Share

บทที่ 5

Author: เบลล่า
มุมมองของซิดนีย์

"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"

เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?

ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน

ฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจน

ณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลามบานปลายจากการทะเลาะกันเรื่องเอกสารการหย่าของอดีตคู่รัก ไปเป็นเรื่องที่อันตรายมากกว่าเดิมก็เป็นได้

มาร์คก้าวขึ้นมาอีกขั้น เข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น แต่ฉันไม่สามารถขยับถอยหลังได้แม้แต่นิดเดียวในตอนนั้น เนื่องจากนั่นคือระยะที่ไกลที่สุดที่ฉันจะสามารถปกป้องทางเข้าเอาไว้ได้

แต่ฉันก็รู้สึกโล่งใจอยู่เงียบ ๆ เนื่องจากการที่ฉันไม่ขยับหนีไปเสียก่อนมันส่งผลต่อตัวเขาอยู่

มาร์คกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า "ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ ไม่ว่าเราจะหย่ากันหรือไม่ก็ตามก็ไม่ใช่คุณที่จะเป็นคนตัดสินใจ!”

เขาถึงกับกล้าที่จะบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์พูดในเรื่องนี้ ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะยุติสัมพันธ์นี้อย่างนั้นเหรอ? ขอบคุณนะมาร์ค ความรู้สึกกลัวในตอนแรกอันเนื่องมาจากผู้ชายคนนั้นก่อนหน้านี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกรำคาญใจไปแล้วในตอนนี้

เขากล้าดียังไงที่จะมาบงการให้ฉันเลือกสิ่งใด มาปฏิเสธไม่ให้ฉันมีอำนาจในการตัดสินใจในชีวิตของตัวเองอย่างนั้นเหรอ? ฉันต้องอดทนอดกลั้นกับทัศนคติที่ชอบกดขี่ของเขามานานเกินไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

แต่ฉันล่วงรู้ได้เร็วขึ้นว่าฉันไม่สามารถพูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลได้ จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้มีเวลามากมายขนาดที่จะโต้เถียงกับเขาด้วย มาร์คมักจะทำตัวดื้อรั้นแบบนั้นเสมอ

ฉันกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากเย็น แล้วกัดฟันพูดประโยคต่อไปที่ตั้งใจจะพูดตอกหน้าเขา

แต่กลับกลายเป็นว่าฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วถามว่า "คุณอยากคุยเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ?”

“ใช่ คุณมากับผมเดี๋ยวนี้!” เขาออกคำสั่ง น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าไม่ยอมรับการโต้แย้งใด ๆ ทั้งนั้น

ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง มีความรู้สึกอ่อนล้าและเอามือถูกขมับอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ "ก็ได้ ถ้าคุณยอมที่จะเสียเวลาในการพูดคุยขนาดนั้น ฉันยอมไปก็ได้"

หลังจากมองกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว และไม่เห็นชายคนนั้นอยู่ตรงไหนเลย ฉันก็คิดกับตัวเองว่าการก้าวเท้าออกไปในเวลานั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับเรา เขาก็น่าจะต้องออกไปด้วย

ฉันเดินออกจากประตูหน้า แล้วปิดประตูตามหลัง

“เดินนำไปก่อนเลยค่ะ" ฉันบอกกับมาร์ค

เขาหันหลังให้ฉันพร้อมกับทำสีหน้าบูดบึ้งแล้วก้าวออกจากนอกตัวบ้านไป ฉันเองก็เดินตามหลังเขาไป

ฉันเดินตามหลังมาร์คไปช้า ๆ เขารีบเร่งไปข้างหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว และขณะก้าวเท้าไปข้างหน้านั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นเหล็กท่อนหนึ่งวางอยู่ในสวนใกล้ ๆ มันเป็นท่อนเหล็กธรรมดา ๆ แต่ในเวลานั้นมันคือเครื่องมืออันสมบูรณ์แบบอย่างที่ฉันต้องการ

ฉันหันไปดูมาร์คซึ่งยังคงเดินนำหน้าฉันไปสองสามก้าว ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวออกจากทางเดิน เพื่อไปหยิบเหล็กท่อนนั้นขึ้นมาจากพื้น

เมื่อมีสิ่งนี้อยู่ในมือก็รู้สึกหนักกว่าที่คิดไว้มาก แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหาอยู่ตรงหน้าฉันต่างหาก

ฉันกลับมาเดินตามหลังมาร์คอีกครั้งพร้อมกำท่อนเหล็กไว้อย่างแน่น ฉันเดินอยู่ข้างหลังเขาและรอเวลาที่ดีในการลงมือครั้งนี้ เมื่อเขาหยุดดูบางอย่างในโทรศัพท์ โอกาสของฉันนั้นมาถึงแล้ว ฉันฟาดท่อนเหล็กออกไปอย่างสุดกำลัง

