Share

บทที่ 6

Author: เบลล่า
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
มุมมองของมาร์ค

ผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะ

ผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมา

ผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...

ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด

“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้อง

เธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิด

มีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก

“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”

คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตู

ผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเมื่อเช้าวันนั้น ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นเธอคือตอนที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านไป ผมก็จำวันนั้นได้ด้วย ผมรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ผมสงสัยว่าเธอไปได้ความกล้ามาจากไหน แล้วคิดว่าเธอจะใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปแล้วกลับมาร้องไห้กระซิก ๆ อีกครั้ง

ท้องไส้ส่งเสียงโครกครากในขณะที่ผมยังคงกระแทกประตูให้ปิดอยู่ต่อไป ผมถึงขั้นไปตรวจดูที่โรงรถด้วยซ้ำ ผมรู้สึกเหมือนกำลังเป็นบ้า ท้องไส้ร้องโครกครากพร้อม ๆ กับปวดหัวตุบ ๆ และรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผมเดินกลับไปที่ห้องอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วจัดแจงอาบน้ำเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งไม่ช่วยให้อะไร ๆ สงบขึ้นเลย ได้แต่เพียงชะล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวหนังเท่านั้น

พอแต่งตัวเสร็จผมก็ใช้ยาแก้ปวดที่อยู่ในลิ้นชัก เพื่อหยุดยั้งอาการปวดหัว

ผมหยิบกุญแจรถขึ้นมา สวมเสื้อสูทแล้วเดินออกจากบ้านไป

ในขณะขับรถไปทำงานนั้น ผมกำพวงมาลัยแน่นและเหยียบคันเร่งแรง ๆ จนใช้ความเร็วเกินกำหนด แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมทำได้ ดีกว่าขับรถกลับไปที่บ้านของเธอ แล้วบีบคอเธอเสีย

เธอต้องการความสนใจจากผม ซึ่งตอนนี้เธอได้มันไปเต็ม ๆ แล้ว

“เธออยู่ไหน?” ผมตะโกนถามผู้ช่วยของผมทันทีที่เขาปิดประตูตามหลังผม

“ผมไม่รู้ครับ ท่าน" เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "ผมออกจากวิลล่าออกเธอ แล้วรีบพาคุณไปยังร้านหมอแถว ๆ นั้น ก่อนจะพาคุณกลับบ้าน แล้ววางยาที่พวกเขาสั่งให้กินไว้ในลิ้นชัก"

เขากระแอมกระไอในลำคอก่อนจะพูดต่อ "แต่เธอบอกผมว่าอย่าเรียกเธอว่าคุณผู้หญิงอีก แต่ให้เรียกคุณซิดนีย์แทน เธอบอกว่าจะมีผู้หญิงคนใหม่มาทำหน้าที่นี้ต่อในไม่ช้านี้"

ผมแค่จ้องมองดูเขาที่กำลังพูดออกมา คำพูดทุกคำทำให้ผมรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ จนพร้อมจะระเบิดออกมา

เขาก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับแฟ้มในมือ "เธอยังบอกอีกด้วยว่าเธอจะส่งเอกสารการหย่ามาให้ใหม่ อยู่นี่แล้วครับ" เขาวางแฟ้มเอกสารนั้นไว้ตรงหน้าผม "ผมเพิ่งได้รับก่อนที่เจ้านายจะเดินเข้ามานี่เองครับ เธอต้องการให้คุณเซ็นชื่อโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เสียเวลาของกันและกัน"

และอย่างที่คิดเอาไว้เลย คำที่น่ารำคาญนั้น ด้วยความโมโหสุดขีด ผมคว้าเอกสารพวกนั้นแล้วเหวี่ยงมันออกไป

“ถ้าได้ยินคำว่า 'หย่าร้าง' อีกครั้งเดียวล่ะก็ นายโดนไล่ออกแน่!” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถ้าเธออยากให้ผมเซ็นเอกสารพวกนั้นล่ะก็ เธอก็ต้องเอามาให้ผมเซ็นเอง

ผมกำมือแน่นแล้วคลายออกในขณะที่พยายามกลั้นความโกรธเอาไว้ เธอกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่? เธอบ้าไปแล้วหรือไง? ฉันมีบ้านให้เธออยู่ มีอาหารให้เธอกินยังไม่พอใจอีกเหรอ? ผมสงสัยเหลือเกินว่าเธอจะอ้างเหตุผลอะไรในการฟ้องหย่า

“อย่าให้ได้ยินคำนั้นอีก! เข้าใจไหม?”

