Share

หย่า…มารักฉันเลย
หย่า…มารักฉันเลย
Author: เบลล่า

บทที่ 1

Author: เบลล่า
ฉันได้รับวิดีโอลามกมา

“คุณชอบแบบนี้ไหม?”

ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอนี้คือมาร์ค สามีของฉันเอง ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อและกางเกงวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพยายามดันมังกรยักษ์เข้าไปในร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า หน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงกระเด้งกระดอนอย่างแรง ฉันได้ยินเสียงกระแทกกระทั้นในวิดีโอนั้นอย่างชัดเจน ผสมกับเสียงครวญครางและคำรามอันเร่าร้อน

“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ กระแทกมาแรง ๆ เลยที่รัก" ผู้หญิงคนนั้นโต้ตอบด้วยร้องครางอย่างมีความสุข

“ยั่วสวาทจริง ๆ เลยนะ!” มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วพลิกตัวเธอให้คว่ำลง พร้อมตบก้นเธอและพูดว่า "แอ่นก้นขึ้นมา!”

ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างแผ่วเบา พลิกตัวคว่ำลง ส่ายก้นไปมา แล้วนอนคุกเข่าอยู่บนเตียง

ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเทน้ำในกระติกน้ำแข็งราดมาบนหัว การที่สามีนอกใจก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนั้นคือเบลล่า ผู้เป็นน้องสาวของฉันเอง

ฉันปล่อยให้วิดีโอเล่นต่อไป โดยดูและฟังพวกเขาสองคนบรรเลงเพลงรักกัน ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงครวญครางของพวกเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทงลงบนหัวใจ

การนอกใจยังคงดำเนินต่อไป หลังจากตบก้นกันอีกสองสามครั้ง เขาก็จับก้นของเธอเอาไว้ แล้วสอดใส่มังกรยักษ์ของเขาเข้าไปตรงหว่างขา แล้วเริ่มกระแทกสุดแรง

หลังจากดันเข้าดันออกอยู่สองสามรอบ มาร์คกับเบลล่าก็ร้องครวญครางออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน พวกเขาล้มตัวลงบนเตียง พร้อมกับจูบและลูบไล้ใบหน้าของกันและกัน

“คุณทำแบบนี้กับพี่สาวของฉันด้วยหรือเปล่า?” เสียงยั่วสวาทของเบลล่าดังขึ้น

“อย่าไปพูดถึงเธอเลย" เสียงที่ฟังดูไม่แยแสของมาร์คดังก้องขึ้น "ผมไม่เคยจูบเธอด้วยซ้ำไป เธอเทียบอะไรกับคุณไม่ได้เลย"

“ฉันรู้ว่าคุณรักฉันคนเดียว!” เบลล่ายิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเอามือเกี่ยวคอเขาเข้ามาจูบแล้วพูดว่า "อีกสักรอบแล้วกันนะคะ!”

เมื่อเห็นพวกเขาสองคนม้วนตัวเข้ามานัวเนียกันอีกครั้ง ฉันก็รู้สึกคลื่นไส้และไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ฉันกดปุ่มหยุดชั่วคราวเพราะความโกรธเกรี้ยว แล้วกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก

ฉันรู้ดีว่าต้องเป็นเบลล่าแน่ ๆ ที่ส่งวิดีโอม้วนนี้มาให้ เธอต้องการจะบอกฉันว่ามาร์คยังอยู่ในกำมือเธอ และฉันก็ไร้พลังจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้ นอกเหนือจากทะเบียนสมรสและคำนำหน้าชื่อแล้ว ฉันกับมาร์คก็ดูไม่เหมือนเป็นคู่สามีภรรยากันเลย เบลล่าช่างรู้วิธีตวัดมีดได้ดีจริง ๆ

เมื่อสามปีก่อน ในวันที่โชคชะตาเล่นตลกจนฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างได้จัดเตรียมเอาไว้สำหรับการเฉลิมฉลองการแต่งงานของเบลล่าและมาร์ค เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่งานแต่งงานจะเริ่มขึ้น จู่ ๆ เบลล่าก็หายตัวไป (หรืออาจเพียงไปไหนสักที ที่เราหาเธอไม่เจอ)

พ่อแม่ของฉันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะล้มล้างความอับอาย และรักษาหน้าต่อหน้าแขกเหรื่อหรือใครก็ตาม ที่พวกท่านพยายามปกป้องเอาไว้ในวันนั้น โดยหันมามองฉันแล้วบอกให้ฉันสวมชุดแต่งงานของน้องสาว เพื่อเข้าไปอยู่ตรงแท่นพิธีแทนเบลล่า

ฉันไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งหรือเลือกที่จะปฏิเสธอะไรออกไปได้ ฉันจำต้องเป็นหุ่นเชิดเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าสาวในงานแต่งงานของเบลล่าที่หายตัวไป โดยไม่ได้รับคำอวยพรหรือความปรารถนาดีที่ให้ฉันได้มีความสุขในอนาคต มีแต่คำสั่งสอนให้ฉัน "เป็นภรรยาที่ดี" เท่านั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้

ฉันถูกทิ้งให้ยืนตัวชาอยู่ตรงนั้นในชุดแต่งงานที่ยืมของคนอื่นมา เพื่อแลกคำสาบานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันแทบไม่รู้จัก ฉันรู้สึกราวกับว่าความฝันและแรงบันดาลใจถูกบดบังด้วยความจริงอันโหดร้าย จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่าฉันโดนพรากชีวิตตัวเองไปในพริบตา และแทบจะจำไม่ได้เลยว่าความสุขเป็นเช่นไรหลังจากวันนั้น ฉันถูกคุมขังจากหนทางรอดที่เป็นไปได้ทั้งหมด

ฉันบอกหรือยังว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเริ่มขึ้นมาได้อย่างไร?

ไม่สิ ฉันคิดว่าวันที่เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ นั้นคือวันที่ย้อนไปตอนที่ฉันอายุสามขวบ โชคร้ายหรืออย่างไร ฉันหายตัวไป เป็นเวลานานถึงสิบแปดปีที่ฉันเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลจากบ้านและครอบครัว เมื่อฉันเติบโตขึ้นจากเด็กตัวเล็ก ๆ จนเป็นวัยรุ่น และล่วงเลยถึงวัยผู้ใหญ่ช่วงต้น ๆ ฉันก็ยังค้นหาว่าตนเองมาจากที่ใด และเมื่อความฝันที่รอคอยมานานในการกลับไปอยู่กับครอบครัวกลายเป็นความจริง ก็ไม่มีอะไรเหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้เลย

ไม่ใช่การกลับมาพบกันอย่างชื่นมื่น ไม่มีน้ำตาแห่งความดีใจ

สิ่งที่ฉันได้พบเจอนั้นมีแต่สิ่งที่เรียกได้ว่าความไม่แยแส

ราวกับว่าฉันเป็นคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ดูเหมือนพ่อแม่ของฉันจะทำใจได้แล้วหลังจากต้องพลัดพรากจากฉันไปหลายปี พวกท่านทุ่มเทความรักให้กับเบลล่าเพียงคนเดียว จนแทบจะไม่มีเหลือให้ฉันเลย

จริง ๆ แล้วฉันก็พอเดาได้ว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว เพราะถ้ายังคงเหลืออยู่ ฉันก็น่าจะได้รับความเห็นอกเห็นใจมากพอที่จะรู้ข่าวว่าเบลล่าจะกลับมาจากต่างประเทศ และได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของสามีฉันได้ยังไงก็ไม่รู้

โทรศัพท์สั่นเตือนขึ้นมาทันที มีสายวิดีโอคอลเข้ามาจากเบลล่า ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะรับสายหรอก แต่สุดท้ายก็ปัดหน้าจอเป็นสีเขียว แล้วใบหน้าของเบลล่าก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธอนั่งอยู่ในห้องเดียวกับที่เห็นในวิดีโอนั้น โดยมีผ้าขนหนูพันกายอยู่

“ไง หวังว่าอยู่ตรงนั้น คงสุขสบายดีนะ" เบลล่าพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ

เธอเลื่อนโทรศัพท์ไปรอบ ๆ เพื่อให้มองเห็นพื้นที่ภายในห้องได้มากขึ้น และตรงพื้นหลังนั้นฉันเห็นภาพของมาร์คกำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำเพียงครู่หนึ่ง

“ลองเดาดูซิว่าใครจะต้องอยู่แบบบัวแห้งแล้งน้ำไปจนแก่ตาย? ไม่ใช่ฉันหรอกนะ!” เธอหัวเราะอย่างสะใจ

ฉันกัดฟันอยู่เงียบ ๆ รู้สึกหงุดหงิดกับคำดูถูกนั้น

“เขาไม่คู่ควรกับเธอหรอก" เธอพูดต่อ "เขาคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า และฉันก็ดันเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาด้วยสิ ตัวเอง"

