Share

บทที่ 7

Author: เบลล่า
มุมมองของซิดนีย์

ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้น

โดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉัน

บนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'

นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอก

ฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"

ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"

ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบเข้ามาในหัว "ว้ายยย" ฉันร้องกรี๊ดพลางเช็ดน้ำตาปลอม ๆ ที่พยายามจะไหลออกมาจากดวงตา เขาต้องการมอบเครื่องประดับแบบสั่งทำให้เธอพร้อมกันถึงสองชิ้นเลยเหรอ? น่ารักจริง ๆ เลย

ไม่มีวันไหนที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้เท่ากับวันที่ได้รับออเดอร์จากมาร์คอีกแล้ว ได้เวลากอบโกยเงินของเขาเข้ากระเป๋าแล้วสิ เพราะอย่างไรเสีย ฉันก็ไม่ได้ค่าเลี้ยงดูจากเขาอยู่แล้ว

ในขณะที่ฉันกำลังนั่งหมุนเก้าอี้เล่น และคิดว่าจะเรียกเงินจากมาร์คเท่าไหร่ดีอยู่นั้น ฉันก็อดที่จะสังเกตเห็นสีบนผนังที่ดูสวยสะอาดและราคาแพง โทรทัศน์แบบฝังบนผนังรุ่นใหม่ล่าสุด เก้าอี้สุดหรูหรา...

ฉันหยุดหมุนตัวบนเก้าอี้และกวาดตามองไปรอบ ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ฉันรู้สึกอบอุ่นใจด้วยความขอบคุณ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน แต่เกรซก็ยังทำหน้าที่ดูแลบ้านให้ฉันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอดูแลธุรกิจทั้งสองอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เธอควรปล่อยมือจากอเทลิเย่ไปได้ และมุ่งความสนใจไปที่แผนกแฟชั่นที่เธอจัดการดูแลได้เป็นอย่างดีด้วยซ้ำ

จากนั้น ฉันก็จดจำวันเกิดของเธอที่กำลังจะมาถึงได้ และคิดว่านี่คงเป็นเวลาที่เหมาะสม ที่ฉันจะมอบเครื่องประดับที่ทำขึ้นเป็นพิเศษให้ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับการทำงานหนักและความช่วยเหลือรวมถึงเป็นของขวัญวันเกิดในเวลาเดียวกัน

ตอนนี้มีรายการเครื่องประดับที่สั่งทำพิเศษเพิ่มเข้าไปในคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการอยู่ ฉันจึงตัดสินใจลงมือทำ

ขั้นแรกฉันลงมือร่างแบบเครื่องประดับสี่ชิ้นแรก ซึ่งเป็นของขวัญรับปริญญาสำหรับลูกสาวของลูกค้า ของมาร์ค และของเกรซ ซึ่งเครื่องประดับของเกรซนั้นดูโดดเด่นมาก จากนั้นฉันทำเป็นโมเดลสามมิติสำหรับเครื่องประดับทั้งสี่ชิ้น ฉันใส่ใจและให้เวลาเป็นพิเศษในการเลือกสีและอัญมณีสำหรับเกรซ เพราะฉันต้องการให้มันดูสมบูรณ์แบบที่สุด

หลายชั่วโมงต่อมา ฉันก็ทำการออกแบบเครื่องประดับทั้งสี่ชิ้นเสร็จ ฉันจึงเอนตัวพักบนเก้าอี้อยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับยิ้มชื่นชมผลงานของตัวเอง

ฉันพักสมองครู่หนึ่ง จากนั้นสั่งพิมพ์สิ่งที่ฉันออกแบบเอาไว้ แล้วเดินไปยังห้องปฏิบัติงาน พนักงานที่นั่นต่างทักทายฉัน ซึ่งฉันตอบรับการทักทายของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

ฉันสวมชุดเครื่องแบบสำหรับปฏิบัติงาน แล้วเริ่มลงมือทำงาน

หลายชั่วโมงต่อมาฉันถอดหมวกนิรภัยออกแล้วเปิดเครื่อง ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเอามือพัดหน้าให้ตนเอง

ฉันยืดเส้นยืนสายในขณะเดินออกไปที่ประตู ฉันหยิบขวดน้ำใบเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วดื่มไปเกือบครึ่งขวด ข้างนอกมืดแล้ว และฉันได้บอกลาพนักงานไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน

มันเป็นเช่นนี้เสมอ ฉันมักจะติดลมทุกครั้งที่ทำการออกแบบเครื่องประดับเหล่านี้

ฉันเดินกลับเข้าไปข้างใน เลือกจี้มาให้เกรซชิ้นหนึ่ง หรี่ตามองสิ่งที่ฉันออกแบบอย่างชื่นชม ฉันยิ้ม ความรู้สึกที่ทำได้สำเร็จผุดวาบขึ้นมาในตัวฉัน เป็นความรู้สึกที่ทั้งแปลกใหม่และคุ้นเคย ฉันถอนหายใจอย่างพึงพอใจ ฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว

ฉันตบหลังให้ตัวเองในขณะตรวจดูของที่เหลือด้วย ฉันเก็บข้าวของพวกนั้นไว้ในกล่องเครื่องเพชรอย่างปลอดภัย ก่อนจะเลิกทำงานในวันนั้น

ฉันสวมเสื้อคลุมและหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา ฉันปิดไฟในห้องควบคุมแล้วเดินไปที่ประตู และใช้โหมดไฟฉายจากโทรศัพท์ส่องไปตามพื้นที่การทำงานที่มืดมิดอยู่ในตอนนี้

ฉันกรีดร้องออกมาเล็กน้อย หยุดเดินอย่างกะทันหัน กระเป๋าถือของฉันตกลงบนพื้น แล้วมีเสียงกระแทกมือของฉันดังโครม ในขณะที่มีการกระแทกประตูให้เปิดออกอย่างกะทันหัน พร้อมกับมีเงาดำวิ่งเข้ามา

“ซิดนีย์!"

