“บอกปูนมานะ เด็กในท้องพี่รัญเป็นลูกใคร ใช่ลูกพี่หรือเปล่า”
คำถามนั่นทำให้คนถูกถามหันมาทำหน้าเย็นชาใส่ ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไม่อยากเสวนาด้วย
“พี่อย่าเดินหนีนะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” หญิงสาวรีบคว้าแขนเขาไว้อย่างลืมตัวด้วยโทสะที่เก็บมาตลอดทาง เพราะคนได้ชื่อว่าสามีไม่ยอมอธิบายให้กระจ่าง ต่อให้เธอพยายามใจเย็นแค่ไหน ใครจะไม่ตะบะแตก
“ถ้าฉันบอกว่าใช่แล้วไงล่ะ เธอจะทำยังไงเหรอ หรือว่า...” ฉัตรินแกล้งทอดเสียงยั่วโมโห “จะยอมหย่า”
คำนั้นทำเอาคนฟังสะอึกอึ้งไปชั่วขณะ รู้ดีแก่ใจว่าเขาพร้อมจะทำอย่างที่พูดได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องอะไรเธอต้องยอมทำแบบนั้นให้เขาสมใจ
“ฝันไปเถอะ ทำไมปูนต้องยอมหย่าให้พี่ไปสมหวังกับชู้รักเก่าด้วย”
“ปูน!”
“ปูนไม่หย่า ถ้าพี่อยากให้ลูกของพี่รัญเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสก็ตามใจสิ แต่ปูนไม่หย่าแน่”
“เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากชีวิตฉันสักทีปูน”
เสียงคำรามก้องผสมผสานด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง ไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหยาดเยิ้มสะดุ้งสะเทือน หวาดผวา หรือว่าตกใจกลัวแต่อย่างใด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนอีกฝ่ายสาดคำใจร้ายพวกนี้ใส่หน้า
ปรียากรยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ มุมปากของเธอแต้มรอยยิ้มเยาะหยันไม่ใช่เขา แต่เป็นตัวเองต่างหาก
จะโทษใครได้ ในเมื่อเธอเองมันโง่ที่มาหลงรักผู้ชายปากร้ายใจดำคนนี้เอง รักอย่างโง่งมว่าความรักของเธอจะเปลี่ยนใจคนไม่รักกันตรงหน้าให้กลับมารักเธอในสักวันได้ แต่เปล่าเลย...
เขาไม่รัก ไม่เคยคิดจะรัก แล้วยังเหยียบย่ำหัวใจกันด้วยการติดต่อกับคนรักเก่าอีก นี่ถึงขั้นพากันไปฝากครรภ์
“แล้วทำไมปูนต้องไปจากชีวิตสามีตัวเองด้วยล่ะคะ ในเมื่อปูนต่างหากที่เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่ซี ทะเบียนสมรสก็มีหรือพี่ลืมไปแล้ว” เธอลอยหน้าตอกกลับอีกฝ่ายไป ทั้งๆ ที่ภายในใจปวดแสบปวดร้อนและบอบช้ำสิ้นดี
“ผู้หญิงที่มีสามีแล้วยังมายุ่งกับสามีคนอื่นจนปล่อยตัวเองให้ท้อง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้วต่างหากที่ควรไปให้พ้นจากชีวิตของเรา!”
“ปูน!”
