“ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันรักอ๋องเจาสุดหัวใจ แม้กระทั่งวันอภิเษก อ๋องเจาหันหลังใส่หม่อมฉันรับชายารองเข้าจวน ทำให้หม่อมฉันอับอายขายหน้า แต่เพราะหม่อมฉันรักเขาจึงพยักหน้ายินยอม แล้วหม่อมฉันจะทรยศเขาได้อย่างไรเพคะ”“ฝ่าบาทโปรดมอบความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ” ฮ่องเต้กำพระหัตถ์แน่น กริ้วโกรธขั้นสุด แต่แล้วก็ค่อย ๆ สงบลง ในฐานะบุรุษ เป็นไปไม่ได้ที่อ๋องเจาจะสร้างความอัปยศให้ตัวเองเช่นนี้ แต่สีหน้าของลั่วจิ่วหลีก็ไม่เหมือนคนโกหกเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น ความรักที่นางมีต่ออ๋องเจาเป็นที่รู้กันทั่วเมือง หากตอนนั้นนางไม่ใช้ความตายข่มขู่ อี้กั๋วกงก็ไม่มีวันเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ไม่ว่าอย่างไรต้องสอบสวนให้กระจ่าง“ใครก็ได้ จงปิดตำหนักไท่เหอ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปจากที่นี่เด็ดขาด หากเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไปแม้ประโยคเดียว ทุกคนในตำหนักไท่เหอมีโทษประหารชีวิต” คำว่าประหารคำเดียวทำให้ทั้งตำหนักไท่เหอตกอยู่ท่ามกลางเมฆดำปกคลุม ขุนนางทุกคนในท้องพระโรงย่อมเข้าใจว่า คำว่าทุกคนนั้นรวมถึงพวกตนด้วยเช่นกัน “อ๋องเก้า เจ้าไปเอาระเบียนจากสำนัก
ขณะนี้ ทุกคนในราชสำนักต่างคนต่างใจ ต่างคนต่างความคิด เวลานั้น มีขันทีไปเชิญลั่วจิ่วหลีกลับเข้ามา “ลั่วจิ่วหลีรับราชโองการ” ฮ่องเต้ตรัส ลั่วจิ่วหลีคุกเข่า “ลั่วจิ่วหลีกับอ๋องเจาหย่าขาด อ๋องเจาคืนสินเดิมทั้งหมดให้ลั่วจิ่วหลี และจ่ายชดเชยหนึ่งแสนตำลึงเงิน” “สำหรับชายารองอ๋องเจา เยียนทิงเหลียน ติดค้างหลายชีวิต ให้ส่งตัวไปที่เรือนจำกรมอาญา หลังจากการพิจารณาคดีโดยสามศาลสูง[1]และยืนยันหลักฐาน รอประหารหลังฤดูใบไม้ร่วง” “อ๋องเจาเซียวจูมั่ว รับโทษโบยห้าสิบไม้ ตัดเบี้ยหวัดสองปี กักบริเวณในจวนอ๋องเจา” “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี” ลั่วจิ่วหลีแสดงความขอบคุณ ฮ่องเต้ทรงลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไรอีก “เลิกประชุม” ขันทีประกาศเสียงสูง ขุนนางทั้งหมดคุกเข่าลง ร้องตะโกนทรงพระเจริญ ลั่วจิ่วหลีเงยหน้ามองไปที่เซียวหมิงเสวียน เห็นเขาเม้มปาก ใบหน้าสูงส่งหล่อเหลาปกคลุมด้วยชั้นน้ำค้างแข็งหนา ๆ ยืนขึ้นโดยไม่เอ่ยคำใด ทั่วร่างกายไม่มีร่องรอยของความผันผวนทางอารมณ์ หลังจากที่ฮ่องเต้เสด็จออกไป ขันทีก็เดินมาหาอ๋องเก้า “ท่านอ๋องเก้า ฝ่าบาทมีรับ
