Share

หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป
หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป
Author: ปีศาจเจ้าสำราญ

บทที่ 1

Author: ปีศาจเจ้าสำราญ
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่ประดับประดาด้วยผ้าแพรแดง บุรุษรูปงามในชุดเกราะสีเงินยืนตรงอย่างสง่างามประดุจต้นสนอยู่เบื้องหน้านาง

“จิ่วหลี เสด็จพ่อทรงตกลงพระราชทานสมรสให้พวกเราแล้ว รอข้ากลับมาจากสนามรบ จะจัดขบวนรับเจ้าสาวสิบลี้มารับเจ้าเป็นภรรยา”

สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาคู่งามดุจสายน้ำใสแฝงความสะเทิ้นอาย

“พระชายา พระชายาเพคะ”

เสียงใครบางคนดังแว่วข้างหู ลั่วจิ่วหลีอยากตื่นขึ้นมา ทว่าความเจ็บปวดราวถูกลงทัณฑ์แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้นางไม่อาจลืมตาได้เลย

ทันใดนั้น ภาพหนึ่งแวบผ่านเข้ามา ชายหนุ่มในชุดเกราะเงินขี่ม้าศึกตัวใหญ่กลับมาจากการทำศึกพร้อมชัยชนะ แต่ในอ้อมแขนของเขากลับมีสตรีงามแปลกหน้าผู้หนึ่ง

เทียนแดง อักษรมงคล และเกี้ยวเจ้าสาวสองคันถูกยกเข้าจวนอ๋องเจาโดยคันหนึ่งอยู่หน้า อีกคันตามหลัง

จู่ ๆ ภาพก็เปลี่ยนเป็นเบื้องหน้ากรอบหน้าต่างไม้แกะสลักบานหนึ่ง

ชายหนุ่มสวมอาภรณ์หลวมหลุดลุ่ย บนแผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยข่วน ใต้ร่างของเขา สตรีนางหนึ่งมีเพียงผ้าผืนบางคลุมร่างกายเพียงสามจุด แทบไม่อาจปกปิดเรือนร่าง

“ชายโฉดหญิงชั่ว ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”

สตรีผู้หนึ่งแบกท้องที่ตั้งครรภ์ มือกำกระบี่ยาวไว้มั่น ดวงตาฉายชัดถึงความเคียดแค้น เงื้อมือฟันกระบี่ลงไป

หญิงร้ายชายเลวสะดุ้งหันขวับมาทั้งคู่ เผยให้เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างชัดเจน ส่วนหญิงงามใต้ร่างกลับยิ้มพราย แฝงแววเจ้าเล่ห์ เปี่ยมด้วยความยั่วยวน

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจพลันดังขึ้นมา ภาพแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานของโลหิต

ทารกชายตัวผอมวัยหกเดือนนอนนิ่งในอ่างทองแดง ทั้งร่างเขียวช้ำชุ่มโชกโลหิต ไร้ซึ่งลมหายใจ

ภาพสีเเดงเบื้องหน้านางกลายเป็นความมืด สตรีร่างโชกเลือดผู้หนึ่งกอดร่างไร้วิญญาณของทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน จ้องมองมาทางลั่วจิ่วหลีด้วยสายตาเปี่ยมความเศร้าโศกและโกรธแค้น

“ลั่วจิ่วหลี ล้างแค้น ล้างแค้นให้พวกเราที”

เสียงแว่วล่องลอยแฝงความโศกสลดเคียดแค้นดังขึ้นก่อนจะค่อย ๆ ห่างไกลออกไป และแผ่วเบาลงจนกระทั่งไม่ได้ยินอีก

ลั่วจิ่วหลีพลันลืมตาขึ้นมา แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือบ่าวเฒ่าหน้าตาน่ากลัวและกริชคมกริบที่พุ่งตรงเข้ามาหา

ฉึก!

คมกริชปักเข้าที่หัวไหล่ ทำให้เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากนางทันที

ในฐานะแพทย์ทหาร ลั่วจิ่วหลีใช้พลังใจอันแข็งแกร่งเตะบ่าวเฒ่าจนล้มลงไปกับพื้น มือข้างหนึ่งบีบคอของบ่าวเฒ่าไว้แน่นอย่างรวดเร็ว

อีกมือหนึ่งไม่รีรอ จ้วงแทงดวงตาของบ่าวเฒ่าอย่างไร้ปรานี

“อ้าก”

บ่าวเฒ่ากรีดร้องโหยหวน

“พระชายาได้โปรดไว้ชีวิต บ่าวเองก็ถูกบีบบังคับ เป็นชายารองเหลียน...”