ฉันตีท้ายทอยเขาอย่างแรง

ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะหมดสติไปได้เร็วขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนอวดดีขนาดไหนแต่เขาก็ล้มลงกับพื้น เขาหมดสติไปหลังจากถูกตีที่หัวไปเพียงครั้งเดียว ดูความก้าวร้าวทั้งหมดนั้นที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นกับเขาสิ

หลังจากโยนท่อนเหล็กทิ้งไป ฉันก็เดินไปหาผู้ช่วยของเขาที่กำลังรออยู่หน้าประตูรั้ว

“พาเจ้านายของคุณออกไปจากบ้านฉันซะ" ฉันพูด

ผู้ช่วยคนนั้นลุกขึ้นนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งคนขับ

ตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร แต่หลังจากเขามองไปยังด้านหลังฉัน เขาก็รีบกระโจนออกจากรถ เมื่อเห็นมาร์คนอนกองอยู่บนพื้น

“คุณมาร์คครับ คุณมาร์ค!” เขาร้องเรียกและรีบวิ่งไปหามาร์ค เพื่อดูว่าเขายังมีสติสัมปชัญญะอยู่หรือเปล่า

น่าเสียดายที่คุณมาร์คคนนั้นหมดสติไปแล้ว

ถึงแม้ว่าผู้ช่วยคนนั้นจะพยายามอุ้มมาร์คขึ้นมาแต่เขาก็ตัวหนักเกินไป แต่สุดท้ายเขาก็สามารถแบกร่างมาร์คเอาไว้บนบ่าได้ แล้วพาเขาออกไปได้

น่าขบขัน มือของมาร์คห้อยลงมาบนไหล่ของผู้ชายคนนั้น ผู้ช่วยคนนั้นใช้ความพยายามอยู่พอสมควรจึงสามารถดันร่างของมาร์คเข้าไปนั่งอยู่ตรงเบาะหลังได้

จากนั้นเขาก็เขาก็เดินกลับมาหาฉันหลังปิดประตูแล้ว

“คุณผู้หญิง...”

ฉันยื่นมือออกไปเพื่อส่งสัญญาณให้เขาเงียบ

“อีกไม่นาน จะมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่นี้ รบกวนเรียกฉันว่าคุณซิดนีย์ดีกว่าค่ะ บอกเจ้านายของคุณด้วยว่าฉันจะส่งเอกสารการหย่าไปให้เขาอีกครั้ง ช่วยลงนามให้เร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้ไม่ทำให้เสียเวลาของกันและกัน"

ผู้ช่วยคนนั้นพยักหน้าด้วยสีหน้าที่บอกว่า 'ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยนะ' แล้วหันหลังกลับไปหลังจากโค้งคำนับแบบลวก ๆ

“โชคดีค่ะ" ฉันพูดไล่หลังไปในขณะที่เขาเข้าไปนั่งในรถกับเจ้านาย แล้วติดเครื่องยนต์

ฉันรอจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นออกไปไกล แล้วจึงหันหลังเดินออกมาจากที่นั่น และเมื่อฉันเห็นประตูหน้าบ้านอีกครั้ง และจดจำได้ว่ายังมีใครรอคอยอยู่ในนั้น ความตึงเครียดและความหวาดกลัวที่จางหายไปก่อนหน้านี้ก็วกกลับมาอีกครั้ง

ตอนแรกฉันคิดกับตัวเองว่าฉันควรใช้โอกาสนี้วิ่งหนีไปดีไหม?

แต่มีอะไรบางอย่างได้ฉุดรั้งฉันเอาไว้ ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันยังคงเดินต่อไปยังประตูบานนั้น

ฉันผลักประตูให้เปิดออกหลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเท้าเข้าไปข้างใน แต่ฉันไม่ได้เดินออกไปไกลจากประตูมากนัก ใช้แค่สายตามองหาร่องรอยของเขาเท่านั้น แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงไหนเลย ฉันเดินลึกเข้าไปในบ้านมากขึ้น แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างตั้งใจมากขึ้น

เขาหายตัวไปจริง ๆ

ฉันคงอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และรู้สึกโกรธขึ้นมาทันควันเมื่อมีคนบุกรุกเข้ามาในบ้านได้ ทั้ง ๆ ที่มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดและราคาแพง

ฉันเดินอาด ๆ ไปที่โทรศัพท์บ้านอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วกดหมายโทรหาบริษัทรักษาความปลอดภัย

“ฉันต้องการอัปเกรดระบบความปลอดภัยที่วิลล่าค่ะ" ฉันตะคอกปลายสายทันทีโดยไม่สนใจที่จะระวังเรื่องน้ำเสียง "วิลล่าหมายเลข 27 บนเนินเขา ระบบความปลอดภัยของพวกคุณปกป้องอะไรฉันไม่ได้ในคืนนี้ และฉันจะไม่ทนอีกต่อไป ชีวิตของฉันเพิ่งตกอยู่ในอันตรายเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้"