แต่ยังมีอีกสองคำถามติดอยู่ในใจของนาง ตอนนั้นที่อยู่นอกจวนอ๋องเจา นางยัดเมทแอมเฟตามีนใส่ปากอ๋องเจาหนึ่งเม็ด แต่เมทแอมเฟตามีนไม่มีทางทำให้อ๋องเจาคลุ้มคลั่งแบบนั้นได้ ยังมีคำพูดของอ๋องเจาอีก เขาไม่เคยแตะต้องเจ้าของร่างเดิม และลูกเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่ลูกของเขา? ทว่าตอนที่นางสืบทอดความทรงจำของร่างเดิมกลับไม่เห็นภาพอื่นเลย นางหลับตาลง นึกทวบทวนย้อนกลับถึงความทรงจำในสมองให้ถี่ถ้วน สาวใช้ชุนหรงเห็นคุณหนูหลับตาลงก็คิดว่านางง่วงนอนแล้ว ค่อย ๆ เดินเขย่งเท้าปิดประตูแล้วออกจากห้อง จนแล้วจนรอดลั่วจิ่วหลีก็ยังไม่พบผลลัพธ์ที่เฝ้าตามหาในความทรงจำ แต่สัญชาตญาณบอกนางว่า อ๋องเจาอาจพูดความจริง บางที เจ้าของร่างเดิมอาจลืมเรื่องบางอย่างไป ด้านนอกประตู ชุนหรงที่จากไปแล้วก็ย้อนกลับมาด้วยความเร่งรีบ เคาะประตูด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง “คุณหนูเจ้าคะ คนจากจวนอ๋องเจาส่งสินเดิมและเงินหนึ่งแสนตำลึงเงินพร้อมด้วยหนังสือหย่ามาแล้ว ฮูหยินจึงสั่งให้บ่าวมาถามคุณหนูว่า คุณหนูอยากจะดูด้วยตัวเองหรือไม่เจ้าคะ” เพียงได้ยินชื่อจวนอ๋องเจา ลั่วจิ่วหลีย่นคิ้วด้วยความรังเกียจ หันหลังกลับแล้วนอนลง
“ปีศาจ” ลั่วจิ่วหลีทำปากพึมพำไม่มีเสียงเรียกเขาเช่นนั้น ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะตาลายจึงเห็นว่าอ๋องเก้ายกริมฝีปากใส่นางแบบคาดไม่ถึง เป็นไปได้ไหมว่า เขาเห็นปากที่พึมพำของนาง “ฉินอิ่น คุณหนูรองตระกูลลั่วขัดขวางการเดินทางของข้า เชิญไปดื่มชาที่จวนอ๋องเก้าเสียเถอะ” เซียวหมิงเสวียนเปิดปากพูดช้า ๆ น้ำเสียงขรึมเย็นเล็กน้อย ผู้คนทั้งซ้ายขวาก็ตกใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นสะท้าน ภายในรถม้า ลั่วจิ่วหลียกมือกอดอก ปราศจากอาการตกใจลนลาน นางคิดจะไปหาเขาอยู่แล้ว ไม่สำคัญว่าไปที่ไหน รถม้าทั้งสองคันวกกลับไปจอดหน้าประตูจวนอ๋องเก้าตามลำดับชุนหรงและสารถีกลัวมากจนไม่กล้าหายใจแรง ลั่วจิ่วหลีลงจากรถม้า เงยหน้าขึ้นมอง สิงโตหินแกะสลักสองตัว ประตูทาสีแดงชาด ตัวอักษร ‘จวนอ๋องเจา’ บนป้ายประหนึ่งหงส์เหินล้อลม ราวกับจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงสถานะอันสูงศักดิ์ บัดนี้เซียวหมิงเสวียนก็ลงจากรถม้า สายตาหยุดอยู่ที่ลั่วจิ่วหลี รูปลักษณ์งดงาม ดวงตาปราดเปรื่องคู่หนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อสายตาตกลงไปที่ไฝน้ำตาน่าเอ็นดูใต้หางตาของนาง คิ้วของเขาเลิกขึ้นโดยแทบมองไม่เห็น ทันทีที่องครักษ์เฝ้าประตูเห็นอ
ณ จวนอ๋องเจา นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วจิ่วหลีได้พบอ๋องเจาเซียวจูมั่วอีกครั้งหลังผ่านไปหนึ่งเดือนจวนอ๋องเจาในยามนี้ บริเวณที่ประทับชั้นในถูกไฟไหม้เสียหายหมดแล้วจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในคืนนั้น เคราะห์ดีที่ไฟหยุดแค่บริเวณรับรองแขก ไม่ได้ทำลายจวนอ๋องเจาจนพังพินาศไปทั้งหมด อ๋องเจาถูกกักบริเวณ ชายาเอกขอหย่า ชายารองเข้าคุก ข้ารับใช้ส่วนใหญ่ภายในจวนจึงถูกเลิกจ้าง เหลือคนเก่าคนแก่ไว้ดูแลอ๋องเจาไม่กี่คนเขาในเวลานี้สวมเสื้อคลุมยาวสีม่วงปักลายนกกระเรียนมงกุฎแดง มือซุกอยู่ในแขนเสื้อ ยืนอยู่ที่ตีนบันไดใบหน้าซูบผอมจนดูราวกับว่านกกระเรียนมงกุฎแดงขาเรียวบนทรวงอกเขาสามารถปลิวตามลมไปได้ทุกเมื่อลั่วจิ่วหลีเห็นสภาพเขาเช่นนี้ก็ยังตกใจจนสะดุ้ง“ท่านอ๋อง เขากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”เซียวหมิงเสวียนมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรเห็นว่านางก็ไม่ได้แสดงออกถึงความเสียใจหรือสงสารใด ๆ เซียวจูมั่วเห็นพวกเขาเดินเข้ามาก็ยิ้มเยาะตัวเองเขาถวายคำนับอ๋องเก้า“เสด็จอาเก้า”“อือ”เซียวหมิงเสวียนตอบรับด้วยเสียงอือเบา ๆแล้วเซียวจูมั่วก็มองไปที่ลั่วจิ่วหลี“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมข้
“ท่านอ๋องเก้า หม่อมฉันอยากไปเรือนจำกลางกรมอาญาเพคะ”เรื่องนี้ นางต้องไปถามเยียนทิงเหลียนให้รู้เรื่องถึงแม้อ๋องเจาจะแต่งกับเจ้าของร่างเดิมเพราะจวนอี้กั๋วกงสามารถสนับสนุนเขาทางการเมืองได้ และต่อให้เขาไม่ชอบเจ้าของร่างเดิมขนาดไหนก็ไม่มีทางโง่จนไปหาคนมาทำให้นางแปดเปื้อน ให้ตัวเองได้ชื่อว่าถูกสวมเขาเช่นนี้เซียวหมิงเสวียนเม้มปาก สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา พูดกับคนนอกรถ“กรมอาญา”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับรถม้าเลี้ยวไปทางกรมอาญาเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา เสียงฉินอิ่นก็ดังมาจากนอกรถม้าอีกครั้ง“นายท่าน ถึงกรมอาญาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวหมิงเสวียนยื่นมือออกไป ขณะกำลังจะออกจากรถม้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนสับสน และยังมีเสียงตะโกนแข็งกร้าวของผู้ชาย“เร็ว เร็วเข้า รีบไปหา ถ้ายังมีชีวิตต้องเห็นคน ตายแล้วต้องเห็นศพ”ลั่วจิ่วหลีที่นั่งอยู่ในรถม้าใจเต้นรัวขึ้นมาตาขวาก็กระตุกสองครั้ง“เจ้ารออยู่ในรถ”เซียวหมิงเสวียนสั่งทิ้งไว้แล้วก้าวออกไปจากรถม้าอย่างรวดเร็วลั่วจิ่วหลีกำหมัดแน่น ไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก แต่ทำไมนางรู้สึกใจไม่สงบเลยเล่า?นางแหวกม่านรถม้าออก เห็นว่าด้านนอกม
ผู้บังคับการร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตกใจเพราะน้ำเสียงของลั่วจิ่วหลีไปถามดูทั้งเมืองหลวงดูก็ได้ว่ามีใครกล้าพูดแบบนี้กับท่านอ๋องเก้าผู้หญิงคนนี้ เห็นทีจะบ้าไปแล้วเซียวหมิงเสวียนทำหน้าเข้ม กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ต้องการอะไรบ้าง?”เขาก็รู้ว่าพัศดีคนนี้เป็นพยานปากเอก ถ้ามีทางช่วยให้รอดได้ก็จะไม่มีทางปล่อยให้เขาตาย“ห้องส่วนตัว น้ำอุ่น ผ้าพันแผล ยาห้ามเลือด”“ไป เตรียมให้พร้อมเดี๋ยวนี้”เซียวหมิงเสวียนมองไปที่ผู้บังคับการคนนั้น“พ่ะย่ะค่ะ”ผู้บังคับการไม่กล้าเมินเฉยต่อท่านอ๋องเก้า แต่สายตาที่มองลั่วจิ่วหลีกลับเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงลั่วจิ่วหลีไม่มองเขา ลุกขึ้นยืนมีคนใช้เปลหามยกพัศดีคนนั้นไปที่ห้องเงียบ ๆ ที่อยู่ไกล