แต่มันก็ไม่แน่ ที่ยังไม่ได้ทำอาจจะเพียงเพราะอยากรู้ว่าทั้งสองมาทำอะไรที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้
แล้วเพียงไม่นานคำตอบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านในหัวใจเมื่อมองเห็นป้ายชื่อแผนกที่คนทั้งสองเพิ่งเดินหายเข้าไปด้านใน
‘แผนกสูตินรีเวชกรรม’
จนิตาแอบหายใจไม่ทั่วท้อง หันไปมองหน้าเพื่อนรักที่ตอนนี้นิ่งจนน่ากลัว
“ปูน...ใจเย็นๆ ก่อนนะแก อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้” คุณหมอสาวเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ ชายหญิงจูงมือกันมาที่แผนกที่เธอทำงานอยู่มันจะมีสักกี่เรื่องกัน
“แกรอตรงนี้ก่อนนะอย่าเพิ่งเข้าไป เดี๋ยวฉันเข้าไปถามให้ก่อน จำไว้ว่าใจเย็นๆ ตั้งสติเข้าไว้ อย่าวู่วาม”
“อืม...” หญิงสาวนิ่งคิดตาม ก่อนพยักหน้ารับ ตาคู่งามที่ตอนนี้ร้อนผ่าวยังคงมองเข้าไปในศูนย์นั่นทั้งที่ไม่เห็นเงาของคนทั้งสองแล้ว ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
เขามาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไมถึงมากับผู้หญิงคนนั้น ที่ผ่านมาคนทั้งสองแอบคบกันลับหลังเธอหรือ ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งยอกแสยง รุ่มร้อนไปหมดทั้งหัวใจ ต่อให้ไม่รักเธอก็ยังไม่รู้สึกเจ็บเท่านี้เลย
รอเพียงไม่นาน จนิตาก็เดินหน้าเครียดออกมาหาเพื่อนรัก
“พวกเขามาทำอะไรกันจิน บอกฉัน บอกมา...”
คนถูกคาดคั้นต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา
“ฝากครรภ์!”
ร่างเพรียวบางถึงกับเข่าอ่อนเกือบทรุดฮวบทันทีที่ได้ยินคำนั้น
“ท...ท้องงั้นเหรอ!”
“ท...ท้องงั้นเหรอ!”“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นท้องได้แปดสัปดาห์แล้วแก”ในขณะที่เธอต้องการมีลูกกับเขาจนต้องมาตรวจสุขภาพ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการมีบุตร ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ในเมื่อสามีสุดที่รักที่แต่งงานกันมาเกือบสองปีไม่เคยเหลียวแล หรืออยากแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง แล้วจะให้เธอท้องยังไงได้ แต่กับผู้หญิงคนนั้นที่กลายเป็นแฟนเก่าและหายไปจากชีวิตเขานานพอๆ กับที่เธอแต่งงานมากลับตั้งครรภ์ถึงแปดสัปดาห์นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันจิน” น้ำเสียงสั่นเครือพึมพำ น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้ล้นออกจากตาจนเจ้าตัวต้องรีบปาดทิ้ง สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเจ็บจี๊ด แต่ยังไม่เท่าความปวดร้าวที่หัวใจต่อให้ไม่รักกันก็ช่าง แต่การที่เขาแอบทรยศนอกใจกันกลับไปหาแฟนเก่าจนตั้งครรภ์ลับหลังเธอนี่มันคืออะไรกันจนิตาไม่รู้จะปลอบเพื่อนรักอย่างไรดี ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ เรื่องราวความรักหรือเรื่องในครอบครัวของอีกฝ่ายเธอเองก็พอรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ ทว่ามันก็บังเอิญเกินไปไหมที่สามีเพื่อนกับแฟนเก่าต้องเจาะจงมาฝากครรภ์วันเดียวกับที่เพื่อนเธอตั้งใจมาตรวจสุขภาพเพราะ
“บอกปูนมานะ เด็กในท้องพี่รัญเป็นลูกใคร ใช่ลูกพี่หรือเปล่า” คำถามนั่นทำให้คนถูกถามหันมาทำหน้าเย็นชาใส่ ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไม่อยากเสวนาด้วย“พี่อย่าเดินหนีนะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” หญิงสาวรีบคว้าแขนเขาไว้อย่างลืมตัวด้วยโทสะที่เก็บมาตลอดทาง เพราะคนได้ชื่อว่าสามีไม่ยอมอธิบายให้กระจ่าง ต่อให้เธอพยายามใจเย็นแค่ไหน ใครจะไม่ตะบะแตก“ถ้าฉันบอกว่าใช่แล้วไงล่ะ เธอจะทำยังไงเหรอ หรือว่า...” ฉัตรินแกล้งทอดเสียงยั่วโมโห “จะยอมหย่า”คำนั้นทำเอาคนฟังสะอึกอึ้งไปชั่วขณะ รู้ดีแก่ใจว่าเขาพร้อมจะทำอย่างที่พูดได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องอะไรเธอต้องยอมทำแบบนั้นให้เขาสมใจ“ฝันไปเถอะ ทำไมปูนต้องยอมหย่าให้พี่ไปสมหวังกับชู้รักเก่าด้วย”“ปูน!”