แชร์

บทที่ 13

ผู้แต่ง: ปีศาจเจ้าสำราญ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ขณะนี้ ทุกคนในราชสำนักต่างคนต่างใจ ต่างคนต่างความคิด

เวลานั้น มีขันทีไปเชิญลั่วจิ่วหลีกลับเข้ามา

“ลั่วจิ่วหลีรับราชโองการ”

ฮ่องเต้ตรัส

ลั่วจิ่วหลีคุกเข่า

“ลั่วจิ่วหลีกับอ๋องเจาหย่าขาด อ๋องเจาคืนสินเดิมทั้งหมดให้ลั่วจิ่วหลี และจ่ายชดเชยหนึ่งแสนตำลึงเงิน”

“สำหรับชายารองอ๋องเจา เยียนทิงเหลียน ติดค้างหลายชีวิต ให้ส่งตัวไปที่เรือนจำกรมอาญา หลังจากการพิจารณาคดีโดยสามศาลสูง[1]และยืนยันหลักฐาน รอประหารหลังฤดูใบไม้ร่วง”

“อ๋องเจาเซียวจูมั่ว รับโทษโบยห้าสิบไม้ ตัดเบี้ยหวัดสองปี กักบริเวณในจวนอ๋องเจา”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

ลั่วจิ่วหลีแสดงความขอบคุณ

ฮ่องเต้ทรงลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไรอีก

“เลิกประชุม”

ขันทีประกาศเสียงสูง

ขุนนางทั้งหมดคุกเข่าลง ร้องตะโกนทรงพระเจริญ

ลั่วจิ่วหลีเงยหน้ามองไปที่เซียวหมิงเสวียน เห็นเขาเม้มปาก ใบหน้าสูงส่งหล่อเหลาปกคลุมด้วยชั้นน้ำค้างแข็งหนา ๆ ยืนขึ้นโดยไม่เอ่ยคำใด ทั่วร่างกายไม่มีร่องรอยของความผันผวนทางอารมณ์

หลังจากที่ฮ่องเต้เสด็จออกไป ขันทีก็เดินมาหาอ๋องเก้า

“ท่านอ๋องเก้า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม”

อ๋องเก้ายืนเอามือไพล่หลัง ตอบรับอืมเบา ๆ แล้วเดินตามขันทีไปที่ห้องทรงพระอักษร

ในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ทรงถือระเบียนเล่มหนึ่งอยู่

เห็นอ๋องเก้าเดินเข้ามา จึงยื่นระเบียนให้เขา

อ๋องเก้าก้มหน้ามอง ด้านบนเขียนว่าบันทึกการตรวจร่างกายก่อนลั่วจิ่วหลีแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจา

“ลั่วจิ่วหลีแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจาด้วยร่างกายที่บริสุทธิ์”

“ดูเหมือนว่าเพียงเพื่อชายารองของเขาผู้นั้น อ๋องเจาไม่คำนึงถึงชื่อเสียงของตน แม้แต่เกียรติของราชวงศ์ก็ไม่สนใจแล้ว”

อ๋องเก้าค่อย ๆ วางระเบียนลง พลางเอ่ย

“ได้ยินว่าชายารองอ๋องเจาเคยช่วยชีวิตอ๋องเจาในสมรภูมิหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้พยักหน้า

“อืม เพราะนางเคยช่วยชีวิตอ๋องเจาเอาไว้ อ๋องเจาจึงให้นางรับผู้ดูแลหน่วยพิธีกรรมเป็นบิดาบุญธรรมเพื่อมอบตัวตนให้นาง แล้วรับนางเข้าจวนอ๋องพร้อมกันในวันอภิเษก”

“แล้วเสด็จพี่ทรงจำได้หรือไม่ ครานั้นอ๋องเจาเผชิญหน้ากับผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นทันใด ดูเหมือนได้กลิ่นอะไรขึ้นมา

“แคว้นซางหนาน”

“น้องเก้าหมายถึง?”

อ๋องเก้าพยักหน้า

“บุรุษแคว้นซางหนานส่วนใหญ่เรียนพิษกู่[2] สตรีส่วนใหญ่ฝึกฝนมนตร์เสน่ห์ จู่ ๆ อ๋องเจาก็คลุ้มคลั่ง ดูไม่ปกติเลยพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าฮ่องเต้เย็นเยียบสุดขีด หว่างคิ้วมื้ดครึ้ม

“ตรวจสอบ ไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเจ้าเอง ถ้าเป็นตามที่พวกเราสงสัยจริง ๆ คงไม่มีแค่นางคนเดียวที่แฝงตัวเข้าเมืองหลวง”

“เสด็จพี่วางพระทัยได้ คนเหล่านี้ไม่สามารถหลบหนีได้แม้สักคนเดียว”

รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างอ๋องเก้า ราวกับยมทูตที่มาจากขุมนรก

......

เวลาเพียงหนึ่งวัน เรื่องที่ลั่วจิ่วหลีตีกลองร้องทุกข์และฟ้องร้องอ๋องเจากลางตำหนักไท่เหอถูกวิจารณ์กันเกรียวกราวทั่วเมือง

โดยเฉพาะเรื่องที่ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้ลั่วจิ่วหลีกับอ๋องเจาหย่าขาด อ๋องเจาต้องคืนสินเดิมทั้งหมดให้ลั่วจิ่วหลีและจ่ายชดเชยให้ลั่วจิ่วหลีหนึ่งแสนตำลึงเงิน กลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างหลังมื้ออาหารของคนในเมืองหลวง

แน่นอนว่า ในบรรดาคนเหล่านี้มีบางคนรู้สึกสาแก่ใจ

คิดว่าพฤติกรรมแบบอ๋องเจาที่หลงใหลอนุจนละเลยภรรยาและสังหารลูกในไส้สมควรได้รับการลงโทษ

แต่บางคนก็มองเป็นเรื่องขำขัน มองเป็นเรื่องตลกของอ๋องเจา และมองเป็นเรื่องขำขันของลั่วจิ่วหลีด้วย...