ๆ ห้องหนึ่งหลังจากนั้น น้ำอุ่น ผ้าพันแผลและยาห้ามเลือดก็ถูกส่งเข้ามา“เอาละ พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ”“ตอนที่ข้ารักษาอยู่ หวังว่าจะไม่มีใครเข้ามารบกวนในห้อง”ขณะที่พูด เสียงปิดประตูปังก็ดังขึ้นนอกประตูผู้บังคับการมองประตูที่ปิดสนิทแล้วก็มองสีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ใด ๆ ของเซียวหมิงเสวียน“ท่านอ๋อง นี่?”เซียวหมิงเสวียนไม่ขยับ มือไพล่หลัง ตาจ้องไปที่ประต
“ใช้เวลานานเท่าไรเขาถึงจะเข้าเมืองหลวง?”เซียวหมิงเสวียนส่ายหัว“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แล้วแต่อารมณ์เขา” คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธจนหัวเราะ“นิสัยประหลาดจริง ๆ ขนาดท่านอ๋องเทพสงครามแห่งราชวงศ์ฉางหนิงของเราเชิญยังต้องดูอารมณ์อีกด้วย”“ช่างเถอะ เราก็ใช้สถานะกดดันคนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฮัวหลานโจวนั่นก็อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง”“ช่างเถอะ ช่างเถอะ รอไปแล้วกัน”“ปล่อยให้อ๋องเจาทนลำบากไปอีกสักพัก ให้เขาหลาบจำเสียบ้างก็ดีเหมือนกัน”เซียวหมิงเสวียนทำมือเตรียมถวายคำนับ น้ำเสียงราบเรียบ“เสด็จพี่ยังทรงมีธุระอื่นอีกไหมพ่ะย่ะค่ะ? หากไม่มี กระหม่อมก็ขอทูลลาก่อน”“ไปเถอะ”ฮ่องเต้โบกมือเซียวหมิงเสวียนหันตัวกลับ เดินออกไปนอกประตูตำหนักเวลาเดียวกันนี้เอง ภายในห้องที่ค่อนข้างปลีกวิเวกห้องหนึ่งในกรมอาญาลั่วจิ่วหลีตัดเสื้อตรงอกของพัศดีคนนั้นออกแล้ว เผยให้เห็นกริชที่ปักอยู่บนตัวเขา หรี่ตาลงเล็กน้อยรอบข้างไม่มีใคร นางเรียกยาชา ผ้าพันแผล ยาห้ามเลือดและเข็มเย็บแผลออกมาจากแหวนโบราณ วางเรียงหน้ากระดานไว้ข้างตัวทันใดนั้นเอง มือลั่วจิ่วหลีก็กำด้ามกริชไว้ หายใจช้า ๆ อย่างระมัดระวัง“ฉับ!”เสียงดั
“เพคะ นี่คือยาเม็ดที่หม่อมฉันทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ”“งั้นหรือ?”ฮ่องเต้มองที่ใบหน้าสงบนิ่งของลั่วจิ่วหลี เห็นว่านางไม่ลนลานแม้แต่น้อย และไม่มีทีท่าว่าโกหกเช่นกันก้มหัวลงดูของสิ่งนี้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนหากบอกว่านี่คือขวด วัสดุกลับไม่เหมือน หากพูดว่านี่ไม่ใช่ขวด แต่ยาเม็ดเล็ก ๆ เหล่านั้นกลับใส่อยู่ในนี้จริง ๆ“ในเมื่อเป็นยาเม็ดที่ทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ เหตุใดจึงทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินไม่ได้สติเล่า?”ฮ่องเต้น้ำเสียงเคร่งเครียด สายตาเย็นชาโกรธขึ้งที่ด้านข้าง ฮองเฮาโบกมือไปทางองครักษ์เหล่านั้นบรรดาองครักษ์ก็ถอยออกไปอย่างหงุดหงิด“ลั่วจิ่วหลี เฟิงเต๋อฮูหยินก็กินยาในขวดนี้นี่ล่ะ แล้วก็หมดสติไป”ฮองเฮาเสียงเบามาก จ้องลั่วจิ่วหลีตาไม่กะพริบลั่วจิ่วหลีส่ายหัว น้ำเสียงหนักแน่น เผชิญหน้ากับสายตาที่ฮ่องเต้และฮองเฮาเพ่งพินิจนางโดยปราศจากความกลัวใด ๆ“เป็นไปไม่ได้เพคะ นี่คือยารักษาอาการหัวใจวายของเฟิงเต๋อฮูหยิน ไม่ใช่ยาพิษอะไรแน่นอน?”“ยาพิษ?” ที่ด้านข้าง หูกุ้ยเฟยร้องหึอย่างเย็นชาหนึ่งที เดินเข้ามา“ลั่วจิ่วหลี ที่นี่ไม่มีคนบอกว่าเฟิงเต๋อฮูหยินถูกวางยาพิษเสียหน่อย กลับ
