Share

บทที่ 4

Author: เบลล่า
มุมมองของซิดนีย์

ทันทีที่ฉันกลับมายังสนามบิน ฉันก็เห็นเกรซโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นจากอีกฝั่งหนึ่ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ทริปแสนสั้นของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว และอาจพูดได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นสามเดือนที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตในรอบหลายปี

ฉันลากกระเป๋าตามหลังให้เร็วขึ้นแล้วรีบวิ่งไป พร้อมทั้งโบกมือกลับไปให้เกรซและรีบวิ่งไปหาตรงที่เธอยืนอยู่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกนะ แต่มีคนคุ้นเคยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันอดที่หันไปมองไม่ได้ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันรู้จักแผ่นหลังนั้น ไม่มีใครจะบอกเป็นอย่างอื่นได้ ต้องเป็นมาร์คไม่ผิดแน่ เป็นเขาแน่ ๆ

ฉันดูไม่ผิด ฉันยืนยันกับตนเองตอนที่หยุดหันไปมองคนคนนั้น เขาคือมาร์ค ฉันไม่มีทางพลาดได้หรอก เขาเดินแบบก้าวเท้าเร็ว ๆ เหมือนเคย เขามองไม่เห็นฉัน? หรือว่าเขาอาจจำฉันไม่ได้อีกแล้วมั้ง? ฉันหายไปแค่สามเดือนเอง แต่ถ้านั่นเป็นเวลาที่เพียงพอจะทำให้เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครอีกครั้งจากแค่มองเพียงแวบเดียว ก็นับว่าประสบความสำเร็จที่สามารถลบผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักออกไปจากชีวิตได้ แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ของฉันตอนนี้ ฉันคงดูไม่เหมือนอดีตภรรยาของเขาแล้ว

เสื้อผ้าแตกต่างจากที่เคยใส่ (ซึ่งเป็นสไตล์ที่เขาคุ้นเคย) ทรงผมที่เปลี่ยนไป ไม่ได้เกล้าเป็นมวยน่าเกลียด ๆ และรวบผมขึ้นไปอีกต่อไป

ฉันปล่อยผมสยายลงมาเป็นลอนสวย ใบหน้าดูกระจ่างใสงดงามทั้งด้วยการดูแลผิวที่ดี และแต่งหน้ามาด้วยนิดหน่อย ชุดรัดรูปสีแดงที่โค้งเข้ารูปในบริเวณที่เหมาะสม โดยรวมแล้ว ฉันดูดีและสวยกว่า "คุณนายตระกูลตอร์เรส" คนเดิมที่ฉันโยนทิ้งไปแล้ว ฉันหัวเราะคิกคักแล้วเลื่อนแว่นกันแดดลงผ่านเส้นผม ผ่านใบหน้าอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปในทิศทางที่ฉันกำลังมุ่งหน้าไป แล้วลากกระเป๋าเดินทางตามไปอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เกรซได้เดินเข้ามาหาฉันแล้ว ฉันจึงต้องปล่อยมือจากกระเป๋าเดินทาง แล้วโอบกอดเธออย่างมีความสุข

"ตายแล้วเพื่อนสาว คิดถึงจะบ้า!" เธอส่งเสียแหลมในขณะที่กอดรัดฉัน

"เหมือนกัน!" ฉันส่งเสียงครางพร้อมกับถอนหายใจ เราผละตัวออกจากกัน แล้วฉันก็ปัดเส้นผมบางส่วนออกจากใบหน้า "ฉันเกือบจะไม่อยากกลับมาที่นี่แล้ว" ฉันพูดต่อ

"ตลกและ" เกรซขมวดคิ้วแบบติดตลก "หมายถึงจะไม่กลับมาวันนี้เหรอ?"

"ก็ทำนองนั้นแหละ" ฉันยักไหล่แล้วหัวเราะคิกคัก

"ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องไปลากเธอกลับมาที่นี่ด้วยตัวเองแล้วล่ะ" เกรซบอกพร้อมกับยิ้ม เธอก้มลงดึงกระเป๋าเดินทางให้ฉัน "เอ้า ไปกันเถอะ"

เราเดินไปรถของเกรซที่จอดอยู่ ซึ่งเป็นคนละคันกับที่เคยขับมาส่งฉันในครั้งก่อน ครั้งนี้เป็นรถจี๊ปสีดำ

"เธอมีรถอีกคันเหรอ?" ฉันถามขึ้นในขณะเดินไปที่รถ

"ใช่แล้วค่ะ" เธอตอบแบบดีอกดีใจราวกับกำลังรอให้ฉันถามคำถามนี้ "สวยเปล่า?" เธอพูดต่อ

