Share

บทที่ 14

แต่ยังมีอีกสองคำถามติดอยู่ในใจของนาง

ตอนนั้นที่อยู่นอกจวนอ๋องเจา นางยัดเมทแอมเฟตามีนใส่ปากอ๋องเจาหนึ่งเม็ด แต่เมทแอมเฟตามีนไม่มีทางทำให้อ๋องเจาคลุ้มคลั่งแบบนั้นได้

ยังมีคำพูดของอ๋องเจาอีก เขาไม่เคยแตะต้องเจ้าของร่างเดิม และลูกเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่ลูกของเขา?

ทว่าตอนที่นางสืบทอดความทรงจำของร่างเดิมกลับไม่เห็นภาพอื่นเลย

นางหลับตาลง นึกทวบทวนย้อนกลับถึงความทรงจำในสมองให้ถี่ถ้วน

สาวใช้ชุนหรงเห็นคุณหนูหลับตาลงก็คิดว่านางง่วงนอนแล้ว ค่อย ๆ เดินเขย่งเท้าปิดประตูแล้วออกจากห้อง

จนแล้วจนรอดลั่วจิ่วหลีก็ยังไม่พบผลลัพธ์ที่เฝ้าตามหาในความทรงจำ

แต่สัญชาตญาณบอกนางว่า อ๋องเจาอาจพูดความจริง บางที เจ้าของร่างเดิมอาจลืมเรื่องบางอย่างไป

ด้านนอกประตู ชุนหรงที่จากไปแล้วก็ย้อนกลับมาด้วยความเร่งรีบ เคาะประตูด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

“คุณหนูเจ้าคะ คนจากจวนอ๋องเจาส่งสินเดิมและเงินหนึ่งแสนตำลึงเงินพร้อมด้วยหนังสือหย่ามาแล้ว ฮูหยินจึงสั่งให้บ่าวมาถามคุณหนูว่า คุณหนูอยากจะดูด้วยตัวเองหรือไม่เจ้าคะ”

เพียงได้ยินชื่อจวนอ๋องเจา ลั่วจิ่วหลีย่นคิ้วด้วยความรังเกียจ หันหลังกลับแล้วนอนลง

“ไม่จำเป็น ให้ท่านแม่จัดการก็พอ”

“หากท่านแม่ถามอีก ให้บอกว่าข้าหลับไปแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

ชุนหรงหันหลังเดินจากไป

วันที่สิบเดือนเจ็ด พักฟื้นร่างกายได้เกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดลั่วจิ่วหลีก็ฟื้นฟูคืนเป็นปกติ

ส่วนทารกน้อยคนนั้นที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกคนนั้น ลั่วจิ่วหลีส่งคนไปซื้อแท่นบูชาอายุยืนที่วัดหนานหัว เพื่อให้เด็กคนนั้นไปสู่สุคติ

ระหว่างนี้ลั่วจิ่วหลีก็ได้พบกับพี่สาวของร่างเดิม นั่นคือฮูหยินของตุลาการศาลต้าหลี่ ลั่วจิ่วชิง

เจ้าของร่างเดิมมีครอบครัวปรองดอง อี้กั๋วกงผู้เป็นบิดามีท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมเพียงคนเดียว ทั้งสองให้กำเนิดบุตรทั้งสิ้นสี่คน

ลั่วหยวนเหลียงพี่ชายคนโต ฝึกทหารที่ลี่หยางร่วมกับอี้กั๋วกงผู้เป็นบิดาในฐานะแม่ทัพน้อย

ลั่วจิ่งชิงพี่สาวคนโตเป็นภรรยาของตุลาการศาลต้าหลี่ นายหญิงของครอบครัว นางคลอดลูกคนแรกไปเมื่อสามเดือนก่อน เพิ่งออกไฟเมื่อไม่นานมานี้

ลั่วหยวนเจี่ยพี่ชายคนรอง บัดนี้เล่าเรียนอยู่ที่สำนักบัณฑิตหนานลู่ เตรียมพร้อมสำหรับการสอบจอหงวนปีหน้า

และเจ้าของร่างเดิม เป็นบุตรสาวคนเล็กที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด ยังเป็นลูกที่น่าห่วงที่สุดอีกด้วย

“เฮ้อ! เกิดมามีความสุขแต่กลับไม่เห็นค่าความสุขจริง ๆ ”

ลั่วจิ่วหลีทอดถอนใจ ก้มมองแขนตัวเองที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้น

ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ นางลงทุนลงแรงไปไม่น้อยเพื่อร่างกายนี้

อาหาร เครื่องดื่ม ยาบำรุง อาหารเสริม นางกินทั้งหมดโดยไม่เลือก

ขณะนี้ลั่วจิ่วหลีเปลี่ยนชุดเรียบร้อย นั่งอยู่หน้ากระจก ปล่อยให้พวกชุนหรงวาดคิ้วทาปากเสริมแต่งให้นาง