“ขา...ที่รัก” น้ำเสียงที่แสร้งบีบให้หวานแหลมอย่างยั่วประสาท ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ราว 189 เซนติเมตรถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ฉันไม่ใช่ที่รักของเธอ และไม่มีวันจะใช่ด้วย จำใส่กะโหลกไว้”
ประโยคนั้นถ้าเป็นหอกแหลมคมก็คงเสียบทะลุกลางหัวใจของเธอจนย่อยยับเลือดไหลโซมกายไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำต้องกลืนเลือดลงในอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อ้าว เหรอคะ ถ้าปูนไม่ใช่ แล้วใครล่ะที่ใช่ ยัยคนที่จ้องจะงาบผัวคนอื่นไปหน้าด้านๆ งั้นเหรอคะที่พี่ควรเรียกว่าที่รัก ลูกในท้องนั่นพี่มั่นใจแล้วเหรอคะว่าเป็นลูกพี่”
“ปูน อย่าลามปาม รัญเขาไม่เหมือนเธอ อย่างน้อยเขาก็ไม่หน้าด้านหน้าทนเท่าผู้หญิงอย่างเธอ”
ฟังสิฟัง มันน่าน้อยใจเหลือเกิน ทีเรียกเมียแต่ละคำล่ะเสียงห้วนเชียว แต่กับผู้หญิงคนนั้นเขากลับเรียกอย่างอ่อนโยนทุกคำ
ใช่สิ เธอมันก็แค่เมียที่เขาไม่ได้ต้องการมาแต่แรกนี่
คนที่เขาไม่รัก ต่อให้ทำดีให้ตายยังไง เขาก็ไม่รัก...
ขอโทษค่ะ นี่อาจเป็นสโลแกนของคนทั่วไป แต่ไม่ใช่เธอ!
สำหรับคนอย่างปรียากรอยากได้อะไรต้องได้ ต่อให้เป็นคนที่เขาไม่รัก ไม่แคร์ เธอก็จะทำทุกวิถีทางให้เขาเปลี่ยนใจกลับมารักให้ได้ เธอพร้อมจะสู้ ต่อให้ต้องตื้อ ต้องง้อ ต้องจีบ ต้องจิก ต้องทน หรือต่อให้หนทางริบหรี่เหลือความหวังแค่ 0.01% แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้ หน้าด้านหน้าทนกว่านี้เธอก็จะทำมาหมดแล้ว ขอแค่ได้รักและได้อยู่กับเขาคนนี้
“แล้วพี่มั่นใจได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นเขาดีจริง” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้มหยัน “พี่แน่ใจว่ารู้จักเขาดีแค่ไหนเหรอ ถึงบอกว่าเขาดีกว่าปูน”
ฉัตรินกดยิ้มเหยียดหยันคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตนอย่างสมเพชในความหลงตัวเองไม่มีที่สิ้นสุด
“ดีกว่าไหม ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือ...ฉันรักเขามากกว่าเธอไง และถ้าไม่มีเธอ ป่านนี้คนที่ยืนตรงหน้าฉันในฐานะเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายและแม่ของลูกฉันคงชื่อว่ารัญ ไม่ใช่ปูน”
เจ็บกว่านี้ก็สิบล้อพุ่งชนแล้วถอยมาเหยียบซ้ำแล้วล่ะมั้ง
ปรียากรชาไปทั้งตัวจนต้องสูดหายใจเข้าปอดแรงๆ เพื่อระงับความปวดร้าวที่วิ่งพล่านอยู่ในหัวใจช้ำเลือดช้ำหนองดวงนี้ กระบอกตาร้อนผ่าวจนเธอต้องสะกดจิตตัวเองอย่างหนัก
อย่านะ ไอ้น้ำตาเส็งเคร็ง อย่าเพิ่งมาไหลต่อหน้าผู้ชายไร้หัวใจคนนี้ อย่าให้เขาได้สะใจ หรือสมน้ำหน้าเธอได้ อย่าให้เขารู้ว่าหัวใจเธอกำลังแตกสลายย่อยยับ
“งั้นก็เสียใจด้วยนะที่ต้องทำให้พี่ผิดหวัง เพราะตอนนี้พี่ยังได้ชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้หญิงหน้าด้านคนนี้อยู่ แล้วถ้าอยากมีเมียชื่อรัญนัก ก็ไว้รอฝันเอาชาติหน้าแล้วกันนะคะ ถ้าไม่อยากให้ปูนต้องฟ้องชู้”
“เธอนี่มัน!”
