Share

บทที่ 9

หากผู้ตีกลองมีข้อกล่าวหาเท็จหรือมีหลักฐานไม่เพียงพอ จะต้องโทษถูกโบยด้วยไม้นับร้อยที

ผู้ที่อ่อนแออาจทนรับไม่ไหวขาดใจตายทันที

นับตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฉางหนิงเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าตีกลองร้องทุกข์ในช่วงประชุมเช้า

วันนี้ผู้ใดช่างกล้านัก? ต้องมีความคับแค้นใจขนาดไหนถึงอยากให้ฮ่องเต้ได้สดับ?

ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังถกเถียงกัน ทันใดนั้นมีเสียงชาววังคุกเข่าอยู่ด้านนอกห้องโถง

“ถวายบังคมอ๋องเก้า ทรงพระเจริญพันปีพันพันปี”

“น้องเก้า”

“อ๋องเก้า?”

“เสด็จอาเก้า?”

ภายในตำหนัก ตั้งแต่ฮ่องเต้ องค์ชายไปถึงเหล่าขุนนาง ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริด

แม้ว่าเหล่าเจ้านายและขุนนางทุกระดับจะรู้แล้วว่าอ๋องเก้ากลับเมืองหลวงเมื่อคืน ทว่าเมื่อสองปีก่อนชายแดนมีความมั่นคง อ๋องเก้าจึงส่งคืนตราพยัคฆ์และออกจากเมืองหลวง

สองปีมานี้ไม่เคยก้าวเข้ามาในราชสำนัก เหตุใดวันนี้จึงมาได้เล่า

เมื่อร่างสูงสง่าตั้งตรงของอ๋องเก้าปรากฏขึ้นในห้องโถง ความตกตะลึงของทุกคนไม่จบเพียงแค่นั้น

มองเห็นด้านหลังอ๋องเก้า สตรีผู้หนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำหมึกขาดรุ่งริ่งและแบกโลงใบเล็กด้วยสองมือ ค่อย ๆ เดินตามมาจนถึงภายในท้องพระโรง

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

เซียวหมิงเสวียนทำท่าจะคุกเข่า

ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ตรัสห้าม

“น้องเก้าไม่ต้องมากพิธี ยกเก้าอี้มา”

มีชาววังยกเก้าอี้เข้ามาทันที และวางไว้บริเวณหน้าสุดของท้องพระโรง

ลั่วจิ่วหลีซึ่งแบกโลงอยู่ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว อ๋องเก้าผู้นี้สมกับฉายาอ๋องเทพสงครามแห่งราชวงศ์ฉางหนิงเสาหลักของแผ่นดินจริง ๆ

ถึงได้มีสิทธิ์นั่งเคียงข้างฮ่องเต้ในท้องพระโรง

ชั่วพริบตานั้นรู้สึกว่า ที่โดนตบเมื่อคืนไปหนึ่งครา มันคุ้มค่าแล้วจริง ๆ

เซียวหมิงเสวียนนั่งลง

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรลั่วจิ่วหลีที่แบกโลกอยู่ แต่เพราะโลงศพบังหน้า จึงมองไม่เห็นว่าเป็นผู้ใด

“น้องเก้า นี่คือ?”

ฮ่องเต้จึงทอดพระเนตรเซียวหมิงเสวียน

“ทูลเสด็จพี่ นี่คือพระชายาอ๋องเจาที่เพิ่งตีกลองร้องทุกข์พ่ะย่ะค่ะ”

“พระชายาอ๋องเจา?”

เหล่าขุนนางในราชสำนักมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

เหตุใดพระชายาอ๋องเจาจึงเข้าวังพร้อมกับอ๋องเก้า?

ได้ยินเซียวหมิงเสวียนเอ่ยเย็นชาเคร่งขรึม

“เสด็จพี่ เมื่อคืนกระหม่อมกลับเมืองหลวง ระหว่างทางพบว่าเกิดเพลิงไหม้จวนอ๋องเจา ยังบังเอิญพบกับพระชายาอ๋องเจาที่ถูกไล่ล่า จึงช่วยเหลือเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าทหารของอ๋องเจาจะล้อมรถม้าของกระหม่อม และชักดาบกระบี่ใส่กระหม่อมด้วย”

สิ้นเสียงคำว่าดาบกระบี่ บรรยากาศในห้องโถงพลันหยุดนิ่ง

ลอบปลงพระชนม์ชินอ๋องมีโทษประหารเชียวนะ

คราวนี้อ๋องเจาก่อเรื่องใหญ่แล้ว

ฮ่องเต้ทรงพิโรธ

“ใครก็ได้ ไปตามอ๋องเจามาพบเรา”

“เสด็จพี่โปรดอย่าพิโรธ จะว่าไปแล้ว อ๋องเจาก็ไม่รู้ก่อนเช่นกัน ในทางกลับกันทหารของเขาถูกกระหม่อมสั่งเนรเทศไปพิทักษ์ชายแดน ไร้ความชอบทางทหาร ไม่อนุญาตให้กลับเมืองหลวง”

คำพูดประโยคเดียวของอ๋องเก้าก็สามารถระงับโทสะและความหวาดระแวงของฮ่องเต้ลงได้แล้ว

“ส่วนที่พระชายาอ๋องเจามาตีกลองร้องทุกข์ ตอนที่นางขวางรถม้าของกระหม่อม ได้บอกว่าอ๋องเจาหลงใหลอนุจนละเลยภรรยา สังหารบุตรชายแท้ ๆ และทุบตีภรรยาเอก”

“อะไรนะ? พระชายาอ๋องเจาฟ้องร้องอ๋องเจา?”