ฉันทิ้งไหลลู่ลงและเกือบจะนั่งทรุดลงกับพื้น ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เกรซ!” ฉันเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงตักเตือน ฉันส่องไฟฉายไปที่ใบหน้าของเธอ เธอยิ้มกว้าง เห็นได้ชัดว่าเธอมีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "ตื่นเต้นอะไรหนักหนาเนี่ย?” ฉันถามในขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ

“มากับฉันนี่" เธอจับมือฉันแล้วลากตัวออกไปข้างนอก

“เธอต้องไม่เชื่อแน่ ๆ เลย ฉันเจอผู้ชายโคตรหล่อที่บาร์ด้วย" เธอพูดพึมพำในขณะที่ฉันล็อกประตู "แล้วรู้อะไรไหม? เขาเป็นคนอิตาเลียน" เธอกระโดดตัวลอยทันทีที่พูดจบ เท้าของเธอลอยขึ้นจากพื้นถึงสองสามนิ้วเลย

เธอคว้ามือฉันมาจับไว้ทันทีที่ฉันล็อกประตูเสร็จ "ฉันกลับมาพาตัวเธอไปเป็นพิเศษเลยนะ เพื่อนหญิงพลังหญิงต้องช่วยกัน จริงไหม?!”

ฉันหัวเราะให้กับความเล่นใหญ่ของเธอ ความตื่นเต้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอเจอหนุ่มอิตาเลียนสุดหล่ออย่างนั้นเหรอ? แต่ฉันก็ดึงเธอเข้ามาใกล้ ๆ แล้วหอมแก้มเธอ

“มาเร็ว"

“เธอไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีชุดสวย ๆ ใส่นะ เพราะฉันเอาชุดมาให้แล้ว เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปที่บ้านก่อน" เธออธิบายในขณะที่เรามุ่งหน้าไปที่รถของเธอ

“ว้าว" ฉันยิ้มในขณะที่ยกกระโปรงที่เธอเอามาชูขึ้นไปในอากาศ ฉันไม่คิดว่าฉันเคยเห็นกระโปรงที่สั้นและเซ็กซี่ขนาดนี้มาก่อนนะ

“สวยเลิศแน่นอนจ้ะ เพื่อนคนนี้มั่นใจ"

เธอหันกลับมาจากที่นั่งด้านหน้า จากนั้นเธอก็หันไปข้างหน้าแล้วติดเครื่องยนต์

ในขณะที่เธอรีบขับรถไปที่บาร์แห่งนั้น ฉันก็พยายามสวมกระโปรงสั้นตัวนั้นอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ตรงเบาะหลัง พร้อมทั้งสวมเสื้อกล้ามแบบเรียบ ๆ ที่เธอนำมาด้วย ฉันฉีดน้ำหอมที่พกเอาไว้ในกระเป๋า มันมีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วรถ จนเราทั้งคู่ถึงกับไอแค่ก ๆ แล้วหัวเราะกันคิกคัก

เมื่อเราขับรถมาถึงบาร์แห่งนั้น ฉันก็สวมรองเท้าส้นสูงสีดำที่ฉันใส่ไปทำงาน แล้วดึงเสื้อผ้าให้เข้าที่

ภายในบาร์พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย มีแสงไฟนีออนที่ช่วยบดบังผู้คนไร้กังวลใด และปล่อยให้พวกเขาโยกตัวไปตามจังหวะเพลงฮิปฮอปอย่างไร้สติและบ้าคลั่ง

ฉันพยักหน้าตามจังหวะเพลงโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เราเดินเข้าไป เกรซกวาดตามองไปรอบ ๆ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน

“โอ๊ย" เธอทำหน้ามุ่ย "หาไม่เจออะ"

“สุดหล่อนั่นอะเหรอ?” ฉันต้องส่งเสียงตะโกนให้เธอได้ยินท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม

เธอพยักหน้าแต่ยังคงกวาดตามองไปรอบ ๆ

ฉันแตะไหล่เพื่อให้เธอหันมามอง "อย่ากังวลไปเลย เพื่อนรัก" จากนั้นฉันก็ชูมือขึ้นไปในอากาศ "ช่างหัวหนุ่มอิตาเลียนนั่นปะไร" ฉันส่ายเอวแล้วขยิบตาให้เธอ "เรามาเต้นกันให้สุดเหวี่ยงกันคืนนี้เถอะ"

ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็สว่างวาบขึ้นมา แล้วชูมือขึ้นไปในอากาศเช่นกัน เราทั้งคู่เดินเต้นกันไปจนถึงพื้นที่วาดลวดลาย ก่อนหน้านั้นได้หันไปคว้าเครื่องดื่มจากสาวชงเหล้ามาคนละแก้วแล้ว

เกรซดื่มแบบรวดเดียวหมดแก้ว ในขณะที่ฉันยกมือขึ้นเหนือหัวพร้อมกับโยกย้ายไปตามเสียงเพลง และส่งเสียงประกอบเป็นระยะ ๆ

ฉันดื่มเครื่องดื่มที่เหลือจนหมด แล้ววางแก้วใบนั้นไว้บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นไม่นานดีเจเป็นเปลี่ยนจังหวะเพลง ซึ่งยิ่งทำให้ฉันบ้าคลั่งเข้าไปกันใหญ่

ฉันส่ายหัวไปมาในอากาศ เส้นผมปลิวสะบัดอยู่รอบ ๆ ใบหน้า ฉันได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเกรซ ในขณะที่เธอส่ายเอวและยกก้นขึ้นเป็นครั้งคราว

“ไปเลยค่ะสาว!” ฉันกรีดร้องพร้อมทั้งเริ่มเต้นท่าของตัวเอง ฉันไม่ฝืนทำตัวแข็งอย่างที่เคยทำในปีก่อน ๆ แล้วโยกตัวไปตามจังหวะเพลง

เราทั้งคู่ต่างหัวเราะกันคิกคักในขณะที่มีไฟสปอตไลต์ส่องมาที่เรา มีคนล้อมวงยืนดูเราพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจ ในขณะที่มีบางคนก็เข้ามาแจมกับเราด้วย

ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกอิสรเสรี ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันได้ทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป เพื่อแลกกับสิ่งที่เรียกกว่าการแต่งงาน

จู่ ๆ เกรซก็มายืนอยู่ข้างฉัน เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันถึงกับสะดุ้งเมื่อเธอตะโกนใส่หูฉันว่า "เดี๋ยวกลับมานะ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ"

ฉันพยักหน้าแล้วมองดูเธอรีบเร่งไปตามทางเดิน

ฉันหันหน้าไปดูผู้ชายคนหนึ่งตรงนั้น เขามีท่าเต้นที่เจ๋งไม่เบา

ในที่สุดก็ได้มีความสุขและมีอิสระ ฉันปล่อยตัวปล่อยใจจนไม่ทันสังเกตเห็นดวงตาดุดันคู่หนึ่งจ้องมองฉันจากทางด้านหลัง ฉันไม่ทันได้มองเวลาตอนที่ผู้ชายที่ฉันกำลังเต้นด้วยนั้น หยุดเต้นแล้วถอยหนีออกไปจากฉัน ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ตรงบริเวณเหนือหัวฉัน

“เต้นสิ!” ฉันตะโกนถามตอนสังเกตเห็น "หยุดทำไมล่ะ?”

เขาไม่ตอบอะไรฉัน เขาแค่มองอะไรที่อยู่ข้างหลังฉัน ผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาก็มองอะไรที่อยู่ข้างหลังฉันเช่นกัน

ในขณะที่ยังโยกย้ายตามเสียงเพลงอยู่นั้น ฉันก็หันไปมองตามสายตาของพวกเขา

ฉันกรีดร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อมีนิ้วที่แข็งแรงมาจับข้อมือฉันไว้ แล้วดึงฉันออกไปจากแสงไฟ

“ปล่อยนะ!” ฉันกรีดร้องและพยายามดึงมือออกจากไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ แต่มือนั้นจับเอาไว้แน่นมาก

“หยุดนะ"

ฉันตัวแข็งทื่อ เสียงนั้นฟังทุ้มและสงบนิ่งอย่างมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับการจับที่แข็งแรงของเขามาก

ฉันสะบัดหัวด้วยความโกรธเกรี้ยว แล้วสายตาก็พลันไปสบเข้ากับสายตาที่ร้อนรุ่มของมาร์ค "มาทำอะไรที่นี่?"
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Nittaya Yanpanya
มันไม่ดีเลยในการเขียนคำพูด
goodnovel comment avatar
Bunnak Rodploy
สนุกมากๆค่ะกำลังดีเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 10

    ฉันพยายามดิ้นรน ดึงมือตนเอง และด่าทอ ในขณะที่มาร์คลากฉันเข้าไปในโถงทางเดินข้าง ๆ ห้องน้ำชาย ฉันเดินตามเขาอย่างทุลักทุเล ไม่สามารถก้าวเท้าได้ทันเขาเพราะใส่ส้นสูงที่ใส่อยู่แม้แต่ในฝันที่แสนเพ้อเจ้อ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ได้ ฉันหมายถึงตลอดสามปีแห่งการแต่งงานอันอับเฉา ฉันสามารถนับนิ้วด้วยมือข้างเดียวได้เลยว่าเคยเจอเขาที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านกี่ครั้ง ฉันนึกว่าเขาจะอยู่ในที่ทำงานตลอดเวลาเสียอีกนะ แต่ในช่วงนี้ฉันสรุปได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ในที่ทำงาน ก็คงสำเริงสำราญอยู่กับน้องสาวของฉันในโรงแรมหรู ๆ นั่นแหละ“มาร์ค เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย?” ฉันใช้มือข้างที่ว่างตีนิ้วที่จับข้อมือของฉันอยู่ "ปล่อยมือฉันนะ"เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เดินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่นหลังที่ดูแข็งอย่างกับหินตั้งแต่ฉันขอหย่ากับเขา เขาก็ดูเหมือนผีที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันไปที่ไหนก็จะต้องเจอเขาที่นั่นฉันครางออกมาเบา ๆ ในขณะที่เขากระแทกหลังฉันและตรึงเข้ากับกำแพง ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาดูลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง และดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มชนิดที่คุณคิดว่าสีตาธรรมชาติของเขาเป็นสีดำสนิท“เสียสติไปแล้วหรือไง?” เขาร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 11

