แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ปีศาจเจ้าสำราญ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 13:11:41
ลั่วจิ่วหลีคลายมือออกจากคอซุนหมัวมัว มีดผ่าตัดยังคงจ่ออยู่ใกล้ดวงตาของนาง แววตาเหี้ยมเกรียมเย็นชาราวกับจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ

“ชายารองเหลียนบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บถึงรากฐานตอนที่ช่วยท่านอ๋องในสนามรบ ต้องใช้รกและเนื้อทารกอายุหกเดือนมาปรุงยา หลังกินเข้าไป นางจึงจะสามารถตั้งครรภ์ได้”

จี๊ด!

ลั่วจิ่วหลีสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ซ่านออกมาจากในหัวใจ นางรู้ว่านั่นไม่ใช่ความเจ็บปวดของนาง แต่เป็นวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่เจ็บปวดเจียนขาดใจ เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว ลูกของนางยังถูกศัตรูนำไปปรุงยา

ความเสื่อมทรามของมนุษยธรรมในจิตใจกำลังแผ่ขยายออกไปทีละน้อย

ทำให้ลั่วจิ่วหลีที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่าง

นางไม่เข้าใจ เจ้าของร่างเดิมนั้นเป็นถึงบุตรีคนรองสายตรงของอี้กั๋วกง ฐานะไม่ต่ำต้อย เหตุใดจึงถูกทารุณเช่นนี้?

เซียวจูมั่วถูกความหลงใหลครอบงำจนไม่อาจแยกแยะ โปรดอนุทำร้ายภรรยาเอก แต่เหตุใดเขาถึงได้ลงมืออำมหิตกับลูกในไส้ของตนเองเช่นนี้?

นางอยากถามให้แน่ชัด แต่ซุนหมัวมัวดูคงสังเกตเห็นว่านางวอกแวกจึงใช้สองมือผลักนางออกอย่างแรง และเงยหน้าขึ้นเตรียมจะตะโกน

ลั่วจิ่วหลีมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม พายุโหมกระหน่ำอยู่ในดวงตาหม่นแสง มีดผ่าตัดที่เปล่งประกายเย็นเยียบกรีดคอซุนหมัวมัวอย่างรวดเร็ว

อั้ก! อั้ก!

ซุนหมัวมัวกุมคอของตนเอง ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลง ก่อนร่างจะค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้น

......

ในขณะเดียวกัน นอกประตูเมือง รถเทียมม้าสี่ตัวซึ่งหรูหราหาใดเปรียบกำลังแล่นมาด้วยความเร็วท่ามกลางฝุ่นฟุ้งตลบ

ทหารบนกำแพงเมืองถือหอกตะโกนลงมาข้างล่าง

“ผู้ใดอยู่ข้างนอก? ไม่รู้หรือว่าในเมืองมีการประกาศกฎห้ามออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน

แล้ว? ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าเมือง”

“บังอาจ อ๋องเก้าอยู่ที่นี่ เปิดประตูเมืองบัดเดี๋ยวนี้”

เสียงฝ่ามือตบหน้าดังลั่นจากบนกำแพงเมือง

“รถม้าของท่านอ๋องเก้าเจ้าก็กล้าขวางเชียวหรือ”

ประตูเมืองเปิดออก รถม้าแล่นเข้าไปในเมืองโดยไม่หยุดพัก

ทันทีที่เข้าสู่เขตเมืองด้านในก็เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาชุดแดงห้ออาชาตรงเข้ามา

“นายท่าน สตรีผู้นั้นเข้าไปในจวนอ๋องเจาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ดูนั่นสิ นั่นคืออะไร?”

องครักษ์ในชุดดำที่อยู่ตำแหน่งสารถีของรถม้าเงยหน้ามองจุดที่ไม่ไกลออกไปมากนัก

“เฮือก!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาชุดแดงหันกลับไปแล้วก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตกตะลึง

ทิศทางจากถนนวิหคเพลิงแดงทิศใต้[1] มีจวนแห่งหนึ่งที่กำลังเกิดเพลิงลุกไหม้รุนแรง

“นายท่าน นั่นคือจวนอ๋องเจา”

“ไป”

เสียงของชายหนุ่มเย็นเยียบดุจหิมะฤดูหนาวดังขึ้นในรถม้า ทำให้อากาศรอบข้างเย็นยะเยือกในบัดดล

......

ค่ำคืนนี้ จวนอ๋องเจาเจิดจรัสอย่างถึงที่สุดโดยแท้ เพลิงไฟที่ลุกท่วมพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าส่องสว่างครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง

ภายในจวนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องร่ำไห้ สับสนวุ่นวายยิ่งนัก

ลั่วจิ่วหลีออกมาจากเรือนร้างอย่างเงียบเชียบ เดินผ่านเรือนอี๋ซิน อ้อมภูเขาจำลองไปจนถึงช่องหมาลอดบริเวณท้ายจวน

นางหันกลับไปมองแสงไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ไกล ๆ มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

นางเพิ่งจะคลานออกจากช่องสุนัขลอดได้อย่างยากลำบาก ยังไม่ทันจะได้หายใจให้โล่งคอ มือใหญ่คู่หนึ่งก็ลากตัวนางขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปในรถม้าที่มืดสนิท

เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลังของลั่วจิ่วหลี ในใจคิดว่าคงไม่ได้หนีเสือปะจระเข้หรอกนะ

เดิมทีตั้งใจจะใช้มีดผ่าตัดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตอบโต้กลับไป แต่ไม่ทันไรมีดก็ถูกชิงไป ร่างของนางพลันแข็งทื่อ คาดว่าน่าจะถูกสะกดจุดแล้ว

“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงจับข้า...”

