Share

บทที่ 7

เวลานั้น ทุกคนเคร่งเครียดจนเส้นประสาทตึงเปรี๊ยะทั่วร่างประหนึ่งเชือกที่ถูกยืดจนตึง เสื้อผ้าตรงแผ่นหลังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็น

เซียวจูมั่วก็มีสภาพไม่ต่างกัน

แม้ว่าเขาก็เป็นองค์ชาย เป็นท่านอ๋อง

แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท องค์ชายอย่างพวกเขาทุกคนล้วนพยายามอย่างหนักเพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแต่งงานกับลั่วจิ่วหลีเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากจวนอี้กั๋วกง

แต่เขาตระหนักดีว่าไม่ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางมากแค่ไหนก็ยังมิอาจเทียบวาจาประโยคเดียวของเสด็จอาเก้า

ขอเพียงเสด็จอาเก้าช่วยพูดคำดี ๆ ต่อหน้าฮ่องเต้ เขาก็จะเข้าใกล้การเป็นรัชทายาทเข้าไปอีกก้าว

ทว่าคืนนี้เสด็จอาเก้าลงเขา เขากลับไม่ได้รับแจ้งข่าวใด ๆ ก่อนเลย

“เสด็จอาเก้า โปรดอภัยที่หลานชายหยาบคายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวจูมั่วทรุดลงบนพื้น สภาพชวนสมเพชเวทนา

ทว่าสายตาที่มองลั่วจิ่วหลีกลับคมกริบราวมีดดาบ หากสายตาสามารถสังหารคนได้ คาดว่าลั่วจิ่วหลีคงถูกเซียวจูมั่วสังหารตั้งนานแล้ว

เซียวหมิงเสวียนปรายตามองเซียวจูมั่วที่อยู่บนพื้น ดึงสายตากลับมาอย่างเฉยชา นัยน์ตามืดครึ้ม น้ำเสียงหนาวเหน็บถึงกระดูก

“มั่วหาน”

“นายท่าน”

มั่วหานในชุดแดงยืนตระหง่านอยู่ด้านหลัง เขาเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย

เขาดูไม่เหมือนผู้มีวรยุทธ์ที่เพิ่งสังหารคนสองคนด้วยกระบี่เดียวเมื่อครู่นี้เลย

“คืนนี้ ปลดอาวุธทหารทั้งหมดของจวนอ๋องเจา เนรเทศไปปกป้องชายแดน ไร้ความดีความชอบทางทหาร ไม่อนุญาตให้กลับเมืองหลวง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อทหารที่คุกเข่าบนพื้นได้ยินดังนั้น หัวใจพลันบีบรัด แต่ละคนหน้าถอดสี

“อ๋องเก้าโปรดไว้ชีวิต”

“อ๋องเก้าโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

“ท่านอ๋อง ช่วยพวกข้าน้อยด้วย”

เซียวจูมั่วกำดินใต้ฝ่ามือแน่น

เสด็จอาเก้าทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการตัดแขนซ้ายขวาของเขาทิ้ง

ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นคนสนิทที่เขาปลูกฝังมาอย่างดี หากถูกเนรเทศไปปกป้องชายแดนก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

“หุบปาก”

น้ำเสียงเย็นชาน่าเกรงขามของเซียวหมิงเสวียนดังขึ้นอย่างไม่แยแส

ราวกับมีลมเยียบเย็นน่าขนลุกพัดมา ในสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ ทำให้ผู้คนอดขนลุกทั่วร่างไม่ได้

“ผู้ใดกล้าขอความเมตตา ให้โบยจนตาย”

กริบ!

เสียงร้องขอความเมตตาทั้งหมดหยุดลงทันที

เซียวหมิงเสวียนหันไปมองลั่วจิ่วหลี ยิ่งได้เห็นปรางแก้มซีกหนึ่งของนางแดงบวม เลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปาก ลำคอขาวผ่องมีรอยบีบช้ำสีม่วงเข้ม

นัยน์ตามีชั้นน้ำแข็งก่อตัวขึ้นทีละน้อย

“เจ้า วางแผนจัดการอย่างไร?”

เมื่อครู่นี้ เขาเห็นชัดเจนว่า ลั่วจิ่วหลีแสร้งทำตัวอ่อนแอเพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจ

นางหาใช่สตรีอ่อนแอ ทว่านางก็ไร้วรยุทธ์และกำลังภายใน แต่อาวุธที่นางซ่อนไว้วางยาพิษเซียวจูมั่วคืออะไร?

นางจงใจยั่วโทสะเซียวจูมั่วเพียงเพื่อจะวางยาพิษเซียวจูมั่วหรือ?

