Share

บทที่ 6

มุมมองของมาร์ค

ผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะ

ผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมา

ผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...

ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด

“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้อง

เธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิด

มีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก

“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”

คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตู

ผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเมื่อเช้าวันนั้น ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นเธอคือตอนที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านไป ผมก็จำวันนั้นได้ด้วย ผมรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ผมสงสัยว่าเธอไปได้ความกล้ามาจากไหน แล้วคิดว่าเธอจะใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปแล้วกลับมาร้องไห้กระซิก ๆ อีกครั้ง

ท้องไส้ส่งเสียงโครกครากในขณะที่ผมยังคงกระแทกประตูให้ปิดอยู่ต่อไป ผมถึงขั้นไปตรวจดูที่โรงรถด้วยซ้ำ ผมรู้สึกเหมือนกำลังเป็นบ้า ท้องไส้ร้องโครกครากพร้อม ๆ กับปวดหัวตุบ ๆ และรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผมเดินกลับไปที่ห้องอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วจัดแจงอาบน้ำเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งไม่ช่วยให้อะไร ๆ สงบขึ้นเลย ได้แต่เพียงชะล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวหนังเท่านั้น

พอแต่งตัวเสร็จผมก็ใช้ยาแก้ปวดที่อยู่ในลิ้นชัก เพื่อหยุดยั้งอาการปวดหัว

ผมหยิบกุญแจรถขึ้นมา สวมเสื้อสูทแล้วเดินออกจากบ้านไป

ในขณะขับรถไปทำงานนั้น ผมกำพวงมาลัยแน่นและเหยียบคันเร่งแรง ๆ จนใช้ความเร็วเกินกำหนด แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมทำได้ ดีกว่าขับรถกลับไปที่บ้านของเธอ แล้วบีบคอเธอเสีย

เธอต้องการความสนใจจากผม ซึ่งตอนนี้เธอได้มันไปเต็ม ๆ แล้ว

“เธออยู่ไหน?” ผมตะโกนถามผู้ช่วยของผมทันทีที่เขาปิดประตูตามหลังผม

“ผมไม่รู้ครับ ท่าน" เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "ผมออกจากวิลล่าออกเธอ แล้วรีบพาคุณไปยังร้านหมอแถว ๆ นั้น ก่อนจะพาคุณกลับบ้าน แล้ววางยาที่พวกเขาสั่งให้กินไว้ในลิ้นชัก"

เขากระแอมกระไอในลำคอก่อนจะพูดต่อ "แต่เธอบอกผมว่าอย่าเรียกเธอว่าคุณผู้หญิงอีก แต่ให้เรียกคุณซิดนีย์แทน เธอบอกว่าจะมีผู้หญิงคนใหม่มาทำหน้าที่นี้ต่อในไม่ช้านี้"

ผมแค่จ้องมองดูเขาที่กำลังพูดออกมา คำพูดทุกคำทำให้ผมรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ จนพร้อมจะระเบิดออกมา

เขาก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับแฟ้มในมือ "เธอยังบอกอีกด้วยว่าเธอจะส่งเอกสารการหย่ามาให้ใหม่ อยู่นี่แล้วครับ" เขาวางแฟ้มเอกสารนั้นไว้ตรงหน้าผม "ผมเพิ่งได้รับก่อนที่เจ้านายจะเดินเข้ามานี่เองครับ เธอต้องการให้คุณเซ็นชื่อโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เสียเวลาของกันและกัน"

และอย่างที่คิดเอาไว้เลย คำที่น่ารำคาญนั้น ด้วยความโมโหสุดขีด ผมคว้าเอกสารพวกนั้นแล้วเหวี่ยงมันออกไป

“ถ้าได้ยินคำว่า 'หย่าร้าง' อีกครั้งเดียวล่ะก็ นายโดนไล่ออกแน่!” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถ้าเธออยากให้ผมเซ็นเอกสารพวกนั้นล่ะก็ เธอก็ต้องเอามาให้ผมเซ็นเอง

ผมกำมือแน่นแล้วคลายออกในขณะที่พยายามกลั้นความโกรธเอาไว้ เธอกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่? เธอบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันมีบ้านให้เธออยู่ มีอาหารให้เธอกินยังไม่พอใจอีกเหรอ? ผมสงสัยเหลือเกินว่าเธอจะอ้างเหตุผลอะไรในการฟ้องหย่า

“อย่าให้ได้ยินคำนั้นอีก! เข้าใจไหม?”

