Share

บทที่ 10

ถึงตอนนี้ ทุกคนได้เห็นชัดเจนว่าลั่วจิ่วหลีรูปร่างหน้าตาซีดเซียว แก้มและมุมปากยังไม่หายบวมแดง รอยช้ำจากการบีบรัดที่ลำคอมองเห็นชัดเจน ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงก่ำ

“เฮือก!”

“สวรรค์! แม่นางคนนี้กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”

แม้แต่เผยทิงซ่งพอเห็นลั่วจิ่วหลีมีสภาพเช่นนี้ก็ยังพลอยปวดใจไปด้วย

ในอดีต นางเป็นสาวน้อยที่ร่าเริงสดใสขนาดนั้น มักจะวิ่งตามหลังเขาและเรียกเขาว่าพี่เขยอยู่เสมอ แต่ตอนนี้...

อ๋องเจา เจ้าสมควรตายจริง ๆ

แม่นางที่ดีคนหนึ่งถูกเจ้าทำลายจนมีสภาพเช่นนี้

ลั่วจิ่วหลีเดินมาถึงกลางท้องพระโรง คุกเข่าลงโขกศีรษะ

“หม่อมฉัน บุตรีคนรองสายตรงจวนอี้กั๋วกง ลั่วจิ่วหลี ถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปีเพคะ”

นางไม่แทนตัวเองว่าพระชายาอ๋องเจาอีกแล้ว

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรก็ตกพระทัยกับรูปลักษณ์ปัจจุบันของลั่วจิ่วหลีเช่นกัน

ฮ่องเต้รู้ว่าอ๋องเจารักถนอมชายารองผู้นั้น แต่ไม่รู้เลยว่า เขาทำใจเหยียบย่ำข่มเหงแม่นางดี ๆ คนหนึ่งจนมีสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร

หากปล่อยให้อี้กั๋งกงซึ่งกำลังฝึกทหารไกลถึงลี่หยางได้เห็นภาพนี้จะเป็นอย่างไร

ครั้นนึกถึงนิสัยที่เอะอะก็ชักดาบของอี้กั๋วกงผู้นั้นแล้ว เขาก็แค้นใจเหลือเกินที่ไม่สามารถฆ่าเจ้าลูกชั่วคนนั้นเสียตอนนี้เลย

“ลั่วจิ่วหลี เจ้ารู้หรือไม่ การตีกลองร้องทุกข์ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ต้องมีหลักฐานเพียงพอจึงจะสามารถฟ้องร้องผู้อื่นได้”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันรู้เพคะ”

ลั่วจิ่วหลีไม่หยุดกลางคัน โค้งคำนับจริงจังอีกครั้ง เม้มปากน้อย ๆ แม้จะไม่หลั่งน้ำตายังทำให้คนแลดูน้อยเนื้อต่ำใจสุดซึ้ง

“วันนี้หม่อมฉันตีกลองร้องทุกข์ จะขอฟ้องร้องอ๋องเจา ข้อหาหลงใหลอนุละเลยภรรยา สังหารลูกในไส้ ทุบตีภรรยาเอกเพคะ”

น้ำเสียงไม่ช้าไม่รีบร้อน โศกาอาดูร เนิบนาบราบเรื่อย เบ้าตาแดงเรื่อ ความสิ้นหวังค่อย ๆ เผยออกมาทางสีหน้า

เซียวหมิงเสวียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลับคาดไม่ถึงว่า สตรีที่ก่อนหน้านี้ยังหนักแน่นเยือกเย็น สตรีที่กล้าวางเพลิงจวนอ๋องเจา สตรีที่กล้าโจมตีทหาร ทันใดนั้นกลับกลายเป็นดอกฝอยทองที่เปราะบางอ่อนแอ

ในใจบังเกิดความคาดหวังต่อการแสดงของนางขึ้นมา

บัดนี้ ภายในท้องพระโรง ขุนนางคนหนึ่งมองไปที่ลั่วจิ่วหลี

“พระชายาอ๋องเจา อนุที่ท่านเอ่ยถึงเป็นชายารองของอ๋องเจา เป็นอนุที่มาจากตระกูลใหญ่ ในวันอภิเษกครานั้นก็แต่งเข้าจวนพร้อมกัน พระชายาอ๋องเจาก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้ว เหตุใดตอนนี้จึง...”

“ใต้เท้าตู้ นี่ไม่ถูกต้องนัก แม้ว่าชายารองจะเป็นอนุที่มาจากตระกูลใหญ่ แต่อนุที่มาจากตระกูลใหญ่ก็เป็นแค่อนุ จะเหนือกว่าชายาเอกได้หรือ? หรือใต้เท้าตู้คิดว่าชายารองอ๋องเจาเป็นบุตรบุญธรรมของใต้เท้าตู้ จึงคิดจะใช้เรื่องในอดีตมาลบล้างเรื่องวันนี้?”

