สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วเมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใครรถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลงเกรซนั่นเองเกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็วเกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแ
มุมมองของมาร์คผมขับรถเข้าไปในทางเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เป็นวันยาวนานอีกวันหนึ่งทั้งจากการทำงานและเรื่องสนุก ๆ ที่ทำให้ผมหมดแรง และสิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือการผ่อนคลายและพักผ่อน ผมก้าวออกจากรถแล้วคลายเนกไทออก อยากเดินเข้าไปด้านในเต็มทนและได้พักผ่อนในที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ผมมองเห็นซิดนีย์นั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองผมด้วยสายตาอันว่างเปล่าเหมือนเคย ผมแทบจะไม่ชายตามองเธอเลยในขณะที่มุ่งตรงไปที่ห้องทำงาน“ฉันต้องการหย่า" ซิดนีย์พูดออกมาก่อนที่จะผมจะเดินไปถึงห้องทำงานด้วยซ้ำไปหย่าหรือ? คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือคำว่าไร้สาระ และช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระจริง ๆ ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ซิดนีย์ได้ให้บริษัทจีที กรุป ซึ่งเป็นบริษัทของผมยืมไปใช้ นี่เป็นสัญญาที่ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในทุกแง่มุม ซิดนี่ย์เป็นเพียงผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วย ที่ต้องพึ่งพาผมและพ่อแม่ของเธอเพื่อความอยู่รอดหย่าหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจของเธอ อย่างที่เธอชอบทำนั่นแหละ เดิมทีเธอมีท่าทีน่าสงสาร ซึ่งเพียงพอจะทำให้คนนอกเชื่อว่าเธอได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่
มุมมองของซิดนีย์ทันทีที่ฉันกลับมายังสนามบิน ฉันก็เห็นเกรซโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นจากอีกฝั่งหนึ่ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ทริปแสนสั้นของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว และอาจพูดได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นสามเดือนที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตในรอบหลายปีฉันลากกระเป๋าตามหลังให้เร็วขึ้นแล้วรีบวิ่งไป พร้อมทั้งโบกมือกลับไปให้เกรซและรีบวิ่งไปหาตรงที่เธอยืนอยู่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกนะ แต่มีคนคุ้นเคยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันอดที่หันไปมองไม่ได้ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันรู้จักแผ่นหลังนั้น ไม่มีใครจะบอกเป็นอย่างอื่นได้ ต้องเป็นมาร์คไม่ผิดแน่ เป็นเขาแน่ ๆฉันดูไม่ผิด ฉันยืนยันกับตนเองตอนที่หยุดหันไปมองคนคนนั้น เขาคือมาร์ค ฉันไม่มีทางพลาดได้หรอก เขาเดินแบบก้าวเท้าเร็ว ๆ เหมือนเคย เขามองไม่เห็นฉัน? หรือว่าเขาอาจจำฉันไม่ได้อีกแล้วมั้ง? ฉันหายไปแค่สามเดือนเอง แต่ถ้านั่นเป็นเวลาที่เพียงพอจะทำให้เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครอีกครั้งจากแค่มองเพียงแวบเดียว ก็นับว่าประสบความสำเร็จที่สามารถลบผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักออกไปจากชีวิตได้ แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ของฉันตอนนี้ ฉัน