ลั่วจิ่วหลีหันไปมองเซียวจูมั่วที่อยู่บนพื้นแล้วเหยียดยิ้มเย้ยหยัน

“ข้าจะตีกลองร้องทุกข์ ทูลขอพระราชโองการหย่าร้างจากฝ่าบาท”

การสมรสระหว่างเจ้าของร่างเดิมกับเซียวจูมั่วเป็นพระราชโองการของฝ่าบาท หากฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้หย่าร้าง นางก็ไม่อาจกำจัดสถานะภรรยาของเซียวจูมั่วได้

ยิ่งกว่านั้น ยังมีเยียนทิงเหลียนคนนั้นที่ใช้ร่างของทารกอายุหกเดือนทำยาบำรุง เรียกได้ว่าโหดเหี้ยมผิดมนุษย์อย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ได้”

ดวงตาที่เย่อหยิ่งเย็นชาของเซียวหมิงเสวียนทอดลงอย่างเงียบเชียบ

“มีเวลาอีกสองชั่วยามก่อนเช้า”

“มั่วหาน อยู่ต่อ”

สิ้นคำก็หมุนตัวเดินขึ้นรถม้าไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องที่เซียวจูมั่วอนุญาตกลาย ๆ ให้ชายารองเหลียนใช้ทารกทำยาแตะต้องข้อถือสาของเขา

ไม่ว่าเซียวจูมั่วจะปฏิบัติต่อลั่วจิ่วหลีอย่างไร แต่ในส่วนของเด็กทารกนั้น เขาได้สูญเสียความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง คนเช่นนี้ ไม่คู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาท

อีกทั้ง เขาอยากเห็นว่าลั่วจิ่วหลีคนนี้จะมีความสามารถในการทำให้ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้หย่าร้างได้อย่างไร

“พ่ะย่ะค่ะ”

ด้านหลัง มั่วหานในชุดแดงตอบรับคำสั่ง

เซียวจูมั่วเห็นเซียวหมิงเสวียนจากไปแล้วก็แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมาทันที

“ลั่วจิ่วหลี เจ้าบังอาจ...”

“เพียะ! เพียะ! เพียะ!”

เสียงตบดังติดต่อกันสามครั้ง เซียวจูมั่วถูกตบจนมึนงงไปหมด

แม้แต่มั่วหานที่อยู่ข้างหลังยังยกมือลูบแขนและกัดฟันด้วยความขนลุก

เนื่องด้วยนายท่านไม่ค่อยอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาจึงไม่สนใจเรื่องในเรือนหลังของจวนผู้มีอำนาจในเมืองหลวง แต่เรื่องที่บุตรีคนรองสายตรงของจวนอี้กั๋วกงหลงรักอ๋องเจาสุดหัวใจ เขายังเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

แต่กล่าวกันว่าลั่วจิ่วหลีอ่อนโยนเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย ไม่คาดคิดว่าคืนนี้ นางไม่เพียงแต่จุดไฟเผาจวนอ๋องเจาและวางยาพิษอ๋องเจา แต่ยังกล้าตบปากอ๋องเจาต่อหน้าธารกำนัลถึงสามครั้งรวด

จุ๊! จุ๊! จุ๊!

ดูคนอย่าดูแค่ภายนอกจริง ๆ ด้วย

หากนางไม่ได้สวมอาภรณ์ของนายท่าน คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตามหานางเจอเร็วขนาดนี้

ลั่วจิ่วหลีมองลงไปที่เซียวจูมั่ว ประกายตาดุร้าย

จากนั้นก็บีบกรามง้างปากของเซียวจูมั่วแล้วยัดยาเม็ดสีขาวหนึ่งเม็ดในมือเข้าไปในปากเขาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

เซียวจูมั่วไม่กล้ากินของของนางอยู่แล้ว เพิ่งคายมันออกมาก็ได้ยินเสียงพูดแผ่วเบาของนาง

“นี่คือยาแก้พิษ”

ได้ยินคำนั้น ไม่เพียงแต่เซียวจูมั่วที่ตะลึงงัน มั่วหานยังงงงันด้วย

คงไม่ใช่ว่าลั่วจิ่วหลีคนนี้ยังมีความอาวรณ์ต่อเซียวจูมั่วกระมัง

หากลั่วจิ่วหลีอ่านความคิดของมั่วหานได้ คงจะหัวเราะเยาะใส่หน้าเขา

รอจนกระทั่งเซียวจูมั่วกลืนยารสขมลงไปแล้ว จึงได้ยินลั่วจิ่วหลีกล่าวอีกครั้ง

“เป็นยาพิษด้วย”

มั่วหานหลุดหัวเราะพรืดออกมา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status