ลั่วจิ่วหลีที่ถูกโยนเข้าไปในรถม้าแววตาเย็นชา เงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน

บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ในรถม้า ผมของเขาถูกมัดสูงด้วยกวนประดับผม สวมชุดคลุมสีดำคาดด้วยสายคาดสีทองประดับหยก คิ้วเรียวยาว ใบหน้าราวหยกสลัก งดงามโดยแท้ แต่ก็เย็นชาโดยแท้เช่นกัน

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นลึกล้ำราวกับห้วงน้ำเย็นยะเยือก หากสบตาเพียงครั้งเดียวก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในห้วงน้ำลึกที่เย็นจัดนั้นโดยไม่อาจดึงสติกลับมา

ยังมีไอเย็นยะเยือกดุจพายุเกรี้ยวกราดที่แผ่ซ่านออกมารอบกายเขา หนาวเหน็บจนลั่วจิ่วหลีไม่อาจเพิกเฉยต่อมันได้

พระเจ้า! ทำไมถึงเป็นเขา

บุรุษผู้หล่อเหลาทว่าเย็นชาที่อยู่ใต้ผาน้ำตกเมื่อคืนก่อน คนที่ถูกนางรบกวนการรักษาบาดแผล แถมยังทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาหมดสติ แล้วยังขโมยชุดคลุมของเขาติดมือมาอีก

“เจ้าคือลั่วจิ่วหลี?”

บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเปี่ยมบารมี แววตาคมกริบข่มขวัญผู้คน

ลั่วจิ่วหลีเบิกตากว้าง ลอบใคร่ครวญถึงสถานะและจุดประสงค์ของชายผู้นี้ในใจ พยายามข่มความรู้สึกผิดลึก ๆ ในจิตใจพลางเอ่ย

“ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้าคือใคร ถามซ้ำเช่นนี้จะไม่เสียเวลาเปล่าหรือ?”

ดวงตาของชายผู้นั้นหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ สายตาที่มองนางฉายแววครุ่นคิด

ลั่วจิ่วหลีกำมือแน่น นางไม่อาจคาดเดาเจตนาของชายผู้นี้ได้เลย

แต่สิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจคือ ชายผู้นี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อนาง ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว

แต่เขารู้ชื่อของนางได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงปรากฏตัวในเมืองหลวง?

ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเพียงชายผู้นั้นตอบเสียงเนิบนาบ

“เจ้าเป็นคนวางเพลิงจวนอ๋องเจา?”

ครั้นได้ยินคำว่าจวนอ๋องเจาสามคำนี้ ลั่วจิ่วหลีก็แค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคู่นั้นฉายแววเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง

“งดงามใช่หรือไม่? เป็นเจิดจรัสงดงามกว่ากว่าดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอยู่กลางท้องฟ้าอีกใช่หรือไม่?”

ถือเสียว่านี่เป็นเพลิงไว้อาลัยให้แม่ลูกที่ตายไปก็แล้วกัน

ในเมื่อไม่อาจฝังศพทารกน้อยก็ให้เปลวเพลิงนี้ส่งวิญญาณของเด็กคนนั้นขึ้นสู่สรวงสวรรค์

ชายคนนั้นหลุบตา แววตาลึกล้ำ

เวลานั้น เสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายและเสียงด่าทอก็ดังมาจากนอกตัวรถม้า

“ตาม ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย จงหานางสารเลวนั่นออกมาให้ข้า”

“ข้าจะถลกหนัง เลาะเส้นเอ็นและเฆี่ยนศพนางสามวัน แล้วนำไปแขวนร่างไว้บนประตูเมืองเหมือนสุนัขเน่าตัวหนึ่ง ถึงจะระบายความแค้นในใจข้าได้”

“ท่านอ๋อง ทางนั้นมีรถม้าอยู่คันหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“ขวางไว้ ค้นรถม้านั่นให้ข้าเสีย ข้าจะดูว่านางสารเลวนั่นซ่อนอยู่ในรถม้าคันนี้หรือไม่”

----------------------------------------------

[1] ถนนวิหคเพลิงแดงทิศใต้ วิหคเพลิงแดงเป็นหนึ่งในสัตว์เทพสี่ทิศของจีนและเป็นตัวแทนของทิศใต้ มีบทบาทสำคัญในศาสตร์ฮวงจุ้ยและความเชื่อเรื่องการปกป้องทิศทั้งสี่ของเมือง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 5

