Share

บทที่ 5

มุมมองของซิดนีย์

"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"

เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?

ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน

ฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจน

ณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลามบานปลายจากการทะเลาะกันเรื่องเอกสารการหย่าของอดีตคู่รัก ไปเป็นเรื่องที่อันตรายมากกว่าเดิมก็เป็นได้

มาร์คก้าวขึ้นมาอีกขั้น เข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น แต่ฉันไม่สามารถขยับถอยหลังได้แม้แต่นิดเดียวในตอนนั้น เนื่องจากนั่นคือระยะที่ไกลที่สุดที่ฉันจะสามารถปกป้องทางเข้าเอาไว้ได้

แต่ฉันก็รู้สึกโล่งใจอยู่เงียบ ๆ เนื่องจากการที่ฉันไม่ขยับหนีไปเสียก่อนมันส่งผลต่อตัวเขาอยู่

มาร์คกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า "ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ ไม่ว่าเราจะหย่ากันหรือไม่ก็ตามก็ไม่ใช่คุณที่จะเป็นคนตัดสินใจ!”

เขาถึงกับกล้าที่จะบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์พูดในเรื่องนี้ ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะยุติสัมพันธ์นี้อย่างนั้นเหรอ? ขอบคุณนะมาร์ค ความรู้สึกกลัวในตอนแรกอันเนื่องมาจากผู้ชายคนนั้นก่อนหน้านี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกรำคาญใจไปแล้วในตอนนี้

เขากล้าดียังไงที่จะมาบงการให้ฉันเลือกสิ่งใด มาปฏิเสธไม่ให้ฉันมีอำนาจในการตัดสินใจในชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ? ฉันต้องอดทนอดกลั้นกับทัศนคติที่ชอบกดขี่ของเขามานานเกินไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

แต่ฉันล่วงรู้ได้เร็วขึ้นว่าฉันไม่สามารถพูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลได้ จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้มีเวลามากมายขนาดที่จะโต้เถียงกับเขาด้วย มาร์คมักจะทำตัวดื้อรั้นแบบนั้นเสมอ

ฉันกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากเย็น แล้วกัดฟันพูดประโยคต่อไปที่ตั้งใจจะพูดตอกหน้าเขา

แต่กลับกลายเป็นว่าฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วถามว่า "คุณอยากคุยเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ?”

“ใช่ คุณมากับผมเดี๋ยวนี้!” เขาออกคำสั่ง น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าไม่ยอมรับการโต้แย้งใด ๆ ทั้งนั้น

ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง มีความรู้สึกอ่อนล้าและเอามือถูกขมับอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ "ก็ได้ ถ้าคุณยอมที่จะเสียเวลาในการพูดคุยขนาดนั้น ฉันยอมไปก็ได้"

หลังจากมองกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว และไม่เห็นชายคนนั้นอยู่ตรงไหนเลย ฉันก็คิดกับตัวเองว่าการก้าวเท้าออกไปในเวลานั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับเรา เขาก็น่าจะต้องออกไปด้วย

ฉันเดินออกจากประตูหน้า แล้วปิดประตูตามหลัง

“เดินนำไปก่อนเลยค่ะ" ฉันบอกกับมาร์ค

เขาหันหลังให้ฉันพร้อมกับทำสีหน้าบูดบึ้งแล้วก้าวออกจากนอกตัวบ้านไป ฉันเองก็เดินตามหลังเขาไป

ฉันเดินตามหลังมาร์คไปช้า ๆ เขารีบเร่งไปข้างหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว และขณะก้าวเท้าไปข้างหน้านั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นเหล็กท่อนหนึ่งวางอยู่ในสวนใกล้ ๆ มันเป็นท่อนเหล็กธรรมดา ๆ แต่ในเวลานั้นมันคือเครื่องมืออันสมบูรณ์แบบอย่างที่ฉันต้องการ

ฉันหันไปดูมาร์คซึ่งยังคงเดินนำหน้าฉันไปสองสามก้าว ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวออกจากทางเดิน เพื่อไปหยิบเหล็กท่อนนั้นขึ้นมาจากพื้น

เมื่อมีสิ่งนี้อยู่ในมือก็รู้สึกหนักกว่าที่คิดไว้มาก แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหาอยู่ตรงหน้าฉันต่างหาก