เพียงไม่นาน รถม้าก็มาถึงประตูจวนที่นอกรถม้า สวีหมัวมัวเปิดม่านขึ้น“ฮูหยิน คุณหนูรอง ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ”สองแม่ลูกทยอยลุกขึ้นตามกันไป ลงจากรถม้ายังไม่ทันได้เข้าจวน ก็เห็นพ่อบ้านวิ่งตรงออกมาอย่างรวดเร็ว“ฮูหยิน คุณหนูรอง ในวังมีจดหมายมา เชิญให้คุณหนูไปที่พระตำหนักกานเฉวียนทันทีหลังกลับถึงจวนขอรับ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง อี้กั๋วกงฮูหยินหนังตากระตุก“เกิดอะไรขึ้น?”พ่อบ้านส่ายหัว“ขันทีที่เชิญพระราชโองการไม่ยอมบอก บอกแค่ว่า ให้คุณหนูรองเข้าวังได้ทันที”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง คงให้ข้าเข้าวังไปตรวจร่างกายเฟิงเต๋อฮูหยินอีกครั้ง”ลั่วจิ่วหลีพูดปลอบประโลมแล้ว เวลานี้ สาวใช้เรือนฝูชวีก็นำกล่องยาออกมาแล้วลั่วจิ่วหลีรับกล่องยามา“สวีหมัวมัว ดูแลท่านแม่ให้ดี ข้าไปไม่นานก็กลับ”“เจ้าค่ะ คุณหนูรอง”สวีหมัวมัวประคองอี้กั๋วกงฮูหยิน มองดูลั่วจิ่วหลีขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปทางประตูวัง“พ่อบ้านจาง”อี้กั๋วกงฮูหยินเห็นรถม้าที่ค่อย ๆ ห่างออกไปแล้ว ก็ขมวดคิ้ว“ฮูหยิน”พ่อบ้านจางก้าวขึ้นมา“เอาเงินตำลึงไปเพิ่มหน่อยสิ ไปสืบข่าวมาที”“ขอรับ”พ่อบ้านจางไหนเลยจะกล้าชักช้า จากไปอย่างรีบร้อนตามความร้อนใ
อี้กั๋วกงฮูหยินมองที่นาง“เจ้าฟังออกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ายังเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องเก้าก็คงจะเข้าใจได้เช่นกัน”“ท่านแม่ นี่ท่าน...”“จิ่วเอ๋อร์”อี้กั๋วกงฮูหยินคว้ามือลูกสาวตัวเองไว้“แม้แม่จะอยู่ในเรือนหลังมานาน แต่เรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ คราวที่แล้วกุ้ยเฟยเรียกเจ้าเข้าวัง ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพราะเรื่องที่เจ้าหย่าร้างกับอ๋องเจา เรื่องที่สองพี่น้องตระกูลหูนั่นใส่ร้ายเจ้า แม่ฟังแล้วเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง เรื่องคราวก่อน นางปิดบังไว้ไม่น้อย แต่นึกไม่ถึงว่าแม่ก็ยังไปสืบรู้เรื่องนี้มาจนได้“ท่านแม่ ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”อี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้าเบา ๆ“ได้รับความอยุติธรรมขนาดนั้น เจ้าไม่บอกแม่ได้อย่างไรกัน?”ลั่วจิ่วหลียิ้มอย่างสบาย ๆ“ก็ไม่ถือว่าได้รับความอยุติธรรมนะเจ้าคะ สองพี่น้องตระกูลหูนั่นก็ไม่ได้รับผลประโยชน์”“เฮ้อ! เจ้านี่นะ”อี้กั๋วกงฮูหยินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“ท่านอ๋องเก้านั้นเป็นยอดคนก็จริง แต่จะว่าอย่างไรท่านก็เป็นเสด็จอาของอ๋องเจา ต่อไปเจ้าอย่าเข้าใกล้มากเกินไปจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกนินทา”ลั่วจิ่วหลีได้ยินแล้ว ก็หัวเราะเย้
