แชร์

หย่า…มารักฉันเลย
หย่า…มารักฉันเลย
ผู้แต่ง: เบลล่า

บทที่ 1

ผู้เขียน: เบลล่า
ฉันได้รับวิดีโอลามกมา

“คุณชอบแบบนี้ไหม?”

ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอนี้คือมาร์ค สามีของฉันเอง ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อและกางเกงวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพยายามดันมังกรยักษ์เข้าไปในร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า หน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงกระเด้งกระดอนอย่างแรง ฉันได้ยินเสียงกระแทกกระทั้นในวิดีโอนั้นอย่างชัดเจน ผสมกับเสียงครวญครางและคำรามอันเร่าร้อน

“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ กระแทกมาแรง ๆ เลยที่รัก" ผู้หญิงคนนั้นโต้ตอบด้วยร้องครางอย่างมีความสุข

“ยั่วสวาทจริง ๆ เลยนะ!” มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วพลิกตัวเธอให้คว่ำลง พร้อมตบก้นเธอและพูดว่า "แอ่นก้นขึ้นมา!”

ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างแผ่วเบา พลิกตัวคว่ำลง ส่ายก้นไปมา แล้วนอนคุกเข่าอยู่บนเตียง

ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเทน้ำในกระติกน้ำแข็งราดมาบนหัว การที่สามีนอกใจก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนั้นคือเบลล่า ผู้เป็นน้องสาวของฉันเอง

ฉันปล่อยให้วิดีโอเล่นต่อไป โดยดูและฟังพวกเขาสองคนบรรเลงเพลงรักกัน ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงครวญครางของพวกเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงลงบนหัวใจ

การนอกใจยังคงดำเนินต่อไป หลังจากตบก้นกันอีกสองสามครั้ง เขาก็จับก้นของเธอเอาไว้ แล้วสอดใส่มังกรยักษ์ของเขาเข้าไปตรงหว่างขา แล้วเริ่มกระแทกสุดแรง

หลังจากดันเข้าดันออกอยู่สองสามรอบ มาร์คกับเบลล่าก็ร้องครวญครางออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน พวกเขาล้มตัวลงบนเตียง พร้อมกับจูบและลูบไล้ใบหน้าของกันและกัน

“คุณทำแบบนี้กับพี่สาวของฉันด้วยหรือเปล่า?” เสียงยั่วสวาทของเบลล่าดังขึ้น

“อย่าไปพูดถึงเธอเลย" เสียงที่ฟังดูไม่แยแสของมาร์คดังก้องขึ้น "ผมไม่เคยจูบเธอด้วยซ้ำไป เธอเทียบอะไรกับคุณไม่ได้เลย"

“ฉันรู้ว่าคุณรักฉันคนเดียว!” เบลล่ายิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเอามือเกี่ยวคอเขาเข้ามาจูบแล้วพูดว่า "อีกสักรอบแล้วกันนะคะ!”

เมื่อเห็นพวกเขาสองคนม้วนตัวเข้ามานัวเนียกันอีกครั้ง ฉันก็รู้สึกคลื่นไส้และไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ฉันกดปุ่มหยุดชั่วคราวเพราะความโกรธเกรี้ยว แล้วกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก

ฉันรู้ดีว่าต้องเป็นเบลล่าแน่ ๆ ที่ส่งวิดีโอม้วนนี้มาให้ เธอต้องการจะบอกฉันว่ามาร์คยังอยู่ในกำมือเธอ และฉันก็ไร้พลังจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้ นอกเหนือจากทะเบียนสมรสและคำนำหน้าชื่อแล้ว ฉันกับมาร์คก็ดูไม่เหมือนเป็นคู่สามีภรรยากันเลย เบลล่าช่างรู้วิธีตวัดมีดได้ดีจริง ๆ

เมื่อสามปีก่อน ในวันที่โชคชะตาเล่นตลกจนฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับการเฉลิมฉลองการแต่งงานของเบลล่าและมาร์ค เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่งานแต่งงานจะเริ่มขึ้น จู่ ๆ เบลล่าก็หายตัวไป (หรืออาจเพียงไปไหนสักที ที่เราหาเธอไม่เจอ)

พ่อแม่ของฉันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะล้มล้างความอับอาย และรักษาหน้าต่อหน้าแขกเหรื่อหรือใครก็ตาม ที่พวกท่านพยายามปกป้องเอาไว้ในวันนั้น โดยหันมามองฉันแล้วบอกให้ฉันสวมชุดแต่งงานของน้องสาว เพื่อเข้าไปอยู่ตรงแท่นพิธีแทนเบลล่า

ฉันไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งหรือเลือกที่จะปฏิเสธอะไรออกไปได้ ฉันจำต้องเป็นหุ่นเชิดเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าสาวในงานแต่งงานของเบลล่าที่หายตัวไป โดยไม่ได้รับคำอวยพรหรือความปรารถนาดีที่ให้ฉันได้มีความสุขในอนาคต มีแต่คำสั่งสอนให้ฉัน "เป็นภรรยาที่ดี" เท่านั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้

ฉันถูกทิ้งให้ยืนตัวชาอยู่ตรงนั้นในชุดแต่งงานที่ยืมของคนอื่นมา เพื่อแลกคำสาบานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันแทบไม่รู้จัก ฉันรู้สึกราวกับว่าความฝันและแรงบันดาลใจถูกบดบังด้วยความจริงอันโหดร้าย จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่าฉันโดนพรากชีวิตตัวเองไปในพริบตา และแทบจะจำไม่ได้เลยว่าความสุขเป็นเช่นไรหลังจากวันนั้น ฉันถูกคุมขังจากหนทางรอดที่เป็นไปได้ทั้งหมด

ฉันบอกหรือยังว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเริ่มขึ้นมาได้อย่างไร?

ไม่สิ ฉันคิดว่าวันที่เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ นั้นคือวันที่ย้อนไปตอนที่ฉันอายุสามขวบ โชคร้ายหรืออย่างไร ฉันหายตัวไป เป็นเวลานานถึงสิบแปดปีที่ฉันเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลจากบ้านและครอบครัว เมื่อฉันเติบโตขึ้นจากเด็กตัวเล็ก ๆ จนเป็นวัยรุ่น และล่วงเลยถึงวัยผู้ใหญ่ช่วงต้น ๆ ฉันก็ยังค้นหาว่าตนเองมาจากที่ใด และเมื่อความฝันที่รอคอยมานานในการกลับไปอยู่กับครอบครัวกลายเป็นความจริง ก็ไม่มีอะไรเหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้เลย

ไม่ใช่การกลับมาพบกันอย่างชื่นมื่น ไม่มีน้ำตาแห่งความดีใจ

สิ่งที่ฉันได้พบเจอนั้นมีแต่สิ่งที่เรียกได้ว่าความไม่แยแส

ราวกับว่าฉันเป็นคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ดูเหมือนพ่อแม่ของฉันจะทำใจได้แล้วหลังจากต้องพลัดพรากจากฉันไปหลายปี พวกท่านทุ่มเทความรักให้กับเบลล่าเพียงคนเดียว จนแทบจะไม่มีเหลือให้ฉันเลย

จริง ๆ แล้วฉันก็พอเดาได้ว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว เพราะถ้ายังคงเหลืออยู่ ฉันก็น่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจมากพอที่จะรู้ข่าวว่าเบลล่าจะกลับมาจากต่างประเทศ และได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของสามีฉันได้ยังไงก็ไม่รู้

โทรศัพท์สั่นเตือนขึ้นมาทันที มีสายวิดีโอคอลเข้ามาจากเบลล่า ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะรับสายหรอก แต่สุดท้ายก็ปัดหน้าจอเป็นสีเขียว แล้วใบหน้าของเบลล่าก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธอนั่งอยู่ในห้องเดียวกับที่เห็นในวิดีโอนั้น โดยมีผ้าขนหนูพันกายอยู่

“ไง หวังว่าอยู่ตรงนั้น คงสุขสบายดีนะ" เบลล่าพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ

เธอเลื่อนโทรศัพท์ไปรอบ ๆ เพื่อให้มองเห็นพื้นที่ภายในห้องได้มากขึ้น และตรงพื้นหลังนั้นฉันเห็นภาพของมาร์คกำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำเพียงครู่หนึ่ง

“ลองเดาดูซิว่าใครจะต้องอยู่แบบบัวแห้งแล้งน้ำไปจนแก่ตาย? ไม่ใช่ฉันหรอกนะ!” เธอหัวเราะอย่างสะใจ