    ฉันรู้สึกได้ว่ามือที่เกาะกุมของเขาเริ่มคลายออก จนฉันสามารถดึงมือหลุดออกมาได้ ฉันเดินลากส้นสูงไปข้างหน้าเพื่อพยายามจะหนี แต่ก็ไม่ทันความเร็วของเขา นิ้วของเขาเข้ามาเกาะกุมข้อมือของฉันอีกครั้งและดึงฉันกลับไป เขาตรึงฉันกับกำแพงอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตรึงฉันไว้ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว แต่เป็นริมฝีปากของเขาแทนฉันเกือบลืมหายใจเมื่อริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล ฉันหลับตาลงอย่างไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาโลมไล้ไปตามริมฝีปากของฉัน จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกเพลิดเพลินกับการที่ริมฝีปากของเขาประกบอยู่บนริมฝีปากของฉัน ฉันแทบไม่รู้สึกตัวราวกับต้องมนต์สะกดจากรสจูบนี้ แขนของชายหนุ่มโอบรัดอยู่ตรงรอบเอวฉัน จากนั้นดึงตัวฉันเข้าไปแนบตัวเขามากขึ้น ความร้อนผ่าวบนตัวเขาทำให้เรือนร่างของฉันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเลยลิ้นของเขาชอนไชเพื่อแทรกเข้ามา ฉันเผยอปากแล้วลิ้นนั้นก็เลื้อยเข้ามาภายใน ให้ความรู้สึกเปียกแฉะและ-ดวงตาของฉันเบิกโพลง ร่างกายแข็งทื่อ แล้วฟันของฉันก็กัดลงบนลิ้นของเขาโดยสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?“คุณเป็นบ้าอะไรซิดนีย์?!” เขาดึงตัวออกแล้วปล่อยฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 12

    หากตรงหน้าเป็นชายอื่น ฉันคงชื่นชอบริมฝีปากที่รุกคืบเข้ามาอย่างดุดัน และฉันควรตอบสนองมันอย่างเร่าร้อนไปเสียแล้ว แต่นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือชู้รัก แต่เป็นมาร์คฉันรับรู้ได้เลยว่ามันลำบากยิ่งนักทั้งดันร่างกายเขาออกไปและดึงเขาเอามาใกล้ ฉันอยากจะกัดลิ้นหรือริมฝีปากของเขาเหมือนที่ทำตอนแรก แต่ฉันก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ชวนสับสนจริง ๆ ฉันอยากให้เขาหยุดและถอยห่างจากฉันไป แต่ฉันก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหยุดไปจริง ๆ บ้อบอเสียไม่มีแต่ฉันก็ยังคงดิ้นรนอยู่เช่นนั้น ฉันหลับตาปี๋ พยายามจะพูดบางสิ่งออกไปถึงแม้ว่าปากของเขาจะประกบอยู่บนปากของฉันก็ตาม ลิ้นสอดใส่เข้ามาด้านในอยู่เช่นนั้น เรือนร่างของเขากดทับอยู่บนตัวฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความนูนตรงเป้ากางเกงที่แนบอยู่ตรงหน้าขาฉันขัดขืนมากขึ้นเป็นทวีคูณ และกรีดร้องดังขึ้นอยู่ในอกเสียงกรีดร้องเหือดหายอยู่ในลำคอ แล้วทันใดนั้นมือของเขาก็คล้ายออกจากร่างกาย ฉันไม่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนตัวเขาอีกต่อไปฉันปัดเป่าความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยนั้นออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างทะมึนยืนอยู่ตรงหน้าฉัน หน้าอกของฉันกระเพื่อมขึ้นลงเพื่อพยายามจะหา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 13

    คนที่มีไหวพริบคงล่าหลบให้พ้นทาง แล้วปล่อยคู่รักเจ้าปัญหานี้ไว้เพียงลำพัง แต่ชายผู้นี้...สายตาของฉันจับจ้องไปที่เจ้าของร้านคนนี้ เขาเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีที่ดูคุกคามไม่แพ้กัน ร่างกายของเขาดูตึงแน่น...ตื่นตัว"ผมรู้ว่าคุณเป็นใครนะ มาร์ค ตอร์เรส ประธานบริษัทจีที กรุป และผมรู้อยู่แล้วว่าคุณทำให้ผมหมดตัวได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความตั้งใจที่จะปกป้องผู้หญิงไร้ทางสู้คนนี้ได้ คุณคงจะเดินวางมาดเข้ามาแล้วทำร้ายแขกของผมได้ ไม่ว่าเธอจะเป็นภรรยาของคุณหรือไม่ก็ตาม" คำพูดของเขามีน้ำเสียงอย่างหนึ่งแฝงอยู่ นั่นคือการคุกคามที่ไม่จำเป็นต้องออกมาเป็นคำพูดบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป และดูเหมือนมาร์คจะตกตะลึงกับคำตอบของชายคนนั้น จากนั้น เขาก็หันหลังกลับอย่างกะทันหันพร้อมหัวเราะร่า“ตลกเป็นบ้าเลย เจ้าหมอนี่" ดูท่าเขาจะสร่างเมาแล้ว "รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ยังกล้าเสนอหน้าเข้ามาอีกนะ? คงเบื่อที่จะทำงานร้านนี้แล้วใช่เปล่า?”ตายแล้ว ฉันปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านไม่ยอมถอยไปแน่ และเมื่อโดนข่มขู่เช่นนี้ มาร์คก็ถอยไปไม่ได้เช่นกัน ฉันไม่สามารถให้คนแปลกหน้าต้องมาหมดเนื้อหมดตัวเพียงเพราะปัญ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 14