“แขก?”เช้าตรู่เช่นนี้ ใครกันมาที่จวนอ๋องเก้า แล้วยังส่งจดหมายคารวะมาด้วย?“ใครหรือ?”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเรียบเฉย ยื่นมือไปรับจดหมายคารวะ เมื่อเห็นแล้วก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที “จวนอี้กั๋วกง?”“ไป เชิญแขกเข้าไปห้องโถงรับแขก”“พ่ะย่ะค่ะ”คนผู้นั้นออกไปที่ด้านข้าง ฉินอิ่นก้าวขึ้นมา“นายท่าน เป็นอี้อั๋วกงฮูหยินกับคุณหนูรองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“อืม”เซียวหมิงเสวียนสีหน้าดูไร้อารมณ์ แต่กลับลุกขึ้นกลับห้องไปเปลี่ยนชุดฉินอิ่นยืนอยู่นอกห้อง ลูบจมูกไปมา รู้สึกว่าวันนี้นายท่านของเขาแปลกไปไม่น้อย นายท่านเปลี่ยนชุดเป็นพิเศษเพื่อเจอคนนอกตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่จะว่าไปแล้ว คุณหนูรองตระกูลลั่วก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอกถึงนอกเรือนรับแขกแล้ว เซียวหมิงเสวียนก็เห็นสองแม่ลูกกำลังนั่งดื่มชาอยู่วันนี้ลั่วจิ่วหลีสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ผิวขาวราวกับหิมะ เรียวคิ้วดูเหมือนทิวเขาที่อยู่ไกล ๆ ผัดหน้าเบา ๆ ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเขารู้สึกว่าลั่วจิ่วหลีในแบบนี้ดูเย็นชา เฉียบคมน้อยกว่าปกติ และดูอ่อนโยนอบอุ่นมากขึ้นลั่วจิ่วหลีเหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองนางอยู่ จึงเงยหน้ามองไปทางนอกประตูเห็นเซียวหม
สวีหมัวมัวค้อมตัวคำนับ“บ่าวขอขอบพระคุณความห่วงใยจากคุณหนูแทนชุนหรงเจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีรู้สึกอึดอัดไม่น้อย นี่ก็คือระบบชนชั้นสมัยโบราณ แม้บ่าวจะรับมีดแทนนายจนได้รับบาดเจ็บ ก็ยังต้องขอบคุณ แสดงความซาบซึ้งต่อความเมตตาจากนาย “จิ่วเอ๋อร์ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เยียนทิงเหลียนนั่นแหกคุกไม่ใช่หรือ? ถูกจับอีกได้อย่างไร? ได้ยินว่า นางถูกเปลื้องผ้าแล้วไปแขวนไว้บนหอประตูเมืองชั้นนอก เฮ้อ! ช่างเสื่อมเสียจารีตประเพณีบ้านเมืองเสียจริง”ลั่วจิ่วหลีนวดขมับไปมาอย่างจนใจ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน วันนี้นั่งรถม้ามาทั้งวันก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่อีก แต่แม่ถาม นางก็ได้แต่อดทน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองให้แม่ฟัง แน่นอนว่า เรื่องบางอย่างที่ต้องปิดบัง นางก็ไม่ได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว“เจ้าว่าอะไรนะ? อ๋องเก้าเพราะช่วยเจ้า ก็ถูกเยียนทิงเหลียนทำร้ายบาดเจ็บหรือ?”“เจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีพยักหน้าเบา ๆ“เยียนทิงเหลียนนั่นไม่ใช่หญิงธรรมดาเลย นางเป็นสายลับของแคว้นซางหนาน ข้าเผลอไปครู่หนึ่ง ยังดีที่มีชุนหรงกับอ๋องเก้า ไม่เช่นนั้น ขณะนี้คนที่นอนปางตายอยู่บนเตียงก็คงเป็นข้าแล้ว”แม้ว่าชุนหรงกับอ๋องเก้าจะไม่ได