ไม่มีทางที่ฉันจะทนฟังอะไรแบบนั้นอีกต่อไป ฉันวางสายอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง จากนั้นก็เอามือปิดหน้า

ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะไม่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาลากไปบนพื้นเหมือนเป็นผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งอีกต่อไป

ตอนที่มาร์คกลับมาถึงบ้านนั้นก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว ฉันนั่งลงบนพื้นกระเบื้องเย็น ๆ ในห้องนั่งเล่น เอามือเกยคางเอาไว้ และเกือบจะเคลิ้มหลับไป เมื่อได้เสียงกลอนประตูลั่น กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยก็โชยตามเขาเข้ามาข้างใน ซึ่งฉันสาบานได้เลยว่าฉันได้กลิ่นเบลล่าบนตัวเขาด้วย

ฉันลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ใบหน้าของเขามีความแข็งกร้าวราวกับก้อนอิฐ ซึ่งเขามักเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ ๆ ทำให้คิดว่าเขาจะยิ้มปากถึงหูขนาดไหนเวลาที่อยู่กับเบลล่า

หลังจากแต่งงานกันฉันก็ทำทุกอย่างตามที่พ่อแม่สั่ง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิตประจำวันของเขา และเรื่องอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนตลอดสามปีที่ผ่านมา มันเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของฉันไปแล้ว มาร์คก็ยอมรับในเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อแม้อะไร แต่มาร์คก็ไม่เคยชายตาแลฉันเลยสักวันเดียว

มาร์คปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขา เขาปฏิบัติต่อฉันเหมือนฉันเป็นคนไร้ตัวตน และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดออกมา

“ฉันต้องการหย่า"

เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่เชื่อ

“คุณพูดอะไรของคุณ?”

“ฉันไม่อยากได้ตำแหน่งภรรยาอีกต่อไปแล้ว" ฉันตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม

ในวันนั้นเมื่อสามปีก่อนฉันยืนอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว ส่วนเขาก็อยู่ในชุดทักซิโด้ มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ด้านหลังเรา และมีบาทหลวงยืนอยู่ตรงหน้าเราด้วยสายตาสงบนิ่ง มาร์คสกัดกั้นความโกรธเอาไว้เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้านั้นไม่ใช่เบลล่า แต่เป็นฉัน

ฉันจำได้ว่าหน้าอกบีบรัดอยู่หลังสร้อยคอเพชรที่ฉันสวมอยู่ การจ้องมองของเขาทำให้ฉันรู้สึกโง่เขลาและทำอะไรไม่ถูกในชุดนั้น พ่อแม่ของฉันยิ้มแย้มราวกับว่าพวกท่านไม่ได้ผลักฉันออกไปโดยที่ฉันไม่เต็มใจ และกลุ่มคนก็โห่ร้องแสดงความยินดีโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนี้คุณสามารถจุมพิตเจ้าสาวได้แล้ว" บาทหลวงประกาศ

มาร์คเอนตัวเข้ามาใกล้ฉัน แต่ไม่ใช่เพื่อที่จะจุมพิต เขาแค่ไถหน้าของเขาผ่านแก้มของฉัน แล้วกระซิบข้างหูฉันว่า "สิ่งเดียวที่คุณจะได้ไปก็คือตำแหน่งภรรยาผมเท่านั้น"

และตำแหน่งนั้นนั่นเองที่ฉันกำลังจะคืนให้เขาไป ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไป ฉันไม่ควรรับมันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ฉันควรจะปลดปล่อยตัวเองที่อุตส่าห์อดทนอดกลั้นมามากเกินความจำเป็น ฉันแบกรับอะไรที่เกินไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

“ฉันต้องการหย่า มาร์ค" ฉันพูดซ้ำเผื่อเขาไม่ได้ยินที่ฉันพูดในครั้งแรก ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาได้ยินอย่างชัดเจนก็ตาม

เขาจ้องมองฉันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะตอบอย่างเย็นชาว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเป็นคนตัดสินใจเอง! ผมกำลังยุ่งอยู่นะ อย่ามารบกวนเวลาของผมด้วยเรื่องน่าเบื่อแบบนี้อีก หรืออย่ามาพยายามเรียกร้องความสนใจจากผมด้วย!”

ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่คิดว่าฉันพยายามจะเรียกร้องความสนใจ ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากเขาในตลอดสามปีที่ผ่านมา และเมื่อฉันเอ่ยถึงการหย่าร้างขึ้นมาเขาก็จำมันได้

สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำก็คือการโต้เถียงหรือทะเลาะกับเขา

“ฉันจะให้ทนายความส่งเอกสารหย่าให้คุณเอง" ฉันพูดออกไปอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย แล้วเดินเข้าประตูตรงหน้าไป พร้อมทั้งกระแทกประตูอย่างแรง ฉันจ้องมองลูกบิดประตูอย่างเหม่อลอย ก่อนจะดึงแหวนแต่งงานออกจากนิ้วแล้ววางไว้บนโต๊ะ อย่าถามเลยว่าทำไมฉันถึงใส่แหวนนั้นตั้งแต่แรก

ฉันคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมา ซึ่งจัดกระเป๋าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และมุ่งหน้าออกจากบ้านไป สายลมที่พัดพาอยู่ด้านนอกนั้นทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างหลังจากนั้น ราวกับฉันได้ยกภูเขาออกจากอกได้เป็นครั้งแรกหลังจากต้องแบกเอาไว้มานาน ความรู้สึกที่มีสายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนมาพัดผ่านเส้นผมนั้น ช่างให้ความรู้สึกที่ดีจริง ๆ

ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า และปัดนิ้วผ่านหน้าจออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงโทรออก

“ฉันกำลังจะหย่า มารับฉันหน่อยสิ"

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
teencynsk55
สนุกดีมากๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 2

    สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วเมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใครรถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลงเกรซนั่นเองเกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็วเกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 3

    มุมมองของมาร์คผมขับรถเข้าไปในทางเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เป็นวันยาวนานอีกวันหนึ่งทั้งจากการทำงานและเรื่องสนุก ๆ ที่ทำให้ผมหมดแรง และสิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือการผ่อนคลายและพักผ่อน ผมก้าวออกจากรถแล้วคลายเนกไทออก อยากเดินเข้าไปด้านในเต็มทนและได้พักผ่อนในที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ผมมองเห็นซิดนีย์นั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองผมด้วยสายตาอันว่างเปล่าเหมือนเคย ผมแทบจะไม่ชายตามองเธอเลยในขณะที่มุ่งตรงไปที่ห้องทำงาน“ฉันต้องการหย่า" ซิดนีย์พูดออกมาก่อนที่จะผมจะเดินไปถึงห้องทำงานด้วยซ้ำไปหย่าหรือ? คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือคำว่าไร้สาระ และช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระจริง ๆ ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ซิดนีย์ได้ให้บริษัทจีที กรุป ซึ่งเป็นบริษัทของผมยืมไปใช้ นี่เป็นสัญญาที่ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในทุกแง่มุม ซิดนี่ย์เป็นเพียงผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วย ที่ต้องพึ่งพาผมและพ่อแม่ของเธอเพื่อความอยู่รอดหย่าหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจของเธอ อย่างที่เธอชอบทำนั่นแหละ เดิมทีเธอมีท่าทีน่าสงสาร ซึ่งเพียงพอจะทำให้คนนอกเชื่อว่าเธอได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 4

    มุมมองของซิดนีย์ทันทีที่ฉันกลับมายังสนามบิน ฉันก็เห็นเกรซโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นจากอีกฝั่งหนึ่ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ทริปแสนสั้นของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว และอาจพูดได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นสามเดือนที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตในรอบหลายปีฉันลากกระเป๋าตามหลังให้เร็วขึ้นแล้วรีบวิ่งไป พร้อมทั้งโบกมือกลับไปให้เกรซและรีบวิ่งไปหาตรงที่เธอยืนอยู่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกนะ แต่มีคนคุ้นเคยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันอดที่หันไปมองไม่ได้ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันรู้จักแผ่นหลังนั้น ไม่มีใครจะบอกเป็นอย่างอื่นได้ ต้องเป็นมาร์คไม่ผิดแน่ เป็นเขาแน่ ๆฉันดูไม่ผิด ฉันยืนยันกับตนเองตอนที่หยุดหันไปมองคนคนนั้น เขาคือมาร์ค ฉันไม่มีทางพลาดได้หรอก เขาเดินแบบก้าวเท้าเร็ว ๆ เหมือนเคย เขามองไม่เห็นฉัน? หรือว่าเขาอาจจำฉันไม่ได้อีกแล้วมั้ง? ฉันหายไปแค่สามเดือนเอง แต่ถ้านั่นเป็นเวลาที่เพียงพอจะทำให้เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครอีกครั้งจากแค่มองเพียงแวบเดียว ก็นับว่าประสบความสำเร็จที่สามารถลบผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักออกไปจากชีวิตได้ แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ของฉันตอนนี้ ฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 5

