Share

บทที่ 2

Author: เบลล่า
สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว

เมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใคร

รถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลง

เกรซนั่นเอง

เกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว

เกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแฟชั่นระดับไฮเอนด์ที่ให้บริการกับลูกค้าระดับสูง ซึ่งมีเราเป็นเจ้าของอย่างเท่าเทียมกัน ความเฉียบแหลมทางธุรกิจและวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของเรา ได้พาเราก้าวเข้าไปอยู่ในโลกของเศรษฐีระดับชั้นแนวหน้า

ฉันรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังจะแซวอะไรฉันเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้า การหยอกล้อระหว่างเราอย่างสนุกสนานนั้น นับเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนการหายใจเข้าออก ฉันก้าวขึ้นไปนั่งตรงเบาะผู้โดยสารในรถของเกรซ พลางถอนหายใจพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยทันที

“ในที่สุดก็ยอมทิ้งไอ้สารเลวนั่น แล้วกลับไปทำงานได้แล้วหรือ?" เกรซพูดติดตลกพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงต้องยอมเสียเวลาสามปีไปกับการเป็นแม่บ้าน เพื่อคอยดูแลไอ้โหลยโท่ยที่ไม่ได้รักอะไรเธอเลย"

ฉันกลอกตาไปมา "เพราะฉันตาบอดไง แต่ตอนนี้ฉันมองเห็นแล้ว เคยได้ยินเพลงนั้นไหม?”

เกรซหัวเราะคิกคักในขณะติดเครื่องยนต์ "ฉันดีใจนะที่เธอตาสว่างได้ซะที เรามีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ เราไม่อยากให้เธอเสียสมาธิเพราะผู้ชายที่มองไม่เห็นคุณค่าของเธอเลย"

“รู้ไหมซิดนีย์ ฉันต้องพูดเรื่องนี้อีกครั้งหรือ เรื่อง 'การแต่งงาน' กับผู้ชายคนนั้นน่ะ? ฉันเกลียดเธอจังเลย!” เธอเหลือบมองประตูรั้วบ้านมาร์คอย่างรวดเร็ว "ให้ตายสิ ฉันอยากพูดแบบนี้มานานแล้ว"

ฉันหัวเราะเบา ๆ พร้อมเอาข้อศอกพิงประตูรถอย่างเหนื่อยอ่อน “ไม่เอาน่า” เกรซเกลียดการแต่งงานของฉันกับมาร์คมาโดยตลอด เธอพยายามแสดงท่าทีไม่พอใจในแบบของเธออย่างตรงไปตรงมาและอ้อมค้อม มีบางครั้งที่เธอเปิดปากออกมาตรง ๆ และบางครั้งที่บอกเป็นนัย ๆ อย่างเช่นตอนที่เธอทำท่าลังเลก่อนจะแสดงความยินดีกับฉันในวันครบรอบแต่งงานอีกครั้ง หรือการเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันพูดอะไรเกี่ยวกับการแต่งงานขึ้นมา ฉันดีใจที่ในที่สุดเราก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างอิสระ และสามารถนำเรื่องนี้มาพูดล้อเล่นกันได้

“ฉันหมายถึงเธอแต่งตัวเชยเป็นบ้าเลย และรองเท้าที่เข้าชุดกันคืออะไรก่อน? ยี้!”

“เกรซ!” ฉันหัวเราะอีกครั้ง

“พ่อคนถูกทุกอย่างนั้นเข้ามามีอิทธิพลกับตู้เสื้อผ้าเธอด้วยหรือ? ฉันไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดสีเบจมากขนาดนี้มาก่อนเลยแล้ววันนั้นอีก ฉันเห็นเธอใส่รองเท้าส้นเตี้ยกับชุดค็อกเทลนั่น สาบานเลย อกอีแป้นจะแตกตาย"

ฉันระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัว "โอ๊ย ก็รู้นี่นาว่าฉันแค่พยายามทำตัวให้เข้ากับภาพลักษณ์ 'ภรรยาที่สมบูรณ์แบบ' เท่านั้น จะไม่มีแบบนี้อีกแล้วล่ะ"

“ขอบคุณพระเจ้า ออกมาจากตมนั่นได้ซะทีนะ"

ฉันยังคงคิดว่าสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้มันตลกดี ฉันก็เลยแกล้งหยอกล้อเธอด้วยการตบเธอเล่น ๆ

“แหม แต่ฉันว่าพอใส่ชุดพวกนั้น ก็สวยนะ!”

“ฮะ?” เกรซแสยะปากแบบตลก ๆ "สวยสำหรับคนตาบอดอะจ้ะ"

เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกตอนที่ฉันไปงานกับมาร์ค โดยสวมเดรสที่ฉันคิดว่าดูสง่างาม แต่ภายหลังเขากลับมองว่ามันดูเผยเนื้อหนังเกินไปซึ่งไม่เหมาะกับคนที่เป็นภรรยา คำดูถูกเหยียดหยามของเขาไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือการได้รับความอับอายขายหน้าในที่สาธารณะ เมื่อใคร ๆ ต่างพากันเห็นด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้ไปถึงหูพ่อแม่ของฉัน แล้วยิ่งทำให้รู้สึกอับอายขายหน้ามากขึ้น ฉันคิดว่านับตั้งแต่ตอนนั้น เสื้อผ้าของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไป ฉันพยายามทำให้ทุกคนพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมาร์คและพ่อแม่ของฉัน ฉันนี่ช่างโง่เง่าจริง ๆ

ฉันถอนหายใจ "โอ้พระเจ้า ฉันคิดถึงความเป็นเราเหลือเกิน"

เกรซพยักหน้า "ใช่แล้ว ฉันก็เหมือนกัน" เธอพูดในขณะเหยียบคันเร่ง และเมื่อเธอทำอย่างนั้น เครื่องยนต์ก็ส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนจะพุ่งออกไปบนถนน แล้วผสมกลมกลืนไปกับการจราจรที่คับคั่ง

“แล้วเราจะไปไหนกันดีล่ะ?”