“ครับเจ้านาย!” เขายืดตัวตรงจนผมคิดว่าเขาจะทำท่าวันทยหัตถ์เสียแล้ว

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกแล้วเบลล่าก็ก้าวเข้ามา ทันทีที่ผมได้สบตากับเธอ ความโกรธเคืองของผมก็อันตรธานหายไปในระดับหนึ่งแต่ยังคงรู้สึกได้อยู่ ผมยังคงรู้สึกอยากฉีกเอกสารพวกนั้นออกเป็นชิ้น ๆ มีความรู้สึกอยากต่อยอะไรสักอย่าง หรือ...ใครสักคน

อาจเป็นเพราะเบลล่าไม่ได้สังเกตเห็นถึงความตึงเครียดภายในห้อง หรือเธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในขณะเดินเยื้องสะโพกเข้ามา แล้วหย่อนตัวลงบนตักผม เธอยื่นแขนอันเรียวงามออกมาโอบรอบคอของผมไว้

เธอจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว เธอดึงตัวกลับแล้วทำปากเบะเมื่อผมไม่ได้ทำท่าตอบกลับไป "คุณทำงานมาทั้งเดือนแล้วนะ เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว" เธอทำหน้ามุ่ยมากขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วดวงตาดูเป็นประกายนิดหน่อย

เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ แล้ว ผมเห็นผู้ช่วยหยิบเอกสารพวกนั้นขั้นมาจัดเรียงเข้าด้วยกัน แล้วเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ

มีแวบหนึ่งที่ผมคิดจะขอให้เขานำเอกสารพวกนั้นมาให้ เพื่อที่ผมจะได้ฉีกมันทิ้งเหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้ แต่พอเบลล่ามาปรากฏตัวก็ทำให้ผมยับยั้งใจเอาไว้ได้

ผมหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ผมมีใจจดจ่ออยู่กับแก้มก้นนุ่ม ๆ ของเธอที่แนบอยู่บนต้นขา เธอใช้นิ้วลูบไล้ไปตามปกเสื้อของผมเป็นระยะ ๆ รวมทั้งลูบไล้ผิวบริเวณท้ายทอยของผมด้วย ผมสูดหายใจเข้าออกเพื่อพยายามทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ผมใช้แขนโอบรอบเอวของเธอไว้ แล้วดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ ๆ ผมควรจะลืมเรื่องวุ่น ๆ และการเรียกร้องความสนใจของซิดนีย์เอาไว้ก่อน แล้วจดจ่ออยู่กับผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของผมตอนนี้ คนที่ผมต้องการจริง ๆ และพร้อมจะให้ความสนใจได้ทุกเมื่อ

ผมลืมตาขึ้นแล้วเธอก็ยื่นริมฝีปากเข้ามาในขณะมองหน้าผม หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ชั่วขณะ และริมฝีปากก็คลี่ออกจนกลายเป็นรอยยิ้ม โอ้ พระเจ้า เธอช่างดูงดงามเหลือเกิน

“ผมขอโทษครับ ที่รัก คุณก็รู้นี่ว่ามันเป็นงาน"

เธอกลอกตาไปมา "คุณควรมีเวลาให้ฉันเสมอนิ"

“ผมจะหาทางทำให้ได้นะ" ผมเลื่อนศีรษะเข้าไปใกล้ ๆ เธอ แล้วจุ๊บที่ริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา "ถ้าอย่างนั้นผมควรมอบอะไรให้ราชินีของผมดีนะ เธอจะยกโทษให้ผมไหม?”

ผมเห็นมุมปากของเธอกระตุกในขณะที่พยายามเบะปากให้น่ารัก เธอกลอกตาขึ้นไปในขณะที่ครุ่นคิดว่าอยากได้อะไร "ฉันอยากได้เครื่องประดับ" ตอนนี้เธอหันมาจ้องตาผม "เครื่องประดับที่ออกแบบโดยห้องเครื่องอเทลิเย่ สตูดิโอส์"

“อเทลิเย่เหรอ?” ผมเลิกคิ้วขึ้น

เธอพยักหน้าหงึก ๆ "อเทลิเย่ออกแบบเครื่องประดับได้สวยมาก ๆ สาว ๆ ในวงสังคมชั้นสูงทุกคนล้วนมีกันทั้งนั้น ฉันก็อยากได้เหมือนกัน"

ผมกอดรัดเธอแน่นขึ้น "ได้เลย ผมจะสั่งทำเพื่อคุณเป็นพิเศษเลย"

เธอยิ้มหน้าบาน ส่วนผมก็หัวใจพองโต "ขอบคุณค่ะ!” เธอร้องเสียงแหลมแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอด

ในขณะที่กอดเธอกลับไปนั้น ผมก็ตั้งใจว่าจะซื้อให้ซิดนีย์ด้วย เธอจะได้หุบปากเงียบ และรู้สึกว่าได้รับความสนใจอย่างที่เธอโหยหา

จู่ ๆ เบลล่าก็ดึงตัวกลับไป เธอจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของผม "วันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดของพ่อฉัน คุณจำได้ไหม?