    ในรถม้า ลั่วจิ่วหลีได้ยินเสียงด่าทอด้วยโทสะนั้นก็จำได้ทันทีว่านั่นคือเสียงของอ๋องเจา เซียวจูมั่ว ดวงตาสาดประกายเย็นชากว่าเดิมเพลิงรุนแรงขนาดนี้กลับไม่อาจเผาคนเลวผู้นี้ให้ตายได้เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าผู้ชายชาติชั่วที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ยังคิดจะถลกหนัง เลาะเส้นเอ็นและเฆี่ยนศพนางสามวัน แล้วแขวนร่างไว้เหนือประตูเมืองสังหารคนโดยไม่หลั่งเลือดคงเป็นเช่นนี้เองกระมัง“ดูเหมือนว่าข้าต้องเริ่มแผนการขั้นต่อไปแล้ว”ลั่วจิ่วหลีพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย หันไปมองชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ความคิดไม่เคยเยือกเย็นถึงเพียงนี้มาก่อน“ท่านพอจะคลายจุดให้ข้าได้หรือไม่?”ชายผู้นั้นเหลือบมองนาง ดวงตาคู่นั้นแฝงประกายอันตราย แต่ยังคงยกมือขึ้นคลายจุดให้ ลั่วจิ่วหลีพลันรู้สึกถึงความผ่อนคลายทั่วร่างนางขยับแขนเล็กน้อย ทว่าสายตากลับไม่ละไปจากใบหน้าของชายผู้นั้นตอนนี้ นางยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าชายลึกลับผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศและตัวตนยังคงเป็นปริศนาผู้นี้ไม่ได้คิดร้ายกับนาง“ท่านจะปล่อยให้เซียวจูมั่วฆ่าข้าหรือไม่?”นางถามออกไปอย่างลองเชิงเวลานี้ ศักดิ์ศรีและหน้าตาอะไรเทือกนั้นไม่มีความสำคัญอีก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 6

    พูดแทงใจนัก! ท่านอ๋องผู้สง่างามถูกเรียกเป็น ‘สวะ’ หยามกันเช่นนี้ไหนเลยจะทนได้ไหวภายในรถม้า บุรุษผู้มีสีหน้าเย่อหยิ่งได้ยินคำพูดของลั่วจิ่วหลีแล้ว มุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างแทบสังเกตไม่เห็นลั่วจิ่วหลีรู้สึกว่าคำพูดยังไม่แรงพอ นางต้องการยั่วยุให้เซียวจูมั่วขาดสติอย่างสมบูรณ์และลงมือทำร้ายนาง “เซียวจูมั่ว ท่านจำไว้เลย ฆาตกรก็เป็นฆาตกรอยู่วันยังค่ำ”“ท่านฆ่าลั่วจิ่วหลีคนเก่าและยังฆ่าลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองเพื่อเยียนทิงเหลียน เอาลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองไปทำเป็นยาให้อนุชั้นต่ำของท่าน” “เหนือศีรษะสามฉื่อ[1]มีเทพเทวาคอยสอดส่องตรวจตรา ผลกรรมจะตามสนอง” “ท่านน่ะกิเลสหนา สวรรค์จะลงทัณฑ์หญิงร้ายชายเลวอย่างพวกท่าน บาปกรรมนี้จะตกใส่หัวพวกท่าน...”“นางชั้นต่ำ เจ้ารนหาที่ตาย! ทันใดนั้นเซียวจูมั่วที่บันดาลโทสะปราดมาถึงตรงหน้าประหนึ่งพายุ บีบคอลั่วจิ่วหลีไว้แน่น นัยน์ตาสีดำนั้นประหนึ่งมีหมอกปกคลุม เพลิงพิโรธพวยพุ่ง แทบจะกลืนกินลั่วจิ่วหลีทั้งเป็น “เจ้ามันขี้อิจฉา คิดว่าข้ายอมแต่งงานกับเจ้าเพราะอะไร? หากมิใช่เพราะอำนาจในราชสำนักของจวนอี้กั๋วกง คิดว่าเจ้าคู่ควรได้รับจริงหรือ? กล้าส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 7

    เวลานั้น ทุกคนเคร่งเครียดจนเส้นประสาทตึงเปรี๊ยะทั่วร่างประหนึ่งเชือกที่ถูกยืดจนตึง เสื้อผ้าตรงแผ่นหลังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็น เซียวจูมั่วก็มีสภาพไม่ต่างกัน แม้ว่าเขาก็เป็นองค์ชาย เป็นท่านอ๋อง แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท องค์ชายอย่างพวกเขาทุกคนล้วนพยายามอย่างหนักเพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแต่งงานกับลั่วจิ่วหลีเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากจวนอี้กั๋วกง แต่เขาตระหนักดีว่าไม่ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางมากแค่ไหนก็ยังมิอาจเทียบวาจาประโยคเดียวของเสด็จอาเก้า ขอเพียงเสด็จอาเก้าช่วยพูดคำดี ๆ ต่อหน้าฮ่องเต้ เขาก็จะเข้าใกล้การเป็นรัชทายาทเข้าไปอีกก้าว ทว่าคืนนี้เสด็จอาเก้าลงเขา เขากลับไม่ได้รับแจ้งข่าวใด ๆ ก่อนเลย “เสด็จอาเก้า โปรดอภัยที่หลานชายหยาบคายด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เซียวจูมั่วทรุดลงบนพื้น สภาพชวนสมเพชเวทนา ทว่าสายตาที่มองลั่วจิ่วหลีกลับคมกริบราวมีดดาบ หากสายตาสามารถสังหารคนได้ คาดว่าลั่วจิ่วหลีคงถูกเซียวจูมั่วสังหารตั้งนานแล้ว เซียวหมิงเสวียนปรายตามองเซียวจูมั่วที่อยู่บนพื้น ดึงสายตากลับมาอย่างเฉยชา นัยน์ตามืดครึ้ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 8