    อากาศหนาวเย็นในยามค่ำพัดมากระทบใบหน้าของฉัน ในขณะที่เราทั้งคู่รีบเดินออกจากประตู และขนบริเวณแขนก็ลุกซู่ ฉันยังคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่เจ้าของร้านคนนั้น เป็นคนเดียวกับที่เจอที่บ้านของฉันนั่นเองฉันมีสิทธิ์จะโทรเรียกตำรวจมาจับเขาทันที และบางทีอาจเรียกตำรวจมาตรวจค้นสถานที่แห่งนี้ด้วย ฉันหมายถึงเขามีปืนในวันนั้นแต่ฉันไม่มีหลักฐาน ฉันตัวสั่นเทา ตัวสั่นจากความรู้สึกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เมื่อนึกถึงความรู้สึกของโลหะที่จ่ออยู่ข้างหลังฉันในขณะที่ฉันยังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น มาร์คก็ผลักฉันเข้าไปในรถ เขารัดเข็มขัดนิรภัยรอบตัวฉันอย่างลวก ๆ และรีบร้อน ราวกับว่าฉันยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่เขาต้องพากลับบ้านเป็นการด่วน“คุณจะพาฉันไปไหน?!” ฉันดึงเข็มขัดนิรภัยอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พร้อมกับร้องถามในขณะที่เขายังเคลื่อนไหวอยู่ เขาเดินอ้อมรถไป รถสั่นเล็กน้อยในขณะที่เขาก้าวเข้ามาด้านในและปิดประตูอย่างแรงใบหน้าตั้งตรง จ้องมองไปข้างหน้าโดยไม่แยแสกับคำถามที่ฉันถามเขาเลย“มาร์ค คุณจะพาฉันไปไหน?!” ฉันถามเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“กลับบ้านไง! เราจะกลับบ้านกัน!” เขาตะโกนบอกทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 15

    โทรศัพท์สว่างขึ้น และเบลล่าโทรมาอีกครั้ง เขาปล่อยมือที่จับไหล่ฉันไว้แล้วรับสายโทรศัพท์นั้น และนั่นคือสัญญาณที่ฉันต้องออกไปแล้วฉันก้าวลงจากรถ มองผ่านกระจกมองข้างที่ปรับลงมา เห็นเขาเอาโทรศัพท์แนบไว้ระหว่างหูกับไหล่ ในขณะเสียบกุญแจเพื่อติดเครื่องยนต์ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็วางโทรศัพท์ลงและหันหน้ามาทางฉัน มือของเขากำพวงมาลัยไว้แน่นพร้อมตรงดิ่งไปหาคนรักของเขา“วันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดพ่อคุณ ไปรอผมอยู่ที่บ้าน แล้วเราค่อยไปด้วยกัน!” พอพูดจบเขาก็พับกระจกมองข้าง แล้วขับรถออกไปฉันเฝ้ามองด้วยความรำคาญใจ หงุดหงิด และสะอิดสะเอียน ในขณะที่รถของเขาแล่นหายไปในความมืดมิดของรัตติกาลอย่างรวดเร็ว“ไปให้พ้นเลย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!” ฉันสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ ได้ยินเสียงตะโกนของเกรซดังขึ้นท่ามกลางคืนมืด ฉันอดยิ้มไม่ได้เมื่อเธอก้าวออกมาข้างหน้า และยังก่นด่าเขาต่อไป“อุบาทว์! ไปเลย ไปขึ้นเตียงกับเมียน้อยของแกเลย!” เกรซร้องตะโกนในยามค่ำคืน ป่านนี้รถของมาร์คคงไปส่องแสงให้ความหวังอยู่ที่ปลายอุโมงค์อีกข้างหนึ่งแล้ว“เบาได้เบา สาว" ฉันหัวเราะคิกคักแล้วส่ายหัว "เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอหรอก"“ต้องได้ยินสิ" เธอบ่นพึมพำ