ฉันกัดฟันอยู่เงียบ ๆ รู้สึกหงุดหงิดกับคำดูถูกนั้น

“เขาไม่คู่ควรกับเธอหรอก" เธอพูดต่อ "เขาคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า และฉันก็ดันเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาด้วยสิ ตัวเอง"

ไม่มีทางที่ฉันจะทนฟังอะไรแบบนั้นอีกต่อไป ฉันวางสายอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง จากนั้นก็เอามือปิดหน้า

ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะไม่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาลากไปบนพื้นเหมือนเป็นผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งอีกต่อไป

ตอนที่มาร์คกลับมาถึงบ้านนั้นก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว ฉันนั่งลงบนพื้นกระเบื้องเย็น ๆ ในห้องนั่งเล่น เอามือเกยคางเอาไว้ และเกือบจะเคลิ้มหลับไป เมื่อได้เสียงกลอนประตูลั่น กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยก็โชยตามเขาเข้ามาข้างใน ซึ่งฉันสาบานได้เลยว่าฉันได้กลิ่นเบลล่าบนตัวเขาด้วย

ฉันลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ใบหน้าของเขามีความแข็งกร้าวราวกับก้อนอิฐ ซึ่งเขามักเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ ๆ ทำให้คิดว่าเขาจะยิ้มปากถึงหูขนาดไหนเวลาที่อยู่กับเบลล่า

หลังจากแต่งงานกันฉันก็ทำทุกอย่างตามที่พ่อแม่สั่ง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิตประจำวันของเขา และเรื่องอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนตลอดสามปีที่ผ่านมา มันเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของฉันไปแล้ว มาร์คก็ยอมรับในเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อแม้อะไร แต่มาร์คก็ไม่เคยชายตาแลฉันเลยสักวันเดียว

มาร์คปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขา เขาปฏิบัติต่อฉันเหมือนฉันเป็นคนไร้ตัวตน และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดออกมา

“ฉันต้องการหย่า"

เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่เชื่อ

“คุณพูดอะไรของคุณ?”

“ฉันไม่อยากได้ตำแหน่งภรรยาอีกต่อไปแล้ว" ฉันตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม

ในวันนั้นเมื่อสามปีก่อนฉันยืนอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว ส่วนเขาก็อยู่ในชุดทักซิโด้ มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ด้านหลังเรา และมีบาทหลวงยืนอยู่ตรงหน้าเราด้วยสายตาสงบนิ่ง มาร์คสกัดกั้นความโกรธเอาไว้เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้านั้นไม่ใช่เบลล่า แต่เป็นฉัน

ฉันจำได้ว่าหน้าอกบีบรัดอยู่หลังสร้อยคอเพชรที่ฉันสวมอยู่ การจ้องมองของเขาทำให้ฉันรู้สึกโง่เขลาและทำอะไรไม่ถูกในชุดนั้น พ่อแม่ของฉันยิ้มแย้มราวกับว่าพวกท่านไม่ได้ผลักฉันออกไปโดยที่ฉันไม่เต็มใจ และกลุ่มคนก็โห่ร้องแสดงความยินดีโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนี้คุณสามารถจุมพิตเจ้าสาวได้แล้ว" บาทหลวงประกาศ

มาร์คเอนตัวเข้ามาใกล้ฉัน แต่ไม่ใช่เพื่อที่จะจุมพิต เขาแค่ไถหน้าของเขาผ่านแก้มของฉัน แล้วกระซิบข้างหูฉันว่า "สิ่งเดียวที่คุณจะได้ไปก็คือตำแหน่งภรรยาผมเท่านั้น"

และตำแหน่งนั้นนั่นเองที่ฉันกำลังจะคืนให้เขาไป ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไป ฉันไม่ควรรับมันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ฉันควรจะปลดปล่อยตัวเองที่อุตส่าห์อดทนอดกลั้นมามากเกินความจำเป็น ฉันแบกรับอะไรที่เกินไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

“ฉันต้องการหย่า มาร์ค" ฉันพูดซ้ำเผื่อเขาไม่ได้ยินที่ฉันพูดในครั้งแรก ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาได้ยินอย่างชัดเจนก็ตาม

เขาจ้องมองฉันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะตอบอย่างเย็นชาว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเป็นคนตัดสินใจเอง! ผมกำลังยุ่งอยู่นะ อย่ามารบกวนเวลาของผมด้วยเรื่องน่าเบื่อแบบนี้อีก หรืออย่ามาพยายามเรียกร้องความสนใจจากผมด้วย!”

ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่คิดว่าฉันพยายามจะเรียกร้องความสนใจ ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากเขาในตลอดสามปีที่ผ่านมา และเมื่อฉันเอ่ยถึงการหย่าร้างขึ้นมาเขาก็จำมันได้

สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำก็คือการโต้เถียงหรือทะเลาะกับเขา

“ฉันจะให้ทนายความส่งเอกสารหย่าให้คุณเอง" ฉันพูดออกไปอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แล้วเดินเข้าประตูตรงหน้าไป พร้อมทั้งกระแทกประตูอย่างแรง ฉันจ้องมองลูกบิดประตูอย่างเหม่อลอย ก่อนจะดึงแหวนแต่งงานออกจากนิ้วแล้ววางไว้บนโต๊ะ อย่าถามเลยว่าทำไมฉันถึงใส่แหวนนั้นตั้งแต่แรก

ฉันคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมา ซึ่งจัดกระเป๋าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และมุ่งหน้าออกจากบ้านไป สายลมที่พัดพาอยู่ด้านนอกนั้นทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างหลังจากนั้น ราวกับฉันได้ยกภูเขาออกจากอกได้เป็นครั้งแรกหลังจากต้องแบกเอาไว้มานาน ความรู้สึกที่มีสายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนมาพัดผ่านเส้นผมนั้น ช่างให้ความรู้สึกที่ดีจริง ๆ

ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า และปัดนิ้วผ่านหน้าจออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงโทรออก

“ฉันกำลังจะหย่า มารับฉันหน่อยสิ"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 2

    สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วเมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใครรถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลงเกรซนั่นเองเกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็วเกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 3

    มุมมองของมาร์คผมขับรถเข้าไปในทางเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เป็นวันยาวนานอีกวันหนึ่งทั้งจากการทำงานและเรื่องสนุก ๆ ที่ทำให้ผมหมดแรง และสิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือการผ่อนคลายและพักผ่อน ผมก้าวออกจากรถแล้วคลายเนกไทออก อยากเดินเข้าไปด้านในเต็มทนและได้พักผ่อนในที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ผมมองเห็นซิดนีย์นั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองผมด้วยสายตาอันว่างเปล่าเหมือนเคย ผมแทบจะไม่ชายตามองเธอเลยในขณะที่มุ่งตรงไปที่ห้องทำงาน“ฉันต้องการหย่า" ซิดนีย์พูดออกมาก่อนที่จะผมจะเดินไปถึงห้องทำงานด้วยซ้ำไปหย่าหรือ? คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือคำว่าไร้สาระ และช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระจริง ๆ ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ซิดนีย์ได้ให้บริษัทจีที กรุป ซึ่งเป็นบริษัทของผมยืมไปใช้ นี่เป็นสัญญาที่ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในทุกแง่มุม ซิดนี่ย์เป็นเพียงผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วย ที่ต้องพึ่งพาผมและพ่อแม่ของเธอเพื่อความอยู่รอดหย่าหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจของเธอ อย่างที่เธอชอบทำนั่นแหละ เดิมทีเธอมีท่าทีน่าสงสาร ซึ่งเพียงพอจะทำให้คนนอกเชื่อว่าเธอได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 4

    มุมมองของซิดนีย์ทันทีที่ฉันกลับมายังสนามบิน ฉันก็เห็นเกรซโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นจากอีกฝั่งหนึ่ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ทริปแสนสั้นของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว และอาจพูดได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นสามเดือนที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตในรอบหลายปีฉันลากกระเป๋าตามหลังให้เร็วขึ้นแล้วรีบวิ่งไป พร้อมทั้งโบกมือกลับไปให้เกรซและรีบวิ่งไปหาตรงที่เธอยืนอยู่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกนะ แต่มีคนคุ้นเคยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันอดที่หันไปมองไม่ได้ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันรู้จักแผ่นหลังนั้น ไม่มีใครจะบอกเป็นอย่างอื่นได้ ต้องเป็นมาร์คไม่ผิดแน่ เป็นเขาแน่ ๆฉันดูไม่ผิด ฉันยืนยันกับตนเองตอนที่หยุดหันไปมองคนคนนั้น เขาคือมาร์ค ฉันไม่มีทางพลาดได้หรอก เขาเดินแบบก้าวเท้าเร็ว ๆ เหมือนเคย เขามองไม่เห็นฉัน? หรือว่าเขาอาจจำฉันไม่ได้อีกแล้วมั้ง? ฉันหายไปแค่สามเดือนเอง แต่ถ้านั่นเป็นเวลาที่เพียงพอจะทำให้เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครอีกครั้งจากแค่มองเพียงแวบเดียว ก็นับว่าประสบความสำเร็จที่สามารถลบผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักออกไปจากชีวิตได้ แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ของฉันตอนนี้ ฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 5