ชายหนุ่มตาลุกเป็นไฟ สันกรามคมบดเข้าหากันแน่นเพื่อระงับโทสะที่กำลังเดือดพล่านในอกไม่ให้พุ่งเข้าไปบีบคอผู้หญิงตรงหน้าให้แหลกสลายตายคามือ
“เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นซะ ถ้าพี่บอกว่ารักเขามากกว่าปูน ก็อย่าทำให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องได้ชื่อว่าเป็นชู้กับผัวชาวบ้านสิ เด็กในท้องนั่นก็จัดการให้เรียบร้อยซะ อย่าให้ต้องถึงมือปูน!”
“ปูน!” ฉัตรินเอ็ดเสียงเขียว ดวงตาดุดันจ้องหญิงสาวตรงหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อย่าให้มันมากเกินไปนัก เธออยากให้แต่ง ฉันก็แต่งให้แล้ว ถ้าเธอยังโลภอยากได้อะไรอีก ระวังเถอะ มันจะไม่เหลืออะไรสักอย่าง”
“โลภเหรอคะ...แค่อยากให้สามีตัวเองทำหน้าที่สามีที่ดีบ้าง นี่มันเรียกว่าโลภตรงไหน”
ปรียากรยิ้มขมขื่น กระบอกตาร้อนผ่าวจนขึ้นละอองฝ้า
ใช่ เขายอมแต่งงานกับเธอแต่ก็เพราะจำใจ ไม่ใช่เพราะรัก เหมือนที่เธอนั้นแสนจะรักเขา ตัวอยู่กับเธอ แต่หัวใจเขาไม่เคยอยู่กับเธอ
เธอเป็นภรรยาที่ได้นอนกอดทะเบียนสมรสก็จริง แต่กลับไม่เคยได้นอนกอดสามี นอกจากสายตาที่มองมาอย่างเกลียดชังที่ทำให้เธอหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
เพียงเพราะเธอรักเขามากจนไม่ยอมเสียเขาไปให้ใคร แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเจ็บปวดเช่นนี้หรือ
“สามีที่ดีงั้นเหรอ?”
“สามีที่ดีงั้นเหรอ?”คนใจร้ายทวนคำด้วยสีหน้าเหยียดหยัน ดวงตาคมจัดที่เธอเคยหลงใหลมาตลอดกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของคนที่กำลังเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะภรรยาที่เขาไม่ต้องการอย่างเลือดเย็น จนคนถูกมองใจหาย รู้สึกหนาวยะเยือกในอก“ใช่ค่ะ เป็นสามีที่ดี พี่ทำเป็นไหม” คนถูกถามแค่นยิ้มเหี้ยม พลางใช้ลิ้นเดาะกระพุ้งแก้มตัวเองแบบกวนๆ“ก็คงทำเป็นมั้ง ถ้าเมียของฉันเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ”หญิงสาวหน้าเสีย ความขมขื่นแล่นขึ้นมาจุกที่คอหอย“เสียใจด้วยนะ ที่มันใช่ ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง แต่ปูนก็เป็นเมียพี่...”“หึ ก็แค่เมียในนามไหม ไม่พอใจก็หย่ากันเลยก็ได้นะ” คำท้านั่นทำเอาคนฟังสะอึก หัวใจราวกับถูกกระชากออกจากอก“หย่ากันซะให้จบๆ ทางใครทางมันไปเลย”“คำก็หย่า สองคำก็หย่า พี่อยากหย่ากับปูนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เธอก็รู้ดีแก่ใจนี่ จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าไม่พอใจก็หย่าซะสิ”ปรียากรแค่นยิ้ม หัวใจปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว“ไม่ค่ะ ปูนไม่หย่า ใครที่รอแย่งผัวคนอื่น อยากรอก็รอไปแล้วกัน เพราะปูนไม่หย่า...”“เอาเถอะ ถ้าเธอเสี้ยนอยากเป็นเมียฉันมากขนาดนั้น งั้นฉันก็จะลองกลั้นใจหลับหูหลับตา ‘เอา’ อีกสักครั้งก็ได้”ฉัตรินกดรอย