ลั่วจิ่วหลีเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำพูดเหล่านั้น จำได้ทันทีว่าเป็นพี่เขยของเจ้าของร่างเดิม เผยทิงซ่งตุลาการศาลต้าหลี่ ส่วนใต้เท้าตู้คนนั้นคือตู้หลินจั๋ว รองผู้ดูแลหน่วยพิธีกรรม คือผู้ที่เซียวจูมั่วเลือกให้เป็นบิดาบุญธรรมของเยียนทิงเหลียน

บนเก้าอี้ด้านหน้า เซียวหมิงเสวียนลูบแหวนบนนิ้วหัวแม่มือพลางหรี่ตามองใต้เท้าตู้คนนั้น

ตู้หลินจั๋วรับรู้ถึงสายตาของเซียวหมิงเสวียนก็แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น

“เสด็จพี่ กระหม่อมไม่ได้ร่วมประชุมราชสำนักสองปีแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่รองผู้ดูแลหน่วยพิธีกรรมก็สามารถซักถามพระชายาของราชวงศ์ได้”

เซียวหมิงเสวียนเอ่ยปาก น้ำเสียงเย็นเยียบไร้ปรานี ทำให้หัวใจของผู้ได้ยินหนาวเหน็บสุดขั้วในบัดดล

ตู้หลินจั๋วคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง หวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ถ้อยคำของอ๋องเก้าบาดลึกถึงกระดูกเสียยิ่งกว่าการสังหารคนเสียอีก

หากฝ่าบาททรงระแวง ขนหางนกยูงบนหมวกขุนนางของเขาคงได้มีอันปลิดปลิวเป็นแน่

ฮ่องเต้พระพักตร์บึ้งตึง ตวัดดวงเนตรไม่เป็นมิตรใส่ตู้หลินจั๋ว

“เข้ามา ถอดขนหางนกยูงบนหมวกใต้เท้าตู้ ถอดชุดขุนนาง แล้วลากไปเฝ้าประตูเมือง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย! อ๋องเก้าโปรดอภัยด้วย ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ทันใดนั้นมีองครักษ์เข้ามาลากใต้เท้าตู้ที่ตัวสั่นเทิ้มคุกเข่าร้องขอความเมตตาออกไป

“ชายาอ๋องเจา พูดต่อสิ ยากนักที่ข้าจะมีอารมณ์สุนทรีเช่นวันนี้”

เซียวหมิงเสวียนครองเก้าอี้ การแสดงออกเฉยชา น้ำเสียงเฉยเมย ทั้งร่างเผยความไม่แยแส ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นเพียงผู้ชมละครคนหนึ่งเท่านั้น

ทำให้คนคาดเดาไม่ออก

รอบด้านเงียบงันเหมือนความตาย

ไม่มีขุนนางคนใดกล้าพูดไปเรื่อยอีก

“เพคะ”

ลั่วจิ่วหลีค่อย ๆ เปิดปากพูด เล่าถึงการใช้ความรุนแรงของอ๋องเจาและความจริงที่ว่าชายารองอ๋องเจา เยียนทิงเหลียน ให้เจ้าของร่างเดิมกินหญ้าเซิงเฉ่าอูอันนำไปสู่การแท้งทารกอายุหกเดือนในครรภ์

ยังเติมเชื้อไฟโดยบอกว่าเจ้าของร่างเดิมถูกทารุณกรรมในจวนอ๋องเจานานเจ็ดเดือน เล่าถึงการถูกลอบสังหารในเรือนรับรองที่ทรุดโทรมชานเมืองหลวง

รวมถึงเรื่องที่อ๋องเจาสังหารลูกแท้ ๆ เพื่อชายารองผู้นั้นแล้วนำศพของทารกน้อยไปทำเป็นยาก็เล่าออกมาจนหมด

พริบตานั้น ขุนนางทั้งราชสำนักแตกตื่น

ลั่วจิ่วหลีเห็นดังนั้นก็ทราบว่านางใช้ความอ่อนแอกระตุ้นหัวใจที่เห็นอกเห็นใจของเหล่าขุนนางได้แล้ว จึงเริ่มแผนการหย่าร้างขั้นที่สอง

นางถกแขนเสื้อขึ้นแสดงให้ทุกคนเห็นโดยไม่รอให้ฮ่องเต้ซักถาม

เห็นว่าบนลำแขนที่บอบบางคือรอยบีบช้ำสีม่วงแดงห้อเลือดหลายจุด รวมกับรอยตบบวมแดงบนใบหน้าและรอยช้ำที่ลำคอ

อ๋องเจาหลงใหลอนุละเลยภรรยา สังหารลูกในไส้ ทั้งยังทุบตีภรรยาเอก กลายเป็นข้อเท็จจริงที่แน่ชัดในใจของทุกคนแล้ว

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status