มองสตรีที่งดงามบริสุทธิ์อย่างไม่อาจพรรณนาได้ในกระจก อาภรณ์ขาวดุจหิมะในกระจก เส้นผมดำขลับดุจหมึก นัยน์ตาปราดเปรื่อง ริมฝีปากดุจกลีบบุปผา ใบหน้าพริ้มเพราเปล่งปลั่งชุ่มชื้น ลั่วจิ่วหลีตกอยู่ในภวังค์เคลิบเคลิ้ม

นี่คือรูปลักษณ์ที่เหมือนกับนางในอดีต แทบจะเหมือนกันทุกประการ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ หางตาของนางเคยสะอาดมาก แต่เจ้าของร่างเดิมมีไฝน้ำตาสีน้ำตาลอ่อนเล็ก ๆ ใต้หางตา

ด้านนอกเรือนฝูชวี อี้กั๋วกงฮูหยินเดินเข้ามา

“จิ่วเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรอยู่?”

ผ่านมาหลายวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่อี้กั๋วกงฮูหยินได้เห็นลั่วจิ่วหลีแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่สวยหรูเช่นนี้

นางนอนอยู่บนเตียงนานแค่ไหน นางที่เป็นแม่ก็ปวดใจมานานเท่านั้น

ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นบุตรสาวยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสดใสเช่นตอนนี้ ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา

“ท่านแม่”

ได้อยู่ร่วมกันนานร่วมเดือน ลั่วจิ่วหลีมีความยึดติดกับความรักระหว่างแม่และลูกสาวในโลกนี้ นางก้าวไปข้างหน้าคว้าจับมือของกั๋วกงฮูหยินอย่างเป็นธรรมชาติ

“โธ่! โธ่! เด็กดีเอ๋ย เด็กดี”

กั๋วกงฮูหยินตบหลังมือของลูกสาวเบา ๆ ดวงตาแดงระเรื่อ

“เหตุใดท่านแม่เป็นเช่นนี้ ลูกสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงหลายวัน ในที่สุดก็ฟื้นคืนพลังพื้นฐานของร่างกาย ท่านแม่ไม่ดีใจหรือเจ้าคะ?”

“ดีใจสิ ดีใจ”

อี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้า เช็ดหางตา

“เจ้าจะออกไปไหนรึ?”

นางถามอย่างระมัดระวังมาก กลัวว่าหากพูดผิดไป จะทำให้ลูกสาวเสียใจ

ลั่วจิ่วหลีได้ยินน้ำเสียงระมัดระวังของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกปวดแปลบกลางอก

แม่ที่ดีขนาดนี้! เจ้าของร่างเดิมช่างอาภัพจริง ๆ

“ท่านแม่ ข้าอยากออกไปเดินเล่น ให้พ่อบ้านเตรียมรถม้าแล้วเจ้าค่ะ”

“ออกไปเดินเล่นก็ดี ได้ผ่อนคลายอารมณ์ รีบกลับเร็วหน่อยล่ะ แม่รอกินข้าวพร้อมเจ้า”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแม่”

ลั่วจิ่วหลียิ้มอย่างมีความสุข แล้วพาชุนหรงออกจากลานบ้าน

ในรถม้า ลั่วจิ่วหลีไม่สนใจผู้คนที่สัญจรไปมาบนท้องถนน

สมองของนางกำลังครุ่นคิดว่า จะไปถามเรื่องอ๋องเจาที่จวนอ๋องเก้าหรือไปถามจากพี่เขยที่ศาลต้าหลี่ดี

ยังตัดสินใจไม่ได้ รถม้ากลับหยุดกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือน จนนางเกือบไถลตกที่นั่ง

แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนดุด่ามาจากเบื้องหน้า

“บังอาจ พวกเจ้ามาจากจวนไหน เห็นรถม้าของอ๋องเก้าแล้วยังไม่รีบหลีกทางให้!”

“อ๋องเก้า?”

ชุนหรงที่กำลังเดินอยู่ข้างรถม้าตกใจกลัวจนเกือบข้อเท้าแพลง

ทันใดนั้นลั่วจิ่วหลีที่อยู่ในรถม้าพลันนึกดีใจ แบบนี้เรียกว่าคิดถึงใครคนนั้นก็มาสินะ

ลั่วจิ่วหลีเปิดประตูรถม้า ฝั่งตรงข้ามก็มีมือสีขาวข้างหนึ่งยกม่านขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติปรากฏเข้ามาในสายตาของนางทันที

คิ้วเรียวยาวเฉียงไปทางขมับ แววตาดุจระลอกคลื่น ริมฝีปากสีกุหลาบเม้มเป็นเส้นตรง เผยกลิ่นอายเย็นชาจาง ๆ หากไม่ใช่อ๋องเก้าเซียวหมิงเสวียนแล้วจะเป็นใครได้อีก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status