ส่วนที่ว่าเหตุใดฮ่องเต้ไม่มอบเยียนทิงเหลียนชายารองอ๋องเจาให้ลั่วจิ่วหลีลงโทษเอง แต่กลับส่งตัวไปที่เรือนจำกรมอาญารอรับโทษประหารหลังจากคดีได้รับการตรวจสอบยืนยันโดยสามศาลสูงแล้ว

มีการคาดเดาในหมู่ราษฎร สิ่งที่พูดถึงมากที่สุดคือฮ่องเต้ต้องการใช้สถานการณ์นี้เป็นตัวอย่างแก่เหล่าขุนนาง

ขุนนางเหล่านี้ เรือนหลังของใครบ้างไม่มีสตรีหน้าตางดงามเป็นโขยง หากทุกคนเลียนแบบพฤติกรรมของอ๋องเจา หลงใหลอนุละเลยภรรยา ไม่แยกแยะเรื่องทายาทสายตรง

แบบนั้นแคว้นฉางหนิงคงจะตกอยู่ในความไร้ระเบียบแบบแผน กลองร้องทุกข์นอกประตูพระราชวังคงจะถูกตีทุกวันกระมัง

นี่จึงเป็นการส่งสารจากฮ่องเต้ถึงเหล่าขุนนางทางอ้อม เลือกภรรยาเลือกคุณธรรม รับอนุเพื่อกามตัณหา แต่อย่าหลงระเริงจนใจมืดบอดเด็ดขาด

ถึงตอนนั้น พวกเขาจะอับอายเสียเอง และพวกเขาจะถูกลงโทษอย่างหนักอีกด้วย

เหล่าขุนนางก็แอบจดจำดำริของฮ่องเต้ไว้ในใจเช่นกัน

ยังต้องขอบคุณที่ลั่วจิ่วหลีก่อปัญหาเช่นนี้ด้วย จึงทำให้สถานะและความสำคัญของเหล่าภรรยาเอกในเมืองหลวงพุ่งสูงขึ้น

ลั่วจิ่วหลีกลายเป็นบุคคลที่ภรรยาเอกเหล่านี้ขอบคุณเทิดทูนไปโดยไม่รู้ตัว

ในส่วนของลั่วจิ่วหลีนั้น บัดนี้กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงในเรือนฝูชวีของจวนอี้กั๋วกง ระหว่างที่คนป้อนโจ๊กรังนกให้ก็ฟังสาวใช้บอกเล่าถึงเรื่องข้างนอกด้วย

นับตั้งแต่ตีกลองร้องทุกข์ เวลาล่วงเลยผ่านมาห้าวันแล้ว

ตั้งแต่ลั่วจิ่วหลีออกจากพระราชวังก็ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องเจา แต่กลับมาที่จวนอี้กั๋วกงโดยตรง

เดิมเรือนฝูชวีก็เป็นที่พักอาศัยของเจ้าของร่างเดิมก่อนออกเรือน หลังแต่งงาน สถานที่แห่งนี้จึงถูกทิ้งว่างไว้

กั๋วกงฮูหยินมอบหมายให้คนมาทำความสะอาดทุกวัน ไม่ปล่อยให้ฝุ่นจับที่นี่แม้แต่น้อย

“ในวันนั้นอ๋องเจาถูกทหารรักษาพระราชวังล้อมปราบและส่งไปรับโทษที่สำนักกิจการราชวงศ์เลยหรือ?”

“เจ้าค่ะ”

สาวใช้ชื่อชุนหรง อายุเพียงสิบห้าปี นางคลอดในจวนอี้กั๋วกง มารดาของนางคือสวีหมัวมัวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายอี้กั๋วกงฮูหยิน แม้ว่าชุนหรงมีอุปนิสัยซื่อ ๆ ไปหน่อย แต่ถ้าได้รับใช้ใครจะทุ่มเททั้งกายใจ ซื่อสัตย์ภักดี ไม่มีเจตนาชั่วร้าย นั่นเป็นเหตุผลที่นางถูกส่งมาอยู่ข้างกายลั่วจิ่วหลี

“เจ้าคนสมควรตายผู้นั้น โทษโบยห้าสิบไม้ยังเอาชีวิตเขาไม่ได้ น่าโมโหนักเจ้าค่ะ”

ลั่วจิ่วหลีกินโจ๊กรังนก ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใด ๆ

“จะพูดอย่างไร เขาก็เป็นท่านอ๋อง เจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์ย่อมรู้ดีแก่ใจ พวกเขาไม่กล้าตีให้เขาตาย เขาก็ไม่ตายหรอก”

“แล้วเยียนทิงเหลียนคนนั้นเล่า?”

ชุนหรงตอบ

“ได้ยินว่าอยู่ที่เรือนจำกรมอาญาเจ้าค่ะ”

ลั่วจิ่วหลีพยักหน้า มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดมิด มืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย

ถึงแม้ว่าตอนนี้นางปลอดภัยแล้ว หย่าขาดกับอ๋องเจาแล้วก็ตามที

--------------------------------------------

[1] สามศาลสูง ได้แก่ ศาลต้าหลี่ กรมอาญาและฝ่ายตรวจการ

[2] พิษกู่ คือ พิษซึ่งได้มาจากสัตว์พิษตามความเชื่อทางภาคใต้ของประเทศจีน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 14