"สวยอย่าบอกใครเลย" ฉันแสดงความคิดเห็น "ฉันจะมีปัญญาซื้อรถใหม่บ้างไหมนะ" ฉันพูดต่อ

"บ้าสิ มีปัญญา? เธอน่ะมีปัญญาซื้อใหม่ได้ค่ะ"

ฉันเหลือบมองเธอแล้วหัวเราะอย่างไม่เชื่อ "เล่นใหญ่อะไรก่อน"

"เราไปกันพรุ่งนี้เลยนะ เพราะยังไง ๆ ก็ใกล้จะถึงช่วงสุดสัปดาห์แล้ว"

ฉันแค่พยักหน้ารับคำเธอ แล้วรอให้เธอกดรีโมตรถก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ จากนั้นเธอก็เข้ามาหลังจากเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บทางด้านหลัง

เราขับรถมาไกลพอสมควรจากทางเข้าสนามบิน ตอนที่ฉันบอกเรื่องที่เจอเมื่อครู่กับเกรซในที่สุด ถึงแม้จะเป็นการบอกกล่าวแบบราบเรียบที่สุดแล้วก็ตาม "ฉันเห็นคนคนนั้นมาที่นี่ด้วยล่ะ"

เธอชายตามองฉันจากที่นั่งหลังพวงมาลัย "ฮะ? ใครเหรอ?"

"มาร์ค"

"จริงดิ ตอนไหน?" เสียงพูดของเธอฟังดูไม่ประหลาดในนัก อาจเป็นเพราะเธอกำลังพยายามจะเลี้ยวเข้าไปในทางหลวงก็ได้

"เราเดินผ่านกันตอนที่ฉันมัวแต่โบกมือให้เธออยู่น่ะ"

ในที่สุดล้อ รถก็แล่นเข้าไปถนนนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตอนนี้เคลื่อนตัวไปด้านหน้า ฉันมองเห็นแววความตลกขบขันออกมาจากใบหน้าเพื่อนสาว

"งั้นเขาก็คงจำเธอไม่ได้ล่ะสิ?" เธอหัวเราะคิกคัก "โอ๊ย ทำไมฉันถึงดีใจจังที่ได้ยินอะไรแบบนั้น?" เธอพูดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งจนกระทั่งเริ่มหัวเราะอย่างสุดเสียง ทำให้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหัวเราะตาม

"เธอต้องดูด้วยว่าฉันบวมแค่ไหนตอนที่สังเกตเห็นน่ะ ฉันคงดูดีเกินจริงไปมากเลย"

หลังจากพูดคุยอย่างออกรสในขณะขับรถมาอย่างเนิ่นนาน ในที่สุด เราก็ขับรถไปบนถนนคดเคี้ยวที่ทอดขึ้นไปยังวิลล่าที่เราอยู่ร่วมด้วยกัน เกรซจอดรถตรงทางเข้าแล้วหันมามองฉัน

"ฉันแค่มาส่งเธอนะ ที่รัก" เธอพูด

"ไปที่อื่นต่อเหรอ?" ฉันถามเธอแล้วเธอก็พยักหน้า

"จ้ะ จำได้ไหมว่าฉันได้รับเชิญให้ไปงานปาร์ตี้นี้ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนักหรอก แต่อย่างน้อยฉันก็ควรไปร่วมงานนี้สักสองสามนาทีนะ"

"อ้อ" ฉันพยักหน้าพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย

"แล้วจะรีบกลับมาฟังเธอเล่าเรื่องเที่ยวทุกวินาทีเลย!" เธอพูดเสียงเล็กแหลมตอนที่ฉันก้าวลงจากรถ

"ได้เลย!" ฉันยิ้มในขณะปิดประตูรถ แล้วลากกระเป๋าเดินทางออกมา ก่อนจะมองดูเธอกลับรถไปในทิศทางที่เราเพิ่งเข้ามา

ฉันถอนหายใจในขณะมองขึ้นไปยังบ้านหลังใหญ่แสนโอ่อ่าของเรา เป็นบ้านอันงดงามตั้งอยู่กลางภูเขาที่มองลงมาเห็นวิวทะเล นี่คือสนามเด็กเล่นของคนรวยในเมืองนี้ ดีจังที่ได้กลับบ้าน ฉันคิดถึงอะไรต่อมิอะไรมากเหลือเกิน แม้แต่กลิ่นหอมสดชื่นแปลก ๆ ในอากาศ ก็ยังช่วยเติมความประทับใจให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

ฉันเดินขึ้นบันไดไปที่บ้าน ลมเย็น ๆ ยามค่ำพัดผ่านผิวในขณะที่ฉันเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู จากนั้น ผลักประตูหน้าให้เปิดออกเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างใน