เจ้าหน้าที่ที่รับสายคนนั้นกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันก็รู้สึกหงุดหงิดเกินกว่าจะทนฟังอะไรได้

“เราต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นค่ะ คุณผู้หญิง" เจ้าหน้าที่คนนั้นกล่าวขอโทษ "เราจะส่งทีมงานไปอัปเกรดระบบความปลอดภัยของคุณโดยเร็วที่สุด"

ฉันบอกหมายเลขโทรศัพท์ที่วิลล่าของฉันกับพวกเขาไปอีกครั้ง "ฉันหวังว่าทีมงานของพวกคุณจะมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้านะ" ฉันพูดต่อพร้อมกับวางสายพลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำวันนั้นทำให้ฉันรู้สึกว้าวุ่นใจขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว พอนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาจะได้พักผ่อนเสียทีโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา ฉันเหลือบมองหมายเลขศัพท์ของผู้โทรมาแล้วได้แต่ถอนใจ เป็นพ่อของฉันเอง ฉันจำต้องรับสายอย่างไม่เต็มใจ

“ลูกกับมาร์คต้องมางานเลี้ยงวันเกิดของพ่อในช่วงสุดสัปดาห์นี้นะ!” เสียงพ่อดังก้องออกมาจากโทรศัพท์ แล้วก่อนที่ฉันจะทันได้โต้ตอบอะไร พ่อก็วางสายไป

ฉันกลอกตาด้วยความหงุดหงิดจนพูดอะไรไม่ออก พ่อยืนกรานมาโดยตลอดว่าฉันต้องอยู่กับมาร์ค ถึงแม้ฉันจะพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันเกลียดมันมากขนาดไหนก็ตาม

ฉันผละออกจากโทรศัพท์ เปิดหน้าบันทึกการโทรออก แล้วค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของพ่อ ฉันกดนิ้วลงไปอย่างหนักแน่น เพื่อเปิดเมนูตัวเลือกแล้วเลือก "ปิดกั้นรายชื่อติดต่อ" มีข้อความยืนยันเด้งขึ้นมา แล้วฉันก็กดปุ่ม "ยืนยัน" แล้วหมายเลขโทรศัพท์นั้นก็หายไปจากรายชื่อผู้ติดต่อทันและถูกลบออกจากโทรศัพท์ทันที

ฉันโยนโทรศัพท์ลงไปบนโซฟา ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยเอาหลังพิงกับเบาะนุ่ม ๆ พร้อมกับพักศีรษะไว้บนที่วางแขนบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

ถึงแม้ว่าฉันจะโกรธและเสียใจขนาดไหน ฉันก็รู้ว่าฉันยังต้องกลับไปเยี่ยมท่านในช่วงสุดสัปดาห์นี้ นี่เป็นวันเกิดของพ่อ คงจะไม่ใช่โอกาสอันดีนักที่จะประกาศข่าวเรื่องการหย่าร้างของฉันกับมาร์คออกไป สิ่งที่ฉันต้องการคือพาตัวเองให้หลุดพ้นจากเรื่องทั้งปวง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 6

    มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 10

    ฉันพยายามดิ้นรน ดึงมือตนเอง และด่าทอ ในขณะที่มาร์คลากฉันเข้าไปในโถงทางเดินข้าง ๆ ห้องน้ำชาย ฉันเดินตามเขาอย่างทุลักทุเล ไม่สามารถก้าวเท้าได้ทันเขาเพราะใส่ส้นสูงที่ใส่อยู่แม้แต่ในฝันที่แสนเพ้อเจ้อ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ได้ ฉันหมายถึงตลอดสามปีแห่งการแต่งงานอันอับเฉา ฉันสามารถนับนิ้วด้วยมือข้างเดียวได้เลยว่าเคยเจอเขาที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านกี่ครั้ง ฉันนึกว่าเขาจะอยู่ในที่ทำงานตลอดเวลาเสียอีกนะ แต่ในช่วงนี้ฉันสรุปได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ในที่ทำงาน ก็คงสำเริงสำราญอยู่กับน้องสาวของฉันในโรงแรมหรู ๆ นั่นแหละ“มาร์ค เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย?” ฉันใช้มือข้างที่ว่างตีนิ้วที่จับข้อมือของฉันอยู่ "ปล่อยมือฉันนะ"เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เดินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่นหลังที่ดูแข็งอย่างกับหินตั้งแต่ฉันขอหย่ากับเขา เขาก็ดูเหมือนผีที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันไปที่ไหนก็จะต้องเจอเขาที่นั่นฉันครางออกมาเบา ๆ ในขณะที่เขากระแทกหลังฉันและตรึงเข้ากับกำแพง ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาดูลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง และดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มชนิดที่คุณคิดว่าสีตาธรรมชาติของเขาเป็นสีดำสนิท“เสียสติไปแล้วหรือไง?” เขาร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 11