    แต่ยังมีอีกสองคำถามติดอยู่ในใจของนาง ตอนนั้นที่อยู่นอกจวนอ๋องเจา นางยัดเมทแอมเฟตามีนใส่ปากอ๋องเจาหนึ่งเม็ด แต่เมทแอมเฟตามีนไม่มีทางทำให้อ๋องเจาคลุ้มคลั่งแบบนั้นได้ ยังมีคำพูดของอ๋องเจาอีก เขาไม่เคยแตะต้องเจ้าของร่างเดิม และลูกเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่ลูกของเขา? ทว่าตอนที่นางสืบทอดความทรงจำของร่างเดิมกลับไม่เห็นภาพอื่นเลย นางหลับตาลง นึกทวบทวนย้อนกลับถึงความทรงจำในสมองให้ถี่ถ้วน สาวใช้ชุนหรงเห็นคุณหนูหลับตาลงก็คิดว่านางง่วงนอนแล้ว ค่อย ๆ เดินเขย่งเท้าปิดประตูแล้วออกจากห้อง จนแล้วจนรอดลั่วจิ่วหลีก็ยังไม่พบผลลัพธ์ที่เฝ้าตามหาในความทรงจำ แต่สัญชาตญาณบอกนางว่า อ๋องเจาอาจพูดความจริง บางที เจ้าของร่างเดิมอาจลืมเรื่องบางอย่างไป ด้านนอกประตู ชุนหรงที่จากไปแล้วก็ย้อนกลับมาด้วยความเร่งรีบ เคาะประตูด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง “คุณหนูเจ้าคะ คนจากจวนอ๋องเจาส่งสินเดิมและเงินหนึ่งแสนตำลึงเงินพร้อมด้วยหนังสือหย่ามาแล้ว ฮูหยินจึงสั่งให้บ่าวมาถามคุณหนูว่า คุณหนูอยากจะดูด้วยตัวเองหรือไม่เจ้าคะ” เพียงได้ยินชื่อจวนอ๋องเจา ลั่วจิ่วหลีย่นคิ้วด้วยความรังเกียจ หันหลังกลับแล้วนอนลง

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 15

    “ปีศาจ” ลั่วจิ่วหลีทำปากพึมพำไม่มีเสียงเรียกเขาเช่นนั้น ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะตาลายจึงเห็นว่าอ๋องเก้ายกริมฝีปากใส่นางแบบคาดไม่ถึง เป็นไปได้ไหมว่า เขาเห็นปากที่พึมพำของนาง “ฉินอิ่น คุณหนูรองตระกูลลั่วขัดขวางการเดินทางของข้า เชิญไปดื่มชาที่จวนอ๋องเก้าเสียเถอะ” เซียวหมิงเสวียนเปิดปากพูดช้า ๆ น้ำเสียงขรึมเย็นเล็กน้อย ผู้คนทั้งซ้ายขวาก็ตกใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นสะท้าน ภายในรถม้า ลั่วจิ่วหลียกมือกอดอก ปราศจากอาการตกใจลนลาน นางคิดจะไปหาเขาอยู่แล้ว ไม่สำคัญว่าไปที่ไหน รถม้าทั้งสองคันวกกลับไปจอดหน้าประตูจวนอ๋องเก้าตามลำดับชุนหรงและสารถีกลัวมากจนไม่กล้าหายใจแรง ลั่วจิ่วหลีลงจากรถม้า เงยหน้าขึ้นมอง สิงโตหินแกะสลักสองตัว ประตูทาสีแดงชาด ตัวอักษร ‘จวนอ๋องเจา’ บนป้ายประหนึ่งหงส์เหินล้อลม ราวกับจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงสถานะอันสูงศักดิ์ บัดนี้เซียวหมิงเสวียนก็ลงจากรถม้า สายตาหยุดอยู่ที่ลั่วจิ่วหลี รูปลักษณ์งดงาม ดวงตาปราดเปรื่องคู่หนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อสายตาตกลงไปที่ไฝน้ำตาน่าเอ็นดูใต้หางตาของนาง คิ้วของเขาเลิกขึ้นโดยแทบมองไม่เห็น ทันทีที่องครักษ์เฝ้าประตูเห็นอ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 16

    ณ จวนอ๋องเจา นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วจิ่วหลีได้พบอ๋องเจาเซียวจูมั่วอีกครั้งหลังผ่านไปหนึ่งเดือนจวนอ๋องเจาในยามนี้ บริเวณที่ประทับชั้นในถูกไฟไหม้เสียหายหมดแล้วจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในคืนนั้น เคราะห์ดีที่ไฟหยุดแค่บริเวณรับรองแขก ไม่ได้ทำลายจวนอ๋องเจาจนพังพินาศไปทั้งหมด อ๋องเจาถูกกักบริเวณ ชายาเอกขอหย่า ชายารองเข้าคุก ข้ารับใช้ส่วนใหญ่ภายในจวนจึงถูกเลิกจ้าง เหลือคนเก่าคนแก่ไว้ดูแลอ๋องเจาไม่กี่คนเขาในเวลานี้สวมเสื้อคลุมยาวสีม่วงปักลายนกกระเรียนมงกุฎแดง มือซุกอยู่ในแขนเสื้อ ยืนอยู่ที่ตีนบันไดใบหน้าซูบผอมจนดูราวกับว่านกกระเรียนมงกุฎแดงขาเรียวบนทรวงอกเขาสามารถปลิวตามลมไปได้ทุกเมื่อลั่วจิ่วหลีเห็นสภาพเขาเช่นนี้ก็ยังตกใจจนสะดุ้ง“ท่านอ๋อง เขากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”เซียวหมิงเสวียนมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรเห็นว่านางก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเสียใจหรือสงสารใด ๆ เซียวจูมั่วเห็นพวกเขาเดินเข้ามาก็ยิ้มเยาะตัวเองเขาถวายคำนับอ๋องเก้า“เสด็จอาเก้า”“อือ”เซียวหมิงเสวียนตอบรับด้วยเสียงอือเบา ๆแล้วเซียวจูมั่วก็มองไปที่ลั่วจิ่วหลี“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมข้