แต่ก่อนที่ฉันจะได้ดื่มด่ำกับความคุ้นเคยของสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันได้กลับมาชื่นชม ความกลัวก็แล่นเข้ามาในเส้นเลือดอย่างรุนแรง ฉันรู้สึกได้ก่อนจะทันได้มองเห็นด้วยซ้ำไป มีวัตถุเย็น ๆ แข็ง ๆ มากดอยู่ที่เอวจากทางด้านหลัง

ฉันตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว รู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจที่เต้นแรงไปทั่วร่าง ฉันรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ข้าง ๆ ฉันคืออะไร แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม มันเป็นความรู้สึกตามสัญชาตญาณมากกว่า

"อย่าส่งเสียง" เขากระซิบขู่เบา ๆ ชายที่ถือปืนอยู่ข้างหลังฉัน

ทุกอณูในร่างกายต่างกรีดร้องบอกให้ฉันวิ่งหนี กรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่ฉันรู้ว่านั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่โง่เขลานัก เขายืนหายใจรดต้นคอฉันจนรู้สึกร้อนผ่าวอยู่ทางด้านหลัง

จากนั้น กลิ่นเลือดสด ๆ ก็โชยเข้าจมูกฉัน เมื่อผสมกับความกลัวที่คุกคามจิตใจอยู่นั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าชายที่อยู่ข้างกายฉันได้รับบาดเจ็บ กลิ่นเลือดผสมดินปืนลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

ฉันยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อแสดงท่าทียอมแพ้ ซึ่งเป็นการร้องขอความเมตตาอย่างเงียบ ๆ ฉันรู้ว่าการเคลื่อนไหวแบบปุบปับอาจเป็นการยั่วโมโหเขาได้ ฉันจึงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหลับตา โดยพยายามหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

ฉันไม่กล้ามองหน้าเขา เมื่อเผลอไปเห็นใบหน้าของอาชญากรเข้า บ่อยครั้งมักลงเอยด้วยต้องเงียบปาก ตลอดกาล ฉันเคยได้ยินเรื่องราวมาพอจะรู้ได้ถึงขนาดนั้น

ฉันรู้สึกถึงเงาดำเข้ามาปกคลุมตัวฉัน ความมืดมิดของเขาทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบมากขึ้น

"ลืมเร็ว" เขาร้องคำราม

ฉันรู้สึกกลัวเกินกว่าจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ฉันจึงหลับตาต่อไป

"ผมบอกให้ลืมตาไง" เขาตะคอกด้วยความรำคาญจนฉันตกใจ ตอนนี้ฉันลืมตาขึ้นแล้วมองเห็นร่างของเขาอยู่ตรงหน้าฉันจากแสงสลัว ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา

สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือหน้าอกของเขาและรอยเลือดที่ติดอยู่ตรงเสื้อ จากนั้นฉันก็เลื่อนสายตาขึ้นไปมองใบหน้าของเขาเป็นครั้งแรก

ที่น่าแปลกใจคือผู้ชายคนนี้เป็นคนหล่อเหลาที่มีใบหน้าคมคายและดวงตาคมกริบสีเข้ม เขามีท่าทีที่แสดงถึงความมีอำนาจ ความมั่นใจที่บ่งบอกถึงความเคยชินในการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เขาดูเหมือนคนที่จะเข้าไปอยู่ในแก๊งมาเฟียได้โดยง่าย

เขายัดผ้าก้อนหนึ่งใส่มือฉัน และเมื่อคลี่มันออกก็พบว่ามันคือผ้าพันแผล ฉันไม่ต้องรอให้เขาสั่งว่าฉันต้องทำอะไรต่อไป ฉันรวบรวมสติด้วยมืออันสั่นเทา เขาถอดเสื้อแจ็กเกตออกแล้วตามด้วยเสื้อเชิ้ต ตอนนี้ฉันมองเห็นบาดแผลบนตัวเขาแล้ว มันเป็นบาดแผลจากกระสุนปืน ผิวหนังโดยรอบเป็นแผลสดและอักเสบ

ดูเหมือนว่าเขาจะเอาลูกกระสุนออกเองแล้ว แต่เลือดยังไหลไม่หยุด

"น-นั่งลงค่ะ" ฉันพูดตะกุกตะกัก

เขาทำตามแล้วทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ ๆ อย่างแรง

ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ "ฉัน..ฉันไปเอาชุดปฐมพยาบาลมาดีไหม?" ฉันถาม

"ไปเอามาสิ" เขาส่งเสียงครวญครางเพราะตรงบริเวณผ้าพันแผลนั้น

ฉันนั่งลงข้าง ๆ เขาและเริ่มทำแผลให้ ถ้ามีใครอยู่ด้วย เขาจะต้องเห็นว่ามือของฉันสั่นระริกเพียงใดในขณะทำแผลอยู่ เขาร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวดและทำหน้าบูดบึ้งในขณะที่ฉันขยับ แต่เขาไม่ได้คัดค้านอะไรจนกระทั่งฉันมัดผ้าพันแผลให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