    มุมมองของซิดนีย์"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉันฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจนณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลาม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 6

    มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 427

    มุมมองของนักเขียนยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นนั่นคือคำพูดที่ชารอนบอกตัวเองซ้ำๆ เพื่อลดความรู้สึกผิดที่เพิ่มขึ้นบ่อยครั้งที่เธอคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอแค่พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องตั้งครรภ์ของเธอ และใช้ชีวิตกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น การอยู่กับไอเดนไม่คุ้มค่ากับความรู้สึกผิด หลุมดำที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่เธอกำลังจมลงไปตอนนี้เธอเข้าใกล้กำหนดคลอดปลอมมากขึ้น ไอเดนก็แสดงความรักต่อเธอมากขึ้น พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น บางครั้งเธอสงสัยว่าการตายของเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันก็ไม่คุ้มค่า เพราะเธอไม่มีความสุข เธอมีทุกสิ่งที่เธอต้องการ การเอาใจใส่ของไอเดนอย่างเต็มที่ เต็มที่เท่าที่เขาจะทำได้กับการสอบสวนที่เขาทุ่มเทให้เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่ได้อยู่กับชารอน ช่วยเธอทำอาหาร หรือส่งอาหารที่เขาสั่งให้เธอ หรือทำความสะอาดบ้านเพราะเธอไม่ต้องการให้แม่บ้านมาอีกต่อไป เขาก็จะอยู่ที่สถานี ไขคดีของเอมี่ มองหาคำตอบที่อยู่ใต้หลังคาบ้านของตนเองตอนนี้ ชารอนไม่ได้ต่อสู้กับความรู้สึกผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการตายของเอมี่เท่านั้น แต่เธอยังไม่มี

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 426

    ไอเดนผมควรจะฟังอาน่า ผมควรจะซ่อนตัวเฉยๆ ตอนที่ผมตามเธอไป ผมไม่ควรต่อสู้กับคนพวกนั้น ผมควรจะควบคุมความโกรธของตัวเอง... ที่สำคัญที่สุด ช่วงเวลาหยุดชะงักสั้นๆ ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่ผมหยุดและบอกเธอว่าผมเป็นพ่อของเธอ ผมไม่ควรทำแบบนั้น ผมควรจะพาเธอออกจากที่นั่นไปที่ปลอดภัยทันที ถ้าผมไม่ได้ใช้เวลาเหล่านั้นอย่างผิดๆ บางทีเอมี่ก็คงยังอยู่ที่นี่ แต่ผมเห็นแก่ตัวมาก ทั้งๆ ที่ผมอ้างว่ารักและห่วงใยเธอเดนนิสพูดถูก เขาห่วงใยเธอมากกว่าผมนัก เขาเติบโตมากับเธอ เขาเลี้ยงดูเธอและเฝ้าดูเธอเติบโตมาตั้งแต่แรกเกิด ผมไม่มีทางรักเธอได้มากกว่าเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมสามารถและควรจะทำแตกต่างออกไป ทำได้ดีกว่านี้ แต่มันสายเกินไปแล้วเธอจากไปแล้วขณะที่ผมจ้องมองภาพถ่ายเพียงภาพเดียวที่เราถ่ายด้วยกันตอนที่เธอยังอยู่ในโรงพยาบาล มันยังคงยากที่จะเชื่อมันเพิ่งจะเกือบปีเท่านั้นตั้งแต่ผมรู้ว่าเธอเป็นลูกของผม ตั้งแต่ผมสามารถอุ้มเธอและดูเธอหัวเราะและยิ้มและกวนผมเรื่องการพบตัวเอง และตอนนี้เธอจากไปแล้วเหรอ?ผมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ตลกเป็นบ้าความตายโหดร้ายแบบนี้เหรอ? พันมือเย็นเยียบที่กัดกร่อนรอบตัวคนที่พวกเขาไม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 425