“ครับเจ้านาย!” เขายืดตัวตรงจนผมคิดว่าเขาจะทำท่าวันทยหัตถ์เสียแล้ว

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกแล้วเบลล่าก็ก้าวเข้ามา ทันทีที่ผมได้สบตากับเธอ ความโกรธเคืองของผมก็อันตรธานหายไปในระดับหนึ่งแต่ยังคงรู้สึกได้อยู่ ผมยังคงรู้สึกอยากฉีกเอกสารพวกนั้นออกเป็นชิ้น ๆ มีความรู้สึกอยากต่อยอะไรสักอย่าง หรือ...ใครสักคน

อาจเป็นเพราะเบลล่าไม่ได้สังเกตเห็นถึงความตึงเครียดภายในห้อง หรือเธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในขณะเดินเยื้องสะโพกเข้ามา แล้วหย่อนตัวลงบนตักผม เธอยื่นแขนอันเรียวงามออกมาโอบรอบคอของผมไว้

เธอจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว เธอดึงตัวกลับแล้วทำปากเบะเมื่อผมไม่ได้ทำท่าตอบกลับไป "คุณทำงานมาทั้งเดือนแล้วนะ เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว" เธอทำหน้ามุ่ยมากขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วดวงตาดูเป็นประกายนิดหน่อย

เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ แล้ว ผมเห็นผู้ช่วยหยิบเอกสารพวกนั้นขั้นมาจัดเรียงเข้าด้วยกัน แล้วเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ

มีแวบหนึ่งที่ผมคิดจะขอให้เขานำเอกสารพวกนั้นมาให้ เพื่อที่ผมจะได้ฉีกมันทิ้งเหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้ แต่พอเบลล่ามาปรากฏตัวก็ทำให้ผมยับยั้งใจเอาไว้ได้

ผมหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ผมมีใจจดจ่ออยู่กับแก้มก้นนุ่ม ๆ ของเธอที่แนบอยู่บนต้นขา เธอใช้นิ้วลูบไล้ไปตามปกเสื้อของผมเป็นระยะ ๆ รวมทั้งลูบไล้ผิวบริเวณท้ายทอยของผมด้วย ผมสูดหายใจเข้าออกเพื่อพยายามทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ผมใช้แขนโอบรอบเอวของเธอไว้ แล้วดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ ๆ ผมควรจะลืมเรื่องวุ่น ๆ และการเรียกร้องความสนใจของซิดนีย์เอาไว้ก่อน แล้วจดจ่ออยู่กับผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของผมตอนนี้ คนที่ผมต้องการจริง ๆ และพร้อมจะให้ความสนใจได้ทุกเมื่อ

ผมลืมตาขึ้นแล้วเธอก็ยื่นริมฝีปากเข้ามาในขณะมองหน้าผม หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ชั่วขณะ และริมฝีปากก็คลี่ออกจนกลายเป็นรอยยิ้ม โอ้ พระเจ้า เธอช่างดูงดงามเหลือเกิน

“ผมขอโทษครับ ที่รัก คุณก็รู้นี่ว่ามันเป็นงาน"

เธอกลอกตาไปมา "คุณควรมีเวลาให้ฉันเสมอนิ"

“ผมจะหาทางทำให้ได้นะ" ผมเลื่อนศีรษะเข้าไปใกล้ ๆ เธอ แล้วจุ๊บที่ริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา "ถ้าอย่างนั้นผมควรมอบอะไรให้ราชินีของผมดีนะ เธอจะยกโทษให้ผมไหม?”