มีเสียงกริ่งประตูดังขึ้นมาทำลายความเงียบ ฉันเหลือบมองใบหน้าของชายคนนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรมากนักเพียงแต่รีบหลบไปหาที่ซ่อน ฉันถือว่านี่เป็นการส่งสัญญาณให้ฉันไปเปิดประตู ถึงแม้ว่าฉันจะแน่ใจว่าเขายังอาจอยู่ใกล้ ๆ และพร้อมจะระเบิดหัวแน่ถ้าฉันทำอะไรโง่ ๆ ขึ้นมา

ฉันเปิดประตูอย่างระมัดระวัง มาร์คยืนอยู่ตรงนั้น เขาคงจำฉันได้ที่สนามบินจึงตามฉันมาถึงที่นี่

มาร์คคว้ามือฉันไว้

"กลับบ้านไปกับผมเดี๋ยวนี้!" เขาเร่งเร้า

ฉันสะบัดมือเขาออก

"ไม่ได้ใบหย่าหรือไง?" ฉันถามเขาอย่างตรงไปตรงมา

Comments (1)
goodnovel comment avatar
joy kumrisu
อะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 5

    มุมมองของซิดนีย์"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉันฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจนณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลาม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 6

    มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 10

    ฉันพยายามดิ้นรน ดึงมือตนเอง และด่าทอ ในขณะที่มาร์คลากฉันเข้าไปในโถงทางเดินข้าง ๆ ห้องน้ำชาย ฉันเดินตามเขาอย่างทุลักทุเล ไม่สามารถก้าวเท้าได้ทันเขาเพราะใส่ส้นสูงที่ใส่อยู่แม้แต่ในฝันที่แสนเพ้อเจ้อ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ได้ ฉันหมายถึงตลอดสามปีแห่งการแต่งงานอันอับเฉา ฉันสามารถนับนิ้วด้วยมือข้างเดียวได้เลยว่าเคยเจอเขาที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านกี่ครั้ง ฉันนึกว่าเขาจะอยู่ในที่ทำงานตลอดเวลาเสียอีกนะ แต่ในช่วงนี้ฉันสรุปได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ในที่ทำงาน ก็คงสำเริงสำราญอยู่กับน้องสาวของฉันในโรงแรมหรู ๆ นั่นแหละ“มาร์ค เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย?” ฉันใช้มือข้างที่ว่างตีนิ้วที่จับข้อมือของฉันอยู่ "ปล่อยมือฉันนะ"เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เดินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่นหลังที่ดูแข็งอย่างกับหินตั้งแต่ฉันขอหย่ากับเขา เขาก็ดูเหมือนผีที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันไปที่ไหนก็จะต้องเจอเขาที่นั่นฉันครางออกมาเบา ๆ ในขณะที่เขากระแทกหลังฉันและตรึงเข้ากับกำแพง ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาดูลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง และดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มชนิดที่คุณคิดว่าสีตาธรรมชาติของเขาเป็นสีดำสนิท“เสียสติไปแล้วหรือไง?” เขาร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 11

    ฉันรู้สึกได้ว่ามือที่เกาะกุมของเขาเริ่มคลายออก จนฉันสามารถดึงมือหลุดออกมาได้ ฉันเดินลากส้นสูงไปข้างหน้าเพื่อพยายามจะหนี แต่ก็ไม่ทันความเร็วของเขา นิ้วของเขาเข้ามาเกาะกุมข้อมือของฉันอีกครั้งและดึงฉันกลับไป เขาตรึงฉันกับกำแพงอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตรึงฉันไว้ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว แต่เป็นริมฝีปากของเขาแทนฉันเกือบลืมหายใจเมื่อริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของฉัน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล ฉันหลับตาลงอย่างไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาโลมไล้ไปตามริมฝีปากของฉัน จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกเพลิดเพลินกับการที่ริมฝีปากของเขาประกบอยู่บนริมฝีปากของฉัน ฉันแทบไม่รู้สึกตัวราวกับต้องมนต์สะกดจากรสจูบนี้ แขนของชายหนุ่มโอบรัดอยู่ตรงรอบเอวฉัน จากนั้นดึงตัวฉันเข้าไปแนบตัวเขามากขึ้น ความร้อนผ่าวบนตัวเขาทำให้เรือนร่างของฉันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเลยลิ้นของเขาชอนไชเพื่อแทรกเข้ามา ฉันเผยอปากแล้วลิ้นนั้นก็เลื้อยเข้ามาภายใน ให้ความรู้สึกเปียกแฉะและ-ดวงตาของฉันเบิกโพลง ร่างกายแข็งทื่อ แล้วฟันของฉันก็กัดลงบนลิ้นของเขาโดยสัญชาตญาณ เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?“คุณเป็นบ้าอะไรซิดนีย์?!” เขาดึงตัวออกแล้วปล่อยฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 12