ผมจำไม่ได้ หัวสมองของผมไม่มีเวลามานั่งจดจำวันเกิดของใครหรอก ผมพยักหน้า "จำได้สิ! ผมจำได้"

เธอยิ้ม ตอนนี้ผมไม่อยากทำให้อะไรให้เธอรู้สึกโกรธขึ้นมาหรอก "ฉันถึงมาที่นี่ไง พ่อจัดงานปาร์ตี้ แล้วฉันอยากให้คุณไปร่วมงานด้วย ฉันแน่ใจว่าพ่อก็อยากให้คุณไปเหมือนกัน" เธอเบือนหน้าหนีแล้วรื้อค้นกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างสวยงาม เธอหยิบบัตรเชิญสีขาวออกมาวางไปบนโต๊ะผม "นี่เป็นบัตรเชิญของพ่อค่ะ คุณจะไปร่วมงานด้วย" เธอหันมามองผม "ใช่ไหมคะ?”

ผมรู้สึกลังเลเพราะมีเรื่องต้องทำหลายอย่าง การเดินทางไปติดต่อธุรกิจครั้งล่าสุด ทำให้ผมได้นักลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งก็หมายถึงการมีเงินเพิ่มขึ้น และเงินที่เพิ่มขึ้นก็หมายถึงงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ผมไม่สามารถทำตัวหย่อนยาน หรือเสียเวลาไปร่วมงานที่ไม่ได้ช่วยให้บริษัทเติบโตได้

ผมเปิดปากเพื่อจะอธิบายให้เธอฟังว่าทำไมผมถึงไปร่วมงานไม่ได้ แต่ก็หยุดยั้งเอาไว้ ถ้าผมสามารถหาเวลาไปงานปาร์นี้ได้ ผมก็จะได้ประโยชน์สองต่อ คือได้พูดคุยกับพ่อของซิดนีย์ และทำให้เบลล่าพอใจไปพร้อม ๆ กัน

ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเพียงสองสามนาที ผมก็ยังสามารถพูดคุยให้เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องเตือนสติซิดนีย์อย่างเร่งด่วน และบอกเธอให้รู้ว่าความสัมพันธ์อันแสนอาภัพของเราช่วยให้เราได้ประโยชน์ทั้งคู่ ฉะนั้นเธอก็ควรหยุดเอ่ยถึงเรื่องการหย่าร้างซะ

ผมตัดสินใจแล้ว ช่างเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก ผมต้องวางมือจากงานสักสองสามชั่วโมง แต่ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

ผมยิ้มให้เบลล่า "ผมจะหาเวลาไปร่วมงานให้ได้นะ" ผมจูบแก้มเธอ แล้วเธอก็หน้าแดง

“ฉันทนรอไม่ไหวแล้ว!” เธอร้องบอกอย่างร่าเริง

Related chapters

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 10

    ฉันพยายามดิ้นรน ดึงมือตนเอง และด่าทอ ในขณะที่มาร์คลากฉันเข้าไปในโถงทางเดินข้าง ๆ ห้องน้ำชาย ฉันเดินตามเขาอย่างทุลักทุเล ไม่สามารถก้าวเท้าได้ทันเขาเพราะใส่ส้นสูงที่ใส่อยู่แม้แต่ในฝันที่แสนเพ้อเจ้อ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ได้ ฉันหมายถึงตลอดสามปีแห่งการแต่งงานอันอับเฉา ฉันสามารถนับนิ้วด้วยมือข้างเดียวได้เลยว่าเคยเจอเขาที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านกี่ครั้ง ฉันนึกว่าเขาจะอยู่ในที่ทำงานตลอดเวลาเสียอีกนะ แต่ในช่วงนี้ฉันสรุปได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ในที่ทำงาน ก็คงสำเริงสำราญอยู่กับน้องสาวของฉันในโรงแรมหรู ๆ นั่นแหละ“มาร์ค เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย?” ฉันใช้มือข้างที่ว่างตีนิ้วที่จับข้อมือของฉันอยู่ "ปล่อยมือฉันนะ"เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เดินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่นหลังที่ดูแข็งอย่างกับหินตั้งแต่ฉันขอหย่ากับเขา เขาก็ดูเหมือนผีที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันไปที่ไหนก็จะต้องเจอเขาที่นั่นฉันครางออกมาเบา ๆ ในขณะที่เขากระแทกหลังฉันและตรึงเข้ากับกำแพง ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาดูลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง และดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มชนิดที่คุณคิดว่าสีตาธรรมชาติของเขาเป็นสีดำสนิท“เสียสติไปแล้วหรือไง?” เขาร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 11