    ฉันรู้สึกได้ว่ามือที่เกาะกุมของเขาเริ่มคลายออก จนฉันสามารถดึงมือหลุดออกมาได้ ฉันเดินลากส้นสูงไปข้างหน้าเพื่อพยายามจะหนี แต่ก็ไม่ทันความเร็วของเขา นิ้วของเขาเข้ามาเกาะกุมข้อมือของฉันอีกครั้งและดึงฉันกลับไป เขาตรึงฉันกับกำแพงอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตรึงฉันไว้ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว แต่เป็นริมฝีปากของเขาแทนฉันเกือบลืมหายใจเมื่อริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล ฉันหลับตาลงอย่างไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาโลมไล้ไปตามริมฝีปากของฉัน จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกเพลิดเพลินกับการที่ริมฝีปากของเขาประกบอยู่บนริมฝีปากของฉัน ฉันแทบไม่รู้สึกตัวราวกับต้องมนต์สะกดจากรสจูบนี้ แขนของชายหนุ่มโอบรัดอยู่ตรงรอบเอวฉัน จากนั้นดึงตัวฉันเข้าไปแนบตัวเขามากขึ้น ความร้อนผ่าวบนตัวเขาทำให้เรือนร่างของฉันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเลยลิ้นของเขาชอนไชเพื่อแทรกเข้ามา ฉันเผยอปากแล้วลิ้นนั้นก็เลื้อยเข้ามาภายใน ให้ความรู้สึกเปียกแฉะและ-ดวงตาของฉันเบิกโพลง ร่างกายแข็งทื่อ แล้วฟันของฉันก็กัดลงบนลิ้นของเขาโดยสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?“คุณเป็นบ้าอะไรซิดนีย์?!” เขาดึงตัวออกแล้วปล่อยฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 12

    หากตรงหน้าเป็นชายอื่น ฉันคงชื่นชอบริมฝีปากที่รุกคืบเข้ามาอย่างดุดัน และฉันควรตอบสนองมันอย่างเร่าร้อนไปเสียแล้ว แต่นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือชู้รัก แต่เป็นมาร์คฉันรับรู้ได้เลยว่ามันลำบากยิ่งนักทั้งดันร่างกายเขาออกไปและดึงเขาเอามาใกล้ ฉันอยากจะกัดลิ้นหรือริมฝีปากของเขาเหมือนที่ทำตอนแรก แต่ฉันก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ชวนสับสนจริง ๆ ฉันอยากให้เขาหยุดและถอยห่างจากฉันไป แต่ฉันก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหยุดไปจริง ๆ บ้อบอเสียไม่มีแต่ฉันก็ยังคงดิ้นรนอยู่เช่นนั้น ฉันหลับตาปี๋ พยายามจะพูดบางสิ่งออกไปถึงแม้ว่าปากของเขาจะประกบอยู่บนปากของฉันก็ตาม ลิ้นสอดใส่เข้ามาด้านในอยู่เช่นนั้น เรือนร่างของเขากดทับอยู่บนตัวฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความนูนตรงเป้ากางเกงที่แนบอยู่ตรงหน้าขาฉันขัดขืนมากขึ้นเป็นทวีคูณ และกรีดร้องดังขึ้นอยู่ในอกเสียงกรีดร้องเหือดหายอยู่ในลำคอ แล้วทันใดนั้นมือของเขาก็คล้ายออกจากร่างกาย ฉันไม่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนตัวเขาอีกต่อไปฉันปัดเป่าความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยนั้นออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างทะมึนยืนอยู่ตรงหน้าฉัน หน้าอกของฉันกระเพื่อมขึ้นลงเพื่อพยายามจะหา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 13