    หากตรงหน้าเป็นชายอื่น ฉันคงชื่นชอบริมฝีปากที่รุกคืบเข้ามาอย่างดุดัน และฉันควรตอบสนองมันอย่างเร่าร้อนไปเสียแล้ว แต่นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือชู้รัก แต่เป็นมาร์คฉันรับรู้ได้เลยว่ามันลำบากยิ่งนักทั้งดันร่างกายเขาออกไปและดึงเขาเอามาใกล้ ฉันอยากจะกัดลิ้นหรือริมฝีปากของเขาเหมือนที่ทำตอนแรก แต่ฉันก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ชวนสับสนจริง ๆ ฉันอยากให้เขาหยุดและถอยห่างจากฉันไป แต่ฉันก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหยุดไปจริง ๆ บ้อบอเสียไม่มีแต่ฉันก็ยังคงดิ้นรนอยู่เช่นนั้น ฉันหลับตาปี๋ พยายามจะพูดบางสิ่งออกไปถึงแม้ว่าปากของเขาจะประกบอยู่บนปากของฉันก็ตาม ลิ้นสอดใส่เข้ามาด้านในอยู่เช่นนั้น เรือนร่างของเขากดทับอยู่บนตัวฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความนูนตรงเป้ากางเกงที่แนบอยู่ตรงหน้าขาฉันขัดขืนมากขึ้นเป็นทวีคูณ และกรีดร้องดังขึ้นอยู่ในอกเสียงกรีดร้องเหือดหายอยู่ในลำคอ แล้วทันใดนั้นมือของเขาก็คล้ายออกจากร่างกาย ฉันไม่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนตัวเขาอีกต่อไปฉันปัดเป่าความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยนั้นออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างทะมึนยืนอยู่ตรงหน้าฉัน หน้าอกของฉันกระเพื่อมขึ้นลงเพื่อพยายามจะหา

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 245

    ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก "โอ้ เดนนิส นายช่วยชีวิตฉันไว้จริง ๆ" ฉันบอกเขาขณะที่เขาลงจากรถและช่วยพาพวกเราเข้าไปข้างใน พาเอมี่ไปที่เบาะหลัง"พูดอีกก็ถูกอีก" เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาเปิดประตูผู้โดยสารด้านหน้าให้ฉันและฉันก็ขึ้นไปน่าแปลกที่เดนนิส ผู้ชายอันตรายที่ฉันตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉัน หลังจากวันนั้นที่บาร์ เขารีบพาฉันไปโรงพยาบาล รอฉันจนกระทั่งฉันตื่นขึ้น และตั้งแต่นั้นมาเขาก็วนเวียนอยู่แถวนั้น อันที่จริง เขามากกว่าแค่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เพราะเขากลายมาเป็นเพื่อนฉันจริง ๆ แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตฉัน เขามักจะอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยยกระดับอารมณ์ของฉันเสมอแม้ว่าเป็นเวลาไม่นานก่อนที่เขาจะยืนยันความสงสัยเกี่ยวกับความสนใจของเขาในตัวฉัน ฉันยินดีมากที่ถึงแม้จะปฏิเสธเขาด้วยเหตุผลว่าฉันท้อง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้ เขายินดียอมรับฉันรวมถึงเด็กในท้อง โดยไม่ถามฉันสักคำว่าพ่อเด็กคือใครความรักและความห่วงใยของเขาประทับใจฉัน พูดตามตรง แต่ไอเดนปฏิบัติต่อฉันดีจริง ๆ ฉันไม่พร้อมที่จะกระโดดจากความสัมพันธ์สี่ปีที่พังทลายไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนอีกค

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 244

    มุมมองของอนาสตาเซีย5 ปีต่อมา"ทำไมหนูต้องไปที่นั่นทุกวันด้วยคะ? หนูอยากไปกับแม่!" เธอพูดและเบือนหน้าหนีจากฉันฉันถอนหายใจ วางกระเป๋าเป้ กล่องอาหารกลางวัน และกระเป๋าของฉันลงบนเก้าอี้ ก่อนจะย่อตัวลงเท่าความสูงของเธอ"นี่ ลูกรัก" ฉันพูดเบา ๆ แต่เธอตอบกลับด้วยการหันหน้าหนีจากฉันอีกครั้ง"เอมี่ ฟังแม่" ฉันจับมือเธอไว้ แต่เธอสะบัดมันออก "อย่ามาคุยกับหนู""เอมี่ มองแม่เร็ว" ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น จนเธอยอมหันมาหาฉันทันทีด้วยริมฝีปากที่ยื่นออก และดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ฉันเกลียดที่ต้องขึ้นเสียงกับเธอ แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอยอมฟังฉันจับมือเธอกุมไว้อย่างเบามือ โชคดีที่ครั้งนี้เธอไม่ดึงมันออก "ที่รัก ลูกไปทำงานกับแม่ไม่ได้ ทางบริษัทไม่อนุญาต""ทำไมอ่ะ?" เธอทำหน้างอ "หนูทำงานได้นะ""แม่รู้ เอมี่" ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ "ลูกเป็นเด็กที่ขยันมาก แต่ตอนนี้สำหรับลูกแล้วโรงเรียนสำคัญกว่า โอเคไหม? เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกจะได้ทำงาน ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครห้ามลูกได้""ทำไมหนูทำงานตอนนี้ไม่ได้?" เธอโอดครวญ "หนูห้าขวบแล้วนะ!"ฉันเกือบจะยกมือขึ้น "ใช่ ที่รัก ลูกห้าขวบแล้ว! แต่ยังเด็

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 243

    ฉันจ้องมองคุณหมออย่างตกตะลึง จิตใจหมุนวนไปพร้อมกับเสียงในหูที่ดังก้องอยู่ ท้องอย่างนั้นเหรอ?จะท้องได้อย่างไรกัน? ความทรงจำนึกย้อนกลับไปตอนที่ไอเดนย่ำยีฉัน ครั้งแรกที่เราคบหากัน ค่ำคืนวันนั้นที่เขามอบให้ บรรเลงเพลงรักและวาดฝันถึงครอบครัวในคลาร่าอนาคตของเรา แต่ความฝันเหล่านั้นพลันแตกสลายไม่เห็นชิ้นดีเมื่อฉันจับได้ว่าเขานอกใจ ความรู้สึกถูกหักหลังบาดลึกลงไป ฉันไม่รู้เลยว่าจะสามารถให้อภัยเขาได้หรือไม่ และตอนนี้ เด็กน้อยคนหนึ่งที่เป็นผลจากกระทำของเรา สายใยถักทอกลายเ)็ฯชีวิตใหม่…ลูกของไอเดน…ลูกของเราแม้จะโกรธขนาดไหน แต่ภายในก็ยังรักเขาหมดหัวใจ ฉันจะสามารถทนอุ้มท้องแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาทำกับฉันขนาดนี้?คุณหมอดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสับสนภายใน “คุณครับ? ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยดีใจกับเรื่องนี้นะครับ…”ฉันส่ายหัวช้า ๆ “คือ…ฉันเพิ่งรู้ว่าแฟนเขานอกใจฉันน่ะค่ะ”เสียงของฉันสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่สีหน้าของคุณหมออ่อนโยนลงด้วยความเห็นใจ “ผมเข้าใจว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผมคิดว่าคงต้องให้คุณใช้เวลากับตัวเองทบทวนเรื่องต่าง ๆ ดีไหมครับ?”ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย คุณหมอขอตัวจากไปพร้อมปิดประต

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 242

    "ฉันจะพยายาม" ฉันเอานิ้วลูบผมและทิ้งตัวลงบนเตียงตามเดิม "แค่ต้องการเวลาหน่อย""เธอไม่มีเวลานั้นหรอกนะ" เธอเริ่มดึงฉันให้ลุกขึ้นมา "เพราะฉันจะออกไปคลับ และเธอต้องไปด้วยกัน""ไม่" ฉันปฏิเสธอย่างหนักแน่นและเริ่มขืนตัว "ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น""ขอร้องล่ะ อาน่า ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้""ปล่อยให้ฉันเสียใจสักคืนเถอะ นั่นมันตั้งสี่ปีเชียวนะ!""ช่างหัวมันสิ""คลาร่า…""ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นคงยังคงกอดสาวอื่นอยู่ ในขณะที่เธออยู่ในห้องอย่างน่าสมเพช"เธอพูดถูก หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ในบ้านของเขา เขาคงจะกลับไปสู่อ้อมแขนของเธอทันทีหลังจากที่ฉันจากไป“ไอ้หน้าไม่อายอย่างเขาไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ เธอควรออกไปสนุกกับแสงสีเสียง แสดงให้ตัวเองและเขาเห็นว่าชีวิตของเธอยังดำเนินต่อได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น" เธอพูดเบา ๆฉันถอนหายใจ "ก็ได้"นั่นคือวิธีที่ฉันถูกลากให้ยอมไปคลับ ในขณะที่ฉันควรจะไว้ทุกข์ให้กับความรักที่สูญเสียไปมันไม่ใช่ความคิดที่แย่ขนาดนั้น ฉันดีใจที่ได้ออกมาที่นี่ ฉันคิดขณะที่คลาร่ากับฉันเต้นคลอไปกับเพลงที่เปิด หัวเราะราวกับว่าเราไม่มีเรื่องกังวลอะไรในโลก"ฉันจะไปเอาเครื่อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 241