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 17

    “ท่านอ๋องเก้า หม่อมฉันอยากไปเรือนจำกลางกรมอาญาเพคะ”เรื่องนี้ นางต้องไปถามเยียนทิงเหลียนให้รู้เรื่องถึงแม้อ๋องเจาจะแต่งกับเจ้าของร่างเดิมเพราะจวนอี้กั๋วกงสามารถสนับสนุนเขาทางการเมืองได้ และต่อให้เขาไม่ชอบเจ้าของร่างเดิมขนาดไหนก็ไม่มีทางโง่จนไปหาคนมาทำให้นางแปดเปื้อน ให้ตัวเองได้ชื่อว่าถูกสวมเขาเช่นนี้เซียวหมิงเสวียนเม้มปาก สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา พูดกับคนนอกรถ“กรมอาญา”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับรถม้าเลี้ยวไปทางกรมอาญาเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา เสียงฉินอิ่นก็ดังมาจากนอกรถม้าอีกครั้ง“นายท่าน ถึงกรมอาญาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวหมิงเสวียนยื่นมือออกไป ขณะกำลังจะออกจากรถม้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนสับสน และยังมีเสียงตะโกนแข็งกร้าวของผู้ชาย“เร็ว เร็วเข้า รีบไปหา ถ้ายังมีชีวิตต้องเห็นคน ตายแล้วต้องเห็นศพ”ลั่วจิ่วหลีที่นั่งอยู่ในรถม้าใจเต้นรัวขึ้นมาตาขวาก็กระตุกสองครั้ง“เจ้ารออยู่ในรถ”เซียวหมิงเสวียนสั่งทิ้งไว้แล้วก้าวออกไปจากรถม้าอย่างรวดเร็วลั่วจิ่วหลีกำหมัดแน่น ไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก แต่ทำไมนางรู้สึกใจไม่สงบเลยเล่า?นางแหวกม่านรถม้าออก เห็นว่าด้านนอกม

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 18

    ผู้บังคับการร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตกใจเพราะน้ำเสียงของลั่วจิ่วหลีไปถามดูทั้งเมืองหลวงดูก็ได้ว่ามีใครกล้าพูดแบบนี้กับท่านอ๋องเก้าผู้หญิงคนนี้ เห็นทีจะบ้าไปแล้วเซียวหมิงเสวียนทำหน้าเข้ม กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ต้องการอะไรบ้าง?”เขาก็รู้ว่าพัศดีคนนี้เป็นพยานปากเอก ถ้ามีทางช่วยให้รอดได้ก็จะไม่มีทางปล่อยให้เขาตาย“ห้องส่วนตัว น้ำอุ่น ผ้าพันแผล ยาห้ามเลือด”“ไป เตรียมให้พร้อมเดี๋ยวนี้”เซียวหมิงเสวียนมองไปที่ผู้บังคับการคนนั้น“พ่ะย่ะค่ะ”ผู้บังคับการไม่กล้าเมินเฉยต่อท่านอ๋องเก้า แต่สายตาที่มองลั่วจิ่วหลีกลับเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลั่วจิ่วหลีไม่มองเขา ลุกขึ้นยืนมีคนใช้เปลหามยกพัศดีคนนั้นไปที่ห้องเงียบ ๆ ที่อยู่ไกล ๆ ห้องหนึ่งหลังจากนั้น น้ำอุ่น ผ้าพันแผลและยาห้ามเลือดก็ถูกส่งเข้ามา“เอาละ พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ”“ตอนที่ข้ารักษาอยู่ หวังว่าจะไม่มีใครเข้ามารบกวนในห้อง”ขณะที่พูด เสียงปิดประตูปังก็ดังขึ้นนอกประตูผู้บังคับการมองประตูที่ปิดสนิทแล้วก็มองสีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ใด ๆ ของเซียวหมิงเสวียน“ท่านอ๋อง นี่?”เซียวหมิงเสวียนไม่ขยับ มือไพล่หลัง ตาจ้องไปที่ประต

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 19

    “ใช้เวลานานเท่าไรเขาถึงจะเข้าเมืองหลวง?”เซียวหมิงเสวียนส่ายหัว“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แล้วแต่อารมณ์เขา” คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธจนหัวเราะ“นิสัยประหลาดจริง ๆ ขนาดท่านอ๋องเทพสงครามแห่งราชวงศ์ฉางหนิงของเราเชิญยังต้องดูอารมณ์อีกด้วย”“ช่างเถอะ เราก็ใช้สถานะกดดันคนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฮัวหลานโจวนั่นก็อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง”“ช่างเถอะ ช่างเถอะ รอไปแล้วกัน”“ปล่อยให้อ๋องเจาทนลำบากไปอีกสักพัก ให้เขาหลาบจำเสียบ้างก็ดีเหมือนกัน”เซียวหมิงเสวียนทำมือเตรียมถวายคำนับ น้ำเสียงราบเรียบ“เสด็จพี่ยังทรงมีธุระอื่นอีกไหมพ่ะย่ะค่ะ? หากไม่มี กระหม่อมก็ขอทูลลาก่อน”“ไปเถอะ”ฮ่องเต้โบกมือเซียวหมิงเสวียนหันตัวกลับ เดินออกไปนอกประตูตำหนักเวลาเดียวกันนี้เอง ภายในห้องที่ค่อนข้างปลีกวิเวกห้องหนึ่งในกรมอาญาลั่วจิ่วหลีตัดเสื้อตรงอกของพัศดีคนนั้นออกแล้ว เผยให้เห็นกริชที่ปักอยู่บนตัวเขา หรี่ตาลงเล็กน้อยรอบข้างไม่มีใคร นางเรียกยาชา ผ้าพันแผล ยาห้ามเลือดและเข็มเย็บแผลออกมาจากแหวนโบราณ วางเรียงหน้ากระดานไว้ข้างตัวทันใดนั้นเอง มือลั่วจิ่วหลีก็กำด้ามกริชไว้ หายใจช้า ๆ อย่างระมัดระวัง“ฉับ!”เสียงดั