    คนที่มีไหวพริบคงล่าหลบให้พ้นทาง แล้วปล่อยคู่รักเจ้าปัญหานี้ไว้เพียงลำพัง แต่ชายผู้นี้...สายตาของฉันจับจ้องไปที่เจ้าของร้านคนนี้ เขาเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีที่ดูคุกคามไม่แพ้กัน ร่างกายของเขาดูตึงแน่น...ตื่นตัว"ผมรู้ว่าคุณเป็นใครนะ มาร์ค ตอร์เรส ประธานบริษัทจีที กรุป และผมรู้อยู่แล้วว่าคุณทำให้ผมหมดตัวได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความตั้งใจที่จะปกป้องผู้หญิงไร้ทางสู้คนนี้ได้ คุณคงจะเดินวางมาดเข้ามาแล้วทำร้ายแขกของผมได้ ไม่ว่าเธอจะเป็นภรรยาของคุณหรือไม่ก็ตาม" คำพูดของเขามีน้ำเสียงอย่างหนึ่งแฝงอยู่ นั่นคือการคุกคามที่ไม่จำเป็นต้องออกมาเป็นคำพูดบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป และดูเหมือนมาร์คจะตกตะลึงกับคำตอบของชายคนนั้น จากนั้น เขาก็หันหลังกลับอย่างกะทันหันพร้อมหัวเราะร่า“ตลกเป็นบ้าเลย เจ้าหมอนี่" ดูท่าเขาจะสร่างเมาแล้ว "รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ยังกล้าเสนอหน้าเข้ามาอีกนะ? คงเบื่อที่จะทำงานร้านนี้แล้วใช่เปล่า?”ตายแล้ว ฉันปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านไม่ยอมถอยไปแน่ และเมื่อโดนข่มขู่เช่นนี้ มาร์คก็ถอยไปไม่ได้เช่นกัน ฉันไม่สามารถให้คนแปลกหน้าต้องมาหมดเนื้อหมดตัวเพียงเพราะปัญ

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 427

    มุมมองของนักเขียนยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นนั่นคือคำพูดที่ชารอนบอกตัวเองซ้ำๆ เพื่อลดความรู้สึกผิดที่เพิ่มขึ้นบ่อยครั้งที่เธอคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอแค่พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องตั้งครรภ์ของเธอ และใช้ชีวิตกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น การอยู่กับไอเดนไม่คุ้มค่ากับความรู้สึกผิด หลุมดำที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่เธอกำลังจมลงไปตอนนี้เธอเข้าใกล้กำหนดคลอดปลอมมากขึ้น ไอเดนก็แสดงความรักต่อเธอมากขึ้น พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น บางครั้งเธอสงสัยว่าการตายของเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันก็ไม่คุ้มค่า เพราะเธอไม่มีความสุข เธอมีทุกสิ่งที่เธอต้องการ การเอาใจใส่ของไอเดนอย่างเต็มที่ เต็มที่เท่าที่เขาจะทำได้กับการสอบสวนที่เขาทุ่มเทให้เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่ได้อยู่กับชารอน ช่วยเธอทำอาหาร หรือส่งอาหารที่เขาสั่งให้เธอ หรือทำความสะอาดบ้านเพราะเธอไม่ต้องการให้แม่บ้านมาอีกต่อไป เขาก็จะอยู่ที่สถานี ไขคดีของเอมี่ มองหาคำตอบที่อยู่ใต้หลังคาบ้านของตนเองตอนนี้ ชารอนไม่ได้ต่อสู้กับความรู้สึกผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการตายของเอมี่เท่านั้น แต่เธอยังไม่มี

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 426

    ไอเดนผมควรจะฟังอาน่า ผมควรจะซ่อนตัวเฉยๆ ตอนที่ผมตามเธอไป ผมไม่ควรต่อสู้กับคนพวกนั้น ผมควรจะควบคุมความโกรธของตัวเอง... ที่สำคัญที่สุด ช่วงเวลาหยุดชะงักสั้นๆ ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่ผมหยุดและบอกเธอว่าผมเป็นพ่อของเธอ ผมไม่ควรทำแบบนั้น ผมควรจะพาเธอออกจากที่นั่นไปที่ปลอดภัยทันที ถ้าผมไม่ได้ใช้เวลาเหล่านั้นอย่างผิดๆ บางทีเอมี่ก็คงยังอยู่ที่นี่ แต่ผมเห็นแก่ตัวมาก ทั้งๆ ที่ผมอ้างว่ารักและห่วงใยเธอเดนนิสพูดถูก เขาห่วงใยเธอมากกว่าผมนัก เขาเติบโตมากับเธอ เขาเลี้ยงดูเธอและเฝ้าดูเธอเติบโตมาตั้งแต่แรกเกิด ผมไม่มีทางรักเธอได้มากกว่าเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมสามารถและควรจะทำแตกต่างออกไป ทำได้ดีกว่านี้ แต่มันสายเกินไปแล้วเธอจากไปแล้วขณะที่ผมจ้องมองภาพถ่ายเพียงภาพเดียวที่เราถ่ายด้วยกันตอนที่เธอยังอยู่ในโรงพยาบาล มันยังคงยากที่จะเชื่อมันเพิ่งจะเกือบปีเท่านั้นตั้งแต่ผมรู้ว่าเธอเป็นลูกของผม ตั้งแต่ผมสามารถอุ้มเธอและดูเธอหัวเราะและยิ้มและกวนผมเรื่องการพบตัวเอง และตอนนี้เธอจากไปแล้วเหรอ?ผมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ตลกเป็นบ้าความตายโหดร้ายแบบนี้เหรอ? พันมือเย็นเยียบที่กัดกร่อนรอบตัวคนที่พวกเขาไม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 425