    มุมมองของอนาสตาเซียสิ้นเสียงสูดน้ำมูก ฉันหยุดเคาะประตูอย่างต่อเนื่องเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้าใกล้ประตู ฉันเอนตัวกับประตู ไม่สามารถห้ามเสียงสะอื้นได้ฉันหมายความตามที่พูดจริง ๆ ว่ามันจบแล้ว แต่ลึก ๆ ฉันหวังว่าเขาจะตามฉันมา โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนและยืนยันกับฉันว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครั้งใหญ่ แต่เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น ตะโกนชื่อฉันเหมือนคนบ้าคลั่งคลาร่าเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม และยิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นฉัน แต่ก็หุบลงทันทีเมื่อเธอสังเกตเห็นน้ำตาบนหน้า"เธอโอเคไหม?" เธอขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม "ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้" เธอพูดช้า ๆ คิ้วย่นลึกขึ้น "อาน่า เธอโอเคไหม?"เธอเอื้อมมือมาหาฉัน แล้วฉันก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้อีกต่อไป โถมเข้าหาอ้อมแขนของเธอและร้องไห้เหมือนเด็กน้อย หัวใจของฉันรู้สึกหนักอึ้ง ไหล่สั่นสะท้าน ขณะที่ฉันกำชายเสื้อเธอและร้องไห้หนักขึ้น ทำให้เสื้อสเวตเตอร์ของเธอเปียกโชกไปด้วยน้ำตา"ชู่ว" เธอตบหลังฉัน ปิดประตูและพาฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่น รีบเอากระเป๋าของฉันเข้ามาข้างใน จากนั้นก็กอดฉันและนั่งลง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ฉันเกาะกอดเธอและร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 240

    มุมมองของอนาสตาเซียก้าวของฉันยาวและเร็วขึ้นขณะที่ฉันเดินไปที่อะพาร์ตเมนต์ของเขามีเหตุผลส่วนหนึ่งในตัวฉันที่เชื่อมั่นว่าภาพเหล่านั้นไม่ได้ถูกตัดต่อ และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เล็กกว่า ที่เชื่อ… หรือค่อนข้างอยากจะเชื่อ... ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เป็นแค่เรื่องตลกโง่ ๆไอเดนไม่ทำแบบนั้นกับฉันแน่ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะกระโจนเข้าหาผู้หญิงคนต่อไปที่เขาเจอทันทีที่ฉันไม่อยู่ในประเทศ เป็นไปไม่ได้ฉันเดินผ่านประตูที่เปิดอยู่ ขณะที่ฉันหยุดอยู่หน้าประตู ฉันสังเกตเห็นว่าลมหายใจของฉันหอบถี่ ฝ่ามือที่กำรอบกระเป๋าของฉันมีเหงื่อออกฉันวางกระเป๋าลงและเช็ดฝ่ามือกับกางเกงยีนส์ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลงฉันเคาะประตูแต่ไม่มีการตอบรับ จึงค่อย ๆ เอานิ้วจับลูกบิดประตูแล้วผลัก ทันใดนั้นมันก็เปิดออก ตามด้วยบานประตู ฉันก้าวเข้าไปข้างในและปิดประตูตามหลัง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับสภาพห้องนั่งเล่นที่รกยุ่งเหยิงฉันตั้งใจจะเรียกเขาขณะที่เดินไปทางห้องนอน แต่แล้วกลับเหลือบไปเห็นสีแดงสดในสายตาซะก่อนฉันหันไปทางเก้าอี้ข้างครัว พบว่ามันไม่ได้มีเพียงแต่รองเท้าของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีชุดเดรสและ.