แม้จะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้วพักใหญ่ แต่ฉัตรินก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเรือนร่างงดงามตรงหน้าให้เป็นอิสระ ยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยจริง ทั้งสวยทั้งหวานไปทั้งตัวจนน่าหงุดหงิดทีแรกเขาก็แค่อยากจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัว หรือต่อต้านสักครั้งจะได้เข็ดหลาบ แต่เป็นเขาเองที่พอได้เริ่มแล้วกลับไม่อาจหยุดตัวเองได้ปรียากรคือดอกไม้สีสวยที่ล่อให้แมลงหน้าโง่อย่างเขาเผลอหลวมตัวจนถลำลึก ยิ่งได้ชิมความหอมหวานจากกายคนที่ได้ชื่อว่าเมียแต่งที่เขาแสนจะชังน้ำหน้า และแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉัตรินก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำให้เขารู้สึกสุขสมอย่างรุนแรงและถึงใจชนิดที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิตตัวอันตราย!นอกจากจะเอาแต่ใจ ร้ายกาจ หน้าด้าน ไร้ยางอาย ผู้หญิงคนนี้ยังซ่อนความอันตรายไว้รอบตัว และดูเหมือนตอนนี้เขาจะโดนพิษสงของเธอเล่นงานจนหัวปั่นเข้าเสียแล้ว“อื้อ...”เสียงหวานประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท เมื่อถูกรั้งสะโพกเข้าหาความแข็งแกร่งที่ยังค้างคาภายในกุหลาบแสนหวาน ความคับแคบและแน่นหนึบของเธอกำลังป่วนประสาทเขาอย่างหนักหน่วง“ยัยตัวแสบ!”ชายหนุ่มกัดฟันคำราม พลางแกล้งกัดที่หัวไหล่มนหนักๆ หวังให้เจ้าตัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับผิดชอบท
“ตาซีมีคนรักแล้วล่ะ เห็นพ่อแม่เขาบอกว่าพอเรียนจบก็จะขอผู้หญิงคนนั้นหมั้นและอาจจะแต่งงานกันหลังกลับจากเมืองนอก...”สิ่งที่ได้ยินกระชากหัวใจเธอจนแทบหลุดจากอกไม่! ไม่ยอม!ผู้หญิงโชคดีคนนั้นเธอก็รู้จัก เพราะเคยพบกันตอนวันเกิดของ ฉัตรินปีก่อนหน้าที่เขาจะไปเรียนต่อเมืองนอกไม่นาน เขาชวนเธอคนนั้นและเพื่อนๆ มาจัดวันเกิดที่บ้าน ปรียากรจึงรบเร้าขอตามพ่อแม่ซึ่งสนิทสนมกับครอบครัวของชายหนุ่มมาแต่ไหนแต่ไรไปร่วมงานด้วยจำได้ว่าวันนั้นเจ้าของวันเกิดแต่งกายในชุดหล่อเหลาดูดีที่สุด ฉัตรินในสายตาเธอก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยวัยเจ็ดแปดขวบที่ตามพ่อแม่มาวิ่งเล่นที่บ้านหลังใหญ่ของคุณลุงคุณป้าเพื่อนสนิทสมัยเรียนของพ่อกับแม่พี่ซี อายุห่างจากเธอประมาณ 5 ปี แต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เธอยังจำวันแรกที่พบกันได้ ตอนนั้นเขากำลังเรียนเปียโนที่บ้าน ภาพเด็กชายหน้าตาคมคายมีเสน่ห์นั่งตรงหน้าเปียโนสีขาวหลังใหญ่อย่างสง่างาม เขากำลังบรรเลงเพลงรักที่เพิ่งลงมือแกะโน้ตเองไปหมาดๆ ให้ทุกคนฟัง ราวกับภาพเจ้าชายในฝันเด็กหญิงปรียากรยืนมองภาพนั้นโดยไม่รู้เลยว่ามันจะติดตราตรึ
เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ปรียากรเผลอยิ้มออกมา เมื่อคิดว่าบางทีอาจเป็นคนที่กำลังคิดถึงทุกลมหายใจย้อนกลับมาเพราะเป็นห่วง แต่รอยยิ้มนั้นกลับหายวับไปในไม่กี่วินาทีต่อมา“คุณปูนคะ ป้าเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของตนไว้ ไม่ได้คิดจะสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนออกปากอนุญาตให้แม่บ้านเข้ามาได้“อุ๊ย! ตายจริง”คนมาใหม่ถึงกับอุทาน หน้าร้อนวาบๆ เมื่อเห็นสภาพห้องนอนของเจ้านายสาวที่มีเสื้อผ้าชุดชั้นในกระจายเกลื่อนที่พื้น คนไม่โง่คงเดาไม่ยากว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และเจ้านายทั้งสองคงจะ ‘จัดหนัก’ ใช่เล่น ถึงทำให้คนที่ปกติตื่นแต่เช้า ถึงขั้นนอนซมจนลุกไม่ขึ้นเช่นนี้“ป้าคะ พี่ซีล่ะคะ”“ออกไปทำงานแล้วค่ะ ป้าเห็นคุณปูนยังไม่ลงมาสักทีเลยเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”“แล้วก่อนไปทำงานพี่ซีพูดอะไรบ้างไหมคะ” เธอถามอย่างคาดหวังลึกๆ เธอก็แอบคิดตามประสาคนช่างฝัน ถ้าเขารู้ว่าเมื่อคืนคือครั้งแรกของเธอ และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทั้งตัวและหัวใจเธอไป จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหมนะ อย่างน้อยความโกรธเกลียดในใจจะ
“ป้าแน่ใจนะครับว่าเห็นเขากินยาด้วยตาตัวเอง โอเคครับ งั้นฝากป้าช่วยดูด้วยแล้วกัน อย่าให้เขาก่อเรื่องที่ไหน ถ้ามีอะไรก็รีบโทรมารายงานผมด้วย”ฉัตรินกดวางสายจากคุณแม่บ้านซึ่งโทรมารายงานเรื่องที่เขามอบหมายให้ทำเสร็จเรียบร้อย และเห็นกับตาว่าหญิงสาวกินยาคุมฉุกเฉินตามคำสั่งของเขาแล้วเขาไม่ต้องการมีลูกกับผู้หญิงอย่างปรียากร ลำพังแค่ต้องจำใจแต่งงานแบบมัดมือชกก็มากเกินพอแล้ว หากต้องมามีห่วงมาผูกคอเพิ่ม ชีวิตเขาคงวุ่นวาย แถมเด็กที่เกิดมาก็ต้องมาทนทุกข์กลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะพ่อกับแม่ไม่ได้รักกันอีก ดังนั้นควรตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่าหากจะมีอะไรกันอีกคราวหน้า เขาจะต้องไม่พลาดเรื่องการป้องกันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ง่ายกว่าการบังคับให้อีกฝ่ายต้องกินยาคุมฉุกเฉินแบบนี้ทุกครั้งชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน รวมถึงสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดว่าคืนนั้นเขากับปรียากรมีอะไรกันจริงหรือไม่ หากอีกฝ่ายยังคงบริสุทธิ์จนถึงเมื่อคืนที่มีอะไรกัน งั้นก็แปลว่าเรื่องในคืนนั้นก็เป็นแผนที่เธอจัดฉากขึ้นมาเพื่อจับเขาน่ะสิ“ยัยบ้าเอ๊ย!”ชายหนุ่มสบถอย่างเจ็บใจ ที่ผ่านมาเขาเองไม่แน่ใจเพ
