Share

หย่า…มารักฉันเลย
หย่า…มารักฉันเลย
ผู้แต่ง: เบลล่า

บทที่ 1

ฉันได้รับวิดีโอลามกมา

“คุณชอบแบบนี้ไหม?”

ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอนี้คือมาร์ค สามีของฉันเอง ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อและกางเกงวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพยายามดันมังกรยักษ์เข้าไปในร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า หน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงกระเด้งกระดอนอย่างแรง ฉันได้ยินเสียงกระแทกกระทั้นในวิดีโอนั้นอย่างชัดเจน ผสมกับเสียงครวญครางและคำรามอันเร่าร้อน

“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ กระแทกมาแรง ๆ เลยที่รัก" ผู้หญิงคนนั้นโต้ตอบด้วยร้องครางอย่างมีความสุข

“ยั่วสวาทจริง ๆ เลยนะ!” มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วพลิกตัวเธอให้คว่ำลง พร้อมตบก้นเธอและพูดว่า "แอ่นก้นขึ้นมา!”

ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างแผ่วเบา พลิกตัวคว่ำลง ส่ายก้นไปมา แล้วนอนคุกเข่าอยู่บนเตียง

ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเทน้ำในกระติกน้ำแข็งราดมาบนหัว การที่สามีนอกใจก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนั้นคือเบลล่า ผู้เป็นน้องสาวของฉันเอง

ฉันปล่อยให้วิดีโอเล่นต่อไป โดยดูและฟังพวกเขาสองคนบรรเลงเพลงรักกัน ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงครวญครางของพวกเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงลงบนหัวใจ

การนอกใจยังคงดำเนินต่อไป หลังจากตบก้นกันอีกสองสามครั้ง เขาก็จับก้นของเธอเอาไว้ แล้วสอดใส่มังกรยักษ์ของเขาเข้าไปตรงหว่างขา แล้วเริ่มกระแทกสุดแรง

หลังจากดันเข้าดันออกอยู่สองสามรอบ มาร์คกับเบลล่าก็ร้องครวญครางออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน พวกเขาล้มตัวลงบนเตียง พร้อมกับจูบและลูบไล้ใบหน้าของกันและกัน

“คุณทำแบบนี้กับพี่สาวของฉันด้วยหรือเปล่า?” เสียงยั่วสวาทของเบลล่าดังขึ้น

“อย่าไปพูดถึงเธอเลย" เสียงที่ฟังดูไม่แยแสของมาร์คดังก้องขึ้น "ผมไม่เคยจูบเธอด้วยซ้ำไป เธอเทียบอะไรกับคุณไม่ได้เลย"

“ฉันรู้ว่าคุณรักฉันคนเดียว!” เบลล่ายิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเอามือเกี่ยวคอเขาเข้ามาจูบแล้วพูดว่า "อีกสักรอบแล้วกันนะคะ!”

เมื่อเห็นพวกเขาสองคนม้วนตัวเข้ามานัวเนียกันอีกครั้ง ฉันก็รู้สึกคลื่นไส้และไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ฉันกดปุ่มหยุดชั่วคราวเพราะความโกรธเกรี้ยว แล้วกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก

ฉันรู้ดีว่าต้องเป็นเบลล่าแน่ ๆ ที่ส่งวิดีโอม้วนนี้มาให้ เธอต้องการจะบอกฉันว่ามาร์คยังอยู่ในกำมือเธอ และฉันก็ไร้พลังจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้ นอกเหนือจากทะเบียนสมรสและคำนำหน้าชื่อแล้ว ฉันกับมาร์คก็ดูไม่เหมือนเป็นคู่สามีภรรยากันเลย เบลล่าช่างรู้วิธีตวัดมีดได้ดีจริง ๆ

เมื่อสามปีก่อน ในวันที่โชคชะตาเล่นตลกจนฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับการเฉลิมฉลองการแต่งงานของเบลล่าและมาร์ค เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่งานแต่งงานจะเริ่มขึ้น จู่ ๆ เบลล่าก็หายตัวไป (หรืออาจเพียงไปไหนสักที ที่เราหาเธอไม่เจอ)

พ่อแม่ของฉันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะล้มล้างความอับอาย และรักษาหน้าต่อหน้าแขกเหรื่อหรือใครก็ตาม ที่พวกท่านพยายามปกป้องเอาไว้ในวันนั้น โดยหันมามองฉันแล้วบอกให้ฉันสวมชุดแต่งงานของน้องสาว เพื่อเข้าไปอยู่ตรงแท่นพิธีแทนเบลล่า

ฉันไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งหรือเลือกที่จะปฏิเสธอะไรออกไปได้ ฉันจำต้องเป็นหุ่นเชิดเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าสาวในงานแต่งงานของเบลล่าที่หายตัวไป โดยไม่ได้รับคำอวยพรหรือความปรารถนาดีที่ให้ฉันได้มีความสุขในอนาคต มีแต่คำสั่งสอนให้ฉัน "เป็นภรรยาที่ดี" เท่านั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้