    มุมมองของนักเขียนณ วินาทีนั้น โลกของอาน่าก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตาเธอ"คุณหมอหมายความว่ายังไงที่เธอไปแล้ว?" ดวงตาเอ่อล้นขณะที่เธอกำเสื้อคุลมของแพทย์ "บอกกับฉันสิคุณหมอ บอกฉันว่าเอมี่จะไม่เป็นอะไร""ผมเสียใจด้วยครับ คุณอนาสตาเซีย" แพทย์พูด รู้สึกสงสารเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ เธอไม่สมควรได้รับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสิ่งที่เธอต้องเผชิญ"อาน่า" เดนนิสกลืนน้ำลายขณะดึงเธอออกมาเมื่อเธอไม่ยอมปล่อยเสื้อของแพทย์"ปล่อยฉัน" เธอตะโกนและผลักเดนนิสออกไปจากเธอ "ไปให้พ้น"เดนนิสกำลังจะเดินกลับไปหาเธอเมื่อแพทย์ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเดนนิส เขาฉีกยิ้มเล็กน้อยให้เขา แสดงว่าไม่เป็นไรอาน่าค่อยๆ ทรุดตัวลงบนพื้น แขนโอบรอบตัวเองขณะที่เธอคร่ำครวญ "ไม่"จากนั้นเธอก็ส่ายหัว "ไม่ เอมี่จะทิ้งแม่ไปไม่ได้นะลูก” เธอร้องไห้ขณะวิ่งไปตามทางเดินก่อนที่ใครจะหยุดเธอได้ เธอก็เปิดประตูห้องของเอมี่ เธอวิ่งไปข้างๆ เอมี่และดึงผ้าปูที่นอนออกจากร่างของเธอ"เอมี่" เธอตบแก้มของเธอเบาๆ "เอมี่ ตื่นสิ แม่มาแล้ว เอมี่ลูก" เธอเรียกซ้ำ ๆ ร่างกายสั่นเทาไปกับการร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนใบหน้าของเอมี่และชุดคนไข้ที่เธอยั

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 424

    มุมมองนักเขียนขณะที่ไอเดนรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ไหลลงมาตามแขนด้านข้างของเธอ หัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาทรุดตัวลงคุกเข่า และวางร่างไร้เรี่ยวแรงของเอมี่ลงบนพื้น"เอมี่ ไม่นะ พ่ออยู่นี่แล้ว" เขาพึมพำอย่างกระวนกระวายขณะที่กดมือลงบนด้านข้างเพื่อห้ามเลือดดวงตาของเอมี่เปิดอยู่ แต่ดูเหมือนไร้ชีวิตชีวา เอมี่พยายามพูดอะไรบางอย่าง เธอพยายามถามเขาว่าเขาเป็นพ่อของเธอจริงๆ หรือไม่ เธอมีพ่อสองคนจริงๆ หรือไม่ แต่เธอขยับริมฝีปากไม่ได้ และสายตาของเธอก็พร่ามัวอย่างรวดเร็ว"เอมี่ เอมี่ หนูจะไม่เป็นอะไร อดทนไว้" ไอเดนพูดอย่างรวดเร็วขณะดึงเสื้อของเขาออกและผูกไว้รอบเอวของเธอ หวังอย่างแรงกล้าว่าเลือดจะหยุดไหล แต่กลับแย่ลงมีเสียงเอะอะเล็กน้อย มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ขณะที่เดนนิสรีบเข้ามาในอาคารพร้อมกับตำรวจเมื่อเห็นตำรวจ ชายสองคนก็รีบลุกขึ้นและเดินออกจากอาคาร ตำรวจสองคนรีบตามพวกเขาไปทันทีไอเดนไม่ได้ละสายตาจากเอมี่เลยแม้แต่วินาทีเดียว "ได้โปรด เอมี่ ได้โปรด" เขาพึมพำอย่างสิ้นหวัง "อย่าจากพ่อไป" เขาเฝ้าดู หัวใจแตกสลายขณะที่ดวงตาของเอมี่ค่อยๆ หลับลง"เกิดอะไรขึ้นวะ?!" เดนนิสระเบิดเสียงออกมาขณะรีบเข้ามา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 423