บรรยากาศคึกคักของผับหรูย่านใจกลางเมืองแห่งนั้นเหมือนจะหยุดไปชั่วขณะเมื่อมีชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยก้าวเข้ามาใหม่ สายตาของสาวๆ จึงพุ่งตรงมาที่เขาโดยไม่ได้นัดหมาย หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก“ไอ้ซี ทางนี้...”ฉัตรินหันขวับไปตามเสียงเรียก เมื่อเห็นเพื่อนสนิทโบกมือให้ เขาจึงเดินตรงไปทางโต๊ะวีไอพีนั้นทันที หากแล้วร่างสูงก็ต้องชะงักปลายเท้า เมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่สุดปลายโต๊ะและมองตรงมาที่เขาด้วยแววตาลึกซึ้งที่ทำให้เขาต้องสะดุดอย่างจัง“อ้าวๆ เห็นแฟนเก่าแล้วค้างเลยนะมึง” นราธิป หรือ นอต แซวเพื่อนสุดหล่อ ความที่รู้จักกันมานานทำให้รู้ไส้รู้พุงของกันและกันดี“ยุ่งน่า!” ฉัตรินกระแทกกลับไม่ไว้หน้า พร้อมเก็บสายตากลับมา แต่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายยังคงมองมาที่เขาอยู่“ไม่พาเมียมาด้วยเหรอวะ น้องปูนคนสวยอยู่ไหนล่ะ”ดวงตาคมกริบตวัดมองคนปากดีเขียวปั๊ด ใจกระหวัดไปถึงเมียที่บ้านก่อนจะรีบปัดออกจากหัวสมองอย่างไว“จะไปรู้เหรอ ตัวไม่ได้ติดกัน”“โอ๊ะโอ๋...เมียมีเมียพี่ต้องมา นี่เมียไม่มางั้นก็แปลว่าวันนี้โสดสินะไอ้เพื่อนรัก” ปราการ หรือ เป้ เพื่อนสนิทอีกคนแซวเป็นเพลง พร้อมกับให้สัญญ
รัญชิสาชะงักไปนิดๆ เหมือนจะหน้าชาๆ แต่เธอฉลาดพอที่จะนิ่งทำหูทวนลมเสียไม่ต่อปากต่อคำใครกันแน่มือที่สาม เธอกับฉัตรินรักกันมาก่อนจนจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่กลับต้องถูกยัยนั่นเข้ามาแทรกและวางแผนแย่งเขาไปหน้าด้านๆ“แล้ววันนี้เรียกออกมานอกจากกินเหล้าแล้วมีอะไร”“ถามไอ้เป้นู่นสิ มันเป็นคนให้นัด” นราธิปโยนกลองให้เพื่อนคู่หูที่ตอนนี้เริ่มกรึ่มได้ที่ สีหน้าอีกฝ่ายดูมีความสุขมากล้น“กูมีข่าวดีจะบอก แล้วก็มีเรื่องจะขอร้องพวกมึงด้วย”ฉัตรินขมวดคิ้วแน่น มองเพื่อนรักที่กำลังทำหน้าเหมือนเขินๆ“อะไรวะ ทำลับลมคมใน มีอะไรก็พูดมา”“กูกำลังจะแต่งงาน แล้วก็อยากให้พวกมึงมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้”“หา!”นราธิปทำตาโต ในขณะที่เพื่อนคนอื่นก็พลอยตกใจไปด้วย เพราะไม่มีวี่แววมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะสละโสด นอกจากฉัตรินที่จับพลัดจับผลูแต่งงานสายฟ้าแลบแล้ว ในกลุ่มก็ไม่มีใครมีวี่แวว“ใครวะ สาวที่โชคร้ายคนนั้น”“ลูกสาวเพื่อนแม่กูเอง เห็นมาแต่เด็กแล้ว”“อย่าบอกนะว่าโดนคลุมถุงอีกราย” คนปากกล้าประจำกลุ่มชิงดักคอ“ไม่เชิงว่ะ คนนี้กูปิ๊งเขาตั้งแต่แรกพบ รักจริงหวังแต่งเลย” พอขาดคำก็ได้รับเสียงโห่อย่างหมั่นไส้จากเพื่อนๆ ทั้งกลุ่ม“เป็
