Share

บทที่ 4

ลั่วจิ่วหลีคลายมือออกจากคอซุนหมัวมัว มีดผ่าตัดยังคงจ่ออยู่ใกล้ดวงตาของนาง แววตาเหี้ยมเกรียมเย็นชาราวกับจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ

“ชายารองเหลียนบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บถึงรากฐานตอนที่ช่วยท่านอ๋องในสนามรบ ต้องใช้รกและเนื้อทารกอายุหกเดือนมาปรุงยา หลังกินเข้าไป นางจึงจะสามารถตั้งครรภ์ได้”

จี๊ด!

ลั่วจิ่วหลีสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ซ่านออกมาจากในหัวใจ นางรู้ว่านั่นไม่ใช่ความเจ็บปวดของนาง แต่เป็นวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่เจ็บปวดเจียนขาดใจ เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว ลูกของนางยังถูกศัตรูนำไปปรุงยา

ความเสื่อมทรามของมนุษยธรรมในจิตใจกำลังแผ่ขยายออกไปทีละน้อย

ทำให้ลั่วจิ่วหลีที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่าง

นางไม่เข้าใจ เจ้าของร่างเดิมนั้นเป็นถึงบุตรีคนรองสายตรงของอี้กั๋วกง ฐานะไม่ต่ำต้อย เหตุใดจึงถูกทารุณเช่นนี้?

เซียวจูมั่วถูกความหลงใหลครอบงำจนไม่อาจแยกแยะ โปรดอนุทำร้ายภรรยาเอก แต่เหตุใดเขาถึงได้ลงมืออำมหิตกับลูกในไส้ของตนเองเช่นนี้?

นางอยากถามให้แน่ชัด แต่ซุนหมัวมัวดูคงสังเกตเห็นว่านางวอกแวกจึงใช้สองมือผลักนางออกอย่างแรง และเงยหน้าขึ้นเตรียมจะตะโกน

ลั่วจิ่วหลีมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม พายุโหมกระหน่ำอยู่ในดวงตาหม่นแสง มีดผ่าตัดที่เปล่งประกายเย็นเยียบกรีดคอซุนหมัวมัวอย่างรวดเร็ว

อั้ก! อั้ก!

ซุนหมัวมัวกุมคอของตนเอง ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลง ก่อนร่างจะค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้น

......

ในขณะเดียวกัน นอกประตูเมือง รถเทียมม้าสี่ตัวซึ่งหรูหราหาใดเปรียบกำลังแล่นมาด้วยความเร็วท่ามกลางฝุ่นฟุ้งตลบ

ทหารบนกำแพงเมืองถือหอกตะโกนลงมาข้างล่าง

“ผู้ใดอยู่ข้างนอก? ไม่รู้หรือว่าในเมืองมีการประกาศกฎห้ามออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน

แล้ว? ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าเมือง”

“บังอาจ อ๋องเก้าอยู่ที่นี่ เปิดประตูเมืองบัดเดี๋ยวนี้”

เสียงฝ่ามือตบหน้าดังลั่นจากบนกำแพงเมือง

“รถม้าของท่านอ๋องเก้าเจ้าก็กล้าขวางเชียวหรือ”

ประตูเมืองเปิดออก รถม้าแล่นเข้าไปในเมืองโดยไม่หยุดพัก

ทันทีที่เข้าสู่เขตเมืองด้านในก็เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาชุดแดงห้ออาชาตรงเข้ามา

“นายท่าน สตรีผู้นั้นเข้าไปในจวนอ๋องเจาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ดูนั่นสิ นั่นคืออะไร?”

องครักษ์ในชุดดำที่อยู่ตำแหน่งสารถีของรถม้าเงยหน้ามองจุดที่ไม่ไกลออกไปมากนัก

“เฮือก!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาชุดแดงหันกลับไปแล้วก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตกตะลึง

ทิศทางจากถนนวิหคเพลิงแดงทิศใต้[1] มีจวนแห่งหนึ่งที่กำลังเกิดเพลิงลุกไหม้รุนแรง

“นายท่าน นั่นคือจวนอ๋องเจา”

“ไป”

เสียงของชายหนุ่มเย็นเยียบดุจหิมะฤดูหนาวดังขึ้นในรถม้า ทำให้อากาศรอบข้างเย็นยะเยือกในบัดดล

......

ค่ำคืนนี้ จวนอ๋องเจาเจิดจรัสอย่างถึงที่สุดโดยแท้ เพลิงไฟที่ลุกท่วมพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าส่องสว่างครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง

ภายในจวนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องร่ำไห้ สับสนวุ่นวายยิ่งนัก

ลั่วจิ่วหลีออกมาจากเรือนร้างอย่างเงียบเชียบ เดินผ่านเรือนอี๋ซิน อ้อมภูเขาจำลองไปจนถึงช่องหมาลอดบริเวณท้ายจวน

นางหันกลับไปมองแสงไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ไกล ๆ มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

นางเพิ่งจะคลานออกจากช่องสุนัขลอดได้อย่างยากลำบาก ยังไม่ทันจะได้หายใจให้โล่งคอ มือใหญ่คู่หนึ่งก็ลากตัวนางขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปในรถม้าที่มืดสนิท

เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลังของลั่วจิ่วหลี ในใจคิดว่าคงไม่ได้หนีเสือปะจระเข้หรอกนะ

เดิมทีตั้งใจจะใช้มีดผ่าตัดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตอบโต้กลับไป แต่ไม่ทันไรมีดก็ถูกชิงไป ร่างของนางพลันแข็งทื่อ คาดว่าน่าจะถูกสะกดจุดแล้ว

“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงจับข้า...”