    ฉันรู้สึกได้ว่ามือที่เกาะกุมของเขาเริ่มคลายออก จนฉันสามารถดึงมือหลุดออกมาได้ ฉันเดินลากส้นสูงไปข้างหน้าเพื่อพยายามจะหนี แต่ก็ไม่ทันความเร็วของเขา นิ้วของเขาเข้ามาเกาะกุมข้อมือของฉันอีกครั้งและดึงฉันกลับไป เขาตรึงฉันกับกำแพงอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตรึงฉันไว้ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว แต่เป็นริมฝีปากของเขาแทนฉันเกือบลืมหายใจเมื่อริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล ฉันหลับตาลงอย่างไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาโลมไล้ไปตามริมฝีปากของฉัน จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกเพลิดเพลินกับการที่ริมฝีปากของเขาประกบอยู่บนริมฝีปากของฉัน ฉันแทบไม่รู้สึกตัวราวกับต้องมนต์สะกดจากรสจูบนี้ แขนของชายหนุ่มโอบรัดอยู่ตรงรอบเอวฉัน จากนั้นดึงตัวฉันเข้าไปแนบตัวเขามากขึ้น ความร้อนผ่าวบนตัวเขาทำให้เรือนร่างของฉันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเลยลิ้นของเขาชอนไชเพื่อแทรกเข้ามา ฉันเผยอปากแล้วลิ้นนั้นก็เลื้อยเข้ามาภายใน ให้ความรู้สึกเปียกแฉะและ-ดวงตาของฉันเบิกโพลง ร่างกายแข็งทื่อ แล้วฟันของฉันก็กัดลงบนลิ้นของเขาโดยสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?“คุณเป็นบ้าอะไรซิดนีย์?!” เขาดึงตัวออกแล้วปล่อยฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 12

    หากตรงหน้าเป็นชายอื่น ฉันคงชื่นชอบริมฝีปากที่รุกคืบเข้ามาอย่างดุดัน และฉันควรตอบสนองมันอย่างเร่าร้อนไปเสียแล้ว แต่นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือชู้รัก แต่เป็นมาร์คฉันรับรู้ได้เลยว่ามันลำบากยิ่งนักทั้งดันร่างกายเขาออกไปและดึงเขาเอามาใกล้ ฉันอยากจะกัดลิ้นหรือริมฝีปากของเขาเหมือนที่ทำตอนแรก แต่ฉันก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ชวนสับสนจริง ๆ ฉันอยากให้เขาหยุดและถอยห่างจากฉันไป แต่ฉันก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหยุดไปจริง ๆ บ้อบอเสียไม่มีแต่ฉันก็ยังคงดิ้นรนอยู่เช่นนั้น ฉันหลับตาปี๋ พยายามจะพูดบางสิ่งออกไปถึงแม้ว่าปากของเขาจะประกบอยู่บนปากของฉันก็ตาม ลิ้นสอดใส่เข้ามาด้านในอยู่เช่นนั้น เรือนร่างของเขากดทับอยู่บนตัวฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความนูนตรงเป้ากางเกงที่แนบอยู่ตรงหน้าขาฉันขัดขืนมากขึ้นเป็นทวีคูณ และกรีดร้องดังขึ้นอยู่ในอกเสียงกรีดร้องเหือดหายอยู่ในลำคอ แล้วทันใดนั้นมือของเขาก็คล้ายออกจากร่างกาย ฉันไม่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนตัวเขาอีกต่อไปฉันปัดเป่าความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยนั้นออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างทะมึนยืนอยู่ตรงหน้าฉัน หน้าอกของฉันกระเพื่อมขึ้นลงเพื่อพยายามจะหา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 13

    คนที่มีไหวพริบคงล่าหลบให้พ้นทาง แล้วปล่อยคู่รักเจ้าปัญหานี้ไว้เพียงลำพัง แต่ชายผู้นี้...สายตาของฉันจับจ้องไปที่เจ้าของร้านคนนี้ เขาเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีที่ดูคุกคามไม่แพ้กัน ร่างกายของเขาดูตึงแน่น...ตื่นตัว"ผมรู้ว่าคุณเป็นใครนะ มาร์ค ตอร์เรส ประธานบริษัทจีที กรุป และผมรู้อยู่แล้วว่าคุณทำให้ผมหมดตัวได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความตั้งใจที่จะปกป้องผู้หญิงไร้ทางสู้คนนี้ได้ คุณคงจะเดินวางมาดเข้ามาแล้วทำร้ายแขกของผมได้ ไม่ว่าเธอจะเป็นภรรยาของคุณหรือไม่ก็ตาม" คำพูดของเขามีน้ำเสียงอย่างหนึ่งแฝงอยู่ นั่นคือการคุกคามที่ไม่จำเป็นต้องออกมาเป็นคำพูดบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป และดูเหมือนมาร์คจะตกตะลึงกับคำตอบของชายคนนั้น จากนั้น เขาก็หันหลังกลับอย่างกะทันหันพร้อมหัวเราะร่า“ตลกเป็นบ้าเลย เจ้าหมอนี่" ดูท่าเขาจะสร่างเมาแล้ว "รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ยังกล้าเสนอหน้าเข้ามาอีกนะ? คงเบื่อที่จะทำงานร้านนี้แล้วใช่เปล่า?”ตายแล้ว ฉันปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านไม่ยอมถอยไปแน่ และเมื่อโดนข่มขู่เช่นนี้ มาร์คก็ถอยไปไม่ได้เช่นกัน ฉันไม่สามารถให้คนแปลกหน้าต้องมาหมดเนื้อหมดตัวเพียงเพราะปัญ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 14