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 20

    อวี๋ไห่เซิงตัวสั่นสะท้าน“พ่ะย่ะค่ะ”เขากล่าวจบก็ออกไปดำเนินการเซียวหมิงเสวียนมองที่ลั่วจิ่วหลี“พัศดีคนนั้น ตอนนี้สามารถเคลื่อนย้ายได้หรือยัง?”ลั่วจิ่วหลีหันกลับไปดูในห้อง“ตามหลักไม่เคลื่อนย้ายจะดีที่สุด แต่ถ้าที่นี่ไม่สะดวกก็ใช้เปลหามยกไปได้”เมื่อนางเอ่ยปาก เซียวหมิงเสวียนก็ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว“ฉินอิ่น ยกคนขึ้นรถม้า ส่งกลับไปที่จวนข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นรับคำสั่งแล้วก็ไปจัดการทันทีลั่วจิ่วหลีตะลึงงัน“จวนท่านอ๋อง? ท่านอ๋องจะนำเขาไปจวนท่านหรือ?”หมายความว่านางก็ต้องตามไปจวนอ๋องเก้าด้วยน่ะสิเซียวหมิงเสวียนปรายตามองนาง“เขาเป็นพยานคนเดียวที่ปล่อยเยียนทิงเหลียนไป”“ไปกันเถอะ คืนนี้เจ้าต้องอยู่ดูแลเขาที่จวนข้า”พูดแล้วก็หันกลับไปเตรียมจะไป“ช้าก่อน”ลั่วจิ่วหลียื่นมือออกไปคว้าแขนเสื้อเขาไว้อย่างไม่รู้ตัวเซียวหมิงเสวียนหันหลังขวับ แววตาเจิดจ้าดุจคบเพลิง ลั่วจิ่วหลีรีบปล่อยอย่างลนลานราวถูกไฟลวก“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ”“หม่อมฉันไปดูแลเขาได้ แต่หม่อมฉันต้องกลับเรือนไปบอกให้ท่านแม่เสียก่อน ไม่เช่นนั้น…”“ไม่ต้อง ข้าส่งคนไปแจ้งที่จวนอี้กั๋วกงแล้ว”

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 21

    เซียวหมิงเสวียนเลิกคิ้ว ลูบแหวนน้าวบนนิ้วพลางกลับไปนั่งเก้าอี้ ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบผ้าเช็ดหน้าไหมหนา ๆ ผืนหนึ่งออกมาแล้วกางออก ด้านในมีมีดผ่าตัดขนาดเล็กเล่มหนึ่งเมื่อลั่วจิ่วหลีเห็นมีดผ่าตัดเล่มนั้น รูม่านตาก็หดอย่างรวดเร็วเซียวหมิงเสวียนหยิบด้ามจับมีดผ่าตัดขึ้นมา เอ่ยปากพูดอย่างเรียบเฉยว่า“มีดเล่มนี้ ฉินอิ่นยึดมาจากเจ้าคืนที่เจ้าวางเพลิงจวนอ๋องเจา”“อยู่ที่ท่านอ๋องได้อย่างไร?”ลั่วจิ่วหลีก้มหน้า มิได้เฉไฉ“มีดนี้คมไร้ที่เปรียบ ตัดได้กระทั่งเส้นผม แต่ไม่รู้ว่าคุณหนูรองตระกูลลั่วได้มาจากที่ใด? หรือจะบอกว่าให้สาวใช้ไปซื้อหามา? บอกข้าหน่อยสิ ข้าก็จะซื้อสักหลาย ๆ เล่ม”ลั่วจิ่วหลีมองมีดผ่าตัดในมือเขา มุมปากกระตุกทีหนึ่งนึกถึงว่านางพูดในรถม้าที่นอกจวนอ๋องเจาว่า นางรู้วิชาแพทย์ เข้าใจหลักการรักษาโรค ขอเพียงเขาต้องการก็ยินดีรับใช้เขาทุกเมื่อพอมานึกดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าคืนนั้นสมองเบลอไปแล้วหรืออย่างไร? ยังเข้าใจสถานการณ์ไม่กระจ่าง ตนเองกล่าวคำพูดเหล่านั้นไปได้อย่างไรกัน“ท่านอ๋อง”ลั่วจิ่วหลีถูมือแล้วถูมืออีก ยิ้มแหยอย่างทำตัวไม่ถูกนินทาในใจว่า ชายคนนี้ก็คือปีศาจจิ้งจอกที

บทล่าสุด

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 40

    แค่เพราะว่านางเป็นบุตรสาวของอี้กั๋วกงเท่านั้นหรือ? หรือเพราะมีอ๋องเก้าคอยสนับสนุน?ส่วนเหตุผลอื่น ๆ ลั่วจิ่วหลีไม่ได้ถามอย่างละเอียด เซียวหมิงเสวียนเองก็ไม่ได้เล่าอย่างละเอียดเช่นกันเมื่อก้าวเข้าประตูตำหนักกานเฉวียนก็ได้ยินร้องไห้สะอึกสะอื้นแว่วดังมาจากในตำหนักลั่วจิ่วหลีจิตใจเขม็งเกลียว หันหน้ากลับไปมองเซียวหมิงเสวียนเซียวหมิงเสวียนสีหน้าเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ชายเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำขลับของเขาปลิวไสวลั่วจิ่วหลีนึกทึ่ง เป็นคนหน้าตาดุร้ายเย็นชาแบบนี้ หูปิงอวี้คิดไม่ตกขนาดไหนกันถึงได้ชอบเขา นี่จะต่างอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่กับก้อนน้ำแข็งงั้นหรือ?“มองข้าทำไม? ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”ลั่วจิ่วหลีร้องเชอะทีหนึ่ง“ท่านอ๋อง ข้ามามือเปล่า ไม่มีกล่องยา เข้าไปรอให้ถูกฝ่าบาทบั่นคอหรืออย่างไร?”เซียวหมิงเสวียนก้าวลงจากขั้นบันได“เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าช่วยเหลือทุกวิถีทางเท่าที่สามารถทำได้”ลั่วจิ่วหลีเดินตามไปติด ๆ ใจอยากถามเขาเหลือเกินว่า เขาบอกฮ่องเต้เรื่องที่นางรู้วิชาแพทย์ใช่หรือไม่แต่ยังไม่ทันได้ถามออกไปก็เห็นบางสิ่งเล็ก ๆ สีขาวพุ่งออกมาจากประตูลั่วจิ่วหลียังไม่ทันมองอย่า