มุมมองของซิดนีย์"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉันฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจนณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลาม
มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ
มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ
มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย
ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า "มันเลวร้ายมากเลยค่ะ มาร์ค ฉันอยากให้คุณอยู่ที่นั่นด้วยกันตอนนั้น ฉันอยากให้คุณกอดฉันไว้ในวงแขนเหมือนที่คุณทำอยู่ตอนนี้ แล้วบอกฉันว่านั่นเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีความหมายอะไรเลย...” ฉันเงียบไปแล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม“มานี่สิ เบล" มาร์คดันเก้าอี้ไปข้างหลังอย่างแรง และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเขาเดินอ้อมโต๊ะมาจับไหล่ฉัน แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ รสสัมผัสจากการที่เขาใช้แขนโอบรอบตัวฉัน พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาบนแก้มนั้น ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง "ตอนนี้มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว" เขาจูบลงบนหน้าผากฉัน "อย่าคิดมากเลยนะ"ฉันสูดดมกลิ่นพร้อมกับพยักหน้า แล้วจับด้านข้างเสื้อเขาเอาไว้“ตอนนี้ก็อย่าปล่อยให้อาหารมื้อหรูนี้ต้องสูญเปล่าเลยนะ" เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วดึงแก้มฉันเล่นเขาป้อนอาหารให้ฉันแล้วฉันก็ป้อนเขากลับไป เติมไวน์ให้เขาในขณะที่ฉันเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาอีกเรื่อง เกี่ยวกับชีวิตที่ต้องป่วยและเศร้าอยู่ในต่างแดนให้เขาฟังหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็ช่วยกันเก็บถ้วยชาม ในระหว่างนั้นมาร์คเขาก็พักเป็นช่วงสั้น ๆ ด้วยการดื่มเหล้าจาก
"เธอหมายความว่ายังไงที่จะให้ฉันท้อง?”เธอกะพริบตาใส่ฉัน "โธ่เอ๊ย สาว เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร นอนกับมาร์คโดยไม่ต้องป้องกัน และทำให้แน่ใจว่าเขาจะทำให้เธอท้อง"“อ้อ" ฉันพึมพำด้วยความหดหู่ แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้“เธอทำไม่ได้เหรอ?” เธอส่งเสียงแหลมเพื่อดึงฉันออกมาจากห้วงความคิด“อะไรนะ? ไม่ เอิ่ม ฉันทำได้" ฉันพูดตะกุกตะกัก ฉันนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ "ฉันจะทำ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาเป็นของฉันโดยสมบูรณ์"“ดีมาก" เธอยิ้ม "เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะได้เป็นเจ้าของผู้ชายคนหนึ่ง ได้ดีไปกว่าการอุ้มลูกของเขาไว้ในท้องอีกแล้ว"ฉันพยักหน้า และคิดแผนเอาไว้ในหัวแล้ว "ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย" จิตใต้สำนึกทำเสียงล้อเลียนฉันขณะเอ่ยถาม แต่ฉันไม่สนใจหรอก“ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน แล้วเธอจะเห็นเองเวลาที่เธอตั้งท้องลูกของเขา เขาจะถูกบังคับให้หย่ากับซิดนีย์เอง" เธอยักไหล่ "ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็กำลังอุ้มท้องผู้เป็นทายาทของเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ทุ่มเทชีวิตเพื่อทำให้เธอมีความสุขล่ะ?”ฉันกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ฉีกยิ้มกว้าง "โห้ แซนดร้า ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก" ฉันหอมแก้มเธอรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้นเธอผลั