    อากาศหนาวเย็นในยามค่ำพัดมากระทบใบหน้าของฉัน ในขณะที่เราทั้งคู่รีบเดินออกจากประตู และขนบริเวณแขนก็ลุกซู่ ฉันยังคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่เจ้าของร้านคนนั้น เป็นคนเดียวกับที่เจอที่บ้านของฉันนั่นเองฉันมีสิทธิ์จะโทรเรียกตำรวจมาจับเขาทันที และบางทีอาจเรียกตำรวจมาตรวจค้นสถานที่แห่งนี้ด้วย ฉันหมายถึงเขามีปืนในวันนั้นแต่ฉันไม่มีหลักฐาน ฉันตัวสั่นเทา ตัวสั่นจากความรู้สึกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เมื่อนึกถึงความรู้สึกของโลหะที่จ่ออยู่ข้างหลังฉันในขณะที่ฉันยังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น มาร์คก็ผลักฉันเข้าไปในรถ เขารัดเข็มขัดนิรภัยรอบตัวฉันอย่างลวก ๆ และรีบร้อน ราวกับว่าฉันยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่เขาต้องพากลับบ้านเป็นการด่วน“คุณจะพาฉันไปไหน?!” ฉันดึงเข็มขัดนิรภัยอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พร้อมกับร้องถามในขณะที่เขายังเคลื่อนไหวอยู่ เขาเดินอ้อมรถไป รถสั่นเล็กน้อยในขณะที่เขาก้าวเข้ามาด้านในและปิดประตูอย่างแรงใบหน้าตั้งตรง จ้องมองไปข้างหน้าโดยไม่แยแสกับคำถามที่ฉันถามเขาเลย“มาร์ค คุณจะพาฉันไปไหน?!” ฉันถามเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“กลับบ้านไง! เราจะกลับบ้านกัน!” เขาตะโกนบอกทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 30

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า "มันเลวร้ายมากเลยค่ะ มาร์ค ฉันอยากให้คุณอยู่ที่นั่นด้วยกันตอนนั้น ฉันอยากให้คุณกอดฉันไว้ในวงแขนเหมือนที่คุณทำอยู่ตอนนี้ แล้วบอกฉันว่านั่นเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีความหมายอะไรเลย...” ฉันเงียบไปแล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม“มานี่สิ เบล" มาร์คดันเก้าอี้ไปข้างหลังอย่างแรง และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเขาเดินอ้อมโต๊ะมาจับไหล่ฉัน แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ รสสัมผัสจากการที่เขาใช้แขนโอบรอบตัวฉัน พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาบนแก้มนั้น ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง "ตอนนี้มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว" เขาจูบลงบนหน้าผากฉัน "อย่าคิดมากเลยนะ"ฉันสูดดมกลิ่นพร้อมกับพยักหน้า แล้วจับด้านข้างเสื้อเขาเอาไว้“ตอนนี้ก็อย่าปล่อยให้อาหารมื้อหรูนี้ต้องสูญเปล่าเลยนะ" เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วดึงแก้มฉันเล่นเขาป้อนอาหารให้ฉันแล้วฉันก็ป้อนเขากลับไป เติมไวน์ให้เขาในขณะที่ฉันเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาอีกเรื่อง เกี่ยวกับชีวิตที่ต้องป่วยและเศร้าอยู่ในต่างแดนให้เขาฟังหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็ช่วยกันเก็บถ้วยชาม ในระหว่างนั้นมาร์คเขาก็พักเป็นช่วงสั้น ๆ ด้วยการดื่มเหล้าจาก