    มุมมองของซิดนีย์"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉันฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจนณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลาม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 6

    มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

บทล่าสุด

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 245

    ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก "โอ้ เดนนิส นายช่วยชีวิตฉันไว้จริง ๆ" ฉันบอกเขาขณะที่เขาลงจากรถและช่วยพาพวกเราเข้าไปข้างใน พาเอมี่ไปที่เบาะหลัง"พูดอีกก็ถูกอีก" เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาเปิดประตูผู้โดยสารด้านหน้าให้ฉันและฉันก็ขึ้นไปน่าแปลกที่เดนนิส ผู้ชายอันตรายที่ฉันตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉัน หลังจากวันนั้นที่บาร์ เขารีบพาฉันไปโรงพยาบาล รอฉันจนกระทั่งฉันตื่นขึ้น และตั้งแต่นั้นมาเขาก็วนเวียนอยู่แถวนั้น อันที่จริง เขามากกว่าแค่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เพราะเขากลายมาเป็นเพื่อนฉันจริง ๆ แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตฉัน เขามักจะอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยยกระดับอารมณ์ของฉันเสมอแม้ว่าเป็นเวลาไม่นานก่อนที่เขาจะยืนยันความสงสัยเกี่ยวกับความสนใจของเขาในตัวฉัน ฉันยินดีมากที่ถึงแม้จะปฏิเสธเขาด้วยเหตุผลว่าฉันท้อง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้ เขายินดียอมรับฉันรวมถึงเด็กในท้อง โดยไม่ถามฉันสักคำว่าพ่อเด็กคือใครความรักและความห่วงใยของเขาประทับใจฉัน พูดตามตรง แต่ไอเดนปฏิบัติต่อฉันดีจริง ๆ ฉันไม่พร้อมที่จะกระโดดจากความสัมพันธ์สี่ปีที่พังทลายไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนอีกค

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 244

    มุมมองของอนาสตาเซีย5 ปีต่อมา"ทำไมหนูต้องไปที่นั่นทุกวันด้วยคะ? หนูอยากไปกับแม่!" เธอพูดและเบือนหน้าหนีจากฉันฉันถอนหายใจ วางกระเป๋าเป้ กล่องอาหารกลางวัน และกระเป๋าของฉันลงบนเก้าอี้ ก่อนจะย่อตัวลงเท่าความสูงของเธอ"นี่ ลูกรัก" ฉันพูดเบา ๆ แต่เธอตอบกลับด้วยการหันหน้าหนีจากฉันอีกครั้ง"เอมี่ ฟังแม่" ฉันจับมือเธอไว้ แต่เธอสะบัดมันออก "อย่ามาคุยกับหนู""เอมี่ มองแม่เร็ว" ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น จนเธอยอมหันมาหาฉันทันทีด้วยริมฝีปากที่ยื่นออก และดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ฉันเกลียดที่ต้องขึ้นเสียงกับเธอ แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอยอมฟังฉันจับมือเธอกุมไว้อย่างเบามือ โชคดีที่ครั้งนี้เธอไม่ดึงมันออก "ที่รัก ลูกไปทำงานกับแม่ไม่ได้ ทางบริษัทไม่อนุญาต""ทำไมอ่ะ?" เธอทำหน้างอ "หนูทำงานได้นะ""แม่รู้ เอมี่" ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ "ลูกเป็นเด็กที่ขยันมาก แต่ตอนนี้สำหรับลูกแล้วโรงเรียนสำคัญกว่า โอเคไหม? เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกจะได้ทำงาน ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครห้ามลูกได้""ทำไมหนูทำงานตอนนี้ไม่ได้?" เธอโอดครวญ "หนูห้าขวบแล้วนะ!"ฉันเกือบจะยกมือขึ้น "ใช่ ที่รัก ลูกห้าขวบแล้ว! แต่ยังเด็