มุมมองของเบลล่าถ้าพ่อไม่หาข้อแก้ตัวโง่ ๆ แบบนั้น ฉันคงไม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้พ่ออยู่ข้างเดียวกับฉันในตอนนี้เนื่องจากพ่อโกหกทุกคนออกไปเช่นนั้น ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามที่พ่อสั่งหลังกลับมา ฉันพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ และพยายามพูดเรื่องนี้กับมาร์คทุกครั้งที่มีโอกาส เขาสงสารฉัน ยังรักและใจดีกับฉันมาตลอด มาหาฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันต้องการหรือเมื่อโทรหาเขาเพื่อมากอดฉันเอาไว้และรับรองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และมักจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ แต่ตอนนี้...ฉันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้คำโกหกนั้นแบบจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว เมื่อมีซิดนีย์เข้ามาเข้ามายุ่งเกี่ยวมากขึ้นหรือการกระทำของฉันอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือพอก็ได้? บางทีฉันควรไปพบแพทย์เพื่อขอให้เขาโกหก จากนั้นฉันก็จะได้ตัวมาร์คมาอยู่กับฉัน และ...ฉันรู้สึกเดือดดาลและโยนความคิดนั้นทิ้งไป ซิดนีย์รู้เรื่องมากเกินพอแล้ว ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้ไปมากกว่านี้ แล้วถ้าแพทย์เกิดหักหลังขึ้นมาในภายหลังล่ะ?ฉันโมโหขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าพ่อไม่เลือกใช้ข้อแก้ตัวนี้ที่ทำให้ฉันหายตัวไป ฉันก็คงหาข้
เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ "ต้องรุนแรงถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ใช่" ฉันตอบสั้น ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยในเมื่อตอนนี้พวกเขาเหมือนจะดูถูกเกรซ และไม่ให้ความเคารพเธออย่างที่ควรจะเป็น ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะจะจัดการกับพวกเขาให้เข้าที่เข้าทาง และทำหน้าที่เป็นผู้นำบริษัทอย่างเต็มที่มีเสียงดังขึ้นจากโน้ตบุ๊กของฉัน รายละเอียดของพนักงานคนนั้นถูกส่งมาแล้วฉันส่งรายละเอียดนั้นไปให้ฝ่ายกฎหมายโดยไม่ให้เสียเวลา และสั่งการให้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากพนักงานคนนั้นทันที“ฉันเข้าใจว่าเธอต้องจัดการกับผู้ถือหุ้นพวกนี้ให้เข้าที่เข้าทาง" เกรซเริ่มพูด เธอพูดช้า ๆ ซึ่งดูเหมือนเธอจะเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง "แต่นั่นจะไม่รุนแรงเกินไปเหรอ? เธอก็เห็นนี่ว่าพวกเขาไม่พอใจกันมากในห้องประชุม เพราะแบบนั้นแหละ ถึงได้กล้าขู่ว่าจะถอนตัวกัน แล้วตอนนี้ยังจะมาเลิกจ้างพนักงานของพวกเขาอีก" เธอเว้นช่วง "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาแก้เผ็ดเรา?” เธอเบิกตากว้างขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาถอนตัวออกไปจริง ๆ? เธอไม่กังวลเลยเหรอว่าพวกเขาจะถอนตัวออกไปจริง ๆ? พวกนั้นลงทุนในบริษัทเราเยอะมากนะรู้ไหม?” เธอเลิกคิ้วขึ้