“ไปสนามบินสิ อยู่ดี ๆ ก็อยากไปเที่ยวใกล้ ๆ ขึ้นมา"

“ว้าว ฉันคิดว่าเธอจะไปนอนค้างที่บ้านฉันสักคืนหนึ่งหรืออะไรทำนองนั้นซะอีก" เกรซพูดขึ้น

ฉันยักไหล่ "แค่อยากจะหนีไปสักพักหนึ่ง"

เกรซเอนตัวพิงเบาะในขณะวางมือข้างหนึ่งไปบนประตูรถ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับพวงมาลัยเอาไว้ "งั้นก็ตามแหละ"

“นั่นทำให้ฉันนึกอะไรได้" เกรซพูด "มีบริษัทสนใจจะซื้อเว็บไซต์นี้ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ มีคนเสนอเงินให้เยอะมาก จนฉันอดใจแทบไม่ไหว"

“ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะทำงานจริง ๆ นะ ไว้ค่อยคุยตอนเรากลับมาก็แล้วกัน" ฉันพูดพลางเหลือบมองเกรซ เกรซพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ "เข้าใจได้อยู่"

ฉันต้องการทริปนี้จริง ๆ จะได้ไปผ่อนคลายจิตใจสักเล็กน้อย และปลดปล่อยตัวเองจากมาร์ค และกิจวัตรประจำวันอันแสนอึดอัดที่ฉันต้องเจอะเจอ ฉันรู้ว่าพ่อแม่จะต้องโกรธแน่ ๆ พวกท่านมักจะโกรธทุกครั้งที่ฉันพยายามจะหลบเลี่ยงคำสั่ง แต่ฉันไม่สนหรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ในที่สุดความคิดที่จะปล่อยวางทุกอย่างนั้น ก็ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจได้

เกรซเลี้ยวรถเข้าไปในสนามบิน เมื่อรถจอดนิ่งแล้ว ฉันก็ปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างกระตือรือร้น ฉันกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วยกขึ้นแนบหู

“ถึงแล้ว อยู่ที่ไหนหรือ?” ฉันพูดขึ้นก่อน "โอเค โอเค" ฉันพูดต่อเมื่อผู้รับสายตอบกลับมา ก่อนจะวางสายไปในที่สุด

เกรซมองมาที่ฉันอย่างสงสัย "ใครอะ?” เธอถาม

“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ" ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัย เกรซมองฉันอย่างสงสัยแต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ

ในขณะที่เรานั่งรออยู่ในรถนั้น ก็มีชายสวมสูทเนียบเดินมาที่รถพร้อมกับกระเป๋าเอกสาร ฉันจำเขาได้ทันที แล้วพูดกับเกรซว่า "รออยู่นี่นะ" ก่อนจะลงจากรถเพื่อไปพบเขา

“สวัสดีครับ" เขาทักทายฉันอย่างเป็นมืออาชีพ แล้วฉันก็พยักหน้ากลับไปอย่างเป็นมิตร

เขาคือทนายความที่ฉันโทรไปหาก่อนหน้านี้ เพื่อให้ช่วยร่างเอกสารการหย่าร้างให้

ทนายความคนนั้นเปิดกระเป๋าเอกสาร แล้วหยิบซองที่ใส่เอกสารออกมา ในระหว่างนั้นฉันเหลือบมองกลับไปที่รถ แล้วมองเห็นเกรซกำลังจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“นี่ครับ" เขายื่นเอกสารให้ฉัน ฉันตรวจดูทีละฉบับด้วยความรู้สึกท่วมท้นที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว

“คุณต้องการเวลาเพื่ออ่านเอกสารเหล่าอีกหน่อยไหมครับ?” ผู้ชายคนนั้นถาม ฉันส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว "ไม่ค่ะ ฉันต้องเซ็นตรงไหนคะ?”

เขาชี้ไปที่จุดต่าง ๆ บนหน้ากระดาษ "ตรงนี้ ตรงนี้" พลิกกระดาษไปมา "ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้" เขาชี้บอก จากนั้นก็ยื่นปากกาให้ฉัน

ฉันเซ็นชื่อในแต่ละหน้าและในบริเวณที่ต้องการลายเซ็น ก่อนจะยื่นเอกสารทั้งหมดกลับไปให้เขาพร้อมกับปากกา

“ผมจะเอาสำเนาเอกสารพวกนี้ไปให้คุณมาร์ค แล้วจะส่งไปให้คุณด้วย" เขาพูดในขณะนำเอกสารพวกนั้นกลับเข้าไปในกระเป๋าเอกสาร

“ส่งมาที่เมล์ของฉันก็ได้ค่ะ"

“ครับ" เขาบอก

ฉันพยักหน้า "ขอบคุณค่ะ" พร้อมกับจับมืออำลากับเขา

“เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วครับ" เขาตอบพร้อมกับยิ้ม

เมื่อฉันกลับเข้าไปในรถและปิดประตูรถตามหลัง ฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยรู้สึกว่าอากาศในรถอบอุ่นกว่าข้างนอก

เกรซมองฉันแล้วถามขึ้นทันที "เธอจะทำให้ฉันเป็นบ้าตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือไง?”