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 243

    ฉันจ้องมองคุณหมออย่างตกตะลึง จิตใจหมุนวนไปพร้อมกับเสียงในหูที่ดังก้องอยู่ ท้องอย่างนั้นเหรอ?จะท้องได้อย่างไรกัน? ความทรงจำนึกย้อนกลับไปตอนที่ไอเดนย่ำยีฉัน ครั้งแรกที่เราคบหากัน ค่ำคืนวันนั้นที่เขามอบให้ บรรเลงเพลงรักและวาดฝันถึงครอบครัวในคลาร่าอนาคตของเรา แต่ความฝันเหล่านั้นพลันแตกสลายไม่เห็นชิ้นดีเมื่อฉันจับได้ว่าเขานอกใจ ความรู้สึกถูกหักหลังบาดลึกลงไป ฉันไม่รู้เลยว่าจะสามารถให้อภัยเขาได้หรือไม่ และตอนนี้ เด็กน้อยคนหนึ่งที่เป็นผลจากกระทำของเรา สายใยถักทอกลายเ)็ฯชีวิตใหม่…ลูกของไอเดน…ลูกของเราแม้จะโกรธขนาดไหน แต่ภายในก็ยังรักเขาหมดหัวใจ ฉันจะสามารถทนอุ้มท้องแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาทำกับฉันขนาดนี้?คุณหมอดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสับสนภายใน “คุณครับ? ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยดีใจกับเรื่องนี้นะครับ…”ฉันส่ายหัวช้า ๆ “คือ…ฉันเพิ่งรู้ว่าแฟนเขานอกใจฉันน่ะค่ะ”เสียงของฉันสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่สีหน้าของคุณหมออ่อนโยนลงด้วยความเห็นใจ “ผมเข้าใจว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผมคิดว่าคงต้องให้คุณใช้เวลากับตัวเองทบทวนเรื่องต่าง ๆ ดีไหมครับ?”ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย คุณหมอขอตัวจากไปพร้อมปิดประต

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 242

    "ฉันจะพยายาม" ฉันเอานิ้วลูบผมและทิ้งตัวลงบนเตียงตามเดิม "แค่ต้องการเวลาหน่อย""เธอไม่มีเวลานั้นหรอกนะ" เธอเริ่มดึงฉันให้ลุกขึ้นมา "เพราะฉันจะออกไปคลับ และเธอต้องไปด้วยกัน""ไม่" ฉันปฏิเสธอย่างหนักแน่นและเริ่มขืนตัว "ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น""ขอร้องล่ะ อาน่า ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้""ปล่อยให้ฉันเสียใจสักคืนเถอะ นั่นมันตั้งสี่ปีเชียวนะ!""ช่างหัวมันสิ""คลาร่า…""ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นคงยังคงกอดสาวอื่นอยู่ ในขณะที่เธออยู่ในห้องอย่างน่าสมเพช"เธอพูดถูก หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ในบ้านของเขา เขาคงจะกลับไปสู่อ้อมแขนของเธอทันทีหลังจากที่ฉันจากไป“ไอ้หน้าไม่อายอย่างเขาไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ เธอควรออกไปสนุกกับแสงสีเสียง แสดงให้ตัวเองและเขาเห็นว่าชีวิตของเธอยังดำเนินต่อได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น" เธอพูดเบา ๆฉันถอนหายใจ "ก็ได้"นั่นคือวิธีที่ฉันถูกลากให้ยอมไปคลับ ในขณะที่ฉันควรจะไว้ทุกข์ให้กับความรักที่สูญเสียไปมันไม่ใช่ความคิดที่แย่ขนาดนั้น ฉันดีใจที่ได้ออกมาที่นี่ ฉันคิดขณะที่คลาร่ากับฉันเต้นคลอไปกับเพลงที่เปิด หัวเราะราวกับว่าเราไม่มีเรื่องกังวลอะไรในโลก"ฉันจะไปเอาเครื่อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 241