    มุมมองนักเขียน“ไม่!”ไอเดนและเดนนิสพูดออกมาพร้อมกันอนาสตาเซียมองสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน ยิ่งโกรธมากขึ้น "หมายความว่าไงว่าไม่?""อาน่า คุณ…"“ฉันไม่…”แต่ละคนเริ่มพูดอีกครั้ง และมันก็แทรกกัน"ฉันไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น!" เธอหยุดพวกเขาด้วยการยกมือทั้งสองข้างขึ้น "ฉันจะไปเอง แค่นี้!" เธอพูดจบแล้วคว้ากระเป๋าผ่านมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากที่พวกเขาได้รับวิดีโอ พวกเขาหาเงินมาได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ยังไม่มีใครที่จะเอาเงินไปส่งที่สถานที่ที่กำหนด เพราะไอเดนและเดนนิสไม่เห็นด้วยกันชายสองคนพยายามพูดให้เธอเปลี่ยนใจไอเดนเข้าใจมุมมองของเดนนิส ไม่ใช่ว่าเขามีเงินเหลือเฟือที่จะเอาไปให้คนลักพาตัว เขาแค่อยากได้ลูกสาวคืน เมื่อเธอปลอดภัยในอ้อมแขนของพวกเขาแล้ว พวกเขาค่อยให้ทางการและหน่วยรักษาความปลอดภัยทุกประเภทเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่เพื่อแลกกับความปลอดภัยของเอมี่ "มาเถอะ อาน่า เราทำได้ คุณอยู่กับจัสตินที่นี่เถอะนะ" เขาพูดขณะที่สายตาของเขาจ้องไปที่จัสตินที่กำลังดิ้นอยู่ในเปลของเขา ขณะที่เขามองดูพวกเขาอย่างสงสัย"ไม่!" อาน่าไม่ยอม "พวกคุณเสียเวลามากพอแล้ว"อนาสตาเซียพยายามอดทน แต่พวกเขา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 422

    อนาสตาเซียในเวลาเพียงวันเดียว ฉันต้องนั่งฟังการสอบปากคำมากกว่าที่ฉันเคยฟังมาทั้งชีวิตพนักงานทุกคนในร้านและแม้แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็ถูกสอบถามอย่างสุภาพ พวกเขาถูกถามว่าบังเอิญเจอผู้หญิงกับเด็กหรือไม่ พวกเขาถามพร้อมกับบอกลักษณะของผู้หญิงและเอมี่ แต่ไม่มีใครเลย แม้แต่คนเดียวที่เห็นพวกเขา มันเหมือนกับว่าพวกเขาหายตัวไปในอากาศธาตุฉันหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ได้เอมี่ที่น่าสงสาร เธอเพิ่งจะออกจากเตียงโรงพยาบาลที่ต้องนอนอยู่เป็นเดือนๆ เท่านั้น กลับถูกลักพาตัวโดยคนโชคร้ายบางคน มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลยพวกเขาจะได้อะไรจากเรื่องนี้?ฉันสงสัยว่าตอนนี้ลูกเป็นอย่างไร คนพวกนั้นพาลูกไปไว้ที่ไหน? ลูกจได้กินอะไรไหม? หิวน้ำไหม? ลูกต้องหนาวแน่ๆฉันเหลือบมองยาของเธอที่ยังคงวางอยู่บนเคาน์เตอร์โดยไม่มีใครแตะต้อง รอให้เอมี่มาใช้ ฉันใช้เวลาทั้งคืนมองแต่ของพวกนั้น และในบางจุด แม้แต่จัสตินก็เริ่มร้องไห้ เขาคงสังเกตเห็นว่าพี่สาวของเขาไม่อยู่แล้วไอเดนและเดนนิสยังคงออกไปตามหาเธอ ทั้งคู่พิมพ์โปสเตอร์ที่มีรูปของเอมี่พร้อมเงินรางวัลสำหรับผู้ที่พบเธอในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาติดโปสเตอร์ตามสถานที่ต่างๆพวกเขาทำ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 421

    อนาสตาเซีย"เอมี่ถูกลักพาตัวไป"นั่นเป็นคำที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้ยินในชีวิตนี้ แม้ว่าฉันจะค้นหาเอมี่อย่างตื่นตระหนกก่อนที่เดนนิสจะมาถึง ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะถูกลักพาตัว สิ่งที่ฉันคิดคือเธอเดินออกไป หลงทาง และอยู่ที่ไหนสักแห่ง หวาดกลัว หนาว และโดดเดี่ยวกลับกลายเป็นเอมี่ถูกพาตัวไปแล้ว"ทำไม?" ฉันร้องไห้ในอ้อมแขนของเดนนิส น้ำตาไหลออกมาอย่างหนักหน่วงจนหยุดไม่ได้"ทำไมถึงได้มีใครมาพาตัวลูกสาวของฉันไป เดนนิส ทำไม?""ผมเองไม่รู้ครับ ที่รัก คุณต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ" เขาประคองฉันขณะเดินไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งฉันจะใจเย็นได้อย่างไร ในเมื่อใครบางคนที่ใจร้าย มือเย็น และดวงตาน่ากลัวพาตัวลูกสาวของฉันไปที่ไหนก็ไม่รู้? ฉันจะใจเย็นได้อย่างไร?เขาคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนสั้นๆ"ผมสงสัยว่าลูกสาวของผมเพิ่งถูกลักพาตัวครับ" เขาเริ่ม "ขอภาพจากกล้องวงจรปิดได้ไหมครับ?" จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ "ผมเชื่อว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่แถวนี้ ใช่ไหมครับ?” "มีครับ" หนึ่งในนั้นตอบ "คุณสามารถขอดูได้ครับ เชิญตามผมมาครับ"เราเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องด้านหลังร้าน และแม้ว่าเราจะเดินผ่านร้า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 420