ฉันมองเธอแล้วตอบไปว่า "ชายคนนั้นเป็นทนายความ ฉันเซ็นเอกสารหย่าไปแล้ว"

ดวงตาของเกรซเบิกโพลง แล้วเธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่น "เธอบ้าไปแล้วหรือ? นี่ไม่คิดจะขอค่าเลี้ยงดูหน่อยหรือ? เขาเป็นเศรษฐีระดับพันล้านนะ น่าจะได้ค่าเลี้ยงดูเป็นร้อยล้านเลยนะ!”

ฉันหัวเราะอย่างขมขื่น "สำคัญที่ไหน ฉันแค่อยากหย่ากับเขาให้เร็วที่สุดเถอะ! ฉันเป็นเศรษฐีเองอยู่แล้ว ไม่ได้อยากได้เงินเขามาเพิ่มหรอกจ้ะ"

เกรซส่ายหัว "แต่ยังไงก็ตาม ร้อยล้าน...” เธอดูเจ็บปวดมากจนฉันเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

ฉันยักไหล่ "ปล่อยให้เขาเก็บเงินไว้ให้ตัวเองเถอะ เรายิ่งใหญ่กว่านั้นอยู่แล้ว ฉันแค่อยากเดินหน้าต่อไปในชีวิตของฉัน"

“อุ๊ย สาวน้อย พูดอีกก็ถูกอีก" เกรซเอื้อมมือมาบีบมือฉัน "ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"

“และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน" ฉันยิ้มและบีบมือเธอกลับไป เราคงดูเหมือนเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังเล่นละครน้ำเน่าอยู่แน่ ๆ เลย

เกรซรีบดึงเราให้หลุดออกจากช่วงเวลาที่โศกเศร้า "เอาล่ะ ขนของลงกันเถอะ" เธอบอกในขณะออกจากรถ เพื่อช่วยฉันดึงกระเป๋าเดินทางออกจากเบาะหลัง แล้วดึงที่จับกระเป๋าขึ้นมา

“ถึงหนุ่มโสดทั้งหลายในเมือง ตัวแม่กลับมาแล้วจ้า!” ฉันประกาศเสียงดังลั่น

“เย้! ตัวแม่กลับมาแล้วนะทุกคน!” เกรซส่งเสียงเชียร์ไล่ตามฉันมา

Related chapters

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 3

    มุมมองของมาร์คผมขับรถเข้าไปในทางเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เป็นวันยาวนานอีกวันหนึ่งทั้งจากการทำงานและเรื่องสนุก ๆ ที่ทำให้ผมหมดแรง และสิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือการผ่อนคลายและพักผ่อน ผมก้าวออกจากรถแล้วคลายเนกไทออก อยากเดินเข้าไปด้านในเต็มทนและได้พักผ่อนในที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ผมมองเห็นซิดนีย์นั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองผมด้วยสายตาอันว่างเปล่าเหมือนเคย ผมแทบจะไม่ชายตามองเธอเลยในขณะที่มุ่งตรงไปที่ห้องทำงาน“ฉันต้องการหย่า" ซิดนีย์พูดออกมาก่อนที่จะผมจะเดินไปถึงห้องทำงานด้วยซ้ำไปหย่าหรือ? คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือคำว่าไร้สาระ และช่างเป็นอะไรที่ไร้สาระจริง ๆ ธุรกิจครอบครัวของพ่อแม่ซิดนีย์ได้ให้บริษัทจีที กรุป ซึ่งเป็นบริษัทของผมยืมไปใช้ นี่เป็นสัญญาที่ให้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในทุกแง่มุม ซิดนี่ย์เป็นเพียงผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วย ที่ต้องพึ่งพาผมและพ่อแม่ของเธอเพื่อความอยู่รอดหย่าหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจของเธอ อย่างที่เธอชอบทำนั่นแหละ เดิมทีเธอมีท่าทีน่าสงสาร ซึ่งเพียงพอจะทำให้คนนอกเชื่อว่าเธอได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 4

    มุมมองของซิดนีย์ทันทีที่ฉันกลับมายังสนามบิน ฉันก็เห็นเกรซโบกมือให้อย่างกระตือรือร้นจากอีกฝั่งหนึ่ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ทริปแสนสั้นของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว และอาจพูดได้เลยว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้น เป็นสามเดือนที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตในรอบหลายปีฉันลากกระเป๋าตามหลังให้เร็วขึ้นแล้วรีบวิ่งไป พร้อมทั้งโบกมือกลับไปให้เกรซและรีบวิ่งไปหาตรงที่เธอยืนอยู่ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกนะ แต่มีคนคุ้นเคยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันอดที่หันไปมองไม่ได้ ฉันสาบานได้เลยว่าฉันรู้จักแผ่นหลังนั้น ไม่มีใครจะบอกเป็นอย่างอื่นได้ ต้องเป็นมาร์คไม่ผิดแน่ เป็นเขาแน่ ๆฉันดูไม่ผิด ฉันยืนยันกับตนเองตอนที่หยุดหันไปมองคนคนนั้น เขาคือมาร์ค ฉันไม่มีทางพลาดได้หรอก เขาเดินแบบก้าวเท้าเร็ว ๆ เหมือนเคย เขามองไม่เห็นฉัน? หรือว่าเขาอาจจำฉันไม่ได้อีกแล้วมั้ง? ฉันหายไปแค่สามเดือนเอง แต่ถ้านั่นเป็นเวลาที่เพียงพอจะทำให้เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครอีกครั้งจากแค่มองเพียงแวบเดียว ก็นับว่าประสบความสำเร็จที่สามารถลบผู้หญิงที่เขาเคยรู้จักออกไปจากชีวิตได้ แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ของฉันตอนนี้ ฉัน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 5