    น่าสนใจ น่าสนใจมากลั่วจิ่วหลีเพิกเฉยต่อเซียวจูมั่วที่ตกตะลึงเหมือนคนโง่ ก้มลงดึงหยกห้อยเอวชิ้นหนึ่งของเขาออกมา เป็นหยกห้อยเอวคุณภาพไม่เลวจริง ๆ นางถือหยกห้อยเอวไว้ในมือ หันกลับมามองมั่วหานด้วยสีหน้าคาดเดาไม่ถูก “คุณชายท่านนี้ ในเมืองนี้จะซื้อโลงได้ที่ไหน” มั่วหานชะงัก ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าจะใช้หยกห้อยเอวของอ๋องเจาเพื่อซื้อโลง แค่ไม่รู้ว่าโลงศพนี้สำหรับอ๋องเจา หรือ... “เมืองชั้นนอก ตรอกเฉาฉ่าง เต็มไปด้วยร้านขายโลง” “ขอบคุณมาก” ลั่วจิ่วหลีกำหมัดคารวะแล้วพลิกตัวขึ้นหลังม้า ในฐานะแพทย์ทหาร การขี่ม้าเป็นหลักสูตรภาคบังคับจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย มั่วหาน : นั่นเหมือนว่าจะเป็นม้าของข้า แต่จะทำอย่างไรได้? ตอนนี้เขาไม่กล้าหาเรื่องนางจริง ๆ เพราะจากนี้ นางยังต้องช่วยคลายคำสาปให้นายท่าน สี่ขาวิ่งเร็วกว่าสองขา ในเวลาเพียงครึ่งเค่อ[1] ลั่วจิ่วหลีก็ไปถึงร้านขายโลงร้านหนึ่งที่เมืองชั้นนอก นางแลกหยกห้อยเอวกับโลกศพขนาดเล็กหนึ่งโลง จากนั้นห้อตะบึงม้าไม่หยุดจนถึงนอกประตูวัง เวลานั้นแสงอรุณปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว...... ห้องเก้าเสนาบดี เป็นสถานที่ให้เหล่าขุนนางพักผ่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 9

    หากผู้ตีกลองมีข้อกล่าวหาเท็จหรือมีหลักฐานไม่เพียงพอ จะต้องโทษถูกโบยด้วยไม้นับร้อยที ผู้ที่อ่อนแออาจทนรับไม่ไหวขาดใจตายทันที นับตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฉางหนิงเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าตีกลองร้องทุกข์ในช่วงประชุมเช้า วันนี้ผู้ใดช่างกล้านัก? ต้องมีความคับแค้นใจขนาดไหนถึงอยากให้ฮ่องเต้ได้สดับ? ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังถกเถียงกัน ทันใดนั้นมีเสียงชาววังคุกเข่าอยู่ด้านนอกห้องโถง “ถวายบังคมอ๋องเก้า ทรงพระเจริญพันปีพันพันปี” “น้องเก้า” “อ๋องเก้า?” “เสด็จอาเก้า?” ภายในตำหนัก ตั้งแต่ฮ่องเต้ องค์ชายไปถึงเหล่าขุนนาง ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริด แม้ว่าเหล่าเจ้านายและขุนนางทุกระดับจะรู้แล้วว่าอ๋องเก้ากลับเมืองหลวงเมื่อคืน ทว่าเมื่อสองปีก่อนชายแดนมีความมั่นคง อ๋องเก้าจึงส่งคืนตราพยัคฆ์และออกจากเมืองหลวงสองปีมานี้ไม่เคยก้าวเข้ามาในราชสำนัก เหตุใดวันนี้จึงมาได้เล่า เมื่อร่างสูงสง่าตั้งตรงของอ๋องเก้าปรากฏขึ้นในห้องโถง ความตกตะลึงของทุกคนไม่จบเพียงแค่นั้น มองเห็นด้านหลังอ๋องเก้า สตรีผู้หนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำหมึกขาดรุ่งริ่งและแบกโลงใบเล็กด้วยสองมือ ค่อย ๆ เดินตามมาจนถึงภ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 10

    ถึงตอนนี้ ทุกคนได้เห็นชัดเจนว่าลั่วจิ่วหลีรูปร่างหน้าตาซีดเซียว แก้มและมุมปากยังไม่หายบวมแดง รอยช้ำจากการบีบรัดที่ลำคอมองเห็นชัดเจน ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงก่ำ “เฮือก!” “สวรรค์! แม่นางคนนี้กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร” แม้แต่เผยทิงซ่งพอเห็นลั่วจิ่วหลีมีสภาพเช่นนี้ก็ยังพลอยปวดใจไปด้วย ในอดีต นางเป็นสาวน้อยที่ร่าเริงสดใสขนาดนั้น มักจะวิ่งตามหลังเขาและเรียกเขาว่าพี่เขยอยู่เสมอ แต่ตอนนี้... อ๋องเจา เจ้าสมควรตายจริง ๆ แม่นางที่ดีคนหนึ่งถูกเจ้าทำลายจนมีสภาพเช่นนี้ ลั่วจิ่วหลีเดินมาถึงกลางท้องพระโรง คุกเข่าลงโขกศีรษะ “หม่อมฉัน บุตรีคนรองสายตรงจวนอี้กั๋วกง ลั่วจิ่วหลี ถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปีเพคะ” นางไม่แทนตัวเองว่าพระชายาอ๋องเจาอีกแล้ว ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรก็ตกพระทัยกับรูปลักษณ์ปัจจุบันของลั่วจิ่วหลีเช่นกัน ฮ่องเต้รู้ว่าอ๋องเจารักถนอมชายารองผู้นั้น แต่ไม่รู้เลยว่า เขาทำใจเหยียบย่ำข่มเหงแม่นางดี ๆ คนหนึ่งจนมีสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร หากปล่อยให้อี้กั๋งกงซึ่งกำลังฝึกทหารไกลถึงลี่หยางได้เห็นภาพนี้จะเป็นอย่างไร ครั้นนึกถึงนิสัยท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 11