กร๊อบ!

“การไว้ชีวิตศัตรูเป็นหน้าที่ของพระพุทธองค์ แต่ข้าชอบส่งศัตรูไปปรโลกมากกว่า”

ลั่วจิ่วหลีไม่คิดจะฟัง บิดคอนางจนเสียงกระดูกดังลั่น น้ำเสียงเย็นเยียบดุจดั่งวิญญาณร้ายที่ปีนออกมาจากนรก

เมื่อจัดการกับบ่าวเฒ่าเสร็จ ลั่วจิ่วหลีก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือกุมไหล่ที่บาดเจ็บไว้ นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองกำลังลองสวมแหวนโบราณที่เพื่อนสนิทนักโบราณคดีส่งมาให้

จากนั้นก็เหมือนสติดับวูบ ต่อมาก็มองเห็นภาพในความฝันพวกนั้น

เจ้าของร่างเดิมนามลั่วจิ่วหลี อายุเพียงสิบเจ็ดปี เป็นบุตรีคนรองสายตรงของจวนอี้กั๋วกงแห่งแคว้นฉางหนิง เจ็ดเดือนก่อน นางแต่งงานกับเซียวจูมั่ว อ๋องเจา คิดไม่ถึงว่าในวันแต่งงาน เซียวจูมั่วกลับรับเยียนทิงเหลียน บุตรีบุญธรรมของรองผู้ดูแลหน่วยพิธีกรรมเข้าพิธีแต่งงานพร้อมกัน เจ้าของร่างเดิมนั้นมีจิตใจอ่อนโยนและรักเซียวจูมั่วสุดหัวใจจึงยอมรับชะตากรรมอันน่าอดสูนี้

นับจากนั้นมา เจ้าของร่างเดิมก็กลายเป็นสตรีที่ถูกทอดทิ้งจนกระทั่งตั้งครรภ์ แต่แล้วก็ถูกวางยาพิษด้วยหญ้าเซิงเฉ่าอูและต้องเห็นภาพสองคนนั้นพลอดรักกันต่อหน้าต่อตา จึงสะเทือนใจทบเท่าทวีคูญจนเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง

เดิมนั้น หลังจากแท้งลูก เจ้าของร่างเดิมก็ตกอยู่ในอาการหมดสติ เซียวจูมั่วไม่กล้าให้ข่าวแพร่งพรายออกไปด้วยกริ่งเกรงจวนอี้กั๋วกงจึงสั่งให้นำเจ้าของร่างเดิมไปทิ้งไว้ที่เรือนรับรองหลังหนึ่งแถบชานเมืองหลวง ไม่คาดคิดว่า...

“ไอ้ผู้ชายชั่วคนนี้ ทรยศหักหลัง หลงอนุเหยียบย่ำภรรยาเอก เป็นสัตว์เดรัจฉานที่แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจยอมรับได้”

ลั่วจิ่วหลีสาปแช่งเสียงดัง ก่อนจะดึงกริชที่ปักอยู่บนไหล่ออกมา เลือดพุ่งกระจายทันที นางขมวดคิ้วบางแน่นด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ฝืนทนไว้

ไม่นานนัก ลั่วจิ่วหลีก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางเห็นว่าแหวนโบราณบนนิ้วมือเจ้าของร่างเดิมมีลักษณะเหมือนแหวนวงที่นางเคยลองใส่ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด เลือดสด ๆ ที่เปื้อนอยู่บนแหวนถูกดูดซึมเข้าไปในแหวนด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร”

นิ้วมือของนางรู้สึกอุ่นวาบ ยาห้ามเลือด ผ้าพันแผล ยาเม็ดอี้หมูเฉ่า[2]และอะซิโทรมัยซิน[3]พลันปรากฏขึ้นบนมือของนาง ทั้งหมดเป็นยาที่ใช้ในการรักษาบาดแผลและอาการแท้ง

แม้ลั่วจิ่วหลีจะเคยรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินมามากมาย แต่ความลึกลับของแหวนโบราณวงนี้ก็ยังทำให้นางประหลาดใจเกินคาด

นางนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบกินยาและทำความสะอาดบาดแผล ถึงแม้จะสงสัย แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งศึกษาแหวนโบราณวงนี้

เผื่อว่าจะมีคนเฝ้าอยู่ด้านนอกเรือน หลังจากทำแผลเสร็จ ลั่วจิ่วหลีจึงตัดสินใจปีนออกทางหน้าต่างด้านหลัง