    มุมมองของซิดนีย์"ผมโยนไอ้กระดาษบ้าบอพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสารแล้ว" เขาขึ้นเสียง "ผมได้ยกเลิกการประชุมสำคัญไปเพราะคุณเลย จะให้เสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว"เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขายังเป็นผู้ชายขี้โมโหและใจร้อนซึ่งฉันไม่ได้ใส่ใจอีกแล้ว เขาคิดว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขามากกว่าจะเป็น "โลกของฉัน" ถ้าเขาไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าล่ะก็ มาตามฉันกลับไปมาทำไมกันเล่า?ไม่ว่าเขาจะโยนเอกสารพวกนั้นเข้าไปในเครื่องทำลายเอกสาร หรือเผาให้เป็นเถ้าถ่านด้วยไฟแช็กจากห้องทำงานของเขา หรือเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของฉันฉันก้าวถอยห่างออกจากประตู แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“ฉันตั้งใจจะหย่ากับคุณอย่างเป็นจริงเป็นจังนะ ถ้าคุณไม่ยอมรับการหย่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะต้องยื่นฟ้องหย่าคุณแล้วล่ะ แน่นอน มันจะยิ่งทำให้คุณเสียเวลา "อันมีค่า" เข้าไปกันใหญ่นะ คุณผู้ชาย!” ฉันประกาศออกไปอย่างชัดเจนณ ตอนนี้ จิตใจของฉันก็หวนนึกไปถึงผู้ชายที่อาจยังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน ฉันยังอยู่หน้าประตูเพื่อคอยบังไม่ให้มาร์คแอบมองเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควรจะเห็นข้างใน เรื่องนี้อาจจะยิ่งลุกลาม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 6

    มุมมองของมาร์คผมร้องครวญครางออกมาในขณะพลิกตัวอยู่บนเตียง หัวปวดตุบ ๆ จนต้องจับหัวเอาไว้ในขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ผมมองไปรอบ ๆ แล้วสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะอยู่ในที่ทำงานมากกว่านะผมคว่ำหน้าลงบนฝ่ามือแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องราว แล้วใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีความทรงจำก็กลับคืนมาผู้ช่วยสามารถระบุได้ว่าซิดนีย์อยู่ที่ไหน และผมได้ทิ้งงานที่ทำอยู่ทั้งหมด เพื่อไปพูดคุยให้เธอเข้าใจ ผมจำได้ว่าผมได้สั่งให้เธอเดินตามผมไป แล้วจากนั้น...ผมขมวดคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด“นังบ้านั่น! กล้าดียังไงมาตีหัวผมเนี่ย?” ผมกัดฟันแน่นในขณะลุกขึ้นจากเตียง ผมเหลือบเห็นยาในลิ้นชักในขณะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเธอเป็นอะไรของเธอ? ทำไมถึงได้ทำอะไรเกินเลยไปถึงขนาดนี้? ผมคิดมีเสียงไม้กระทบผนังดังก้องไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมผลักประตูทุกบานให้เปิดออก“อยู่ที่ไหนเนี่ย?!”คนงานในบ้านยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น บางคนถึงกับสะดุ้งทุกครั้งที่มีการกระแทกประตูผมถามว่าเธออยู่ไหนเป็นสิบ ๆ ครั้ง แล้วพวกเขาก็ตอบผมกลับมาเป็นสิบ ๆ ครั้งว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเรื่องที่บอกกับผมเ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 7

    มุมมองของซิดนีย์ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลย เมื่อได้รับออเดอร์พิเศษครั้งที่สี่ของวันนั้นโดยปกติแล้ว อเทลิเย่จะได้รับออเดอร์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และพนักงานของเราก็จะดูแลออเดอร์พวกนี้ แต่ถ้ามีออเดอร์เครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษ ออเดอร์พวกนั้นก็จะส่งตรงมาถึงฉันบนหน้าจอมีออเดอร์สั่งทำเครื่องประดับสองชิ้นจากผู้ช่วยของมาร์ค ซึ่งมีระบุในช่องสอบถามความชื่นชอบว่าให้ดู 'โดดเด่น' จากเครื่องประดับชิ้นไหน ๆ ของเรา จากนั้นเขาก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'บอกราคามาเท่านั้น'นับเป็นเรื่องปกติ มีแค่มาร์คเท่านั้นที่ทะนงตัวถึงขนาดทำให้คำขอฟังดูเป็นการดูถูกเหยียดหยามได้ ผู้ช่วยของมาร์คเป็นคนสั่งออเดอร์นี้ แต่ฉันแน่ใจว่าออเดอร์นี้ทำขึ้นในนามของมาร์ค ผู้ช่วยของเขาไม่มีปัญญาซื้อเครื่องประดับแบบสั่งทำพิเศษของอเทลิเย่ให้กับตัวเองได้หรอกฉันนั่งหมุนตัวอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับผิวปาก "ได้เวลากอบโกยเงินอีกหลาย ๆ ล้านแล้วสิเนี่ย"ฉันหันกลับไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก อ่านประโยคสุดท้ายนั่นอีกครั้ง แล้วฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม "โอ๊ย จะตั้งใจตั้งราคาเลยค่ะ"ทีแรก ฉันก็สงสัยนะว่าเขาจะซื้อของขวัญให้ใคร แต่แล้วก็มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่แวบ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 8