    มุมมองของนักเขียนณ วินาทีนั้น โลกของอาน่าก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตาเธอ"คุณหมอหมายความว่ายังไงที่เธอไปแล้ว?" ดวงตาเอ่อล้นขณะที่เธอกำเสื้อคุลมของแพทย์ "บอกกับฉันสิคุณหมอ บอกฉันว่าเอมี่จะไม่เป็นอะไร""ผมเสียใจด้วยครับ คุณอนาสตาเซีย" แพทย์พูด รู้สึกสงสารเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ เธอไม่สมควรได้รับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสิ่งที่เธอต้องเผชิญ"อาน่า" เดนนิสกลืนน้ำลายขณะดึงเธอออกมาเมื่อเธอไม่ยอมปล่อยเสื้อของแพทย์"ปล่อยฉัน" เธอตะโกนและผลักเดนนิสออกไปจากเธอ "ไปให้พ้น"เดนนิสกำลังจะเดินกลับไปหาเธอเมื่อแพทย์ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเดนนิส เขาฉีกยิ้มเล็กน้อยให้เขา แสดงว่าไม่เป็นไรอาน่าค่อยๆ ทรุดตัวลงบนพื้น แขนโอบรอบตัวเองขณะที่เธอคร่ำครวญ "ไม่"จากนั้นเธอก็ส่ายหัว "ไม่ เอมี่จะทิ้งแม่ไปไม่ได้นะลูก” เธอร้องไห้ขณะวิ่งไปตามทางเดินก่อนที่ใครจะหยุดเธอได้ เธอก็เปิดประตูห้องของเอมี่ เธอวิ่งไปข้างๆ เอมี่และดึงผ้าปูที่นอนออกจากร่างของเธอ"เอมี่" เธอตบแก้มของเธอเบาๆ "เอมี่ ตื่นสิ แม่มาแล้ว เอมี่ลูก" เธอเรียกซ้ำ ๆ ร่างกายสั่นเทาไปกับการร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนใบหน้าของเอมี่และชุดคนไข้ที่เธอยั

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 424

    มุมมองนักเขียนขณะที่ไอเดนรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ไหลลงมาตามแขนด้านข้างของเธอ หัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาทรุดตัวลงคุกเข่า และวางร่างไร้เรี่ยวแรงของเอมี่ลงบนพื้น"เอมี่ ไม่นะ พ่ออยู่นี่แล้ว" เขาพึมพำอย่างกระวนกระวายขณะที่กดมือลงบนด้านข้างเพื่อห้ามเลือดดวงตาของเอมี่เปิดอยู่ แต่ดูเหมือนไร้ชีวิตชีวา เอมี่พยายามพูดอะไรบางอย่าง เธอพยายามถามเขาว่าเขาเป็นพ่อของเธอจริงๆ หรือไม่ เธอมีพ่อสองคนจริงๆ หรือไม่ แต่เธอขยับริมฝีปากไม่ได้ และสายตาของเธอก็พร่ามัวอย่างรวดเร็ว"เอมี่ เอมี่ หนูจะไม่เป็นอะไร อดทนไว้" ไอเดนพูดอย่างรวดเร็วขณะดึงเสื้อของเขาออกและผูกไว้รอบเอวของเธอ หวังอย่างแรงกล้าว่าเลือดจะหยุดไหล แต่กลับแย่ลงมีเสียงเอะอะเล็กน้อย มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ขณะที่เดนนิสรีบเข้ามาในอาคารพร้อมกับตำรวจเมื่อเห็นตำรวจ ชายสองคนก็รีบลุกขึ้นและเดินออกจากอาคาร ตำรวจสองคนรีบตามพวกเขาไปทันทีไอเดนไม่ได้ละสายตาจากเอมี่เลยแม้แต่วินาทีเดียว "ได้โปรด เอมี่ ได้โปรด" เขาพึมพำอย่างสิ้นหวัง "อย่าจากพ่อไป" เขาเฝ้าดู หัวใจแตกสลายขณะที่ดวงตาของเอมี่ค่อยๆ หลับลง"เกิดอะไรขึ้นวะ?!" เดนนิสระเบิดเสียงออกมาขณะรีบเข้ามา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 423