    มุมมองของอนาสตาเซียสิ้นเสียงสูดน้ำมูก ฉันหยุดเคาะประตูอย่างต่อเนื่องเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้าใกล้ประตู ฉันเอนตัวกับประตู ไม่สามารถห้ามเสียงสะอื้นได้ฉันหมายความตามที่พูดจริง ๆ ว่ามันจบแล้ว แต่ลึก ๆ ฉันหวังว่าเขาจะตามฉันมา โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนและยืนยันกับฉันว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครั้งใหญ่ แต่เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น ตะโกนชื่อฉันเหมือนคนบ้าคลั่งคลาร่าเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม และยิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นฉัน แต่ก็หุบลงทันทีเมื่อเธอสังเกตเห็นน้ำตาบนหน้า"เธอโอเคไหม?" เธอขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม "ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้" เธอพูดช้า ๆ คิ้วย่นลึกขึ้น "อาน่า เธอโอเคไหม?"เธอเอื้อมมือมาหาฉัน แล้วฉันก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้อีกต่อไป โถมเข้าหาอ้อมแขนของเธอและร้องไห้เหมือนเด็กน้อย หัวใจของฉันรู้สึกหนักอึ้ง ไหล่สั่นสะท้าน ขณะที่ฉันกำชายเสื้อเธอและร้องไห้หนักขึ้น ทำให้เสื้อสเวตเตอร์ของเธอเปียกโชกไปด้วยน้ำตา"ชู่ว" เธอตบหลังฉัน ปิดประตูและพาฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่น รีบเอากระเป๋าของฉันเข้ามาข้างใน จากนั้นก็กอดฉันและนั่งลง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ฉันเกาะกอดเธอและร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 240

    มุมมองของอนาสตาเซียก้าวของฉันยาวและเร็วขึ้นขณะที่ฉันเดินไปที่อะพาร์ตเมนต์ของเขามีเหตุผลส่วนหนึ่งในตัวฉันที่เชื่อมั่นว่าภาพเหล่านั้นไม่ได้ถูกตัดต่อ และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เล็กกว่า ที่เชื่อ… หรือค่อนข้างอยากจะเชื่อ... ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เป็นแค่เรื่องตลกโง่ ๆไอเดนไม่ทำแบบนั้นกับฉันแน่ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะกระโจนเข้าหาผู้หญิงคนต่อไปที่เขาเจอทันทีที่ฉันไม่อยู่ในประเทศ เป็นไปไม่ได้ฉันเดินผ่านประตูที่เปิดอยู่ ขณะที่ฉันหยุดอยู่หน้าประตู ฉันสังเกตเห็นว่าลมหายใจของฉันหอบถี่ ฝ่ามือที่กำรอบกระเป๋าของฉันมีเหงื่อออกฉันวางกระเป๋าลงและเช็ดฝ่ามือกับกางเกงยีนส์ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลงฉันเคาะประตูแต่ไม่มีการตอบรับ จึงค่อย ๆ เอานิ้วจับลูกบิดประตูแล้วผลัก ทันใดนั้นมันก็เปิดออก ตามด้วยบานประตู ฉันก้าวเข้าไปข้างในและปิดประตูตามหลัง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับสภาพห้องนั่งเล่นที่รกยุ่งเหยิงฉันตั้งใจจะเรียกเขาขณะที่เดินไปทางห้องนอน แต่แล้วกลับเหลือบไปเห็นสีแดงสดในสายตาซะก่อนฉันหันไปทางเก้าอี้ข้างครัว พบว่ามันไม่ได้มีเพียงแต่รองเท้าของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีชุดเดรสและ.

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 239

    มุมมองของอนาสตาเซียคิ้วของฉันขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล ขณะที่ฉันโทรหาเขาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน'สวัสดีครับ ถ้าคุณได้ยินข้อความนี้ แสดงว่าผมไม่ว่าง…'ฉันกดหยุดข้อความเสียงก่อนที่มันจะจบ"ที่รัก" ฉันบ่นแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นสีหน้าฉันก็ตาม "คุณอยู่ไหน? สบายดีไหม? ฉันพยายามติดต่อคุณมานานมากแล้ว ถ้าคุณเห็นข้อความนี้แล้วช่วยโทรกลับหาฉันทันที ตกลงไหม?" บนริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบาง เสริมด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ฉันคิดถึงคุณ"สิ้นเสียงถอนหายใจ ฉันวางโทรศัพท์คว่ำลงบนตักและมองออกไปนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ คนขับเพิ่งมาถึงจุดเดียวบนทางด่วนที่เขาสามารถกลับรถได้ ตอนนั้นเอง ฉันตัดสินใจว่าควรจะแวะที่ของเขาก่อนที่จะกลับไปที่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ฉันคงใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเอาแต่กังวลจนกว่าจะได้ข่าวจากเขาช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เพราะฉันอยู่ต่างประเทศกับเพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเพื่อฉลองการสำเร็จการศึกษาของเรา"ช่วยกลับรถตรงนี้ให้หน่อยค่ะ" ฉันบอกคนขับอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะขับเลยไปไกล ดวงตาของเขาสบกับฉันในกระจกมองหลัง และฉันอ่านคำถามในนั้นได้ ขณะที่เขาทำตามที่ฉันสั่งโดยไม่พู