ฉันกลับมาเดินตามหลังมาร์คอีกครั้งพร้อมกำท่อนเหล็กไว้อย่างแน่น ฉันเดินอยู่ข้างหลังเขาและรอเวลาที่ดีในการลงมือครั้งนี้ เมื่อเขาหยุดดูบางอย่างในโทรศัพท์ โอกาสของฉันนั้นมาถึงแล้ว ฉันฟาดท่อนเหล็กออกไปอย่างสุดกำลัง

ฉันตีท้ายทอยเขาอย่างแรง

ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะหมดสติไปได้เร็วขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนอวดดีขนาดไหนแต่เขาก็ล้มลงกับพื้น เขาหมดสติไปหลังจากถูกตีที่หัวไปเพียงครั้งเดียว ดูความก้าวร้าวทั้งหมดนั้นที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นกับเขาสิ

หลังจากโยนท่อนเหล็กทิ้งไป ฉันก็เดินไปหาผู้ช่วยของเขาที่กำลังรออยู่หน้าประตูรั้ว

“พาเจ้านายของคุณออกไปจากบ้านฉันซะ" ฉันพูด

ผู้ช่วยคนนั้นลุกขึ้นนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งคนขับ

ตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร แต่หลังจากเขามองไปยังด้านหลังฉัน เขาก็รีบกระโจนออกจากรถ เมื่อเห็นมาร์คนอนกองอยู่บนพื้น

“คุณมาร์คครับ คุณมาร์ค!” เขาร้องเรียกและรีบวิ่งไปหามาร์ค เพื่อดูว่าเขายังมีสติสัมปชัญญะอยู่หรือเปล่า

น่าเสียดายที่คุณมาร์คคนนั้นหมดสติไปแล้ว

ถึงแม้ว่าผู้ช่วยคนนั้นจะพยายามอุ้มมาร์คขึ้นมาแต่เขาก็ตัวหนักเกินไป แต่สุดท้ายเขาก็สามารถแบกร่างมาร์คเอาไว้บนบ่าได้ แล้วพาเขาออกไปได้

น่าขบขัน มือของมาร์คห้อยลงมาบนไหล่ของผู้ชายคนนั้น ผู้ช่วยคนนั้นใช้ความพยายามอยู่พอสมควรจึงสามารถดันร่างของมาร์คเข้าไปนั่งอยู่ตรงเบาะหลังได้

จากนั้นเขาก็เขาก็เดินกลับมาหาฉันหลังปิดประตูแล้ว

“คุณผู้หญิง...”

ฉันยื่นมือออกไปเพื่อส่งสัญญาณให้เขาเงียบ

“อีกไม่นาน จะมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่นี้ รบกวนเรียกฉันว่าคุณซิดนีย์ดีกว่าค่ะ บอกเจ้านายของคุณด้วยว่าฉันจะส่งเอกสารการหย่าไปให้เขาอีกครั้ง ช่วยลงนามให้เร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้ไม่ทำให้เสียเวลาของกันและกัน"

ผู้ช่วยคนนั้นพยักหน้าด้วยสีหน้าที่บอกว่า 'ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยนะ' แล้วหันหลังกลับไปหลังจากโค้งคำนับแบบลวก ๆ

“โชคดีค่ะ" ฉันพูดไล่หลังไปในขณะที่เขาเข้าไปนั่งในรถกับเจ้านาย แล้วติดเครื่องยนต์

ฉันรอจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นออกไปไกล แล้วจึงหันหลังเดินออกมาจากที่นั่น และเมื่อฉันเห็นประตูหน้าบ้านอีกครั้ง และจดจำได้ว่ายังมีใครรอคอยอยู่ในนั้น ความตึงเครียดและความหวาดกลัวที่จางหายไปก่อนหน้านี้ก็วกกลับมาอีกครั้ง

ตอนแรกฉันคิดกับตัวเองว่าฉันควรใช้โอกาสนี้วิ่งหนีไปดีไหม?