“ปูนไม่หย่า ถ้าพี่อยากให้ลูกของพี่รัญเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสก็ตามใจสิ แต่ปูนไม่หย่าแน่”“เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากชีวิตฉันสักทีปูน”เสียงคำรามก้องผสมผสานด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหยาดเยิ้มสะดุ้งสะเทือน หวาดผวา หรือว่าตกใจกลัวแต่อย่างใด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนอีกฝ่ายสาดคำใจร้ายพวกนี้ใส่หน้า ปรียากรยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ มุมปากของเธอแต้มร
“สามีที่ดีงั้นเหรอ?”คนใจร้ายทวนคำด้วยสีหน้าเหยียดหยัน ดวงตาคมจัดที่เธอเคยหลงใหลมาตลอดกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของคนที่กำลังเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะภรรยาที่เขาไม่ต้องการอย่างเลือดเย็น จนคนถูกมองใจหาย รู้สึกหนาวยะเยือกในอก“ใช่ค่ะ เป็นสามีที่ดี พี่ทำเป็นไหม” คนถูกถามแค่นยิ้มเหี้ยม พลางใช้ลิ้นเดาะกระพุ้งแก้มตัวเองแบบกวนๆ“ก็คงทำเป็นมั้ง ถ้าเมียของฉันเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ”หญิงสาวหน้าเสีย ความขมขื่นแล่นขึ้นมาจุกที่คอหอย“เสียใจด้วยนะ ที่มันใช่ ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง แต่ปูนก็เป็นเมียพี่...”“หึ ก็แค่เมียในนามไหม ไม่พอใจก็หย่ากันเลยก็ได้นะ” คำท้านั่นทำเอาคนฟังสะอึก หัวใจราวกับถูกกระชากออกจากอก“หย่ากันซะให้จบๆ ทางใครทางมันไปเลย”“คำก็หย่า สองคำก็หย่า พี่อยากหย่ากับปูนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เธอก็รู้ดีแก่ใจนี่ จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าไม่พอใจก็หย่าซะสิ”ปรียากรแค่นยิ้ม หัวใจปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว“ไม่ค่ะ ปูนไม่หย่า ใครที่รอแย่งผัวคนอื่น อยากรอก็รอไปแล้วกัน เพราะปูนไม่หย่า...”“เอาเถอะ ถ้าเธอเสี้ยนอยากเป็นเมียฉันมากขนาดนั้น งั้นฉันก็จะลองกลั้นใจหลับหูหลับตา ‘เอา’ อีกสักครั้งก็ได้”ฉัตรินกดรอย
แม้จะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้วพักใหญ่ แต่ฉัตรินก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเรือนร่างงดงามตรงหน้าให้เป็นอิสระ ยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยจริง ทั้งสวยทั้งหวานไปทั้งตัวจนน่าหงุดหงิดทีแรกเขาก็แค่อยากจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัว หรือต่อต้านสักครั้งจะได้เข็ดหลาบ แต่เป็นเขาเองที่พอได้เริ่มแล้วกลับไม่อาจหยุดตัวเองได้ปรียากรคือดอกไม้สีสวยที่ล่อให้แมลงหน้าโง่อย่างเขาเผลอหลวมตัวจนถลำลึก ยิ่งได้ชิมความหอมหวานจากกายคนที่ได้ชื่อว่าเมียแต่งที่เขาแสนจะชังน้ำหน้า และแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉัตรินก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารู้สึกสุขสมอย่างรุนแรงและถึงใจชนิดที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิตตัวอันตราย!นอกจากจะเอาแต่ใจ ร้ายกาจ หน้าด้าน ไร้ยางอาย ผู้หญิงคนนี้ยังซ่อนความอันตรายไว้รอบตัว และดูเหมือนตอนนี้เขาจะโดนพิษสงของเธอเล่นงานจนหัวปั่นเข้าเสียแล้ว“อื้อ...”เสียงหวานประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท เมื่อถูกรั้งสะโพกเข้าหาความแข็งแกร่งที่ยังค้างคาภายในกุหลาบแสนหวาน ความคับแคบและแน่นหนึบของเธอกำลังป่วนประสาทเขาอย่างหนักหน่วง“ยัยตัวแสบ!”ชายหนุ่มกัดฟันคำราม พลางแกล้งกัดที่หัวไหล่มนหนักๆ หวังให้เจ้าตัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับผิดชอบท
แม้จะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้วพักใหญ่ แต่ฉัตรินก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเรือนร่างงดงามตรงหน้าให้เป็นอิสระ ยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยจริง ทั้งสวยทั้งหวานไปทั้งตัวจนน่าหงุดหงิดทีแรกเขาก็แค่อยากจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัว หรือต่อต้านสักครั้งจะได้เข็ดหลาบ แต่เป็นเขาเองที่พอได้เริ่มแล้วกลับไม่อาจหยุดตัวเองได้ปรียากรคือดอกไม้สีสวยที่ล่อให้แมลงหน้าโง่อย่างเขาเผลอหลวมตัวจนถลำลึก ยิ่งได้ชิมความหอมหวานจากกายคนที่ได้ชื่อว่าเมียแต่งที่เขาแสนจะชังน้ำหน้า และแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉัตรินก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารู้สึกสุขสมอย่างรุนแรงและถึงใจชนิดที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิตตัวอันตราย!นอกจากจะเอาแต่ใจ ร้ายกาจ หน้าด้าน ไร้ยางอาย ผู้หญิงคนนี้ยังซ่อนความอันตรายไว้รอบตัว และดูเหมือนตอนนี้เขาจะโดนพิษสงของเธอเล่นงานจนหัวปั่นเข้าเสียแล้ว“อื้อ...”เสียงหวานประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท เมื่อถูกรั้งสะโพกเข้าหาความแข็งแกร่งที่ยังค้างคาภายในกุหลาบแสนหวาน ความคับแคบและแน่นหนึบของเธอกำลังป่วนประสาทเขาอย่างหนักหน่วง“ยัยตัวแสบ!”ชายหนุ่มกัดฟันคำราม พลางแกล้งกัดที่หัวไหล่มนหนักๆ หวังให้เจ้าตัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับผิดชอบท
“สามีที่ดีงั้นเหรอ?”คนใจร้ายทวนคำด้วยสีหน้าเหยียดหยัน ดวงตาคมจัดที่เธอเคยหลงใหลมาตลอดกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของคนที่กำลังเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะภรรยาที่เขาไม่ต้องการอย่างเลือดเย็น จนคนถูกมองใจหาย รู้สึกหนาวยะเยือกในอก“ใช่ค่ะ เป็นสามีที่ดี พี่ทำเป็นไหม” คนถูกถามแค่นยิ้มเหี้ยม พลางใช้ลิ้นเดาะกระพุ้งแก้มตัวเองแบบกวนๆ“ก็คงทำเป็นมั้ง ถ้าเมียของฉันเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ”หญิงสาวหน้าเสีย ความขมขื่นแล่นขึ้นมาจุกที่คอหอย“เสียใจด้วยนะ ที่มันใช่ ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง แต่ปูนก็เป็นเมียพี่...”“หึ ก็แค่เมียในนามไหม ไม่พอใจก็หย่ากันเลยก็ได้นะ” คำท้านั่นทำเอาคนฟังสะอึก หัวใจราวกับถูกกระชากออกจากอก“หย่ากันซะให้จบๆ ทางใครทางมันไปเลย”“คำก็หย่า สองคำก็หย่า พี่อยากหย่ากับปูนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เธอก็รู้ดีแก่ใจนี่ จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าไม่พอใจก็หย่าซะสิ”ปรียากรแค่นยิ้ม หัวใจปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว“ไม่ค่ะ ปูนไม่หย่า ใครที่รอแย่งผัวคนอื่น อยากรอก็รอไปแล้วกัน เพราะปูนไม่หย่า...”“เอาเถอะ ถ้าเธอเสี้ยนอยากเป็นเมียฉันมากขนาดนั้น งั้นฉันก็จะลองกลั้นใจหลับหูหลับตา ‘เอา’ อีกสักครั้งก็ได้”ฉัตรินกดรอย
“บอกปูนมานะ เด็กในท้องพี่รัญเป็นลูกใคร ใช่ลูกพี่หรือเปล่า” คำถามนั่นทำให้คนถูกถามหันมาทำหน้าเย็นชาใส่ ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไม่อยากเสวนาด้วย“พี่อย่าเดินหนีนะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” หญิงสาวรีบคว้าแขนเขาไว้อย่างลืมตัวด้วยโทสะที่เก็บมาตลอดทาง เพราะคนได้ชื่อว่าสามีไม่ยอมอธิบายให้กระจ่าง ต่อให้เธอพยายามใจเย็นแค่ไหน ใครจะไม่ตะบะแตก“ถ้าฉันบอกว่าใช่แล้วไงล่ะ เธอจะทำยังไงเหรอ หรือว่า...” ฉัตรินแกล้งทอดเสียงยั่วโมโห “จะยอมหย่า”คำนั้นทำเอาคนฟังสะอึกอึ้งไปชั่วขณะ รู้ดีแก่ใจว่าเขาพร้อมจะทำอย่างที่พูดได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องอะไรเธอต้องยอมทำแบบนั้นให้เขาสมใจ“ฝันไปเถอะ ทำไมปูนต้องยอมหย่าให้พี่ไปสมหวังกับชู้รักเก่าด้วย”“ปูน!”