    มุมมองของมาร์คมีคนมาเคาะประตูที่ห้องผม“เข้ามา" ผมตะโกนบอกไปโดยไม่ละสายตาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าผมได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดในขณะเปิดประตู แล้วมีเสียงของผู้ช่วยของผมลอยเข้ามา "ลักซ์ โว้ค ตอบกลับมาแล้วครับท่าน"“อืมมม" ผมพึมพำและพยักหน้า "สร้อยคอจะเสร็จเมื่อไหร่?”“ไม่ใช่เรื่องสร้อยคอครับท่าน แต่เป็นเรื่องข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่เราส่งไปให้พวกเขาครับ"ผมเงยหน้าขึ้นแล้วดันเก้าอี้ไปข้างหลัง "โอ้ จริงด้วย เราจะพบปะพูดคุยกันเพื่อสรุปการส่งมอบเว็บไซต์ได้เมื่อไหร่?” ผมถามช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่อเทลิเย่ก็เป็นหุ้นส่วนกับเว็บไซต์ที่ผมจับตามองมาหลายเดือนแล้ว พวกเขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมาหลายเดือน แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมสั่งให้ผู้ช่วยของผมส่งอีเมลถึงพวกเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเบลล่ากลับไปแล้ว ผมก็สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอเทลิเย่ด้วยตัวเอง เบลล่าพูดถูกทุกอย่าง! พวกเขาทำเครื่องประดับออกมาสวยงามมาก คุณภาพอัญมณีเยี่ยมยอด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจ และทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าการซื้อเว็บไซต์นี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง การที่มีหนึ่งในบริษัทที่เราดูแลอยู่เข้าไปร่วมงานกับสตูดิโอย่างอเทลิเย่ ก็จะช่วย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 9

    ไฟที่ส่องแสงวูบวาบจากสีหนึ่งไปเป็นอีกสีหนึ่ง เรือนร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเบียดกันแน่นอยู่บนพื้นที่เต้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งตารอในคืนนี้ ผมแค่ต้องการความสงบและค่ำคืนดี ๆ ที่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ เท่านั้นในระหว่างที่ผมขับรถมาที่นี่ โจเอลได้โทรหาผม ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยเนื่องจากเสียงดนตรีที่ดังลั่นภายในบาร์ "วิลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ"ผมถามเขาว่า "อะไรนะ?” ประมาณสามครั้งก่อนที่จะได้ยินในที่สุดผมพบเจอพวกเขาในโซนนั่งส่วนตัว ซึ่งเป็นพื้นที่จองสำหรับพวกเราสามคนโดยเฉพาะนี่เป็นที่เดียวที่เราสามารถพูดคุยกัน และในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันคึกคักภายในบาร์แห่งนี้ผมสั่งให้ผู้ช่วยส่งไฟล์ที่มีข้อมูลของเกรซมาให้ ตอนนี้ผมหันรูปนั้นไปทางโจเอล "นายรู้จักเธอใช่ไหม? พวกนายเคยคบกันนี่"วิลล์พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับผิวปาก "ฉันจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนกับนายในตอนนั้น" เขาหันมาทางผม "นายรู้ไหมว่าฉันเคยขอแชร์ผู้หญิงคนนั้นกับเขาด้วย"“ไอ้นี่" โจเอลหัวเราะและพยักหน้าให้ผม "รู้ รู้จัก แต่เราไม่ได้คบกัน เราแค่ ก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละ" เขายักคิ้วแล้วทำหน้าภาคภูมิใจ "เป็นแค่เพื่อนร่วมเตียง เ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 10

    ฉันพยายามดิ้นรน ดึงมือตนเอง และด่าทอ ในขณะที่มาร์คลากฉันเข้าไปในโถงทางเดินข้าง ๆ ห้องน้ำชาย ฉันเดินตามเขาอย่างทุลักทุเล ไม่สามารถก้าวเท้าได้ทันเขาเพราะใส่ส้นสูงที่ใส่อยู่แม้แต่ในฝันที่แสนเพ้อเจ้อ ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ได้ ฉันหมายถึงตลอดสามปีแห่งการแต่งงานอันอับเฉา ฉันสามารถนับนิ้วด้วยมือข้างเดียวได้เลยว่าเคยเจอเขาที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านกี่ครั้ง ฉันนึกว่าเขาจะอยู่ในที่ทำงานตลอดเวลาเสียอีกนะ แต่ในช่วงนี้ฉันสรุปได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ในที่ทำงาน ก็คงสำเริงสำราญอยู่กับน้องสาวของฉันในโรงแรมหรู ๆ นั่นแหละ“มาร์ค เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย?” ฉันใช้มือข้างที่ว่างตีนิ้วที่จับข้อมือของฉันอยู่ "ปล่อยมือฉันนะ"เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เดินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่นหลังที่ดูแข็งอย่างกับหินตั้งแต่ฉันขอหย่ากับเขา เขาก็ดูเหมือนผีที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันไปที่ไหนก็จะต้องเจอเขาที่นั่นฉันครางออกมาเบา ๆ ในขณะที่เขากระแทกหลังฉันและตรึงเข้ากับกำแพง ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาดูลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง และดวงตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มชนิดที่คุณคิดว่าสีตาธรรมชาติของเขาเป็นสีดำสนิท“เสียสติไปแล้วหรือไง?” เขาร้อ