นางวิ่งเข้าไปในป่าท่ามกลางแสงจันทรา ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหน จนกระทั่งได้ยินเสียงดังก้องมาจากที่ไม่ไกลนัก นางรู้สึกยินดีจึงรีบเร่งฝีเท้า

เพียงแต่ว่าทันทีที่โผล่ออกจากป่า ลั่วจิ่วหลีก็เห็นสิ่งมหึมาที่ปรากฏตรงหน้าจนหวาดหวั่นไปทั้งใจ

มันคือพญาอินทรีร่างใหญ่สีขาวราวหิมะ มีจะงอยปากแหลมยาวและขนสีแดงสดกระจุกหนึ่งอยู่บนหน้าผาก ขณะนี้ ร่างมหึมาของมัน กรงเล็บที่แหลมคมและดวงตาสีดำขลับแฝงเพลิงพิโรธโฉบตรงมายังลั่วจิ่วหลี

นางยังไม่ทันได้สบถคำด่าก็ต้องพุ่งตัวกลิ้งหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ปลายเท้าของนางเหยียบลงบนต้นไม้อย่างแรง ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนหลังของพญาอินทรี บริเวณที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ถูกกรงเล็บแหลมคมขยุ้มจนเป็นร่องลึกหลายแห่ง

“สวรรค์ ที่นี่มันที่ไหนกันแน่?”

สิ้นเสียงลั่วจิ่วหลี พญาอินทรีก็กระพือปีกมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือน้ำตกผืนนั้น

----------------------------------------------

[1] ยาเม็ดอี้หมูเฉา เป็นยาสมุนไพรจีนที่ทำจากอี้หมูเฉ่า มักใช้ในการรักษาอาการเกี่ยวกับสตรี เช่น ปรับสมดุลประจำเดือน

[2] อะซิโทรมัยซิน เป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่ง ใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินปัสสาวะ

Related chapters

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 2

    ลั่วจิ่วหลีเกาะคอพญาอินทรีแน่น ร่างของนางเกือบจะร่วงลงไป นางต้องรีบหาทางจัดการ ไม่เช่นนั้นหากไม่ถูกพญาอินทรีตะปบตายก็คงต้องตกลงไปตายเป็นแน่“ยาสลบ ยาสลบชนิดรุนแรง”ลั่วจิ่วหลีพยายามหาทางรอดแม้ความหวังริบหรี่ นางกดแหวนโบราณลงบนบาดแผลที่มีเลือดซึมออกมาบนไหล่ นิ้วมือพลันร้อนวาบ ชั่วเวลาไม่ถึงห้าวินาที ยาสลบก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของนางนางยิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนจะฉีดยาสลบเข้าไปในร่างของพญาอินทรีอย่างแรง เมื่อความเร็วของพญาอินทรีเริ่มลดลง ลั่วจิ่วหลีก็ตัดสินใจฉับพลัน กลั้นใจหลับตากระโดดลงจากหลังพญาอินทรีลงสู่แอ่งน้ำใต้ผาน้ำตกตูม!แอ่งน้ำนุ่มนวลกว่าที่คิด ลั่วจิ่วหลีลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แผงอกกว้างสะท้อนเข้าสู่คลองจักษุนางเงยหน้าขึ้นมองสวรรค์ นี่นางเห็นอะไรเป็นบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษที่ร่างท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนชั่วขณะนั้น บุรุษผู้นั้นพลันลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาลึกล้ำ คิ้วเรียวยาว ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากันน้อย ๆ โครงหน้าที่ประหนึ่งแกะสลักจากหยก แม้จะใช้คำว่างามล้ำก็ยังไม่พอจะบรรยายรูปโฉมที่งามเหนือสามัญของเขาลั่วจิ่วหลีถือว่าผ่านโลกมาไม่น้อย ดา