“เออ ไม่เลวนะ งั้นเดี๋ยวฉันขอติดรถไปด้วยคนแล้วกัน รถจอดไว้นี่ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้คนมาขับกลับก็ได้”นราธิปพยักเพยิดตาม จนหญิงสาวลอบค้อนใส่อย่างขัดใจ แต่ต้องสะกดสีหน้าไม่พอใจไว้ไม่ให้ฉัตรินเห็นจนเกิดสงสัยแต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่นราธิปเสนอมา จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ของดังมาขัดจังหวะเสียก่อน พอมองชื่อที่ขึ้นหน้าจอก็ทำให้เจ้าของโทรศัพท์งุนงง ก่อนยื่นหน้าจอไปทางฉัตริน“ไอ้ซี เบอร์แม่มึงหรือเปล่าวะ ช่วยดูหน่อย กูตาลาย”ฉัตรินมองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นเบอร์ของแม่เขา แต่ปกติอีกฝ่ายไม่เคยโทรมาเวลานี้ และยิ่งไม่มีทางโทรหาเพื่อนสนิทของเขาโดยไม่จำเป็น นอกจาก...จะมีใครไปขอร้องให้โทรตามจะมีใครได้ที่โทรหาเขาไม่ได้ก็แจ้นไปฟ้องแม่ผัวให้โทรมาตามจิกแทนตัวเอง แค่คิดก็ฉุนกึกขึ้นมาเสียแล้ว“โทรหามึง มึงก็รับสิ”“อ้าว ไอ้นี่ เออๆ รับให้ก็ได้วะ” ทันทีที่เขากดรับสาย ก็ได้ยินเสียงร้อนรนตอบกลับมาทำให้นราธิปแทบสร่างเมา“ตานอต นี่แม่โฉมเองนะลูก ตาซีอยู่ด้วยกันไหมจ๊ะ”“ครับคุณแม่ อยู่ด้วยกันครับ”“งั้นแม่ขอสายหน่อยได้ไหมลูก”“แม่มึงจะคุยด้วย” นราธิปรีบยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือเพื่อนฉัตรินกรอกตาไปมาก่อนจะเดินเลี่
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&
ที่แผนกสูตินรีเวชกรรม ปรียากรพร้อมด้วยอดีตพ่อแม่สามีนั่งรอคิวเพื่อฟังผลตรวจและอัลตราซาวน์ ทั้งสามพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินและตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพแรกของลูกในท้องหญิงสาว โดยไม่ได้สนใจส่วนเกินที่เดินตามมานั่งที่ด้านหลังเงียบๆ“อ้าว แล้วแกไม่ไปทำงานทำการเหรอเจ้าซี” คุณเกรียงไกรหันไปถามลูกชายที่นั่งทำตัวเป็นอากาศ เพราะไม่มีใครคุยด้วย“เดี๋ยวเสร็จจากฝากครรภ์ค่อยไปครับพ่อ” ชายหนุ่มบอกราวกับจะมาฝากครรภ์เสียเอง“กลับไปเลยก็ได้มั้ง เดี๋ยวทางนี้พ่อกับแม่ดูเอง” คนเป็นแม่บอกอย่างไม่ไยดี แต่ฉัตรินกลับทำหูทวนลม ตาแอบมองอดีตเมียเก่าที่ทำตัวเฉยเมยไม่สนใจ แทบไม่มองหน้าเขาตั้งแต่ตอนนั่งรถมาด้วยกันก็อดขัดใจไม่ได้“คุณปรียากรค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องขานชื่อ ทำให้ทั้งคณะลุกพรึ่บขึ้นแทบพร้อมกัน“จะเข้าไปทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” ทุกคนพร้อมใจกันปรายตาไปมองส่วนเกินที่ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้เป็นตาเดียว“ครับ ทั้งหมดนี่เลย” ฉัตรินตอบอย่างมั่นใจ ในเมื่อมาแล้วเขาก็อยากเห็นผลผลิตที่อาจเป็น