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 238

    ซิดนีย์พยักหน้า สะอื้นเบา ๆ ขณะพยายามตั้งสติ"พอได้แล้ว เธอด้วย" เธอต่อว่า ถอยออกมาและบีบไหล่ของเกรซเบาๆ "เดี๋ยวเครื่องสำอางจะเลอะเอานะ เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่"เกรซหัวเราะเบา ๆ กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้มองเห็นอย่างชัดเจนซิดนีย์ยิ้มและยื่นช่อดอกไม้ที่จัดไว้อย่างประณีตสำหรับโอกาสนี้ให้เกรซ"นี่ เอาไป" เธอกล่าว ยื่นดอกไม้หอมกรุ่นให้เกรซ "ทุกคนรอเราอยู่"เกรซรับช่อดอกไม้ด้วยการพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง นิ้วของเธอไล้สัมผัสไปตามกลีบดอกไม้"ขอบคุณนะ ที่รัก"เพื่อนรักสองสาวเดินเคียงคู่กันไปตามทางเดินที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ซิดนีย์ยังคงซับน้ำตาเพราะน้ำตาไม่ยอมหยุดไหลแล้วเธอก็เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเธอมองไปด้านข้าง เห็นมาร์คเดินอยู่ข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว“เอาแต่ร้องไห้แบบนั้น เดี๋ยวเครื่องสำอางก็เลอะหรอก"ซิดนีย์รับผ้าและซับน้ำตา"ไว้ค่อยคืนให้ผมเมื่อไหร่ก็ได้" เขาผายมือไปที่ผ้าเช็ดหน้าซิดนีย์มองเขาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสายตาของเธอก็มองไปที่ปกเสื้อของเขา จึงทักว่า"เนกไทคุณยังเบี้ยวเหมือนเดิมเลย"มาร์คมองลงไปยังปมเนกไทที่เอียงกะเทเร่ นิ้วของเขาแทบจะไม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 237

    "อืม ก็ได้" มาร์คคราง ทำทีเป็นหงุดหงิด "แต่คุณติดค้างผมไว้เยอะมาก เหมือนกับต้องเลี้ยงเด็กให้เดมอนฟรีตลอดชีวิต"ซิดนีย์หัวเราะ "พูดอย่างกับว่าเด็กคนนั้นจะฟังใครนอกจากฉัน""ก็จริง" มาร์คยอมรับ "คุณจะมาหาผมไหม เราจะได้...""ไม่ล่ะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกเป็นล้านอย่าง เราติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็พอ" ซิดนีย์ตอบ"ช่างแต่งหน้าอยากให้ไปรับจากถนนแคนเบอรี หรือผมควรให้เธอไปเจอที่จุดจอดเฮลิคอปเตอร์อื่น?""ติดต่อเธอโดยตรงเลยแล้วกัน" ซิดนีย์สั่ง "ฉันจะส่งคอนแทคให้พวกคุณสองคน แล้วคุณก็ค่อยประสานรายละเอียด""รับทราบครับ นายหญิง" มาร์คกล่าวซิดนีย์ยิ้ม "ขอบใจนะ คุณช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว!""นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำประจำอยู่แล้วหรอกเหรอ?" มาร์คพูดติดตลก ซิดนีย์แทบจะเห็นว่าเขาขยิบตาเมื่อฟังจากน้ำเสียงซิดนีย์กลอกตาอีกครั้งและวางสายมาร์คยิ้มกับตัวเองขณะวางสาย เสียงของซิดนีย์ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา เขาหมุนโทรศัพท์อย่างเกียจคร้านในมือด้วยแววตาซุกซนหลังจากคลิกปุ่มสองสามครั้งบนโต๊ะทำงาน เลขาของเขาก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงาน"ครับ คุณตอร์เรส?" เขาถามมาร์คเอนหลังพิงเก้าอี้ "ผมอยากให้คุณลงไปที่โรงเก็

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status