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 245

    ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก "โอ้ เดนนิส นายช่วยชีวิตฉันไว้จริง ๆ" ฉันบอกเขาขณะที่เขาลงจากรถและช่วยพาพวกเราเข้าไปข้างใน พาเอมี่ไปที่เบาะหลัง"พูดอีกก็ถูกอีก" เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาเปิดประตูผู้โดยสารด้านหน้าให้ฉันและฉันก็ขึ้นไปน่าแปลกที่เดนนิส ผู้ชายอันตรายที่ฉันตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉัน หลังจากวันนั้นที่บาร์ เขารีบพาฉันไปโรงพยาบาล รอฉันจนกระทั่งฉันตื่นขึ้น และตั้งแต่นั้นมาเขาก็วนเวียนอยู่แถวนั้น อันที่จริง เขามากกว่าแค่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เพราะเขากลายมาเป็นเพื่อนฉันจริง ๆ แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตฉัน เขามักจะอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยยกระดับอารมณ์ของฉันเสมอแม้ว่าเป็นเวลาไม่นานก่อนที่เขาจะยืนยันความสงสัยเกี่ยวกับความสนใจของเขาในตัวฉัน ฉันยินดีมากที่ถึงแม้จะปฏิเสธเขาด้วยเหตุผลว่าฉันท้อง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้ เขายินดียอมรับฉันรวมถึงเด็กในท้อง โดยไม่ถามฉันสักคำว่าพ่อเด็กคือใครความรักและความห่วงใยของเขาประทับใจฉัน พูดตามตรง แต่ไอเดนปฏิบัติต่อฉันดีจริง ๆ ฉันไม่พร้อมที่จะกระโดดจากความสัมพันธ์สี่ปีที่พังทลายไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนอีกค

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 244

    มุมมองของอนาสตาเซีย5 ปีต่อมา"ทำไมหนูต้องไปที่นั่นทุกวันด้วยคะ? หนูอยากไปกับแม่!" เธอพูดและเบือนหน้าหนีจากฉันฉันถอนหายใจ วางกระเป๋าเป้ กล่องอาหารกลางวัน และกระเป๋าของฉันลงบนเก้าอี้ ก่อนจะย่อตัวลงเท่าความสูงของเธอ"นี่ ลูกรัก" ฉันพูดเบา ๆ แต่เธอตอบกลับด้วยการหันหน้าหนีจากฉันอีกครั้ง"เอมี่ ฟังแม่" ฉันจับมือเธอไว้ แต่เธอสะบัดมันออก "อย่ามาคุยกับหนู""เอมี่ มองแม่เร็ว" ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น จนเธอยอมหันมาหาฉันทันทีด้วยริมฝีปากที่ยื่นออก และดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ฉันเกลียดที่ต้องขึ้นเสียงกับเธอ แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอยอมฟังฉันจับมือเธอกุมไว้อย่างเบามือ โชคดีที่ครั้งนี้เธอไม่ดึงมันออก "ที่รัก ลูกไปทำงานกับแม่ไม่ได้ ทางบริษัทไม่อนุญาต""ทำไมอ่ะ?" เธอทำหน้างอ "หนูทำงานได้นะ""แม่รู้ เอมี่" ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ "ลูกเป็นเด็กที่ขยันมาก แต่ตอนนี้สำหรับลูกแล้วโรงเรียนสำคัญกว่า โอเคไหม? เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกจะได้ทำงาน ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครห้ามลูกได้""ทำไมหนูทำงานตอนนี้ไม่ได้?" เธอโอดครวญ "หนูห้าขวบแล้วนะ!"ฉันเกือบจะยกมือขึ้น "ใช่ ที่รัก ลูกห้าขวบแล้ว! แต่ยังเด็

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 243

    ฉันจ้องมองคุณหมออย่างตกตะลึง จิตใจหมุนวนไปพร้อมกับเสียงในหูที่ดังก้องอยู่ ท้องอย่างนั้นเหรอ?จะท้องได้อย่างไรกัน? ความทรงจำนึกย้อนกลับไปตอนที่ไอเดนย่ำยีฉัน ครั้งแรกที่เราคบหากัน ค่ำคืนวันนั้นที่เขามอบให้ บรรเลงเพลงรักและวาดฝันถึงครอบครัวในคลาร่าอนาคตของเรา แต่ความฝันเหล่านั้นพลันแตกสลายไม่เห็นชิ้นดีเมื่อฉันจับได้ว่าเขานอกใจ ความรู้สึกถูกหักหลังบาดลึกลงไป ฉันไม่รู้เลยว่าจะสามารถให้อภัยเขาได้หรือไม่ และตอนนี้ เด็กน้อยคนหนึ่งที่เป็นผลจากกระทำของเรา สายใยถักทอกลายเ)็ฯชีวิตใหม่…ลูกของไอเดน…ลูกของเราแม้จะโกรธขนาดไหน แต่ภายในก็ยังรักเขาหมดหัวใจ ฉันจะสามารถทนอุ้มท้องแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาทำกับฉันขนาดนี้?คุณหมอดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสับสนภายใน “คุณครับ? ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยดีใจกับเรื่องนี้นะครับ…”ฉันส่ายหัวช้า ๆ “คือ…ฉันเพิ่งรู้ว่าแฟนเขานอกใจฉันน่ะค่ะ”เสียงของฉันสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่สีหน้าของคุณหมออ่อนโยนลงด้วยความเห็นใจ “ผมเข้าใจว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผมคิดว่าคงต้องให้คุณใช้เวลากับตัวเองทบทวนเรื่องต่าง ๆ ดีไหมครับ?”ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย คุณหมอขอตัวจากไปพร้อมปิดประต