    เดนนิสผมขมวดคิ้วขณะรับสายของเธอ “โทรมา…""เอมี่อยู่ที่ไหน เดนนิส? เธออยู่ที่ไหน?" เธอถามอย่างกระวนกระวาย จากนั้นเธอก็พูดรวดเดียวว่าเอมี่กำลังจะถูกลักพาตัว"อะไรนะ?" ผมทำกระทะที่อยู่ในมือหล่นลงบนเคาน์เตอร์ "เดี๋ยวก่อนนะ? เอมี่ของผม? เมื่อไหร่?""ตอนนี้ เดนนิส ตอนนี้ พาพวกเขาไปที่ปลอดภัยเดี๋ยวนี้ เธออยู่ที่ไหน?""ลูกอยู่... คืองี้นะ? เดี๋ยวผมโทรกลับ" ผมพูดก่อนที่จะวางสายและรีบโทรหาอาน่าผมเดินไปเดินมาในครัว มือซ้ายเท้าสะเอว ส่วนมือขวาถือโทรศัพท์แนบหูขณะรอเธอรับสาย"เดนนิส? คุณต้องการให้พวกเราซื้ออะไรให้ไหม?""ที่รัก" ผมถอนหายใจทันทีที่เธอรับสาย รู้สึกโล่งใจชั่วขณะที่เธอปลอดภัยเอมี่ก็จะปลอดภัยเช่นกัน ผมคิด แต่ผมก็ยังถามว่า "พวกคุณอยู่ที่ไหน? กำลังเดินทางกลับมาหรือเปล่า? เอมี่อยู่กับคุณไหม?"เธอพาเอมี่ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่เธอเห็นเราทะเลาะกัน เนื่องจากเอมี่ชอบซื้อของมาก เธอจึงคิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมที่จะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นและซื้อของเข้าบ้านด้วย ผมอยู่บ้านและตัดสินใจทำอาหารเย็น"เดนนิส" เธอพูดซ้ำ และผมบอกได้เลยว่าเธอไม่ได้จดจ่อกับ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 419

    คลาร่าแสงสลัวจากหน้าจอแล็ปท็อปเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวในห้องใต้ดินขนาดใหญ่เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น และฉันก็รับสายทันที"มีเบาะแสเข้ามาอีกแล้ว คลาร่า" เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบตามปกติ"ส่งมาเลย" ฉันพูดขณะเปิดแท็บที่ฉันรับข้อความหรือโทรศัพท์ที่ไม่ระบุชื่อที่เราได้รับ"วัยรุ่นและแม่ที่ถูกทำร้าย ที่อยู่แนบมา ด่วน" เธอสรุปขณะที่ข้อความปรากฏขึ้น"ขอบคุณมาก" ฉันพูด รับข้อความจากเธอ "ฉันจะส่งต่อให้ทีมช่วยเหลือเอง"ฉันสแกนที่อยู่ก่อนที่จะอ่านข้อความยาวๆ ที่ใครบางคนคงพิมพ์อย่างกระวนกระวายข้อความถูกพิมพ์โดยเด็กอายุสิบสามปีที่ถูกบังคับให้ติดต่อมา เพราะแม่ที่ว่างงานของเขากลัวเกินกว่าจะหนีพ่อเลี้ยงที่ทำร้ายเขา พ่อเลี้ยงของเขาไม่อยู่ในรัฐในขณะนี้ และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือก่อนที่เขาจะกลับมาในคืนนี้ฉันพิมพ์รายละเอียดลงในแชทที่ปลอดภัยของเราอย่างรวดเร็ว ทำเครื่องหมายว่าเป็นลำดับความสำคัญสูง และส่งต่อไปยังทีมช่วยเหลือฉันทำงานที่บ้านการกุศลเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาที่นี่ และจนถึงตอนนี้ก็ดีมากวันหนึ่ง หัวหน้าองค์กรการกุศลที่ฉันทำงานอยู่ก่อนหน้านี้โทรหาฉันและ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status