“ปูนไม่หย่า ถ้าพี่อยากให้ลูกของพี่รัญเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสก็ตามใจสิ แต่ปูนไม่หย่าแน่”“เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากชีวิตฉันสักทีปูน”เสียงคำรามก้องผสมผสานด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหยาดเยิ้มสะดุ้งสะเทือน หวาดผวา หรือว่าตกใจกลัวแต่อย่างใด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนอีกฝ่ายสาดคำใจร้ายพวกนี้ใส่หน้า ปรียากรยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ มุมปากของเธอแต้มร
“ท...ท้องงั้นเหรอ!”“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นท้องได้แปดสัปดาห์แล้วแก”ในขณะที่เธอต้องการมีลูกกับเขาจนต้องมาตรวจสุขภาพ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการมีบุตร ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ในเมื่อสามีสุดที่รักที่แต่งงานกันมาเกือบสองปีไม่เคยเหลียวแล หรืออยากแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง แล้วจะให้เธอท้องยังไงได้ แต่กับผู้หญิงคนนั้นที่กลายเป็นแฟนเก่าและหายไปจากชีวิตเขานานพอๆ กับที่เธอแต่งงานมากลับตั้งครรภ์ถึงแปดสัปดาห์นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันจิน” น้ำเสียงสั่นเครือพึมพำ น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้ล้นออกจากตาจนเจ้าตัวต้องรีบปาดทิ้ง สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเจ็บจี๊ด แต่ยังไม่เท่าความปวดร้าวที่หัวใจต่อให้ไม่รักกันก็ช่าง แต่การที่เขาแอบทรยศนอกใจกันกลับไปหาแฟนเก่าจนตั้งครรภ์ลับหลังเธอนี่มันคืออะไรกันจนิตาไม่รู้จะปลอบเพื่อนรักอย่างไรดี ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ เรื่องราวความรักหรือเรื่องในครอบครัวของอีกฝ่ายเธอเองก็พอรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ ทว่ามันก็บังเอิญเกินไปไหมที่สามีเพื่อนกับแฟนเก่าต้องเจาะจงมาฝากครรภ์วันเดียวกับที่เพื่อนเธอตั้งใจมาตรวจสุขภาพเพราะ
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่งมีผู้คนเข้ามาใช้บริการกันมากมายเพราะเป็นช่วงพักเที่ยง หญิงสาวร่างเพรียวระหงในชุดเดรสกระโปรงสีฟ้าดูอ่อนหวานเปิดประตูเข้ามาในนั้น เธอยืนเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกำลังหาใครสักคน จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก“ปูน! ทางนี้...”ปูน หรือ ปรียากร หันไปตามเสียงเรียกก็พบกับเพื่อนรักกำลังกวักมือหยอยๆ จึงเดินตรงเข้าไปหาทันที“ขอโทษทีนะจิน รอเรานานหรือเปล่า รถติดมากวันนี้”จิน หรือ จนิตา ส่ายหน้าไปมา“ไม่นานหรอกแก เราทำงานที่นี่อยู่แล้วก็เลยมาไวเป็นธรรมดา”“แล้ววันนี้งานไม่ยุ่งเหรอ เลยมีเวลาให้เราได้”ปรียากรมองคุณหมอสาวด้วยรอยยิ้ม จนิตาทำงานเป็นแพทย์ด้านสูตินรีเวชมานานหลายปี แต่เธอก็เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม รวมถึงสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันแม้จะคนละคณะในขณะที่จนิตาเลือกคณะแพทย์ ปรียากรกลับเลือกเรียนบริหารเพื่อหวังจะช่วยงานธุรกิจของที่บ้าน จนกระทั่งต่างคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก มีแต่ส่งข้อความหากันบ้างตามแต่จะสะดวก“ยุ่งสิ ถ้าไม่ใช่แก ฉันคงไม่ออกมารับเอง แล้วนี่ผัวแกไปไหน ทำไมให้แกมาคนเดียวล่ะ”ปรียากรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อ