    ในเวลานี้ หูกุ้ยเฟยซึ่งอยู่ในวังหลังก็ได้ทราบถึงเหตุการณ์ที่พระราชวังส่วนหน้าแล้ว สุดท้ายกระดาษก็ห่อไฟไว้ไม่ได้ เหล่านางสนมอื่น ๆ ก็ทราบเรื่องแล้วเช่นกัน เรื่องที่พระชายาอ๋องเจาหรือลั่วจิ่วหลีบุตรีคนรองสายตรงจวนอี้กั๋วกงมาตีกลองร้องทุกข์ฟ้องร้องอ๋องเจา โทษฐานหลงใหลอนุละเลยภรรยา สังหารลูกในไส้และทุบตีภรรยาเอกก็ได้แพร่กระจายไปทั่ววังหลัง ทางด้านนี้มีขันทีเข้าไปรายงานในตำหนักไม่ขาดสาย “ทูลฝ่าบาท อี้กั๋วกงฮูหยินคุกเข่าอยู่ด้านนอกประตูพระราชวังขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” “ทูลฝ่าบาท อ๋องเจาคุกเข่าอยู่นอกตำหนักขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ข่มโทสะโบกพระหัตถ์ให้ขันที หลังจากนั้นไม่นาน คนสองคนเดินเข้ามาในตำหนักตามลำดับ นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วจิ่วหลีได้พบกับมารดาเจ้าของร่างเดิมซึ่งก็คืออี้กั๋วกงฮูหยิน เห็นนางสวมชุดฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง มวยผมยกสูงบนศีรษะ ประดับปิ่นปักผมที่เรียบง่ายหนึ่งอัน ขณะก้าวเข้ามาในตำหนักก็เห็นสภาพที่น่าสังเวชของบุตรสาวอย่างชัดเจน ปวดใจจนน้ำตาคลอหน่วย หยิกฝ่ามือตัวเองแรง ๆ แล้วคุกเข่าลงบนพื้น “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 12

    “ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันรักอ๋องเจาสุดหัวใจ แม้กระทั่งวันอภิเษก อ๋องเจาหันหลังใส่หม่อมฉันรับชายารองเข้าจวน ทำให้หม่อมฉันอับอายขายหน้า แต่เพราะหม่อมฉันรักเขาจึงพยักหน้ายินยอม แล้วหม่อมฉันจะทรยศเขาได้อย่างไรเพคะ”“ฝ่าบาทโปรดมอบความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ” ฮ่องเต้กำพระหัตถ์แน่น กริ้วโกรธขั้นสุด แต่แล้วก็ค่อย ๆ สงบลง ในฐานะบุรุษ เป็นไปไม่ได้ที่อ๋องเจาจะสร้างความอัปยศให้ตัวเองเช่นนี้ แต่สีหน้าของลั่วจิ่วหลีก็ไม่เหมือนคนโกหกเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น ความรักที่นางมีต่ออ๋องเจาเป็นที่รู้กันทั่วเมือง หากตอนนั้นนางไม่ใช้ความตายข่มขู่ อี้กั๋วกงก็ไม่มีวันเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ไม่ว่าอย่างไรต้องสอบสวนให้กระจ่าง“ใครก็ได้ จงปิดตำหนักไท่เหอ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปจากที่นี่เด็ดขาด หากเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไปแม้ประโยคเดียว ทุกคนในตำหนักไท่เหอมีโทษประหารชีวิต” คำว่าประหารคำเดียวทำให้ทั้งตำหนักไท่เหอตกอยู่ท่ามกลางเมฆดำปกคลุม ขุนนางทุกคนในท้องพระโรงย่อมเข้าใจว่า คำว่าทุกคนนั้นรวมถึงพวกตนด้วยเช่นกัน “อ๋องเก้า เจ้าไปเอาระเบียนจากสำนัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 100

    “เพคะ นี่คือยาเม็ดที่หม่อมฉันทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ”“งั้นหรือ?”ฮ่องเต้มองที่ใบหน้าสงบนิ่งของลั่วจิ่วหลี เห็นว่านางไม่ลนลานแม้แต่น้อย และไม่มีทีท่าว่าโกหกเช่นกันก้มหัวลงดูของสิ่งนี้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนหากบอกว่านี่คือขวด วัสดุกลับไม่เหมือน หากพูดว่านี่ไม่ใช่ขวด แต่ยาเม็ดเล็ก ๆ เหล่านั้นกลับใส่อยู่ในนี้จริง ๆ“ในเมื่อเป็นยาเม็ดที่ทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ เหตุใดจึงทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินไม่ได้สติเล่า?”ฮ่องเต้น้ำเสียงเคร่งเครียด สายตาเย็นชาโกรธขึ้งที่ด้านข้าง ฮองเฮาโบกมือไปทางองครักษ์เหล่านั้นบรรดาองครักษ์ก็ถอยออกไปอย่างหงุดหงิด“ลั่วจิ่วหลี เฟิงเต๋อฮูหยินก็กินยาในขวดนี้นี่ล่ะ แล้วก็หมดสติไป”ฮองเฮาเสียงเบามาก จ้องลั่วจิ่วหลีตาไม่กะพริบลั่วจิ่วหลีส่ายหัว น้ำเสียงหนักแน่น เผชิญหน้ากับสายตาที่ฮ่องเต้และฮองเฮาเพ่งพินิจนางโดยปราศจากความกลัวใด ๆ“เป็นไปไม่ได้เพคะ นี่คือยารักษาอาการหัวใจวายของเฟิงเต๋อฮูหยิน ไม่ใช่ยาพิษอะไรแน่นอน?”“ยาพิษ?” ที่ด้านข้าง หูกุ้ยเฟยร้องหึอย่างเย็นชาหนึ่งที เดินเข้ามา“ลั่วจิ่วหลี ที่นี่ไม่มีคนบอกว่าเฟิงเต๋อฮูหยินถูกวางยาพิษเสียหน่อย กลับ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 99