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 39

    แม้แต่หูปิงอวี้ที่แสร้งทำตัวน่าสงสารมาตลอด ยังเดินตามออกมาโดยมีนางกำนัลประคองเอาไว้เช่นกันฮ่องเต้พยายามสงบสติอารมณ์ มองไปรอบ ๆ สายตาไปหยุดที่ลั่วจิ่วหลี“ลั่วจิ่วหลี เจ้าตามเราไปที่ตำหนักกานเฉวียน”ในระหว่างที่พูดก็สาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็วทุกคนตื่นตะลึง ฝ่าบาทให้ลั่วจิ่วหลีไปที่ตำหนักกานเฉวียนทำไม แต่ในเวลานี้ ใครเลยจะกล้าถาม สาวเท้าเดินตามฝ่าบาทไปโดยไม่รู้ตัวลั่วจิ่วหลียังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แขนก็ถูกคนจับเอาไว้“ท่านปล่อย...”เมื่อนางหันหน้ากลับไปมองก็เผชิญหน้ากับสีหน้าเย็นยะเยือกของเซียวหมิงเสวียนผู้ที่หันกลับมาในเวลาเดียวกันยังมีหูปิงอวี้ที่มีนางกำนัลประคองเอาไว้อีกคนเมื่อหูปิงอวี้เห็นเซียวหมิงเสวียนจับแขนของลั่วจิ่วหลี ร่างกายก็แข็งทื่อไปทันทีเขาแตะตัวนาง เขาไม่เคยแตะต้องสตรีใดมาก่อนเห็นอยู่ชัด ๆ ว่า เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในศาลา สายตาเขาที่มองลั่วจิ่วหลียังเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ เหตุใดเพียงชั่วพริบตา เขากลับจับแขนนางแพศยานั่นนี่เป็นไปได้อย่างไร?เป็นไปได้อย่างไร!เขาเป็นของนาง บนโลกใบนี้ผู้หญิงที่คู่ควรกับเขามีเพียงนางเท่านั้น!หูปิงอวี้โกรธจนกำมือทั้งส

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 38

    ลั่วจิ่วหลีแค่นเสียงเฮอะ“แน่จริงก็เจ้าอย่าตัดบทข้าพูดความจริงสิ เป็นเพราะร้อนตัวใช่หรือไม่”ลั่วจิ่วหลีพูดจาตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ไม่เพียงไม่ไว้หน้า ยังตั้งใจจะตอบโต้คนเหล่านี้หนัก ๆ อีกด้วยเดิมทีฮ่องเต้อยากจะถามให้ชัดเจน ตอนนี้ ไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ เขาก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว“อ๋องเก้า”“เสด็จพี่”เซียวหมิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง“ส่งคุณหนูรองตระกูลลั่วออกนอกวังหลวง”“พ่ะย่ะค่ะ”เซียวหมิงเสวียนมองลั่วจิ่วหลีแวบหนึ่งด้วยความโมโหลั่วจิ่วหลีถือโอกาสหันหน้าไปมองหูปิงอวี้ ผู้หญิงคนนี้ช่างมารยาเสียจริง ๆ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังขดตัวอยู่ในอ้อมแขนหูกุ้ยเฟย ริมฝีปากสั่นระริก กระอักกระไอพลางร้องไห้ ท่าทางน่าเวทนาจนถึงที่สุด“ฝ่าบาท หม่อมฉันยังพูดไม่จบเพคะ เป็นหูปิง...”“ลั่วจิ่วหลี เจ้าหุบปาก รีบตามข้าออกจากวังหลวงเดี๋ยวนี้”เซียวหมิงเสวียนพยายามควบคุมโทสะของตนเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถแล้วในวังหลวง อันตรายรอบด้าน อุปนิสัยตรงไปตรงมาของนางไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้เลย ยิ่งไม่สามารถสั่นคลอนหูกุ้ยเฟยได้เลยแม้แต่น้อย รังแต่จะทำให้หูกุ้ยเ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 37