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 242

    "ฉันจะพยายาม" ฉันเอานิ้วลูบผมและทิ้งตัวลงบนเตียงตามเดิม "แค่ต้องการเวลาหน่อย""เธอไม่มีเวลานั้นหรอกนะ" เธอเริ่มดึงฉันให้ลุกขึ้นมา "เพราะฉันจะออกไปคลับ และเธอต้องไปด้วยกัน""ไม่" ฉันปฏิเสธอย่างหนักแน่นและเริ่มขืนตัว "ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น""ขอร้องล่ะ อาน่า ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้""ปล่อยให้ฉันเสียใจสักคืนเถอะ นั่นมันตั้งสี่ปีเชียวนะ!""ช่างหัวมันสิ""คลาร่า…""ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นคงยังคงกอดสาวอื่นอยู่ ในขณะที่เธออยู่ในห้องอย่างน่าสมเพช"เธอพูดถูก หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ในบ้านของเขา เขาคงจะกลับไปสู่อ้อมแขนของเธอทันทีหลังจากที่ฉันจากไป“ไอ้หน้าไม่อายอย่างเขาไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ เธอควรออกไปสนุกกับแสงสีเสียง แสดงให้ตัวเองและเขาเห็นว่าชีวิตของเธอยังดำเนินต่อได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น" เธอพูดเบา ๆฉันถอนหายใจ "ก็ได้"นั่นคือวิธีที่ฉันถูกลากให้ยอมไปคลับ ในขณะที่ฉันควรจะไว้ทุกข์ให้กับความรักที่สูญเสียไปมันไม่ใช่ความคิดที่แย่ขนาดนั้น ฉันดีใจที่ได้ออกมาที่นี่ ฉันคิดขณะที่คลาร่ากับฉันเต้นคลอไปกับเพลงที่เปิด หัวเราะราวกับว่าเราไม่มีเรื่องกังวลอะไรในโลก"ฉันจะไปเอาเครื่อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 241

    มุมมองของอนาสตาเซียสิ้นเสียงสูดน้ำมูก ฉันหยุดเคาะประตูอย่างต่อเนื่องเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้าใกล้ประตู ฉันเอนตัวกับประตู ไม่สามารถห้ามเสียงสะอื้นได้ฉันหมายความตามที่พูดจริง ๆ ว่ามันจบแล้ว แต่ลึก ๆ ฉันหวังว่าเขาจะตามฉันมา โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนและยืนยันกับฉันว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครั้งใหญ่ แต่เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น ตะโกนชื่อฉันเหมือนคนบ้าคลั่งคลาร่าเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม และยิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นฉัน แต่ก็หุบลงทันทีเมื่อเธอสังเกตเห็นน้ำตาบนหน้า"เธอโอเคไหม?" เธอขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม "ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้" เธอพูดช้า ๆ คิ้วย่นลึกขึ้น "อาน่า เธอโอเคไหม?"เธอเอื้อมมือมาหาฉัน แล้วฉันก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้อีกต่อไป โถมเข้าหาอ้อมแขนของเธอและร้องไห้เหมือนเด็กน้อย หัวใจของฉันรู้สึกหนักอึ้ง ไหล่สั่นสะท้าน ขณะที่ฉันกำชายเสื้อเธอและร้องไห้หนักขึ้น ทำให้เสื้อสเวตเตอร์ของเธอเปียกโชกไปด้วยน้ำตา"ชู่ว" เธอตบหลังฉัน ปิดประตูและพาฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่น รีบเอากระเป๋าของฉันเข้ามาข้างใน จากนั้นก็กอดฉันและนั่งลง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ฉันเกาะกอดเธอและร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 240

    มุมมองของอนาสตาเซียก้าวของฉันยาวและเร็วขึ้นขณะที่ฉันเดินไปที่อะพาร์ตเมนต์ของเขามีเหตุผลส่วนหนึ่งในตัวฉันที่เชื่อมั่นว่าภาพเหล่านั้นไม่ได้ถูกตัดต่อ และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เล็กกว่า ที่เชื่อ… หรือค่อนข้างอยากจะเชื่อ... ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เป็นแค่เรื่องตลกโง่ ๆไอเดนไม่ทำแบบนั้นกับฉันแน่ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะกระโจนเข้าหาผู้หญิงคนต่อไปที่เขาเจอทันทีที่ฉันไม่อยู่ในประเทศ เป็นไปไม่ได้ฉันเดินผ่านประตูที่เปิดอยู่ ขณะที่ฉันหยุดอยู่หน้าประตู ฉันสังเกตเห็นว่าลมหายใจของฉันหอบถี่ ฝ่ามือที่กำรอบกระเป๋าของฉันมีเหงื่อออกฉันวางกระเป๋าลงและเช็ดฝ่ามือกับกางเกงยีนส์ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลงฉันเคาะประตูแต่ไม่มีการตอบรับ จึงค่อย ๆ เอานิ้วจับลูกบิดประตูแล้วผลัก ทันใดนั้นมันก็เปิดออก ตามด้วยบานประตู ฉันก้าวเข้าไปข้างในและปิดประตูตามหลัง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับสภาพห้องนั่งเล่นที่รกยุ่งเหยิงฉันตั้งใจจะเรียกเขาขณะที่เดินไปทางห้องนอน แต่แล้วกลับเหลือบไปเห็นสีแดงสดในสายตาซะก่อนฉันหันไปทางเก้าอี้ข้างครัว พบว่ามันไม่ได้มีเพียงแต่รองเท้าของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีชุดเดรสและ.