    เพียงไม่นาน รถม้าก็มาถึงประตูจวนที่นอกรถม้า สวีหมัวมัวเปิดม่านขึ้น“ฮูหยิน คุณหนูรอง ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ”สองแม่ลูกทยอยลุกขึ้นตามกันไป ลงจากรถม้ายังไม่ทันได้เข้าจวน ก็เห็นพ่อบ้านวิ่งตรงออกมาอย่างรวดเร็ว“ฮูหยิน คุณหนูรอง ในวังมีจดหมายมา เชิญให้คุณหนูไปที่พระตำหนักกานเฉวียนทันทีหลังกลับถึงจวนขอรับ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง อี้กั๋วกงฮูหยินหนังตากระตุก“เกิดอะไรขึ้น?”พ่อบ้านส่ายหัว“ขันทีที่เชิญพระราชโองการไม่ยอมบอก บอกแค่ว่า ให้คุณหนูรองเข้าวังได้ทันที”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง คงให้ข้าเข้าวังไปตรวจร่างกายเฟิงเต๋อฮูหยินอีกครั้ง”ลั่วจิ่วหลีพูดปลอบประโลมแล้ว เวลานี้ สาวใช้เรือนฝูชวีก็นำกล่องยาออกมาแล้วลั่วจิ่วหลีรับกล่องยามา“สวีหมัวมัว ดูแลท่านแม่ให้ดี ข้าไปไม่นานก็กลับ”“เจ้าค่ะ คุณหนูรอง”สวีหมัวมัวประคองอี้กั๋วกงฮูหยิน มองดูลั่วจิ่วหลีขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปทางประตูวัง“พ่อบ้านจาง”อี้กั๋วกงฮูหยินเห็นรถม้าที่ค่อย ๆ ห่างออกไปแล้ว ก็ขมวดคิ้ว“ฮูหยิน”พ่อบ้านจางก้าวขึ้นมา“เอาเงินตำลึงไปเพิ่มหน่อยสิ ไปสืบข่าวมาที”“ขอรับ”พ่อบ้านจางไหนเลยจะกล้าชักช้า จากไปอย่างรีบร้อนตามความร้อนใ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 98

    อี้กั๋วกงฮูหยินมองที่นาง“เจ้าฟังออกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ายังเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องเก้าก็คงจะเข้าใจได้เช่นกัน”“ท่านแม่ นี่ท่าน...”“จิ่วเอ๋อร์”อี้กั๋วกงฮูหยินคว้ามือลูกสาวตัวเองไว้“แม้แม่จะอยู่ในเรือนหลังมานาน แต่เรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ คราวที่แล้วกุ้ยเฟยเรียกเจ้าเข้าวัง ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพราะเรื่องที่เจ้าหย่าร้างกับอ๋องเจา เรื่องที่สองพี่น้องตระกูลหูนั่นใส่ร้ายเจ้า แม่ฟังแล้วเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง เรื่องคราวก่อน นางปิดบังไว้ไม่น้อย แต่นึกไม่ถึงว่าแม่ก็ยังไปสืบรู้เรื่องนี้มาจนได้“ท่านแม่ ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”อี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้าเบา ๆ“ได้รับความอยุติธรรมขนาดนั้น เจ้าไม่บอกแม่ได้อย่างไรกัน?”ลั่วจิ่วหลียิ้มอย่างสบาย ๆ“ก็ไม่ถือว่าได้รับความอยุติธรรมนะเจ้าคะ สองพี่น้องตระกูลหูนั่นก็ไม่ได้รับผลประโยชน์”“เฮ้อ! เจ้านี่นะ”อี้กั๋วกงฮูหยินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“ท่านอ๋องเก้านั้นเป็นยอดคนก็จริง แต่จะว่าอย่างไรท่านก็เป็นเสด็จอาของอ๋องเจา ต่อไปเจ้าอย่าเข้าใกล้มากเกินไปจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกนินทา”ลั่วจิ่วหลีได้ยินแล้ว ก็หัวเราะเย้