    หูปิงอวี้เริ่มจากทำตัวสั่นระริกแล้วถลาเข้าไปในอ้อมแขนของหูกุ้ยเฟย จากนั้นก็หลั่งน้ำตาด้วยท่าทีน่าสงสาร สุดท้ายก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเริ่มฟ้องร้อง“ใช่เพคะ เป็นเพราะคุณหนูรองตระกูลลั่วไม่รับคำขอโทษของหม่อมฉัน ไม่เพียงตบหน้าหม่อมฉัน ยังผลักหม่อมฉันลงไปในทะเลสาบอีกด้วยเพคะ”“อาหญิง ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดมอบความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”นางหลุบตาก้มหน้าเล็กน้อย ราวกับกวางน้อยตกใจ น้ำตารื้นเต็มเบ้าตา ดวงตาทั้งสองข้างมองอ๋องเก้าเซียวหมิงเสวียนแวบหนึ่งราวกับไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นว่าเซียวหมิงเสวียนไม่ได้เป็นห่วงลั่วจิ่วหลีมากเท่าไหร่ จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเมื่อทุกคนได้ยินว่าลั่วจิ่วหลีทำร้ายหูปิงอวี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ ต่างพากันหันไปมองหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนเป็นไปตามคาด ใบหน้าฝั่งนึ่งของหูปิงอวี้แม้จะเปียกน้ำ แต่ยังคงสามารถมองเห็นรอยฝ่ามือสีแดงนั่นได้“ฮัดชิ้ว ๆ”ลั่วจิ่วหลีกระชับเสื้อคลุม จามสองครั้งติดต่อกัน ขดตัว เสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย“ข้าว่านะหูปิงอวี้ ก่อนจะโกหกช่วยเขียนร่างสักหน่อยได้หรือไม่? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เก่งมาจากไหน ถึงคู่ควรให้ข้าผลักเจ้าตกน้ำ”“อีกอย่าง หยุดทำ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 36

    “ลั่วจิ่วหลี เจ้ามันนางแพศยา”ข้อมือหูปิงอวี้ตวัดวูบ ทันใดนั้นก็มีกริชเล่มหนึ่งสะท้อนแสงออกมา จู่โจมเข้าหาดวงตาของลั่วจิ่วหลีด้วยความรวดเร็วและรุนแรงลั่วจิ่วหลีดวงตาเบิกกว้าง คิดในใจว่าหูปิงอวี้รู้วรยุทธ์ด้วยหรือนี่ แต่ดูจากท่าทางของนางเหมือนกับว่าวรยุทธ์ไม่ได้สูงส่ง นางยังพอรับมือได้ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เอียงศีรษะหลบการลอบสังหารของนาง มืออีกข้างกางนิ้วทั้งห้าเป็นกรงเล็บหมาป่าขย้ำข้อมือของหูปิงอวี้เอาไว้แล้วออกแรงกริชในมือหูปิงอวี้ตกลงบนพื้นดังแกร๊งพร้อมกับอาการเจ็บจนชาหนึบ แล้วถูกลั่วจิ่วหลีเตะกระเด็นตกลงไปในทะเลสาบเห็นได้ชัดว่า หูปิงอวี้เองก็คิดไม่ถึงว่าลั่วจิ่วหลีจะเป็นวรยุทธ์เช่นเดียวกันนางอ่อนแอบอบบางขนาดนั้นแท้ ๆ ทั้งยังขี้ขลาดหัวอ่อน นางเป็นวรยุทธ์ด้วยหรือนี่ในเวลานี้ ทั้งสองคนได้ต่อสู้กันแล้ว คนนี้จับแขน คนนั้นขับข้อมือ คนนี้ขัดขาซ้าย คนนั้นขัดขาขวา“ไปตายเสียเถอะ”หูปิงอวี้เอ่ยเสียงกร้าวพร้อมกับลากลั่วจิ่วหลีลงไปในทะเลสาบตูม!ระลอกคลื่นสาดซัดบนผิวทะเลสาบ เสียงดังโครมครามนี้ทำให้ฝูงชนเดินเข้ามาด้วยความตื่นตกใจ“คุณหนูรองตระกูลลั่วตกน้ำแล้ว”“พี่สาวข้าก็อยู่

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 35

    “ลั่วจิ่วหลี มีประโยคหนึ่งที่น้องสาวของข้ากล่าวได้ถูกต้อง เจ้าสูญเสียความบริสุทธิ์แล้ว ทั้งยังเป็นแม่ม่ายผัวร้างที่เคยแท้งลูก ไม่มีสิทธิ์ที่จะใกล้ชิดกับอ๋องเก้าขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ลั่วจิ่วหลีก็พลันเข้าใจแล้ว ตัวการที่แท้จริงในวันนี้คือนางชาเขียว[1]ที่เปลือกนอกดูบริสุทธิ์เรียบร้อยไร้พิษภัย แต่ความจริงทะเยอทะยานเกินใครผู้นี้เอง“ดูท่าข่าวลือที่แพร่สะพัดตามท้องตลาดจะเป็นความจริง คุณหนูใหญ่ตระกูลหูชอบพอท่านอ๋องเก้า”“แต่น่าเสียดายที่เป็นการรักเขาข้างเดียว คุณหนูใหญ่ตระกูลหูไม่กล้าไประบายความโกรธใส่เจ้าตัว จึงมารังแกคนที่อ่อนแอกว่า”ในระหว่างที่ลั่วจิ่วหลีกำลังพูดก็ขยับข้อมือเล็กน้อย“ก่อนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลหูจะลงมือ คงจะต้องคิดให้ดีเสียก่อนว่า ถ้าแตะต้องข้า จวนอี้กั๋วกงจะยอมรามือหรือไม่?”หูปิงอวี้เลิกคิ้ว แสยะยิ้ม เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา“แตะต้องเจ้าแล้วจะทำไม? โลกภายนอกก็คงจะมองว่าเป็นเด็กสาวสองคนริษยากันเท่านั้น หรือว่าท่านพ่อไร้การศึกษานั่นของเจ้าจะกล้าลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ”“หึ! ลั่วจิ่วหลี ข้ารู้มาตลอดว่าวิธีการของเจ้านั้นยอดเยี่ยม ตอนเทียวไล้เทียวข