นิ้วทั้งห้าของฮ่องเต้ออกแรงจับที่วางแขนของบัลลังก์มังกรไว้แน่น

ตกตะลึงและเดือดดาล

ที่ตกตะลึงคือ สตรีตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งกล้าตีกลองร้องทุกข์ระหว่างการประชุมเช้า ส่วนเขายังไม่อาจลงโทษลั่วจิ่วหลีเพราะเรื่องเล็กน้อย เพื่อไม่เป็นการหักหน้าน้องเก้า และไม่เหยียบย่ำหัวใจที่ภักดีของอี้กั๋วกง

ที่เดือดดาลคือ ในตอนแรก เขาไม่ควรฟังคำแนะนำของกุ้ยเฟย พระราชทานงานอภิเษกให้อ๋องเจาและลั่วจิ่วหลี

ทันใดนั้นก็มีเสียงฮือฮาเซ็งแซ่ขึ้นในท้องพระโรงประหนึ่งเสียงน้ำเดือดคลั่กในหม้อต้ม

มีคนมองไปที่เผยทิงซ่ง ตุลาการศาลต้าหลี่

จะว่าไปแล้ว ลั่วจิ่วหลีพระชายาอ๋องเจาเป็นน้องสาวภรรยาของเผยทิงซ่ง น้องภรรยามาตีกลองร้องทุกข์ ไม่รู้ว่าเขาทราบเรื่องมาก่อนหรือไม่

เผยทิงซ่งมองเหล่าขุนนางที่อยากรู้อยากเห็นใจจะขาด เขาก้มหน้ามองจมูกสำรวมจิตใจ วางท่าทีเงียบเฉย

ต่างจากเซียวจูอวี้อ๋องเซวียนที่เหลือบมองอ๋องเก้า ในใจนึกตัดพ้อ เสด็จอาเก้าของเขา อายุมากกว่าเขาแค่สามปี แต่ความน่าเกรงขามและความเหี้ยมหาญอันเข้มข้นบนร่างกลับทำให้คนนึกเกรงกลัวเพียงแค่ได้เห็น

ยิ่งกว่านั้น เสด็จอาเก้ามีนิสัยนั้นไม่แยแส ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น วันนี้กลับช่วยออกหน้าแทนพระชายาอ๋องเจา

เป็นเพราะอ๋องเจานำทหารล้อมรถม้าของเสด็จอาเก้างั้นหรือ? หรือเพราะชักดาบกระบี่ใส่เสด็จอาเก้า? ทำให้เสด็จอาเก้าคิดแค้น?

หากเป็นดังนี้ เขาจะต้องหาโอกาสเข้าใกล้เสด็จอาเก้า แสดงความภักดี และวางแผนล่วงหน้าเพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทในอนาคต

เมื่อคิดเช่นนี้จึงหันไปหาฮ่องเต้แล้วทูลว่า

“เสด็จพ่อ กลองร้องทุกข์ถูกตีแล้ว เสด็จพ่อได้โปรดทรงรับฟังเหตุผลและความขับข้องใจของพระชายาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้มีสีพระพักตร์บึ้งตึง

ความจริงเขาก็เคยได้ยินเหมือนกันว่าอ๋องเจาโปรดปรานชายารองมาก

ถึงอย่างไรชายารองผู้นั้นก็เคยช่วยชีวิตอ๋องเจาไว้ในสมรภูมิ

นอกจากนี้ ผู้ชายเลือกภรรยาที่มีคุณธรรม รับอนุเพื่อกามตัณหา ทว่าขอเพียงไม่ทำเกินเหตุ เขาก็ไม่อยากจะสอดมือเข้าไปยุ่ง

แต่คิดไม่ถึงว่าอ๋องเจาผู้นี้หลงใหลสาวงามจนเลอะเลือน สร้างความยุ่งยากเพื่อชายารองแค่คนเดียว

ทุบตีภรรยาเอก ภรรยาเอกคนนี้ยังเป็นบุตรีคนรองสายตรงของอี้กั๋วกงด้วย

อ๋องเจา เหตุใดไม่เจาะรูบนท้องฟ้าเลยเล่า

ฮ่องเต้ตีหน้าบึ้ง โบกพระหัตถ์ให้ขันที

ขันทีเข้าใจทันที วิ่งเหยาะ ๆ ออกจากท้องพระโรงตรงไปที่จวนอ๋องเจา

ขุนนางบางคนตำหนิขึ้นในท้องพระโรง

“ลั่วจิ่วหลี บังอาจนัก เจ้ากล้าแบกโลงศพเข้ามาในท้องพระโรงได้อย่างไร”

ลั่วจิ่วหลีไม่ได้เหลือบแลขุนนางคนนั้น เพียงวางโลงแล้วเดินตรงเข้ามาในท้องพระโรง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status