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 245

    ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก "โอ้ เดนนิส นายช่วยชีวิตฉันไว้จริง ๆ" ฉันบอกเขาขณะที่เขาลงจากรถและช่วยพาพวกเราเข้าไปข้างใน พาเอมี่ไปที่เบาะหลัง"พูดอีกก็ถูกอีก" เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาเปิดประตูผู้โดยสารด้านหน้าให้ฉันและฉันก็ขึ้นไปน่าแปลกที่เดนนิส ผู้ชายอันตรายที่ฉันตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉัน หลังจากวันนั้นที่บาร์ เขารีบพาฉันไปโรงพยาบาล รอฉันจนกระทั่งฉันตื่นขึ้น และตั้งแต่นั้นมาเขาก็วนเวียนอยู่แถวนั้น อันที่จริง เขามากกว่าแค่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เพราะเขากลายมาเป็นเพื่อนฉันจริง ๆ แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตฉัน เขามักจะอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยยกระดับอารมณ์ของฉันเสมอแม้ว่าเป็นเวลาไม่นานก่อนที่เขาจะยืนยันความสงสัยเกี่ยวกับความสนใจของเขาในตัวฉัน ฉันยินดีมากที่ถึงแม้จะปฏิเสธเขาด้วยเหตุผลว่าฉันท้อง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้ เขายินดียอมรับฉันรวมถึงเด็กในท้อง โดยไม่ถามฉันสักคำว่าพ่อเด็กคือใครความรักและความห่วงใยของเขาประทับใจฉัน พูดตามตรง แต่ไอเดนปฏิบัติต่อฉันดีจริง ๆ ฉันไม่พร้อมที่จะกระโดดจากความสัมพันธ์สี่ปีที่พังทลายไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนอีกค

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 244

    มุมมองของอนาสตาเซีย5 ปีต่อมา"ทำไมหนูต้องไปที่นั่นทุกวันด้วยคะ? หนูอยากไปกับแม่!" เธอพูดและเบือนหน้าหนีจากฉันฉันถอนหายใจ วางกระเป๋าเป้ กล่องอาหารกลางวัน และกระเป๋าของฉันลงบนเก้าอี้ ก่อนจะย่อตัวลงเท่าความสูงของเธอ"นี่ ลูกรัก" ฉันพูดเบา ๆ แต่เธอตอบกลับด้วยการหันหน้าหนีจากฉันอีกครั้ง"เอมี่ ฟังแม่" ฉันจับมือเธอไว้ แต่เธอสะบัดมันออก "อย่ามาคุยกับหนู""เอมี่ มองแม่เร็ว" ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น จนเธอยอมหันมาหาฉันทันทีด้วยริมฝีปากที่ยื่นออก และดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ฉันเกลียดที่ต้องขึ้นเสียงกับเธอ แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอยอมฟังฉันจับมือเธอกุมไว้อย่างเบามือ โชคดีที่ครั้งนี้เธอไม่ดึงมันออก "ที่รัก ลูกไปทำงานกับแม่ไม่ได้ ทางบริษัทไม่อนุญาต""ทำไมอ่ะ?" เธอทำหน้างอ "หนูทำงานได้นะ""แม่รู้ เอมี่" ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ "ลูกเป็นเด็กที่ขยันมาก แต่ตอนนี้สำหรับลูกแล้วโรงเรียนสำคัญกว่า โอเคไหม? เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ลูกจะได้ทำงาน ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครห้ามลูกได้""ทำไมหนูทำงานตอนนี้ไม่ได้?" เธอโอดครวญ "หนูห้าขวบแล้วนะ!"ฉันเกือบจะยกมือขึ้น "ใช่ ที่รัก ลูกห้าขวบแล้ว! แต่ยังเด็

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 243

    ฉันจ้องมองคุณหมออย่างตกตะลึง จิตใจหมุนวนไปพร้อมกับเสียงในหูที่ดังก้องอยู่ ท้องอย่างนั้นเหรอ?จะท้องได้อย่างไรกัน? ความทรงจำนึกย้อนกลับไปตอนที่ไอเดนย่ำยีฉัน ครั้งแรกที่เราคบหากัน ค่ำคืนวันนั้นที่เขามอบให้ บรรเลงเพลงรักและวาดฝันถึงครอบครัวในคลาร่าอนาคตของเรา แต่ความฝันเหล่านั้นพลันแตกสลายไม่เห็นชิ้นดีเมื่อฉันจับได้ว่าเขานอกใจ ความรู้สึกถูกหักหลังบาดลึกลงไป ฉันไม่รู้เลยว่าจะสามารถให้อภัยเขาได้หรือไม่ และตอนนี้ เด็กน้อยคนหนึ่งที่เป็นผลจากกระทำของเรา สายใยถักทอกลายเ)็ฯชีวิตใหม่…ลูกของไอเดน…ลูกของเราแม้จะโกรธขนาดไหน แต่ภายในก็ยังรักเขาหมดหัวใจ ฉันจะสามารถทนอุ้มท้องแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาทำกับฉันขนาดนี้?คุณหมอดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสับสนภายใน “คุณครับ? ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยดีใจกับเรื่องนี้นะครับ…”ฉันส่ายหัวช้า ๆ “คือ…ฉันเพิ่งรู้ว่าแฟนเขานอกใจฉันน่ะค่ะ”เสียงของฉันสั่นไหวเล็กน้อย ขณะที่สีหน้าของคุณหมออ่อนโยนลงด้วยความเห็นใจ “ผมเข้าใจว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผมคิดว่าคงต้องให้คุณใช้เวลากับตัวเองทบทวนเรื่องต่าง ๆ ดีไหมครับ?”ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย คุณหมอขอตัวจากไปพร้อมปิดประต