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 239

    มุมมองของอนาสตาเซียคิ้วของฉันขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล ขณะที่ฉันโทรหาเขาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน'สวัสดีครับ ถ้าคุณได้ยินข้อความนี้ แสดงว่าผมไม่ว่าง…'ฉันกดหยุดข้อความเสียงก่อนที่มันจะจบ"ที่รัก" ฉันบ่นแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นสีหน้าฉันก็ตาม "คุณอยู่ไหน? สบายดีไหม? ฉันพยายามติดต่อคุณมานานมากแล้ว ถ้าคุณเห็นข้อความนี้แล้วช่วยโทรกลับหาฉันทันที ตกลงไหม?" บนริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบาง เสริมด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ฉันคิดถึงคุณ"สิ้นเสียงถอนหายใจ ฉันวางโทรศัพท์คว่ำลงบนตักและมองออกไปนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ คนขับเพิ่งมาถึงจุดเดียวบนทางด่วนที่เขาสามารถกลับรถได้ ตอนนั้นเอง ฉันตัดสินใจว่าควรจะแวะที่ของเขาก่อนที่จะกลับไปที่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ฉันคงใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเอาแต่กังวลจนกว่าจะได้ข่าวจากเขาช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เพราะฉันอยู่ต่างประเทศกับเพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเพื่อฉลองการสำเร็จการศึกษาของเรา"ช่วยกลับรถตรงนี้ให้หน่อยค่ะ" ฉันบอกคนขับอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะขับเลยไปไกล ดวงตาของเขาสบกับฉันในกระจกมองหลัง และฉันอ่านคำถามในนั้นได้ ขณะที่เขาทำตามที่ฉันสั่งโดยไม่พู

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 238

    ซิดนีย์พยักหน้า สะอื้นเบา ๆ ขณะพยายามตั้งสติ"พอได้แล้ว เธอด้วย" เธอต่อว่า ถอยออกมาและบีบไหล่ของเกรซเบาๆ "เดี๋ยวเครื่องสำอางจะเลอะเอานะ เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่"เกรซหัวเราะเบา ๆ กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้มองเห็นอย่างชัดเจนซิดนีย์ยิ้มและยื่นช่อดอกไม้ที่จัดไว้อย่างประณีตสำหรับโอกาสนี้ให้เกรซ"นี่ เอาไป" เธอกล่าว ยื่นดอกไม้หอมกรุ่นให้เกรซ "ทุกคนรอเราอยู่"เกรซรับช่อดอกไม้ด้วยการพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง นิ้วของเธอไล้สัมผัสไปตามกลีบดอกไม้"ขอบคุณนะ ที่รัก"เพื่อนรักสองสาวเดินเคียงคู่กันไปตามทางเดินที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ซิดนีย์ยังคงซับน้ำตาเพราะน้ำตาไม่ยอมหยุดไหลแล้วเธอก็เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเธอมองไปด้านข้าง เห็นมาร์คเดินอยู่ข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว“เอาแต่ร้องไห้แบบนั้น เดี๋ยวเครื่องสำอางก็เลอะหรอก"ซิดนีย์รับผ้าและซับน้ำตา"ไว้ค่อยคืนให้ผมเมื่อไหร่ก็ได้" เขาผายมือไปที่ผ้าเช็ดหน้าซิดนีย์มองเขาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสายตาของเธอก็มองไปที่ปกเสื้อของเขา จึงทักว่า"เนกไทคุณยังเบี้ยวเหมือนเดิมเลย"มาร์คมองลงไปยังปมเนกไทที่เอียงกะเทเร่ นิ้วของเขาแทบจะไม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 237

    "อืม ก็ได้" มาร์คคราง ทำทีเป็นหงุดหงิด "แต่คุณติดค้างผมไว้เยอะมาก เหมือนกับต้องเลี้ยงเด็กให้เดมอนฟรีตลอดชีวิต"ซิดนีย์หัวเราะ "พูดอย่างกับว่าเด็กคนนั้นจะฟังใครนอกจากฉัน""ก็จริง" มาร์คยอมรับ "คุณจะมาหาผมไหม เราจะได้...""ไม่ล่ะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกเป็นล้านอย่าง เราติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็พอ" ซิดนีย์ตอบ"ช่างแต่งหน้าอยากให้ไปรับจากถนนแคนเบอรี หรือผมควรให้เธอไปเจอที่จุดจอดเฮลิคอปเตอร์อื่น?""ติดต่อเธอโดยตรงเลยแล้วกัน" ซิดนีย์สั่ง "ฉันจะส่งคอนแทคให้พวกคุณสองคน แล้วคุณก็ค่อยประสานรายละเอียด""รับทราบครับ นายหญิง" มาร์คกล่าวซิดนีย์ยิ้ม "ขอบใจนะ คุณช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว!""นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำประจำอยู่แล้วหรอกเหรอ?" มาร์คพูดติดตลก ซิดนีย์แทบจะเห็นว่าเขาขยิบตาเมื่อฟังจากน้ำเสียงซิดนีย์กลอกตาอีกครั้งและวางสายมาร์คยิ้มกับตัวเองขณะวางสาย เสียงของซิดนีย์ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา เขาหมุนโทรศัพท์อย่างเกียจคร้านในมือด้วยแววตาซุกซนหลังจากคลิกปุ่มสองสามครั้งบนโต๊ะทำงาน เลขาของเขาก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงาน"ครับ คุณตอร์เรส?" เขาถามมาร์คเอนหลังพิงเก้าอี้ "ผมอยากให้คุณลงไปที่โรงเก็

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status