ผมเห็นมุมปากของเธอกระตุกในขณะที่พยายามเบะปากให้น่ารัก เธอกลอกตาขึ้นไปในขณะที่ครุ่นคิดว่าอยากได้อะไร "ฉันอยากได้เครื่องประดับ" ตอนนี้เธอหันมาจ้องตาผม "เครื่องประดับที่ออกแบบโดยห้องเครื่องอเทลิเย่ สตูดิโอส์"

“อเทลิเย่เหรอ?” ผมเลิกคิ้วขึ้น

เธอพยักหน้าหงึก ๆ "อเทลิเย่ออกแบบเครื่องประดับได้สวยมาก ๆ สาว ๆ ในวงสังคมชั้นสูงทุกคนล้วนมีกันทั้งนั้น ฉันก็อยากได้เหมือนกัน"

ผมกอดรัดเธอแน่นขึ้น "ได้เลย ผมจะสั่งทำเพื่อคุณเป็นพิเศษเลย"

เธอยิ้มหน้าบาน ส่วนผมก็หัวใจพองโต "ขอบคุณค่ะ!” เธอร้องเสียงแหลมแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด

ในขณะที่กอดเธอกลับไปนั้น ผมก็ตั้งใจว่าจะซื้อให้ซิดนีย์ด้วย เธอจะได้หุบปากเงียบ และรู้สึกว่าได้รับความสนใจอย่างที่เธอโหยหา

จู่ ๆ เบลล่าก็ดึงตัวกลับไป เธอจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของผม "วันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดของพ่อฉัน คุณจำได้ไหม?

ผมจำไม่ได้ หัวสมองของผมไม่มีเวลามานั่งจดจำวันเกิดของใครหรอก ผมพยักหน้า "จำได้สิ! ผมจำได้"

เธอยิ้ม ตอนนี้ผมไม่อยากทำให้อะไรให้เธอรู้สึกโกรธขึ้นมาหรอก "ฉันถึงมาที่นี่ไง พ่อจัดงานปาร์ตี้ แล้วฉันอยากให้คุณไปร่วมงานด้วย ฉันแน่ใจว่าพ่อก็อยากให้คุณไปเหมือนกัน" เธอเบือนหน้าหนีแล้วรื้อค้นกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างสวยงาม เธอหยิบบัตรเชิญสีขาวออกมาวางไปบนโต๊ะผม "นี่เป็นบัตรเชิญของพ่อค่ะ คุณจะไปร่วมงานด้วย" เธอหันมามองผม "ใช่ไหมคะ?”

ผมรู้สึกลังเลเพราะมีเรื่องต้องทำหลายอย่าง การเดินทางไปติดต่อธุรกิจครั้งล่าสุด ทำให้ผมได้นักลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งก็หมายถึงการมีเงินเพิ่มขึ้น และเงินที่เพิ่มขึ้นก็หมายถึงงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ผมไม่สามารถทำตัวหย่อนยาน หรือเสียเวลาไปร่วมงานที่ไม่ได้ช่วยให้บริษัทเติบโตได้

ผมเปิดปากเพื่อจะอธิบายให้เธอฟังว่าทำไมผมถึงไปร่วมงานไม่ได้ แต่ก็หยุดยั้งเอาไว้ ถ้าผมสามารถหาเวลาไปงานปาร์นี้ได้ ผมก็จะได้ประโยชน์สองต่อ คือได้พูดคุยกับพ่อของซิดนีย์ และทำให้เบลล่าพอใจไปพร้อม ๆ กัน

ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเพียงสองสามนาที ผมก็ยังสามารถพูดคุยให้เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องเตือนสติซิดนีย์อย่างเร่งด่วน และบอกเธอให้รู้ว่าความสัมพันธ์อันแสนอาภัพของเราช่วยให้เราได้ประโยชน์ทั้งคู่ ฉะนั้นเธอก็ควรหยุดเอ่ยถึงเรื่องการหย่าร้างซะ

ผมตัดสินใจแล้ว ช่างเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก ผมต้องวางมือจากงานสักสองสามชั่วโมง แต่ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

ผมยิ้มให้เบลล่า "ผมจะหาเวลาไปร่วมงานให้ได้นะ" ผมจูบแก้มเธอ แล้วเธอก็หน้าแดง

“ฉันทนรอไม่ไหวแล้ว!” เธอร้องบอกอย่างร่าเริง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status