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 239

    มุมมองของอนาสตาเซียคิ้วของฉันขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล ขณะที่ฉันโทรหาเขาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน'สวัสดีครับ ถ้าคุณได้ยินข้อความนี้ แสดงว่าผมไม่ว่าง…'ฉันกดหยุดข้อความเสียงก่อนที่มันจะจบ"ที่รัก" ฉันบ่นแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นสีหน้าฉันก็ตาม "คุณอยู่ไหน? สบายดีไหม? ฉันพยายามติดต่อคุณมานานมากแล้ว ถ้าคุณเห็นข้อความนี้แล้วช่วยโทรกลับหาฉันทันที ตกลงไหม?" บนริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบาง เสริมด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ฉันคิดถึงคุณ"สิ้นเสียงถอนหายใจ ฉันวางโทรศัพท์คว่ำลงบนตักและมองออกไปนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ คนขับเพิ่งมาถึงจุดเดียวบนทางด่วนที่เขาสามารถกลับรถได้ ตอนนั้นเอง ฉันตัดสินใจว่าควรจะแวะที่ของเขาก่อนที่จะกลับไปที่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ฉันคงใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเอาแต่กังวลจนกว่าจะได้ข่าวจากเขาช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เพราะฉันอยู่ต่างประเทศกับเพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเพื่อฉลองการสำเร็จการศึกษาของเรา"ช่วยกลับรถตรงนี้ให้หน่อยค่ะ" ฉันบอกคนขับอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะขับเลยไปไกล ดวงตาของเขาสบกับฉันในกระจกมองหลัง และฉันอ่านคำถามในนั้นได้ ขณะที่เขาทำตามที่ฉันสั่งโดยไม่พู

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 238

    ซิดนีย์พยักหน้า สะอื้นเบา ๆ ขณะพยายามตั้งสติ"พอได้แล้ว เธอด้วย" เธอต่อว่า ถอยออกมาและบีบไหล่ของเกรซเบาๆ "เดี๋ยวเครื่องสำอางจะเลอะเอานะ เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่"เกรซหัวเราะเบา ๆ กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้มองเห็นอย่างชัดเจนซิดนีย์ยิ้มและยื่นช่อดอกไม้ที่จัดไว้อย่างประณีตสำหรับโอกาสนี้ให้เกรซ"นี่ เอาไป" เธอกล่าว ยื่นดอกไม้หอมกรุ่นให้เกรซ "ทุกคนรอเราอยู่"เกรซรับช่อดอกไม้ด้วยการพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง นิ้วของเธอไล้สัมผัสไปตามกลีบดอกไม้"ขอบคุณนะ ที่รัก"เพื่อนรักสองสาวเดินเคียงคู่กันไปตามทางเดินที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ซิดนีย์ยังคงซับน้ำตาเพราะน้ำตาไม่ยอมหยุดไหลแล้วเธอก็เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเธอมองไปด้านข้าง เห็นมาร์คเดินอยู่ข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว“เอาแต่ร้องไห้แบบนั้น เดี๋ยวเครื่องสำอางก็เลอะหรอก"ซิดนีย์รับผ้าและซับน้ำตา"ไว้ค่อยคืนให้ผมเมื่อไหร่ก็ได้" เขาผายมือไปที่ผ้าเช็ดหน้าซิดนีย์มองเขาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสายตาของเธอก็มองไปที่ปกเสื้อของเขา จึงทักว่า"เนกไทคุณยังเบี้ยวเหมือนเดิมเลย"มาร์คมองลงไปยังปมเนกไทที่เอียงกะเทเร่ นิ้วของเขาแทบจะไม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 237

    "อืม ก็ได้" มาร์คคราง ทำทีเป็นหงุดหงิด "แต่คุณติดค้างผมไว้เยอะมาก เหมือนกับต้องเลี้ยงเด็กให้เดมอนฟรีตลอดชีวิต"ซิดนีย์หัวเราะ "พูดอย่างกับว่าเด็กคนนั้นจะฟังใครนอกจากฉัน""ก็จริง" มาร์คยอมรับ "คุณจะมาหาผมไหม เราจะได้...""ไม่ล่ะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกเป็นล้านอย่าง เราติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็พอ" ซิดนีย์ตอบ"ช่างแต่งหน้าอยากให้ไปรับจากถนนแคนเบอรี หรือผมควรให้เธอไปเจอที่จุดจอดเฮลิคอปเตอร์อื่น?""ติดต่อเธอโดยตรงเลยแล้วกัน" ซิดนีย์สั่ง "ฉันจะส่งคอนแทคให้พวกคุณสองคน แล้วคุณก็ค่อยประสานรายละเอียด""รับทราบครับ นายหญิง" มาร์คกล่าวซิดนีย์ยิ้ม "ขอบใจนะ คุณช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว!""นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำประจำอยู่แล้วหรอกเหรอ?" มาร์คพูดติดตลก ซิดนีย์แทบจะเห็นว่าเขาขยิบตาเมื่อฟังจากน้ำเสียงซิดนีย์กลอกตาอีกครั้งและวางสายมาร์คยิ้มกับตัวเองขณะวางสาย เสียงของซิดนีย์ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา เขาหมุนโทรศัพท์อย่างเกียจคร้านในมือด้วยแววตาซุกซนหลังจากคลิกปุ่มสองสามครั้งบนโต๊ะทำงาน เลขาของเขาก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงาน"ครับ คุณตอร์เรส?" เขาถามมาร์คเอนหลังพิงเก้าอี้ "ผมอยากให้คุณลงไปที่โรงเก็

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status