ฉันถูกทิ้งให้ยืนตัวชาอยู่ตรงนั้นในชุดแต่งงานที่ยืมของคนอื่นมา เพื่อแลกคำสาบานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันแทบไม่รู้จัก ฉันรู้สึกราวกับว่าความฝันและแรงบันดาลใจถูกบดบังด้วยความจริงอันโหดร้าย จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่าฉันโดนพรากชีวิตตัวเองไปในพริบตา และแทบจะจำไม่ได้เลยว่าความสุขเป็นเช่นไรหลังจากวันนั้น ฉันถูกคุมขังจากหนทางรอดที่เป็นไปได้ทั้งหมด

ฉันบอกหรือยังว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเริ่มขึ้นมาได้อย่างไร?

ไม่สิ ฉันคิดว่าวันที่เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ นั้นคือวันที่ย้อนไปตอนที่ฉันอายุสามขวบ โชคร้ายหรืออย่างไร ฉันหายตัวไป เป็นเวลานานถึงสิบแปดปีที่ฉันเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลจากบ้านและครอบครัว เมื่อฉันเติบโตขึ้นจากเด็กตัวเล็ก ๆ จนเป็นวัยรุ่น และล่วงเลยถึงวัยผู้ใหญ่ช่วงต้น ๆ ฉันก็ยังค้นหาว่าตนเองมาจากที่ใด และเมื่อความฝันที่รอคอยมานานในการกลับไปอยู่กับครอบครัวกลายเป็นความจริง ก็ไม่มีอะไรเหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้เลย

ไม่ใช่การกลับมาพบกันอย่างชื่นมื่น ไม่มีน้ำตาแห่งความดีใจ

สิ่งที่ฉันได้พบเจอนั้นมีแต่สิ่งที่เรียกได้ว่าความไม่แยแส

ราวกับว่าฉันเป็นคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ดูเหมือนพ่อแม่ของฉันจะทำใจได้แล้วหลังจากต้องพลัดพรากจากฉันไปหลายปี พวกท่านทุ่มเทความรักให้กับเบลล่าเพียงคนเดียว จนแทบจะไม่มีเหลือให้ฉันเลย

จริง ๆ แล้วฉันก็พอเดาได้ว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว เพราะถ้ายังคงเหลืออยู่ ฉันก็น่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจมากพอที่จะรู้ข่าวว่าเบลล่าจะกลับมาจากต่างประเทศ และได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของสามีฉันได้ยังไงก็ไม่รู้

โทรศัพท์สั่นเตือนขึ้นมาทันที มีสายวิดีโอคอลเข้ามาจากเบลล่า ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะรับสายหรอก แต่สุดท้ายก็ปัดหน้าจอเป็นสีเขียว แล้วใบหน้าของเบลล่าก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธอนั่งอยู่ในห้องเดียวกับที่เห็นในวิดีโอนั้น โดยมีผ้าขนหนูพันกายอยู่

“ไง หวังว่าอยู่ตรงนั้น คงสุขสบายดีนะ" เบลล่าพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ

เธอเลื่อนโทรศัพท์ไปรอบ ๆ เพื่อให้มองเห็นพื้นที่ภายในห้องได้มากขึ้น และตรงพื้นหลังนั้นฉันเห็นภาพของมาร์คกำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำเพียงครู่หนึ่ง

“ลองเดาดูซิว่าใครจะต้องอยู่แบบบัวแห้งแล้งน้ำไปจนแก่ตาย? ไม่ใช่ฉันหรอกนะ!” เธอหัวเราะอย่างสะใจ

ฉันกัดฟันอยู่เงียบ ๆ รู้สึกหงุดหงิดกับคำดูถูกนั้น

“เขาไม่คู่ควรกับเธอหรอก" เธอพูดต่อ "เขาคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า และฉันก็ดันเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาด้วยสิ ตัวเอง"

ไม่มีทางที่ฉันจะทนฟังอะไรแบบนั้นอีกต่อไป ฉันวางสายอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง จากนั้นก็เอามือปิดหน้า

ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะไม่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาลากไปบนพื้นเหมือนเป็นผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งอีกต่อไป

ตอนที่มาร์คกลับมาถึงบ้านนั้นก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว ฉันนั่งลงบนพื้นกระเบื้องเย็น ๆ ในห้องนั่งเล่น เอามือเกยคางเอาไว้ และเกือบจะเคลิ้มหลับไป เมื่อได้เสียงกลอนประตูลั่น กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยก็โชยตามเขาเข้ามาข้างใน ซึ่งฉันสาบานได้เลยว่าฉันได้กลิ่นเบลล่าบนตัวเขาด้วย

ฉันลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ใบหน้าของเขามีความแข็งกร้าวราวกับก้อนอิฐ ซึ่งเขามักเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ ๆ ทำให้คิดว่าเขาจะยิ้มปากถึงหูขนาดไหนเวลาที่อยู่กับเบลล่า

หลังจากแต่งงานกันฉันก็ทำทุกอย่างตามที่พ่อแม่สั่ง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิตประจำวันของเขา และเรื่องอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนตลอดสามปีที่ผ่านมา มันเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของฉันไปแล้ว มาร์คก็ยอมรับในเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อแม้อะไร แต่มาร์คก็ไม่เคยชายตาแลฉันเลยสักวันเดียว

มาร์คปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขา เขาปฏิบัติต่อฉันเหมือนฉันเป็นคนไร้ตัวตน และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดออกมา

“ฉันต้องการหย่า"

เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่เชื่อ

“คุณพูดอะไรของคุณ?”

“ฉันไม่อยากได้ตำแหน่งภรรยาอีกต่อไปแล้ว" ฉันตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม

ในวันนั้นเมื่อสามปีก่อนฉันยืนอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว ส่วนเขาก็อยู่ในชุดทักซิโด้ มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ด้านหลังเรา และมีบาทหลวงยืนอยู่ตรงหน้าเราด้วยสายตาสงบนิ่ง มาร์คสกัดกั้นความโกรธเอาไว้เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้านั้นไม่ใช่เบลล่า แต่เป็นฉัน

ฉันจำได้ว่าหน้าอกบีบรัดอยู่หลังสร้อยคอเพชรที่ฉันสวมอยู่ การจ้องมองของเขาทำให้ฉันรู้สึกโง่เขลาและทำอะไรไม่ถูกในชุดนั้น พ่อแม่ของฉันยิ้มแย้มราวกับว่าพวกท่านไม่ได้ผลักฉันออกไปโดยที่ฉันไม่เต็มใจ และกลุ่มคนก็โห่ร้องแสดงความยินดีโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนี้คุณสามารถจุมพิตเจ้าสาวได้แล้ว" บาทหลวงประกาศ

มาร์คเอนตัวเข้ามาใกล้ฉัน แต่ไม่ใช่เพื่อที่จะจุมพิต เขาแค่ไถหน้าของเขาผ่านแก้มของฉัน แล้วกระซิบข้างหูฉันว่า "สิ่งเดียวที่คุณจะได้ไปก็คือตำแหน่งภรรยาผมเท่านั้น"

และตำแหน่งนั้นนั่นเองที่ฉันกำลังจะคืนให้เขาไป ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไป ฉันไม่ควรรับมันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ฉันควรจะปลดปล่อยตัวเองที่อุตส่าห์อดทนอดกลั้นมามากเกินความจำเป็น ฉันแบกรับอะไรที่เกินไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

“ฉันต้องการหย่า มาร์ค" ฉันพูดซ้ำเผื่อเขาไม่ได้ยินที่ฉันพูดในครั้งแรก ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาได้ยินอย่างชัดเจนก็ตาม

เขาจ้องมองฉันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะตอบอย่างเย็นชาว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเป็นคนตัดสินใจเอง! ผมกำลังยุ่งอยู่นะ อย่ามารบกวนเวลาของผมด้วยเรื่องน่าเบื่อแบบนี้อีก หรืออย่ามาพยายามเรียกร้องความสนใจจากผมด้วย!”

ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่คิดว่าฉันพยายามจะเรียกร้องความสนใจ ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากเขาในตลอดสามปีที่ผ่านมา และเมื่อฉันเอ่ยถึงการหย่าร้างขึ้นมาเขาก็จำมันได้

สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำก็คือการโต้เถียงหรือทะเลาะกับเขา

“ฉันจะให้ทนายความส่งเอกสารหย่าให้คุณเอง" ฉันพูดออกไปอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แล้วเดินเข้าประตูตรงหน้าไป พร้อมทั้งกระแทกประตูอย่างแรง ฉันจ้องมองลูกบิดประตูอย่างเหม่อลอย ก่อนจะดึงแหวนแต่งงานออกจากนิ้วแล้ววางไว้บนโต๊ะ อย่าถามเลยว่าทำไมฉันถึงใส่แหวนนั้นตั้งแต่แรก

ฉันคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมา ซึ่งจัดกระเป๋าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และมุ่งหน้าออกจากบ้านไป สายลมที่พัดพาอยู่ด้านนอกนั้นทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างหลังจากนั้น ราวกับฉันได้ยกภูเขาออกจากอกได้เป็นครั้งแรกหลังจากต้องแบกเอาไว้มานาน ความรู้สึกที่มีสายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนมาพัดผ่านเส้นผมนั้น ช่างให้ความรู้สึกที่ดีจริง ๆ

ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า และปัดนิ้วผ่านหน้าจออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงโทรออก

“ฉันกำลังจะหย่า มารับฉันหน่อยสิ"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status