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 29

    "เธอหมายความว่ายังไงที่จะให้ฉันท้อง?”เธอกะพริบตาใส่ฉัน "โธ่เอ๊ย สาว เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร นอนกับมาร์คโดยไม่ต้องป้องกัน และทำให้แน่ใจว่าเขาจะทำให้เธอท้อง"“อ้อ" ฉันพึมพำด้วยความหดหู่ แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้“เธอทำไม่ได้เหรอ?” เธอส่งเสียงแหลมเพื่อดึงฉันออกมาจากห้วงความคิด“อะไรนะ? ไม่ เอิ่ม ฉันทำได้" ฉันพูดตะกุกตะกัก ฉันนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ "ฉันจะทำ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้เขาเป็นของฉันโดยสมบูรณ์"“ดีมาก" เธอยิ้ม "เพราะไม่มีวิธีไหนที่จะได้เป็นเจ้าของผู้ชายคนหนึ่ง ได้ดีไปกว่าการอุ้มลูกของเขาไว้ในท้องอีกแล้ว"ฉันพยักหน้า และคิดแผนเอาไว้ในหัวแล้ว "ทำไมฉันถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย" จิตใต้สำนึกทำเสียงล้อเลียนฉันขณะเอ่ยถาม แต่ฉันไม่สนใจหรอก“ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน แล้วเธอจะเห็นเองเวลาที่เธอตั้งท้องลูกของเขา เขาจะถูกบังคับให้หย่ากับซิดนีย์เอง" เธอยักไหล่ "ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็กำลังอุ้มท้องผู้เป็นทายาทของเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ทุ่มเทชีวิตเพื่อทำให้เธอมีความสุขล่ะ?”ฉันกระเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้ ฉีกยิ้มกว้าง "โห้ แซนดร้า ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก" ฉันหอมแก้มเธอรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้นเธอผลั

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 28

    มุมมองของเบลล่าถ้าพ่อไม่หาข้อแก้ตัวโง่ ๆ แบบนั้น ฉันคงไม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้พ่ออยู่ข้างเดียวกับฉันในตอนนี้เนื่องจากพ่อโกหกทุกคนออกไปเช่นนั้น ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามที่พ่อสั่งหลังกลับมา ฉันพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ และพยายามพูดเรื่องนี้กับมาร์คทุกครั้งที่มีโอกาส เขาสงสารฉัน ยังรักและใจดีกับฉันมาตลอด มาหาฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันต้องการหรือเมื่อโทรหาเขาเพื่อมากอดฉันเอาไว้และรับรองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และมักจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ แต่ตอนนี้...ฉันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้คำโกหกนั้นแบบจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว เมื่อมีซิดนีย์เข้ามาเข้ามายุ่งเกี่ยวมากขึ้นหรือการกระทำของฉันอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือพอก็ได้? บางทีฉันควรไปพบแพทย์เพื่อขอให้เขาโกหก จากนั้นฉันก็จะได้ตัวมาร์คมาอยู่กับฉัน และ...ฉันรู้สึกเดือดดาลและโยนความคิดนั้นทิ้งไป ซิดนีย์รู้เรื่องมากเกินพอแล้ว ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้ไปมากกว่านี้ แล้วถ้าแพทย์เกิดหักหลังขึ้นมาในภายหลังล่ะ?ฉันโมโหขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าพ่อไม่เลือกใช้ข้อแก้ตัวนี้ที่ทำให้ฉันหายตัวไป ฉันก็คงหาข้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 27

    เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ "ต้องรุนแรงถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ใช่" ฉันตอบสั้น ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยในเมื่อตอนนี้พวกเขาเหมือนจะดูถูกเกรซ และไม่ให้ความเคารพเธออย่างที่ควรจะเป็น ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะจะจัดการกับพวกเขาให้เข้าที่เข้าทาง และทำหน้าที่เป็นผู้นำบริษัทอย่างเต็มที่มีเสียงดังขึ้นจากโน้ตบุ๊กของฉัน รายละเอียดของพนักงานคนนั้นถูกส่งมาแล้วฉันส่งรายละเอียดนั้นไปให้ฝ่ายกฎหมายโดยไม่ให้เสียเวลา และสั่งการให้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากพนักงานคนนั้นทันที“ฉันเข้าใจว่าเธอต้องจัดการกับผู้ถือหุ้นพวกนี้ให้เข้าที่เข้าทาง" เกรซเริ่มพูด เธอพูดช้า ๆ ซึ่งดูเหมือนเธอจะเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง "แต่นั่นจะไม่รุนแรงเกินไปเหรอ? เธอก็เห็นนี่ว่าพวกเขาไม่พอใจกันมากในห้องประชุม เพราะแบบนั้นแหละ ถึงได้กล้าขู่ว่าจะถอนตัวกัน แล้วตอนนี้ยังจะมาเลิกจ้างพนักงานของพวกเขาอีก" เธอเว้นช่วง "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาแก้เผ็ดเรา?” เธอเบิกตากว้างขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาถอนตัวออกไปจริง ๆ? เธอไม่กังวลเลยเหรอว่าพวกเขาจะถอนตัวออกไปจริง ๆ? พวกนั้นลงทุนในบริษัทเราเยอะมากนะรู้ไหม?” เธอเลิกคิ้วขึ้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 26

    ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราก็ได้ทางออกที่เป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากกระแสเงินสดมีน้อยเกินไป ฉันและเกรซจึงเป็นเพียงสองคนที่เสนอตัวให้บริษัทยืมเงินออมส่วนตัวไปใช้ เหล่าผู้ร่วมถึงหุ้นแสนเห็นแก่ตัวอ้างว่าไม่สามารถตัดสินใจได้เนื่องจากไม่การแจ้งล่วงหน้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะหลังจากสรุปทุกอย่างแล้ว เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ในระหว่างนี้ ในขณะที่แผนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ“ทำไมถึงรับพนักงานโง่ ๆ อย่างนี้มาทำงานได้ตั้งแต่แรก?!” ฉันหันไปหาทีมทรัพยากรบุคคล "ทีมงานของคุณทำอะไรกันอยู่?”คำตอบของเกรซทำให้พวกเขาต้องหงายหลังไปเลย "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ฉันต้องปลดพนักงานออกตั้งหลายคน เพราะไร้ความสามารถกัน ในช่วงสามปีที่เธอห่างจากบริษัทไป ก็ไม่มีใครกำราบพวกคณะกรรมการบริหารเลย พวกเขาพยายามยัดเยียดพนักงานที่ไร้ความสามารถให้กับบริษัท ถ้าเธอไม่ได้กลับมาทำงานอย่างเต็มตัวล่ะก็ บริษัทต้องพังพินาศเพราะพวกเขาแน่ ๆ"“จะบ้าตาย" ฉันถอนหายใจพร้อมกับกุมขมับ เนื่องจากเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา "เราจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง" ฉันจ้องเขม็งไปที่ทีมบริหารที่ไม่ยอมสบตาฉัน "เอา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 25

    "สวัสดีค่ะ"“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง"เลขานุการคนนั้นทักทายฉันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส "สวัสดีค่ะ ช่วยแจ้งหัวหน้าแผนกบัญชีด้วยว่าฉันมาที่นี่เพื่อพบเขา"เขาพยักหน้าแล้วโทรศัพท์ออกไป ฉันถูกเรียกเข้าไปพบอย่างรีบร้อนพนักงานบัญชีคนนั้นยิ้มร่าในขณะพาฉันเข้าไปโดยรออยู่ที่ประตูแล้ว "ยินดีต้อนรับการกลับมานะครับ คุณผู้หญิง"ฉันยิ้ม "ขอบคุณค่ะ ฉันคิดว่าเรายังไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ฉันกลับมาใช่ไหมคะ?”“ยังไม่ได้เจอกันเลยครับ" เขายืนยันในขณะหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ส่วนฉันก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา แล้วเริ่มเล่าให้เขาฟังว่าฉันต้องการอะไรใบหน้าของนักบัญชีดูเคร่งขรึมขึ้นในขณะที่ฉันพูด "ถ้าเป็นเดือนที่แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับคุณผู้หญิง"ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย "แล้วตอนนี้จะเป็นปัญหาเหรอคะ?”“ก็ทำนองนั้นน่ะครับ"หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเขาเอามือลูบขอบโต๊ะเล่น "คุณก็รู้ว่าแผนกของเราต้องการคนเพิ่ม เราจึงรับพนักงานคนใหม่เข้ามา หลังจากได้ทำการทดสอบไปหลายครั้ง เราก็ได้พนักงานที่เก่งที่สุดมาคนหนึ่ง พนักงานคนนี้ได้บอกขนาดและเนื้อสัมผัสและรายละเอียดเครื่องจักรกับฝ่ายผู้จ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 24

    หลังจากมาร์คอวยพรวันเกิดและมอบของขวัญให้พ่อเสร็จแล้ว เขาก็กล่าวคำอำลาสั้น ๆ กับพ่อและแม่ แล้วเราก็เดินออกมาก รอยยิ้มของพ่อเริ่มสั่นคลอนเมื่อมองไปมองมาระหว่างมาร์คกับฉันการนั่งรถกลับบ้านเป็นอะไรที่สนุกมาก มาร์คพาเรากลับบ้านด้วยรถที่เขากับเบลล่านั่งมาฉันตัดสินใจเย้าแหย่เขาด้วยความเบื่อหน่าย ฉันเอามือวางบนหน้าอกของฉัน "เบลล่าที่น่าสงสาร" ฉันถอนหายใจ ปล่อยให้ไหล่ลู่ลงพร้อมหันไปหาเขา "คุณขับรถออกมาแล้วเนี่ย เธอจะกลับบ้านได้ยังไงล่ะ?”เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยังกัดฟันแน่นพลางมองออกไปนอกหน้าต่างฉันถอนหายใจอีกครั้ง "หวังว่าเธอคงไม่เจ็บใจมากนะ ตอนพยายามกลับบ้านเอง หรือตอนที่เพื่อนหัวเราะเยาะใส่ว่าถูกคนรักทิ้งไป"ฉันเห็นนิ้วก้อยของเขากระตุกขณะกดฝ่ามือลงบนตักตนเองฉันอยากเห็นอะไรมากกว่านั้น ฉันถอนหายใจแล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูด "ตอนนี้ ฉันก็ไปหาพ่อหนุ่มอิตาเลียนที่ร้านนั้นไม่ได้แล้วสิ" หน้าอกของฉันกระเพื่อมสูงขึ้นเมื่อถอนหายใจดังลั่น "ค่อยไปวันหลังก็ได้"นิ้วของเขากระตุกมากขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นปฏิกิริยาแบบเดียวกับที่ฉันเห็นครั้งก่อน แล้วในที่สุดฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการนิ่งเงียบของเขา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 23