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 34

    หูหานอวี้ยิ้มอย่างดูถูก“ก็เจ้าไงละ ข้าพูดว่าเจ้าไร้ยางอาย เพิ่งจะถูกญาติผู้พี่ปลดก็เข้าออกจวนอ๋องเก้าทันที”“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ก็เป็นแค่ภรรยาที่ถูกญาติผู้พี่ของข้าทอดทิ้ง เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเกาะท่านอ๋องเก้าผู้มีอำนาจสูงส่งได้แล้วก็จะสามารถทำตัวไม่เห็นหัวผู้อื่นแบบนี้ได้”ลั่วจิ่วหลีเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าหูหานอวี้จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาเป็นท่านอ๋องเก้า จึงแอบประหลาดใจเล็กน้อยนางหันไปมองหูปิงอวี้อย่างไม่ตั้งใจ เห็นหูปิงอวี้นั่นก้มหน้าด้วยสีหน้าสงบเสงี่ยม นิ้วมือเรียวยาวทั้งสองข้างเล่นถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือ มุมปากอมยิ้มส่วนหูกุ้ยเฟย สงบนิ่งเยือกเย็น ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ราวกับว่านางก็คือนายหญิงผู้อยู่เบื้องหลังคอยชักใยบังคับทิศทางผู้นั้น“เฮอะ!”ลั่วจิ่วหลีแสยะยิ้มในใจ ดูท่า นี่ถึงจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่หูกุ้ยเฟยเรียกนางเข้าวังหลวงคำดูถูกเหยียดหยามและความทุกข์ยากลำบากที่เจ้าของร่างเดิมเคยได้รับตอนอยู่ที่จวนอ๋องเจา ถูกอ๋องเจากับเยียนทิงเหลียนทอดทิ้งให้เผชิญยถากรรมด้วยตนเองในเรือน ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณจนตายทั้งกลม เรื่องทั้งหมด หูกุ้ยเฟยล้วนไม่เห็นแต่เรื่องเหลวไหลที

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 33

    “หานอวี้ พูดจาเหลวไหลอะไร”หูปิงอวี้ค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้ามา กล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้าเคยพูดกี่ครั้งแล้ว ข่าวลือที่แพร่อยู่ข้างนอกไม่เป็นความจริง ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อฟังอยู่เรื่อย! ยิ่งไปกว่านั้น เมืองหลวงกว้างใหญ่ขนาดนี้ ทุกคนเจอกันบ่อย ๆ อย่าทำให้เกิดความแค้นเพราะเรื่องที่ไม่มีหลักฐานเลย”“คุณหนูรองตระกูลลั่ว น้องสาวของข้าอายุยังน้อย ไม่รู้ความ คุณหนูรองตระกูลลั่วได้โปรดอย่าถือสาหาความนางเลย”ลั่วจิ่วหลีหันหน้าไปทางนาง หูปิงอวี้หลุบตาที่สดใสเปล่งประกายลง ประกายในดวงตานั้น นางมองปราดเดียวก็สัมผัสได้ถึงความเสแสร้งมารยาเสแสร้ง มารยาสาไถย ธาตุแท้ส่งกลิ่นออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งนอกจากนี้ ความคิดล้ำลึก ดูเหมือนว่ากำลังกล่าวขอโทษ แต่อันที่จริงไม่เปิดโอกาสให้ลั่วจิ่วหลีพูด หันหลังกลับไปประคองหูกุ้ยเฟยกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“อาหญิงเหนื่อยแล้วกระมัง ในศาลามีชาดอกพุดตานที่ชงเสร็จแล้วอยู่พอดี อาหญิงพักผ่อนเสียหน่อย จิบชาให้ชุ่มคอ”หูกุ้ยเฟยยิ้มบาง ๆ เหลือบตามองลั่วจิ่วหลีอย่างไม่อบอุ่นและไม่เย็นชา“คุณหนูรองตระกูลลั่ว วันนี้เข้าวังหลวงมาอย่างหาได้ยาก มาลองชิมชาดอกพุดตานที่ข้

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 32

    หูหานอวี้ อายุสิบห้าปี หลานสาวแท้ ๆ ของหูกุ้ยเฟย อย่ามองว่านางมีอายุเพียงแค่สิบห้าปี แต่อุปนิสัยอวดดีซึ่งต่างจากอาหญิงมากโข เป็นผู้มีนิสัยเผด็จการอันดับหนึ่งในแวดวงสตรีชั้นสูงแห่งเมืองหลวงนางยังมีพี่สาวอีกคนนามว่า หูปิงอวี้ อายุสิบเก้าปี ยังไม่แต่งงานแล้วก็ไม่ได้ดูตัวเช่นกัน ได้ยินคนนอกพูดว่าเป็นเพราะกำลังรอท่านอ๋องเก้า ในความทรงจำของลั่วจิ่วหลีไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับหูปิงอวี้มากนักทันทีที่หูหานอวี้ได้ยินก็หันไปพ่นลมหายใจอย่างเยาะหยันใส่ลั่วจิ่วหลี“ก็แค่คนที่ถูกญาติผู้พี่ของข้าเบื่อหน่าย อาศัยอำนาจของจวนอี้กั๋วกง คิดว่าตัวเองมีอำนาจมากนักงั้นรึ?”ลั่วจิ่วหลีเหลือบมองนางแวบหนึ่ง“เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่า พวกเราต่างเบื่อหน่ายซึ่งกันและกัน”“อีกอย่าง การมีอำนาจไม่ดีหรือ? เจ้าก็อาศัยอำนาจของกุ้ยเฟยผู้เป็นอาหญิงมาวางอำนาจบาตรใหญ่เหมือนกันไม่ใช่รึ?”“เจ้า...“ดวงตาเมล็ดซิ่งของหูหานอวี้เบิกกว้าง อ้าปากกำลังจะด่าก็ได้ยินเสียงอาหญิงของตนเองดังมาจากทางด้านหลัง“การมีอำนาจไม่มีอะไรไม่ดี แต่การอวดดีเกินไป ไม่เห็นใครอยู่ในสายตานั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไร”ท่ามกลางดงดอกพุดตาน สตรีท่าทางสง่าง

DMCA.com Protection Status