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้ทางออกที่เป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากกระแสเงินสดมีน้อยเกินไป ฉันและเกรซจึงเป็นเพียงสองคนที่เสนอตัวให้บริษัทยืมเงินออมส่วนตัวไปใช้ เหล่าผู้ร่วมถึงหุ้นแสนเห็นแก่ตัวอ้างว่าไม่สามารถตัดสินใจได้เนื่องจากไม่การแจ้งล่วงหน้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะหลังจากสรุปทุกอย่างแล้ว เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ในระหว่างนี้ ในขณะที่แผนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ“ทำไมถึงรับพนักงานโง่ ๆ อย่างนี้มาทำงานได้ตั้งแต่แรก?!” ฉันหันไปหาทีมทรัพยากรบุคคล "ทีมงานของคุณทำอะไรกันอยู่?”คำตอบของเกรซทำให้พวกเขาต้องหงายหลังไปเลย "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ฉันต้องปลดพนักงานออกตั้งหลายคน เพราะไร้ความสามารถกัน ในช่วงสามปีที่เธอห่างจากบริษัทไป ก็ไม่มีใครกำราบพวกคณะกรรมการบริหารเลย พวกเขาพยายามยัดเยียดพนักงานที่ไร้ความสามารถให้กับบริษัท ถ้าเธอไม่ได้กลับมาทำงานอย่างเต็มตัวล่ะก็ บริษัทต้องพังพินาศเพราะพวกเขาแน่ ๆ"“จะบ้าตาย" ฉันถอนหายใจพร้อมกับกุมขมับ เนื่องจากเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา "เราจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง" ฉันจ้องเขม็งไปที่ทีมบริหารที่ไม่ยอมสบตาฉัน "เอา
"สวัสดีค่ะ"“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง"เลขานุการคนนั้นทักทายฉันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส "สวัสดีค่ะ ช่วยแจ้งหัวหน้าแผนกบัญชีด้วยว่าฉันมาที่นี่เพื่อพบเขา"เขาพยักหน้าแล้วโทรศัพท์ออกไป ฉันถูกเรียกเข้าไปพบอย่างรีบร้อนพนักงานบัญชีคนนั้นยิ้มร่าในขณะพาฉันเข้าไปโดยรออยู่ที่ประตูแล้ว "ยินดีต้อนรับการกลับมานะครับ คุณผู้หญิง"ฉันยิ้ม "ขอบคุณค่ะ ฉันคิดว่าเรายังไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ฉันกลับมาใช่ไหมคะ?”“ยังไม่ได้เจอกันเลยครับ" เขายืนยันในขณะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ส่วนฉันก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา แล้วเริ่มเล่าให้เขาฟังว่าฉันต้องการอะไรใบหน้าของนักบัญชีดูเคร่งขรึมขึ้นในขณะที่ฉันพูด "ถ้าเป็นเดือนที่แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับคุณผู้หญิง"ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย "แล้วตอนนี้จะเป็นปัญหาเหรอคะ?”“ก็ทำนองนั้นน่ะครับ"หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเขาเอามือลูบขอบโต๊ะเล่น "คุณก็รู้ว่าแผนกของเราต้องการคนเพิ่ม เราจึงรับพนักงานคนใหม่เข้ามา หลังจากได้ทำการทดสอบไปหลายครั้ง เราก็ได้พนักงานที่เก่งที่สุดมาคนหนึ่ง พนักงานคนนี้ได้บอกขนาดและเนื้อสัมผัสและรายละเอียดเครื่องจักรกับฝ่ายผู้จ
หลังจากมาร์คอวยพรวันเกิดและมอบของขวัญให้พ่อเสร็จแล้ว เขาก็กล่าวคำอำลาสั้น ๆ กับพ่อและแม่ แล้วเราก็เดินออกมาก รอยยิ้มของพ่อเริ่มสั่นคลอนเมื่อมองไปมองมาระหว่างมาร์คกับฉันการนั่งรถกลับบ้านเป็นอะไรที่สนุกมาก มาร์คพาเรากลับบ้านด้วยรถที่เขากับเบลล่านั่งมาฉันตัดสินใจเย้าแหย่เขาด้วยความเบื่อหน่าย ฉันเอามือวางบนหน้าอกของฉัน "เบลล่าที่น่าสงสาร" ฉันถอนหายใจ ปล่อยให้ไหล่ลู่ลงพร้อมหันไปหาเขา "คุณขับรถออกมาแล้วเนี่ย เธอจะกลับบ้านได้ยังไงล่ะ?”เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยังกัดฟันแน่นพลางมองออกไปนอกหน้าต่างฉันถอนหายใจอีกครั้ง "หวังว่าเธอคงไม่เจ็บใจมากนะ ตอนพยายามกลับบ้านเอง หรือตอนที่เพื่อนหัวเราะเยาะใส่ว่าถูกคนรักทิ้งไป"ฉันเห็นนิ้วก้อยของเขากระตุกขณะกดฝ่ามือลงบนตักตนเองฉันอยากเห็นอะไรมากกว่านั้น ฉันถอนหายใจแล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูด "ตอนนี้ ฉันก็ไปหาพ่อหนุ่มอิตาเลียนที่ร้านนั้นไม่ได้แล้วสิ" หน้าอกของฉันกระเพื่อมสูงขึ้นเมื่อถอนหายใจดังลั่น "ค่อยไปวันหลังก็ได้"นิ้วของเขากระตุกมากขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นปฏิกิริยาแบบเดียวกับที่ฉันเห็นครั้งก่อน แล้วในที่สุดฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการนิ่งเงียบของเขา
ทั่วทั้งโถงทางเดินแห่งนั้นมีแต่ความเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเราเท่านั้น ในขณะที่ฉันรอดูว่ามาร์คจะทำอย่างไร ฉันกลอกตาด้วยความรู้สึกที่ไม่แปลกใจเลยที่เขาปล่อยตัวฉัน "เธอต้องการผม" เขาพูดในขณะที่ก้าวเข้าไปหาเธอย่างลังเล "เบลล่า...”ฉันพยายามหาวโดยไม่เปิดปาก ในขณะเคลื่อนตัวออกห่างจากเขาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เหลือเกิน ช่างหูหนวกตาบอดกันไปหมด ฉันมองดูเบลล่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วซบอกเขา แขนของเขาโอบรอบตัวเธอโดยสัญชาตญาณ โดยดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ ๆ ราวกับเป็นเกราะกำบังจากฉันฉันหยิบกระเป๋ามาสะพายไว้บนบ่าอย่างไม่ใส่ใจ การกระทำอย่างนั้นช่วยให้ฉันก้าวเดินออกไปอย่างมั่นใจขึ้น เมื่อเดินผ่านเธอเพื่อลงบันไดไป ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาของพวกเขาต่างจับจ้องมาที่ฉันทันใดนั้น ในขณะที่ฉันเดินลงบันไดไปได้ครึ่งทาง ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ และฉันก็หยุดเดินฉันหยุดเดินแล้วหันไปหามาร์คพร้อมกับส่งยิ้มหวาน "ตายจริง มาร์คคะ ฉันลืมบอกคุณไปค่ะ ที่รัก" เขาขมวดคิ้วในขณะฟังฉันพูด "จำผู้ชายที่ร้านเหล้าคนนั้นได้ไหม? หนุ่มหล่อล่ำที่เข้ามาขวางคุณเอาไว้ในคืนนั้นไง? คนที่บอกว่าเขาเป็นเจ้า
ฉันพูดอะไรไม่ออกเมื่อเสียงสั่นเครือของเบลล่าดังก้องไปทั่วห้อง "มาร์ค!" น้ำเสียงสั่นเครือด้วยอารมณ์รุนแรง และดวงตาส่องประกายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นกำลังจ้องมองเขาอยู่ "อย่าเพิ่งไป" เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา เพื่อน ๆ ของฉันรอคุณอยู่ ถ้าคุณเดินออกไป พวกเขาจะเยาะเย้ยฉันอย่างไม่มีวันจบสิ้นแน่"ฉันอดที่จะกลอกตาไม่ได้เมื่อเห็นว่าเธอเล่นใหญ่ขนาดไหนที่เพื่อนชอบล้อเลียนเช่นนั้น ก็เป็นความผิดของตัวเธอเองทั้งนั้น ตั้งแต่เธอกลับมาจากการหนีตามผู้ชายไป เธอก็ทำให้ฉันดูเหมือนเป็นนางร้ายต่อหน้าเพื่อน ๆ และใครก็ตามที่สนใจฟัง เธอจะบอกพวกเขาเสมอว่าเธอกับมาร์คเป็นคู่รักตัวจริง ส่วนฉันที่มักจะอิจฉาริษยาเธอมาโดยตลอด ได้ใช้โอกาสนี้บีบบังคับมาร์คตอนที่เธอไปรักษาตัวยังต่างประเทศ ความขมขื่นจากการโดนเธอกล่าวหานั้นยังติดตัวฉันมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันรู้สึกโดนทรยศหักหลังเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เมื่อฉันคิดว่าฉันกำลังรักษาชื่อเสียงให้เธอ แต่เธอกลับใส่ร้ายป้ายสีฉันเป็นการตอบแทนฉันกลอกตาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสีหน้าของมาร์คดูอ่อนลง ถึงแม้ฉันจะเกาะกุมเขาอยู่ แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าเขาได้เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ฉ