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”เซียวหมิงเสวียนถวายบังคม ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรออกจากประตูวังแล้ว ระหว่างทางกลับจวน เซียวหมิงเสวียนมองฉินอิ่นแวบหนึ่ง“ส่งข่าวไปยังหอหลิงเซียว ให้พวกเขาไปสืบหาเบื้องหลังของเยียนทิงเหลียนที่แคว้นซางหนาน”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก“นายท่าน ข้าน้อยส่งฉินลิ่วไปเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่หอประตูเมืองชั้นนอกแล้ว ฉินลิ่วรายงานกลับมา บอกว่า... อะแฮ่ม”“บอกว่าเยียนทิงเหลียนถูกแขวนตัวเปลือยเปล่าอยู่บนหอประตูเมืองชั้นนอก ทำให้เกิดความโกลาหลไม่น้อย มีคนเร่ร่อนหื่นกามคิดไม่ดี...”ส่วนคิดไม่ดีว่าอะไร ไม่ต้องให้ฉินอิ่นพูดให้ชัดเจน เซียวหมิงเสวียนก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร“หึ!”เซียวหมิงเสวียนยิ้มอย่างเย็นชา“เช่นนั้นแล้วก็เปิดช่องโหว่ให้พวกเขาเสีย ให้เยียนทิงเหลียนลองสัมผัสดูว่าตอนนั้นนางวางแผนทำร้ายลั่วจิ่วหลีอย่างไร”ฉินอิ่นได้ยินแล้ว ในใจก็แอบสวดมนต์ภาวนาให้เยียนทิงเหลียนดูท่า เยียนทิงเหลียนจนตายก็ไม่มีทางรู้ว่า ตอนนั้นที่นางวางแผนจะทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองตระกูลลั่ว แต่คนที่มีความสัมพันธ์กับคุณหนูรองตระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยียนทิงเหลียนเดิมทีก็เป็นหญิงงามชั้นยอด เอวบางร่างน้อยราวกับต้นหลิว หน้าอกและบั้นท้ายโค้งเว้าชัดเจน หากใช้คำของอ๋องเจามาอธิบาย นี่คือผู้หญิงที่มอบความสุขให้เขาได้แม้แต่องค์ชายแห่งอาณาจักรหนึ่งยังยอมรับในความงามอันเย้ายวนของเยียนทิงเหลียน นับประสาอะไรกับบรรดาบุรุษธรรมดา ๆเพียงแค่เห็นภาพที่เย้ายวนชวนลุ่มหลงนี้แวบเดียว ก็ทำให้เลือดลมสูบฉีดยิ่งดูยิ่งตื่นเต้น ยิ่งดูยิ่งมีผู้ชายเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นมีคนตะโกนว่านี่ช่างเสียของจริง ๆ มีคนป่าวร้องว่าสาวสวยเช่นนี้ถ้าได้ซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ ด้วยจะมีความสุขขนาดไหนมีคนมือบอนเข้าไปใกล้ ๆ อยากเอานางลงมาใจจะขาด หาความสำราญให้เต็มที่ ก็ถูกทหารที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ ถีบกระเด็นไปอยู่ที่พื้นและยังมีหญิงอารมณ์ร้ายที่เมื่อรู้ว่าสามีตนเองมาจ้องมองดูผู้หญิงเปลือยจนตาแทบออกมานอกเบ้า ก็วิ่งถือไม้นวดแป้งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด มาบิดหูสามีตัวเอง ด่าว่ายกใหญ่ ด่าสามีตัวเองเสร็จยังไม่พอ ยังหยิบทุกอย่างที่หยิบติดมือมาได้ ปาไปที่ตัวเยียนทิงเหลียนอย่างเอาเป็นเอาตายชาวบ้านร้านตลาดหรือ? เพียงแค่มีคนหนึ่งเริ่มต้น คนที่เหลือก็พากันทำตา