ลั่วจิ่วหลีที่ถูกโยนเข้าไปในรถม้าแววตาเย็นชา เงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน

บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ในรถม้า ผมของเขาถูกมัดสูงด้วยกวนประดับผม สวมชุดคลุมสีดำคาดด้วยสายคาดสีทองประดับหยก คิ้วเรียวยาว ใบหน้าราวหยกสลัก งดงามโดยแท้ แต่ก็เย็นชาโดยแท้เช่นกัน

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นลึกล้ำราวกับห้วงน้ำเย็นยะเยือก หากสบตาเพียงครั้งเดียวก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในห้วงน้ำลึกที่เย็นจัดนั้นโดยไม่อาจดึงสติกลับมา

ยังมีไอเย็นยะเยือกดุจพายุเกรี้ยวกราดที่แผ่ซ่านออกมารอบกายเขา หนาวเหน็บจนลั่วจิ่วหลีไม่อาจเพิกเฉยต่อมันได้

พระเจ้า! ทำไมถึงเป็นเขา

บุรุษผู้หล่อเหลาทว่าเย็นชาที่อยู่ใต้ผาน้ำตกเมื่อคืนก่อน คนที่ถูกนางรบกวนการรักษาบาดแผล แถมยังทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาหมดสติ แล้วยังขโมยชุดคลุมของเขาติดมือมาอีก

“เจ้าคือลั่วจิ่วหลี?”

บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเปี่ยมบารมี แววตาคมกริบข่มขวัญผู้คน

ลั่วจิ่วหลีเบิกตากว้าง ลอบใคร่ครวญถึงสถานะและจุดประสงค์ของชายผู้นี้ในใจ พยายามข่มความรู้สึกผิดลึก ๆ ในจิตใจพลางเอ่ย

“ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้าคือใคร ถามซ้ำเช่นนี้จะไม่เสียเวลาเปล่าหรือ?”

ดวงตาของชายผู้นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ สายตาที่มองนางฉายแววครุ่นคิด

ลั่วจิ่วหลีกำมือแน่น นางไม่อาจคาดเดาเจตนาของชายผู้นี้ได้เลย

แต่สิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจคือ ชายผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อนาง ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว

แต่เขารู้ชื่อของนางได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงปรากฏตัวในเมืองหลวง?

ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเพียงชายผู้นั้นตอบเสียงเนิบนาบ

“เจ้าเป็นคนวางเพลิงจวนอ๋องเจา?”

ครั้นได้ยินคำว่าจวนอ๋องเจาสามคำนี้ ลั่วจิ่วหลีก็แค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคู่นั้นฉายแววเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง

“งดงามใช่หรือไม่? เป็นเจิดจรัสงดงามกว่ากว่าดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอยู่กลางท้องฟ้าอีกใช่หรือไม่?”

ถือเสียว่านี่เป็นเพลิงไว้อาลัยให้แม่ลูกที่ตายไปก็แล้วกัน

ในเมื่อไม่อาจฝังศพทารกน้อยก็ให้เปลวเพลิงนี้ส่งวิญญาณของเด็กคนนั้นขึ้นสู่สรวงสวรรค์

ชายคนนั้นหลุบตา แววตาลึกล้ำ

เวลานั้น เสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายและเสียงด่าทอก็ดังมาจากนอกตัวรถม้า

“ตาม ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย จงหานางสารเลวนั่นออกมาให้ข้า”

“ข้าจะถลกหนัง เลาะเส้นเอ็นและเฆี่ยนศพนางสามวัน แล้วนำไปแขวนร่างไว้บนประตูเมืองเหมือนสุนัขเน่าตัวหนึ่ง ถึงจะระบายความแค้นในใจข้าได้”

“ท่านอ๋อง ทางนั้นมีรถม้าอยู่คันหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“ขวางไว้ ค้นรถม้านั่นให้ข้าเสีย ข้าจะดูว่านางสารเลวนั่นซ่อนอยู่ในรถม้าคันนี้หรือไม่”

----------------------------------------------

[1] ถนนวิหคเพลิงแดงทิศใต้ วิหคเพลิงแดงเป็นหนึ่งในสัตว์เทพสี่ทิศของจีนและเป็นตัวแทนของทิศใต้ มีบทบาทสำคัญในศาสตร์ฮวงจุ้ยและความเชื่อเรื่องการปกป้องทิศทั้งสี่ของเมือง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status