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 97

    “แขก?”เช้าตรู่เช่นนี้ ใครกันมาที่จวนอ๋องเก้า แล้วยังส่งจดหมายคารวะมาด้วย?“ใครหรือ?”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเรียบเฉย ยื่นมือไปรับจดหมายคารวะ เมื่อเห็นแล้วก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที “จวนอี้กั๋วกง?”“ไป เชิญแขกเข้าไปห้องโถงรับแขก”“พ่ะย่ะค่ะ”คนผู้นั้นออกไปที่ด้านข้าง ฉินอิ่นก้าวขึ้นมา“นายท่าน เป็นอี้อั๋วกงฮูหยินกับคุณหนูรองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“อืม”เซียวหมิงเสวียนสีหน้าดูไร้อารมณ์ แต่กลับลุกขึ้นกลับห้องไปเปลี่ยนชุดฉินอิ่นยืนอยู่นอกห้อง ลูบจมูกไปมา รู้สึกว่าวันนี้นายท่านของเขาแปลกไปไม่น้อย นายท่านเปลี่ยนชุดเป็นพิเศษเพื่อเจอคนนอกตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่จะว่าไปแล้ว คุณหนูรองตระกูลลั่วก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอกถึงนอกเรือนรับแขกแล้ว เซียวหมิงเสวียนก็เห็นสองแม่ลูกกำลังนั่งดื่มชาอยู่วันนี้ลั่วจิ่วหลีสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ผิวขาวราวกับหิมะ เรียวคิ้วดูเหมือนทิวเขาที่อยู่ไกล ๆ ผัดหน้าเบา ๆ ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเขารู้สึกว่าลั่วจิ่วหลีในแบบนี้ดูเย็นชา เฉียบคมน้อยกว่าปกติ และดูอ่อนโยนอบอุ่นมากขึ้นลั่วจิ่วหลีเหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองนางอยู่ จึงเงยหน้ามองไปทางนอกประตูเห็นเซียวหม

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 96

    สวีหมัวมัวค้อมตัวคำนับ“บ่าวขอขอบพระคุณความห่วงใยจากคุณหนูแทนชุนหรงเจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีรู้สึกอึดอัดไม่น้อย นี่ก็คือระบบชนชั้นสมัยโบราณ แม้บ่าวจะรับมีดแทนนายจนได้รับบาดเจ็บ ก็ยังต้องขอบคุณ แสดงความซาบซึ้งต่อความเมตตาจากนาย “จิ่วเอ๋อร์ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เยียนทิงเหลียนนั่นแหกคุกไม่ใช่หรือ? ถูกจับอีกได้อย่างไร? ได้ยินว่า นางถูกเปลื้องผ้าแล้วไปแขวนไว้บนหอประตูเมืองชั้นนอก เฮ้อ! ช่างเสื่อมเสียจารีตประเพณีบ้านเมืองเสียจริง”ลั่วจิ่วหลีนวดขมับไปมาอย่างจนใจ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน วันนี้นั่งรถม้ามาทั้งวันก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่อีก แต่แม่ถาม นางก็ได้แต่อดทน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองให้แม่ฟัง แน่นอนว่า เรื่องบางอย่างที่ต้องปิดบัง นางก็ไม่ได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว“เจ้าว่าอะไรนะ? อ๋องเก้าเพราะช่วยเจ้า ก็ถูกเยียนทิงเหลียนทำร้ายบาดเจ็บหรือ?”“เจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีพยักหน้าเบา ๆ“เยียนทิงเหลียนนั่นไม่ใช่หญิงธรรมดาเลย นางเป็นสายลับของแคว้นซางหนาน ข้าเผลอไปครู่หนึ่ง ยังดีที่มีชุนหรงกับอ๋องเก้า ไม่เช่นนั้น ขณะนี้คนที่นอนปางตายอยู่บนเตียงก็คงเป็นข้าแล้ว”แม้ว่าชุนหรงกับอ๋องเก้าจะไม่ได

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 95

    “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”เซียวหมิงเสวียนถวายบังคม ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรออกจากประตูวังแล้ว ระหว่างทางกลับจวน เซียวหมิงเสวียนมองฉินอิ่นแวบหนึ่ง“ส่งข่าวไปยังหอหลิงเซียว ให้พวกเขาไปสืบหาเบื้องหลังของเยียนทิงเหลียนที่แคว้นซางหนาน”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก“นายท่าน ข้าน้อยส่งฉินลิ่วไปเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่หอประตูเมืองชั้นนอกแล้ว ฉินลิ่วรายงานกลับมา บอกว่า... อะแฮ่ม”“บอกว่าเยียนทิงเหลียนถูกแขวนตัวเปลือยเปล่าอยู่บนหอประตูเมืองชั้นนอก ทำให้เกิดความโกลาหลไม่น้อย มีคนเร่ร่อนหื่นกามคิดไม่ดี...”ส่วนคิดไม่ดีว่าอะไร ไม่ต้องให้ฉินอิ่นพูดให้ชัดเจน เซียวหมิงเสวียนก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร“หึ!”เซียวหมิงเสวียนยิ้มอย่างเย็นชา“เช่นนั้นแล้วก็เปิดช่องโหว่ให้พวกเขาเสีย ให้เยียนทิงเหลียนลองสัมผัสดูว่าตอนนั้นนางวางแผนทำร้ายลั่วจิ่วหลีอย่างไร”ฉินอิ่นได้ยินแล้ว ในใจก็แอบสวดมนต์ภาวนาให้เยียนทิงเหลียนดูท่า เยียนทิงเหลียนจนตายก็ไม่มีทางรู้ว่า ตอนนั้นที่นางวางแผนจะทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองตระกูลลั่ว แต่คนที่มีความสัมพันธ์กับคุณหนูรองตระ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 94