ปรียากรมองคนถามอย่างหยั่งเชิง“ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นห่วง” คิดว่าเขาคงโต้กลับทำนองว่าอย่าหลงตัวเองเหมือนทุกที แต่ก็เปล่า“ใช่ พี่เป็นห่วง”คำนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ใจสั่นไหว“ห่วงลูกในท้อง”นั่นไง เธอว่าแล้ว“คุณเอาเวลาไปห่วงลูกในท้องพี่รัญเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับลูกฉันเลย” เธอไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง เธอเหนื่อยกับเขาเต็มทีแล้วกระทั่งยอมแพ้และเดินออกจากชีวิตอีกฝ่าย“อย่าลืมสิคะว่าเราหย่ากันแล้ว”ชายหนุ่มนั่งนิ่งงัน เพราะบางสิ่งกำลังก่อกวนในหัวใจเขาอย่างหนักหน่วง“พี่รู้ แต่ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริง”ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับโทสะ ไม่ให้เผลอข่วนหน้าคนพูดจนเป็นแผลเหวอะหรือชกเขาไปสักหมัด ข้อหาพูดจาไม่เข้าหูไม่ใช่ลูกเขาจะเป็นลูกใครได้ล่ะ ในเมื่อคืนนั้นเขาเล่นเคี่ยวกรำเธอจนระทวยไปกี่รอบต่อกี่รอบก็จำไม่ได้ จนไข้ขึ้นต้องนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวัน ยังจะมาสงสัยว่าลูกใครไม่เลิกไอ้ผัวผีบ้านี่! ไม่สิ ต้องเรียกว่าผัวเก่า ถึงจะถูก“เอาล่ะ งั้นฉันขอถามหน่อย ถ้าเขาใช่ลูกคุณจริงแล้วจะยังไงต่อ คุณจะกลับมารับผิดชอบฉันกับลูกหรือไง หรือว่าจะมาแย่งลูกไปจากฉัน หรือว่า...จะให้เอาออก เพราะคุณไม่อยากมีล
“เวรของกรรม!” จนิตาถึงกับอุทานลั่น เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากเพื่อนรัก หลังจากที่เธอรีบแจ้นมาหาถึงที่คอนโดทันทีที่วางสายจากฉัตริน“ท้องเกือบสองเดือนเนี่ยนะ ทำไมแกไม่รีบบอกฉันให้ไวกว่านี้”“ฉันก็เพิ่งรู้ไหม ช่วงก่อนย้ายบ้านก็วุ่นวายจนไม่ทันสังเกต” ปรียากรโบกยาดมไปมา พลางลูบที่หน้าท้องเบาๆ กลัวลูกในท้องตกใจเสียงแปดหลอดของเพื่อนแม่“แล้วนี่จะเอายังไง พ่อของลูก เขารู้เรื่องแล้วด้วย พี่ซีไม่ยอมปล่อยแกไปง่ายๆ แน่” ดูจากที่โทรจิกเธอทุกชั่วโมงก็พอรู้ได้“หรือจะคืนดี”“ไม่!” หญิงสาวตอบทันควัน “แกห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย บอกแค่แกแล้วก็พ่อแม่ฉัน”“ฉันน่ะไม่บอกแน่ แต่พ่อแม่ผัวเก่าแกล่ะ จะมั่นใจได้ยังไง เขาพ่อแม่ลูกกัน ยังไงรู้ว่ามีหลานต้องรีบบอกแน่” ปรียากรทำหน้าหนักใจ“ไม่หรอกแก พี่ซีเขาไม่เชื่อว่าลูกในท้องเป็นลูกเขา”“เชี่ยไรวะ!” คุณหมอสาวถึงกับสบถหยาบคาย