    มุมมองนักเขียน“ไม่!”ไอเดนและเดนนิสพูดออกมาพร้อมกันอนาสตาเซียมองสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน ยิ่งโกรธมากขึ้น "หมายความว่าไงว่าไม่?""อาน่า คุณ…"“ฉันไม่…”แต่ละคนเริ่มพูดอีกครั้ง และมันก็แทรกกัน"ฉันไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น!" เธอหยุดพวกเขาด้วยการยกมือทั้งสองข้างขึ้น "ฉันจะไปเอง แค่นี้!" เธอพูดจบแล้วคว้ากระเป๋าผ่านมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากที่พวกเขาได้รับวิดีโอ พวกเขาหาเงินมาได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ยังไม่มีใครที่จะเอาเงินไปส่งที่สถานที่ที่กำหนด เพราะไอเดนและเดนนิสไม่เห็นด้วยกันชายสองคนพยายามพูดให้เธอเปลี่ยนใจไอเดนเข้าใจมุมมองของเดนนิส ไม่ใช่ว่าเขามีเงินเหลือเฟือที่จะเอาไปให้คนลักพาตัว เขาแค่อยากได้ลูกสาวคืน เมื่อเธอปลอดภัยในอ้อมแขนของพวกเขาแล้ว พวกเขาค่อยให้ทางการและหน่วยรักษาความปลอดภัยทุกประเภทเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่เพื่อแลกกับความปลอดภัยของเอมี่ "มาเถอะ อาน่า เราทำได้ คุณอยู่กับจัสตินที่นี่เถอะนะ" เขาพูดขณะที่สายตาของเขาจ้องไปที่จัสตินที่กำลังดิ้นอยู่ในเปลของเขา ขณะที่เขามองดูพวกเขาอย่างสงสัย"ไม่!" อาน่าไม่ยอม "พวกคุณเสียเวลามากพอแล้ว"อนาสตาเซียพยายามอดทน แต่พวกเขา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 422

    อนาสตาเซียในเวลาเพียงวันเดียว ฉันต้องนั่งฟังการสอบปากคำมากกว่าที่ฉันเคยฟังมาทั้งชีวิตพนักงานทุกคนในร้านและแม้แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็ถูกสอบถามอย่างสุภาพ พวกเขาถูกถามว่าบังเอิญเจอผู้หญิงกับเด็กหรือไม่ พวกเขาถามพร้อมกับบอกลักษณะของผู้หญิงและเอมี่ แต่ไม่มีใครเลย แม้แต่คนเดียวที่เห็นพวกเขา มันเหมือนกับว่าพวกเขาหายตัวไปในอากาศธาตุฉันหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ได้เอมี่ที่น่าสงสาร เธอเพิ่งจะออกจากเตียงโรงพยาบาลที่ต้องนอนอยู่เป็นเดือนๆ เท่านั้น กลับถูกลักพาตัวโดยคนโชคร้ายบางคน มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลยพวกเขาจะได้อะไรจากเรื่องนี้?ฉันสงสัยว่าตอนนี้ลูกเป็นอย่างไร คนพวกนั้นพาลูกไปไว้ที่ไหน? ลูกจได้กินอะไรไหม? หิวน้ำไหม? ลูกต้องหนาวแน่ๆฉันเหลือบมองยาของเธอที่ยังคงวางอยู่บนเคาน์เตอร์โดยไม่มีใครแตะต้อง รอให้เอมี่มาใช้ ฉันใช้เวลาทั้งคืนมองแต่ของพวกนั้น และในบางจุด แม้แต่จัสตินก็เริ่มร้องไห้ เขาคงสังเกตเห็นว่าพี่สาวของเขาไม่อยู่แล้วไอเดนและเดนนิสยังคงออกไปตามหาเธอ ทั้งคู่พิมพ์โปสเตอร์ที่มีรูปของเอมี่พร้อมเงินรางวัลสำหรับผู้ที่พบเธอในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาติดโปสเตอร์ตามสถานที่ต่างๆพวกเขาทำ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 421

    อนาสตาเซีย"เอมี่ถูกลักพาตัวไป"นั่นเป็นคำที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้ยินในชีวิตนี้ แม้ว่าฉันจะค้นหาเอมี่อย่างตื่นตระหนกก่อนที่เดนนิสจะมาถึง ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะถูกลักพาตัว สิ่งที่ฉันคิดคือเธอเดินออกไป หลงทาง และอยู่ที่ไหนสักแห่ง หวาดกลัว หนาว และโดดเดี่ยวกลับกลายเป็นเอมี่ถูกพาตัวไปแล้ว"ทำไม?" ฉันร้องไห้ในอ้อมแขนของเดนนิส น้ำตาไหลออกมาอย่างหนักหน่วงจนหยุดไม่ได้"ทำไมถึงได้มีใครมาพาตัวลูกสาวของฉันไป เดนนิส ทำไม?""ผมเองไม่รู้ครับ ที่รัก คุณต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ" เขาประคองฉันขณะเดินไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งฉันจะใจเย็นได้อย่างไร ในเมื่อใครบางคนที่ใจร้าย มือเย็น และดวงตาน่ากลัวพาตัวลูกสาวของฉันไปที่ไหนก็ไม่รู้? ฉันจะใจเย็นได้อย่างไร?เขาคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนสั้นๆ"ผมสงสัยว่าลูกสาวของผมเพิ่งถูกลักพาตัวครับ" เขาเริ่ม "ขอภาพจากกล้องวงจรปิดได้ไหมครับ?" จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ "ผมเชื่อว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่แถวนี้ ใช่ไหมครับ?” "มีครับ" หนึ่งในนั้นตอบ "คุณสามารถขอดูได้ครับ เชิญตามผมมาครับ"เราเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องด้านหลังร้าน และแม้ว่าเราจะเดินผ่านร้า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 420