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 242

    "ฉันจะพยายาม" ฉันเอานิ้วลูบผมและทิ้งตัวลงบนเตียงตามเดิม "แค่ต้องการเวลาหน่อย""เธอไม่มีเวลานั้นหรอกนะ" เธอเริ่มดึงฉันให้ลุกขึ้นมา "เพราะฉันจะออกไปคลับ และเธอต้องไปด้วยกัน""ไม่" ฉันปฏิเสธอย่างหนักแน่นและเริ่มขืนตัว "ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น""ขอร้องล่ะ อาน่า ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้""ปล่อยให้ฉันเสียใจสักคืนเถอะ นั่นมันตั้งสี่ปีเชียวนะ!""ช่างหัวมันสิ""คลาร่า…""ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ไอ้หมอนั่นคงยังคงกอดสาวอื่นอยู่ ในขณะที่เธออยู่ในห้องอย่างน่าสมเพช"เธอพูดถูก หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ในบ้านของเขา เขาคงจะกลับไปสู่อ้อมแขนของเธอทันทีหลังจากที่ฉันจากไป“ไอ้หน้าไม่อายอย่างเขาไม่สมควรได้รับสิ่งนี้ เธอควรออกไปสนุกกับแสงสีเสียง แสดงให้ตัวเองและเขาเห็นว่าชีวิตของเธอยังดำเนินต่อได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น" เธอพูดเบา ๆฉันถอนหายใจ "ก็ได้"นั่นคือวิธีที่ฉันถูกลากให้ยอมไปคลับ ในขณะที่ฉันควรจะไว้ทุกข์ให้กับความรักที่สูญเสียไปมันไม่ใช่ความคิดที่แย่ขนาดนั้น ฉันดีใจที่ได้ออกมาที่นี่ ฉันคิดขณะที่คลาร่ากับฉันเต้นคลอไปกับเพลงที่เปิด หัวเราะราวกับว่าเราไม่มีเรื่องกังวลอะไรในโลก"ฉันจะไปเอาเครื่อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 241

    มุมมองของอนาสตาเซียสิ้นเสียงสูดน้ำมูก ฉันหยุดเคาะประตูอย่างต่อเนื่องเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้าใกล้ประตู ฉันเอนตัวกับประตู ไม่สามารถห้ามเสียงสะอื้นได้ฉันหมายความตามที่พูดจริง ๆ ว่ามันจบแล้ว แต่ลึก ๆ ฉันหวังว่าเขาจะตามฉันมา โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนและยืนยันกับฉันว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครั้งใหญ่ แต่เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น ตะโกนชื่อฉันเหมือนคนบ้าคลั่งคลาร่าเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม และยิ่งกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นฉัน แต่ก็หุบลงทันทีเมื่อเธอสังเกตเห็นน้ำตาบนหน้า"เธอโอเคไหม?" เธอขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม "ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้" เธอพูดช้า ๆ คิ้วย่นลึกขึ้น "อาน่า เธอโอเคไหม?"เธอเอื้อมมือมาหาฉัน แล้วฉันก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้อีกต่อไป โถมเข้าหาอ้อมแขนของเธอและร้องไห้เหมือนเด็กน้อย หัวใจของฉันรู้สึกหนักอึ้ง ไหล่สั่นสะท้าน ขณะที่ฉันกำชายเสื้อเธอและร้องไห้หนักขึ้น ทำให้เสื้อสเวตเตอร์ของเธอเปียกโชกไปด้วยน้ำตา"ชู่ว" เธอตบหลังฉัน ปิดประตูและพาฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่น รีบเอากระเป๋าของฉันเข้ามาข้างใน จากนั้นก็กอดฉันและนั่งลง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ฉันเกาะกอดเธอและร้อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 240

    มุมมองของอนาสตาเซียก้าวของฉันยาวและเร็วขึ้นขณะที่ฉันเดินไปที่อะพาร์ตเมนต์ของเขามีเหตุผลส่วนหนึ่งในตัวฉันที่เชื่อมั่นว่าภาพเหล่านั้นไม่ได้ถูกตัดต่อ และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เล็กกว่า ที่เชื่อ… หรือค่อนข้างอยากจะเชื่อ... ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เป็นแค่เรื่องตลกโง่ ๆไอเดนไม่ทำแบบนั้นกับฉันแน่ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะกระโจนเข้าหาผู้หญิงคนต่อไปที่เขาเจอทันทีที่ฉันไม่อยู่ในประเทศ เป็นไปไม่ได้ฉันเดินผ่านประตูที่เปิดอยู่ ขณะที่ฉันหยุดอยู่หน้าประตู ฉันสังเกตเห็นว่าลมหายใจของฉันหอบถี่ ฝ่ามือที่กำรอบกระเป๋าของฉันมีเหงื่อออกฉันวางกระเป๋าลงและเช็ดฝ่ามือกับกางเกงยีนส์ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลงฉันเคาะประตูแต่ไม่มีการตอบรับ จึงค่อย ๆ เอานิ้วจับลูกบิดประตูแล้วผลัก ทันใดนั้นมันก็เปิดออก ตามด้วยบานประตู ฉันก้าวเข้าไปข้างในและปิดประตูตามหลัง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับสภาพห้องนั่งเล่นที่รกยุ่งเหยิงฉันตั้งใจจะเรียกเขาขณะที่เดินไปทางห้องนอน แต่แล้วกลับเหลือบไปเห็นสีแดงสดในสายตาซะก่อนฉันหันไปทางเก้าอี้ข้างครัว พบว่ามันไม่ได้มีเพียงแต่รองเท้าของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีชุดเดรสและ.