แต่มีอะไรบางอย่างได้ฉุดรั้งฉันเอาไว้ ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันยังคงเดินต่อไปยังประตูบานนั้น

ฉันผลักประตูให้เปิดออกหลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเท้าเข้าไปข้างใน แต่ฉันไม่ได้เดินออกไปไกลจากประตูมากนัก ใช้แค่สายตามองหาร่องรอยของเขาเท่านั้น แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงไหนเลย ฉันเดินลึกเข้าไปในบ้านมากขึ้น แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างตั้งใจมากขึ้น

เขาหายตัวไปจริง ๆ

ฉันคงอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และรู้สึกโกรธขึ้นมาทันควันเมื่อมีคนบุกรุกเข้ามาในบ้านได้ ทั้ง ๆ ที่มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดและราคาแพง

ฉันเดินอาด ๆ ไปที่โทรศัพท์บ้านอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วกดหมายโทรหาบริษัทรักษาความปลอดภัย

“ฉันต้องการอัปเกรดระบบความปลอดภัยที่วิลล่าค่ะ" ฉันตะคอกปลายสายทันทีโดยไม่สนใจที่จะระวังเรื่องน้ำเสียง "วิลล่าหมายเลข 27 บนเนินเขา ระบบความปลอดภัยของพวกคุณปกป้องอะไรฉันไม่ได้ในคืนนี้ และฉันจะไม่ทนอีกต่อไป ชีวิตของฉันเพิ่งตกอยู่ในอันตรายเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้"

เจ้าหน้าที่ที่รับสายคนนั้นกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันก็รู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะทนฟังอะไรได้

“เราต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นค่ะ คุณผู้หญิง" เจ้าหน้าที่คนนั้นกล่าวขอโทษ "เราจะส่งทีมงานไปอัปเกรดระบบความปลอดภัยของคุณโดยเร็วที่สุด"

ฉันบอกหมายเลขโทรศัพท์ที่วิลล่าของฉันกับพวกเขาไปอีกครั้ง "ฉันหวังว่าทีมงานของพวกคุณจะมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้านะ" ฉันพูดต่อพร้อมกับวางสายพลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำวันนั้นทำให้ฉันรู้สึกว้าวุ่นใจขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว พอนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาจะได้พักผ่อนเสียทีโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา ฉันเหลือบมองหมายเลขศัพท์ของผู้โทรมาแล้วได้แต่ถอนใจ เป็นพ่อของฉันเอง ฉันจำต้องรับสายอย่างไม่เต็มใจ

“ลูกกับมาร์คต้องมางานเลี้ยงวันเกิดของพ่อในช่วงสุดสัปดาห์นี้นะ!” เสียงพ่อดังก้องออกมาจากโทรศัพท์ แล้วก่อนที่ฉันจะทันได้โต้ตอบอะไร พ่อก็วางสายไป

ฉันกลอกตาด้วยความหงุดหงิดจนพูดอะไรไม่ออก พ่อยืนกรานมาโดยตลอดว่าฉันต้องอยู่กับมาร์ค ถึงแม้ฉันจะพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันเกลียดมันมากขนาดไหนก็ตาม

ฉันผละออกจากโทรศัพท์ เปิดหน้าบันทึกการโทรออก แล้วค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของพ่อ ฉันกดนิ้วลงไปอย่างหนักแน่น เพื่อเปิดเมนูตัวเลือกแล้วเลือก "ปิดกั้นรายชื่อติดต่อ" มีข้อความยืนยันเด้งขึ้นมา แล้วฉันก็กดปุ่ม "ยืนยัน" แล้วหมายเลขโทรศัพท์นั้นก็หายไปจากรายชื่อผู้ติดต่อทันและถูกลบออกจากโทรศัพท์ทันที

ฉันโยนโทรศัพท์ลงไปบนโซฟา ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยเอาหลังพิงกับเบาะนุ่ม ๆ พร้อมกับพักศีรษะไว้บนที่วางแขนบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

ถึงแม้ว่าฉันจะโกรธและเสียใจขนาดไหน ฉันก็รู้ว่าฉันยังต้องกลับไปเยี่ยมท่านในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นี่เป็นวันเกิดของพ่อ คงจะไม่ใช่โอกาสอันดีนักที่จะประกาศข่าวเรื่องการหย่าร้างของฉันกับมาร์คออกไป สิ่งที่ฉันต้องการคือพาตัวเองให้หลุดพ้นจากเรื่องทั้งปวง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status