    เดนนิสผมขมวดคิ้วขณะรับสายของเธอ “โทรมา…""เอมี่อยู่ที่ไหน เดนนิส? เธออยู่ที่ไหน?" เธอถามอย่างกระวนกระวาย จากนั้นเธอก็พูดรวดเดียวว่าเอมี่กำลังจะถูกลักพาตัว"อะไรนะ?" ผมทำกระทะที่อยู่ในมือหล่นลงบนเคาน์เตอร์ "เดี๋ยวก่อนนะ? เอมี่ของผม? เมื่อไหร่?""ตอนนี้ เดนนิส ตอนนี้ พาพวกเขาไปที่ปลอดภัยเดี๋ยวนี้ เธออยู่ที่ไหน?""ลูกอยู่... คืองี้นะ? เดี๋ยวผมโทรกลับ" ผมพูดก่อนที่จะวางสายและรีบโทรหาอาน่าผมเดินไปเดินมาในครัว มือซ้ายเท้าสะเอว ส่วนมือขวาถือโทรศัพท์แนบหูขณะรอเธอรับสาย"เดนนิส? คุณต้องการให้พวกเราซื้ออะไรให้ไหม?""ที่รัก" ผมถอนหายใจทันทีที่เธอรับสาย รู้สึกโล่งใจชั่วขณะที่เธอปลอดภัยเอมี่ก็จะปลอดภัยเช่นกัน ผมคิด แต่ผมก็ยังถามว่า "พวกคุณอยู่ที่ไหน? กำลังเดินทางกลับมาหรือเปล่า? เอมี่อยู่กับคุณไหม?"เธอพาเอมี่ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่เธอเห็นเราทะเลาะกัน เนื่องจากเอมี่ชอบซื้อของมาก เธอจึงคิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมที่จะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นและซื้อของเข้าบ้านด้วย ผมอยู่บ้านและตัดสินใจทำอาหารเย็น"เดนนิส" เธอพูดซ้ำ และผมบอกได้เลยว่าเธอไม่ได้จดจ่อกับ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 419

    คลาร่าแสงสลัวจากหน้าจอแล็ปท็อปเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวในห้องใต้ดินขนาดใหญ่เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น และฉันก็รับสายทันที"มีเบาะแสเข้ามาอีกแล้ว คลาร่า" เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบตามปกติ"ส่งมาเลย" ฉันพูดขณะเปิดแท็บที่ฉันรับข้อความหรือโทรศัพท์ที่ไม่ระบุชื่อที่เราได้รับ"วัยรุ่นและแม่ที่ถูกทำร้าย ที่อยู่แนบมา ด่วน" เธอสรุปขณะที่ข้อความปรากฏขึ้น"ขอบคุณมาก" ฉันพูด รับข้อความจากเธอ "ฉันจะส่งต่อให้ทีมช่วยเหลือเอง"ฉันสแกนที่อยู่ก่อนที่จะอ่านข้อความยาวๆ ที่ใครบางคนคงพิมพ์อย่างกระวนกระวายข้อความถูกพิมพ์โดยเด็กอายุสิบสามปีที่ถูกบังคับให้ติดต่อมา เพราะแม่ที่ว่างงานของเขากลัวเกินกว่าจะหนีพ่อเลี้ยงที่ทำร้ายเขา พ่อเลี้ยงของเขาไม่อยู่ในรัฐในขณะนี้ และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือก่อนที่เขาจะกลับมาในคืนนี้ฉันพิมพ์รายละเอียดลงในแชทที่ปลอดภัยของเราอย่างรวดเร็ว ทำเครื่องหมายว่าเป็นลำดับความสำคัญสูง และส่งต่อไปยังทีมช่วยเหลือฉันทำงานที่บ้านการกุศลเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาที่นี่ และจนถึงตอนนี้ก็ดีมากวันหนึ่ง หัวหน้าองค์กรการกุศลที่ฉันทำงานอยู่ก่อนหน้านี้โทรหาฉันและ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status