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยียนทิงเหลียนเดิมทีก็เป็นหญิงงามชั้นยอด เอวบางร่างน้อยราวกับต้นหลิว หน้าอกและบั้นท้ายโค้งเว้าชัดเจน หากใช้คำของอ๋องเจามาอธิบาย นี่คือผู้หญิงที่มอบความสุขให้เขาได้แม้แต่องค์ชายแห่งอาณาจักรหนึ่งยังยอมรับในความงามอันเย้ายวนของเยียนทิงเหลียน นับประสาอะไรกับบรรดาบุรุษธรรมดา ๆเพียงแค่เห็นภาพที่เย้ายวนชวนลุ่มหลงนี้แวบเดียว ก็ทำให้เลือดลมสูบฉีดยิ่งดูยิ่งตื่นเต้น ยิ่งดูยิ่งมีผู้ชายเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นมีคนตะโกนว่านี่ช่างเสียของจริง ๆ มีคนป่าวร้องว่าสาวสวยเช่นนี้ถ้าได้ซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ ด้วยจะมีความสุขขนาดไหนมีคนมือบอนเข้าไปใกล้ ๆ อยากเอานางลงมาใจจะขาด หาความสำราญให้เต็มที่ ก็ถูกทหารที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ ถีบกระเด็นไปอยู่ที่พื้นและยังมีหญิงอารมณ์ร้ายที่เมื่อรู้ว่าสามีตนเองมาจ้องมองดูผู้หญิงเปลือยจนตาแทบออกมานอกเบ้า ก็วิ่งถือไม้นวดแป้งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด มาบิดหูสามีตัวเอง ด่าว่ายกใหญ่ ด่าสามีตัวเองเสร็จยังไม่พอ ยังหยิบทุกอย่างที่หยิบติดมือมาได้ ปาไปที่ตัวเยียนทิงเหลียนอย่างเอาเป็นเอาตายชาวบ้านร้านตลาดหรือ? เพียงแค่มีคนหนึ่งเริ่มต้น คนที่เหลือก็พากันทำตา

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 93

    “ลงมือ”เซียวหมิงเสวียนไม่แม้แต่จะสนใจดูเยียนทิงเหลียนที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสน“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อฉินอิ่นผลักเยียนทิงเหลียนไปข้างหน้า ทั้งร่างของเยียนทิงเหลียนก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อหัวหน้าทหารยามทั้งสองโบกมือให้สัญญาณอย่างสุดแรง ด้านหลังก็มีทหารเฝ้าเมืองก้าวขึ้นมาข้างหน้าทีละก้าว ๆ“อื้อ! อื้อ! อื้อ!”เยียนทิงเหลียนถอยหลังโดยใช้ทั้งมือและเท้าหากเวลานี้นางพูดได้ เสียงขอความเมตตาอย่างน่าเวทนาและเสียงร้องโหยหวนก็คงจะทำให้เกิดความสงสารอันเล็กน้อยจนแทบจะไม่มีอยู่เลยขึ้นมาบ้างน่าเสียดาย ตัวนางในขณะนี้วรยุทธ์ถูกทำลาย ลิ้นก็ถูกตัด ได้แต่ทนรับความอัปยศนี้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ร้องเรียกต่อฟ้าก็ไร้ผล อ้อนวอนต่อดินก็สิ้นหนทาง ทนทุกข์ทรมานแต่เพียงผู้เดียว ดิ้นรนอย่างขมขื่นทันใดนั้นเอง นางก็เห็นว่าบนรถม้าที่อยู่ด้านหลังนั้น ลั่วจิ่วหลีทอดสายตามาที่นางลั่วจิ่วหลี คนชั้นต่ำ นางชั้นต่ำนี่ ต้องเป็นความคิดของเจ้าแน่ ๆ ต้องใช่อย่างแน่นอนเยียนทิงเหลียนหลบทหารเฝ้าเมืองสองคนนั้นที่ไล่ตามมาประชิดตัว โหม่งหัวชนคนหนึ่งจนล้มลง ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกาย วิ่งพุ่งตรงไปทางลั่วจิ่วหลี

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 92

    เมืองชั้นนอกนั้นหลัก ๆ เป็นที่อยู่ของประชาชนทั่วไป และคนมากหน้าหลายตาจากทุกกลุ่มในสังคม เมืองชั้นในล้วนเป็นที่พำนักของขุนนางชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ ส่วนวังหลวงเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฮองเฮา เหล่าสนมวังหลัง และบรรดาองค์ชายองค์หญิง จวนอี้กั๋วกงกับจวนอ๋องเก้านั้นอยู่ในเมืองชั้นในทั้งคู่ รถม้ากลับหยุดที่เมืองชั้นนอก ลั่วจิ่วหลีประหลาดใจไม่น้อย“ไปกัน ออกไปดูหน่อยกว่าเกิดอะไรขึ้น?”นางพูดพลางผลักประตูรถม้าออก ก็เห็นเซียวหมิงเสวียนที่อยู่ข้างหน้ายืนอยู่บนรถม้าอย่างสง่างามน่าเกรงขามพอดีผู้คนสองข้างทางเมื่อเห็นท่านอ๋องเก้า ก็พากันคุกเข่าลงที่พื้นไม่ไกลจากนั้น มีหัวหน้าทหารยามสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมืองชั้นนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งด่วน“กระหม่อมถวายบังคมท่านอ๋องเก้า”“อืม ลุกขึ้นเถอะ”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเย็นชาเรียบเฉย“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเก้า”หัวหน้าทหารยามทั้งสองลุกขึ้น“ฉินอิ่น”เซียวหมิงเสวียนโบกมือให้สัญญาณไปทางด้านหลัง“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับ จากนั้นก็คุมตัวคนคนหนึ่งเดินไปที่หน้าหัวหน้าทหารยามสองคนนั้น เมื่อลั่วจิ่วหลีมองให้ดี ๆ คนที่ถูกคุมตัวมาไม่ใช่เ

DMCA.com Protection Status