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 239

    มุมมองของอนาสตาเซียคิ้วของฉันขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล ขณะที่ฉันโทรหาเขาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน'สวัสดีครับ ถ้าคุณได้ยินข้อความนี้ แสดงว่าผมไม่ว่าง…'ฉันกดหยุดข้อความเสียงก่อนที่มันจะจบ"ที่รัก" ฉันบ่นแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นสีหน้าฉันก็ตาม "คุณอยู่ไหน? สบายดีไหม? ฉันพยายามติดต่อคุณมานานมากแล้ว ถ้าคุณเห็นข้อความนี้แล้วช่วยโทรกลับหาฉันทันที ตกลงไหม?" บนริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบาง เสริมด้วยน้ำเสียงร่าเริง "ฉันคิดถึงคุณ"สิ้นเสียงถอนหายใจ ฉันวางโทรศัพท์คว่ำลงบนตักและมองออกไปนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ คนขับเพิ่งมาถึงจุดเดียวบนทางด่วนที่เขาสามารถกลับรถได้ ตอนนั้นเอง ฉันตัดสินใจว่าควรจะแวะที่ของเขาก่อนที่จะกลับไปที่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ฉันคงใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเอาแต่กังวลจนกว่าจะได้ข่าวจากเขาช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เพราะฉันอยู่ต่างประเทศกับเพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัยเดียวกันเพื่อฉลองการสำเร็จการศึกษาของเรา"ช่วยกลับรถตรงนี้ให้หน่อยค่ะ" ฉันบอกคนขับอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะขับเลยไปไกล ดวงตาของเขาสบกับฉันในกระจกมองหลัง และฉันอ่านคำถามในนั้นได้ ขณะที่เขาทำตามที่ฉันสั่งโดยไม่พู

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 238

    ซิดนีย์พยักหน้า สะอื้นเบา ๆ ขณะพยายามตั้งสติ"พอได้แล้ว เธอด้วย" เธอต่อว่า ถอยออกมาและบีบไหล่ของเกรซเบาๆ "เดี๋ยวเครื่องสำอางจะเลอะเอานะ เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่"เกรซหัวเราะเบา ๆ กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้มองเห็นอย่างชัดเจนซิดนีย์ยิ้มและยื่นช่อดอกไม้ที่จัดไว้อย่างประณีตสำหรับโอกาสนี้ให้เกรซ"นี่ เอาไป" เธอกล่าว ยื่นดอกไม้หอมกรุ่นให้เกรซ "ทุกคนรอเราอยู่"เกรซรับช่อดอกไม้ด้วยการพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง นิ้วของเธอไล้สัมผัสไปตามกลีบดอกไม้"ขอบคุณนะ ที่รัก"เพื่อนรักสองสาวเดินเคียงคู่กันไปตามทางเดินที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ซิดนีย์ยังคงซับน้ำตาเพราะน้ำตาไม่ยอมหยุดไหลแล้วเธอก็เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าเธอมองไปด้านข้าง เห็นมาร์คเดินอยู่ข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว“เอาแต่ร้องไห้แบบนั้น เดี๋ยวเครื่องสำอางก็เลอะหรอก"ซิดนีย์รับผ้าและซับน้ำตา"ไว้ค่อยคืนให้ผมเมื่อไหร่ก็ได้" เขาผายมือไปที่ผ้าเช็ดหน้าซิดนีย์มองเขาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสายตาของเธอก็มองไปที่ปกเสื้อของเขา จึงทักว่า"เนกไทคุณยังเบี้ยวเหมือนเดิมเลย"มาร์คมองลงไปยังปมเนกไทที่เอียงกะเทเร่ นิ้วของเขาแทบจะไม

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 237

    "อืม ก็ได้" มาร์คคราง ทำทีเป็นหงุดหงิด "แต่คุณติดค้างผมไว้เยอะมาก เหมือนกับต้องเลี้ยงเด็กให้เดมอนฟรีตลอดชีวิต"ซิดนีย์หัวเราะ "พูดอย่างกับว่าเด็กคนนั้นจะฟังใครนอกจากฉัน""ก็จริง" มาร์คยอมรับ "คุณจะมาหาผมไหม เราจะได้...""ไม่ล่ะ ฉันยังมีธุระต้องไปทำอีกเป็นล้านอย่าง เราติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็พอ" ซิดนีย์ตอบ"ช่างแต่งหน้าอยากให้ไปรับจากถนนแคนเบอรี หรือผมควรให้เธอไปเจอที่จุดจอดเฮลิคอปเตอร์อื่น?""ติดต่อเธอโดยตรงเลยแล้วกัน" ซิดนีย์สั่ง "ฉันจะส่งคอนแทคให้พวกคุณสองคน แล้วคุณก็ค่อยประสานรายละเอียด""รับทราบครับ นายหญิง" มาร์คกล่าวซิดนีย์ยิ้ม "ขอบใจนะ คุณช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว!""นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำประจำอยู่แล้วหรอกเหรอ?" มาร์คพูดติดตลก ซิดนีย์แทบจะเห็นว่าเขาขยิบตาเมื่อฟังจากน้ำเสียงซิดนีย์กลอกตาอีกครั้งและวางสายมาร์คยิ้มกับตัวเองขณะวางสาย เสียงของซิดนีย์ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา เขาหมุนโทรศัพท์อย่างเกียจคร้านในมือด้วยแววตาซุกซนหลังจากคลิกปุ่มสองสามครั้งบนโต๊ะทำงาน เลขาของเขาก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงาน"ครับ คุณตอร์เรส?" เขาถามมาร์คเอนหลังพิงเก้าอี้ "ผมอยากให้คุณลงไปที่โรงเก็

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status