    ทั่วทั้งโถงทางเดินแห่งนั้นมีแต่ความเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเราเท่านั้น ในขณะที่ฉันรอดูว่ามาร์คจะทำอย่างไร ฉันกลอกตาด้วยความรู้สึกที่ไม่แปลกใจเลยที่เขาปล่อยตัวฉัน "เธอต้องการผม" เขาพูดในขณะที่ก้าวเข้าไปหาเธอย่างลังเล "เบลล่า...”ฉันพยายามหาวโดยไม่เปิดปาก ในขณะเคลื่อนตัวออกห่างจากเขาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เหลือเกิน ช่างหูหนวกตาบอดกันไปหมด ฉันมองดูเบลล่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วซบอกเขา แขนของเขาโอบรอบตัวเธอโดยสัญชาตญาณ โดยดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ ๆ ราวกับเป็นเกราะกำบังจากฉันฉันหยิบกระเป๋ามาสะพายไว้บนบ่าอย่างไม่ใส่ใจ การกระทำอย่างนั้นช่วยให้ฉันก้าวเดินออกไปอย่างมั่นใจขึ้น เมื่อเดินผ่านเธอเพื่อลงบันไดไป ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาของพวกเขาต่างจับจ้องมาที่ฉันทันใดนั้น ในขณะที่ฉันเดินลงบันไดไปได้ครึ่งทาง ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ และฉันก็หยุดเดินฉันหยุดเดินแล้วหันไปหามาร์คพร้อมกับส่งยิ้มหวาน "ตายจริง มาร์คคะ ฉันลืมบอกคุณไปค่ะ ที่รัก" เขาขมวดคิ้วในขณะฟังฉันพูด "จำผู้ชายที่ร้านเหล้าคนนั้นได้ไหม? หนุ่มหล่อล่ำที่เข้ามาขวางคุณเอาไว้ในคืนนั้นไง? คนที่บอกว่าเขาเป็นเจ้า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 22

    ฉันพูดอะไรไม่ออกเมื่อเสียงสั่นเครือของเบลล่าดังก้องไปทั่วห้อง "มาร์ค!" น้ำเสียงสั่นเครือด้วยอารมณ์รุนแรง และดวงตาส่องประกายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นกำลังจ้องมองเขาอยู่ "อย่าเพิ่งไป" เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบา เพื่อน ๆ ของฉันรอคุณอยู่ ถ้าคุณเดินออกไป พวกเขาจะเยาะเย้ยฉันอย่างไม่มีวันจบสิ้นแน่"ฉันอดที่จะกลอกตาไม่ได้เมื่อเห็นว่าเธอเล่นใหญ่ขนาดไหนที่เพื่อนชอบล้อเลียนเช่นนั้น ก็เป็นความผิดของตัวเธอเองทั้งนั้น ตั้งแต่เธอกลับมาจากการหนีตามผู้ชายไป เธอก็ทำให้ฉันดูเหมือนเป็นนางร้ายต่อหน้าเพื่อน ๆ และใครก็ตามที่สนใจฟัง เธอจะบอกพวกเขาเสมอว่าเธอกับมาร์คเป็นคู่รักตัวจริง ส่วนฉันที่มักจะอิจฉาริษยาเธอมาโดยตลอด ได้ใช้โอกาสนี้บีบบังคับมาร์คตอนที่เธอไปรักษาตัวยังต่างประเทศ ความขมขื่นจากการโดนเธอกล่าวหานั้นยังติดตัวฉันมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันรู้สึกโดนทรยศหักหลังเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เมื่อฉันคิดว่าฉันกำลังรักษาชื่อเสียงให้เธอ แต่เธอกลับใส่ร้ายป้ายสีฉันเป็นการตอบแทนฉันกลอกตาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสีหน้าของมาร์คดูอ่อนลง ถึงแม้ฉันจะเกาะกุมเขาอยู่ แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าเขาได้เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ฉ

DMCA.com Protection Status