“ลงมือ”เซียวหมิงเสวียนไม่แม้แต่จะสนใจดูเยียนทิงเหลียนที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสน“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อฉินอิ่นผลักเยียนทิงเหลียนไปข้างหน้า ทั้งร่างของเยียนทิงเหลียนก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อหัวหน้าทหารยามทั้งสองโบกมือให้สัญญาณอย่างสุดแรง ด้านหลังก็มีทหารเฝ้าเมืองก้าวขึ้นมาข้างหน้าทีละก้าว ๆ“อื้อ! อื้อ! อื้อ!”เยียนทิงเหลียนถอยหลังโดยใช้ทั้งมือและเท้าหากเวลานี้นางพูดได้ เสียงขอความเมตตาอย่างน่าเวทนาและเสียงร้องโหยหวนก็คงจะทำให้เกิดความสงสารอันเล็กน้อยจนแทบจะไม่มีอยู่เลยขึ้นมาบ้างน่าเสียดาย ตัวนางในขณะนี้วรยุทธ์ถูกทำลาย ลิ้นก็ถูกตัด ได้แต่ทนรับความอัปยศนี้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ร้องเรียกต่อฟ้าก็ไร้ผล อ้อนวอนต่อดินก็สิ้นหนทาง ทนทุกข์ทรมานแต่เพียงผู้เดียว ดิ้นรนอย่างขมขื่นทันใดนั้นเอง นางก็เห็นว่าบนรถม้าที่อยู่ด้านหลังนั้น ลั่วจิ่วหลีทอดสายตามาที่นางลั่วจิ่วหลี คนชั้นต่ำ นางชั้นต่ำนี่ ต้องเป็นความคิดของเจ้าแน่ ๆ ต้องใช่อย่างแน่นอนเยียนทิงเหลียนหลบทหารเฝ้าเมืองสองคนนั้นที่ไล่ตามมาประชิดตัว โหม่งหัวชนคนหนึ่งจนล้มลง ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกาย วิ่งพุ่งตรงไปทางลั่วจิ่วหลี
เมืองชั้นนอกนั้นหลัก ๆ เป็นที่อยู่ของประชาชนทั่วไป และคนมากหน้าหลายตาจากทุกกลุ่มในสังคม เมืองชั้นในล้วนเป็นที่พำนักของขุนนางชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ ส่วนวังหลวงเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฮองเฮา เหล่าสนมวังหลัง และบรรดาองค์ชายองค์หญิง จวนอี้กั๋วกงกับจวนอ๋องเก้านั้นอยู่ในเมืองชั้นในทั้งคู่ รถม้ากลับหยุดที่เมืองชั้นนอก ลั่วจิ่วหลีประหลาดใจไม่น้อย“ไปกัน ออกไปดูหน่อยกว่าเกิดอะไรขึ้น?”นางพูดพลางผลักประตูรถม้าออก ก็เห็นเซียวหมิงเสวียนที่อยู่ข้างหน้ายืนอยู่บนรถม้าอย่างสง่างามน่าเกรงขามพอดีผู้คนสองข้างทางเมื่อเห็นท่านอ๋องเก้า ก็พากันคุกเข่าลงที่พื้นไม่ไกลจากนั้น มีหัวหน้าทหารยามสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมืองชั้นนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งด่วน“กระหม่อมถวายบังคมท่านอ๋องเก้า”“อืม ลุกขึ้นเถอะ”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเย็นชาเรียบเฉย“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเก้า”หัวหน้าทหารยามทั้งสองลุกขึ้น“ฉินอิ่น”เซียวหมิงเสวียนโบกมือให้สัญญาณไปทางด้านหลัง“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับ จากนั้นก็คุมตัวคนคนหนึ่งเดินไปที่หน้าหัวหน้าทหารยามสองคนนั้น เมื่อลั่วจิ่วหลีมองให้ดี ๆ คนที่ถูกคุมตัวมาไม่ใช่เ