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 3

    เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้ของนาง ทำให้คนที่มาตามหาคลาดกับนางพอดีราตรีนี้ลั่วจิ่วหลีนอนหลับไม่สนิท ในความฝัน บางครั้งนางเห็นภาพตอนที่ตนเองอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในชาติก่อน บางครั้งเป็นภาพเจ้าของร่างเดิมกอดร่างไร้ลมหายใจของทารกจ้องมองนางด้วยความอาฆาตระคนโศกเศร้าขอให้ช่วยล้างแค้น บางครั้งเป็นดวงตาลึกล้ำของชายผู้นั้นที่จ้องนางพลางถามคาดคั้นว่านางเป็นคนฆ่าพญาอินทรีหิมะใช่หรือไม่“ข้าไม่ได้ฆ่ามัน!”ลั่วจิ่วหลีสะดุ้งลืมตาตื่นภายนอกถ้ำเวลานี้ดวงตะวันทอประกายสว่างไสวนางนวดคลึงหว่างคิ้วที่ปวดตุบ พอได้สติกลับคืนมาก็นึกถึงบุรุษที่ใต้ผาน้ำตกขึ้นมา เกรงว่าคงกำลังรักษาแผลอยู่ นางทำแบบนั้นไป ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?“ไม่คิดแล้ว เขาไม่รู้อยู่ดีว่าข้าเป็นใคร ทางใครทางมันแล้วกัน ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก”ลั่วจิ่วหลีลุกขึ้นยืน เสื้อคลุมยาวเกินไป นางจึงใช้มีดผ่าตัดกรีดออกส่วนหนึ่งแล้วมัดไว้ที่เอว จากนั้นก็เดินก้าวยาว ๆ ลงจากภูเขาเดินไปได้สักพัก นางค่อยเข้าใจว่าเหตุใดเซียวจูมั่วถึงโยนเจ้าของร่างเดิมไปไว้ที่เรือนรับรองหลังนั้นให้ตายเถอะ อยู่ห่างจากเมืองหลวงชะมัด จนกระทั่งแสงอาทิ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 4

    ลั่วจิ่วหลีคลายมือออกจากคอซุนหมัวมัว มีดผ่าตัดยังคงจ่ออยู่ใกล้ดวงตาของนาง แววตาเหี้ยมเกรียมเย็นชาราวกับจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ“ชายารองเหลียนบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บถึงรากฐานตอนที่ช่วยท่านอ๋องในสนามรบ ต้องใช้รกและเนื้อทารกอายุหกเดือนมาปรุงยา หลังกินเข้าไป นางจึงจะสามารถตั้งครรภ์ได้”จี๊ด!ลั่วจิ่วหลีสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ซ่านออกมาจากในหัวใจ นางรู้ว่านั่นไม่ใช่ความเจ็บปวดของนาง แต่เป็นวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่เจ็บปวดเจียนขาดใจ เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว ลูกของนางยังถูกศัตรูนำไปปรุงยาความเสื่อมทรามของมนุษยธรรมในจิตใจกำลังแผ่ขยายออกไปทีละน้อยทำให้ลั่วจิ่วหลีที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่างนางไม่เข้าใจ เจ้าของร่างเดิมนั้นเป็นถึงบุตรีคนรองสายตรงของอี้กั๋วกง ฐานะไม่ต่ำต้อย เหตุใดจึงถูกทารุณเช่นนี้?เซียวจูมั่วถูกความหลงใหลครอบงำจนไม่อาจแยกแยะ โปรดอนุทำร้ายภรรยาเอก แต่เหตุใดเขาถึงได้ลงมืออำมหิตกับลูกในไส้ของตนเองเช่นนี้?นางอยากถามให้แน่ชัด แต่ซุนหมัวมัวดูคงสังเกตเห็นว่านางวอกแวกจึงใช้สองมือผลักนางออกอย่างแรง และเงยหน้าขึ้นเตรียมจะตะโกนลั่วจิ่วหลีมีสีหน้าเ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 5

    ในรถม้า ลั่วจิ่วหลีได้ยินเสียงด่าทอด้วยโทสะนั้นก็จำได้ทันทีว่านั่นคือเสียงของอ๋องเจา เซียวจูมั่ว ดวงตาสาดประกายเย็นชากว่าเดิมเพลิงรุนแรงขนาดนี้กลับไม่อาจเผาคนเลวผู้นี้ให้ตายได้เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าผู้ชายชาติชั่วที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ยังคิดจะถลกหนัง เลาะเส้นเอ็นและเฆี่ยนศพนางสามวัน แล้วแขวนร่างไว้เหนือประตูเมืองสังหารคนโดยไม่หลั่งเลือดคงเป็นเช่นนี้เองกระมัง“ดูเหมือนว่าข้าต้องเริ่มแผนการขั้นต่อไปแล้ว”ลั่วจิ่วหลีพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย หันไปมองชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ความคิดไม่เคยเยือกเย็นถึงเพียงนี้มาก่อน“ท่านพอจะคลายจุดให้ข้าได้หรือไม่?”ชายผู้นั้นเหลือบมองนาง ดวงตาคู่นั้นแฝงประกายอันตราย แต่ยังคงยกมือขึ้นคลายจุดให้ ลั่วจิ่วหลีพลันรู้สึกถึงความผ่อนคลายทั่วร่างนางขยับแขนเล็กน้อย ทว่าสายตากลับไม่ละไปจากใบหน้าของชายผู้นั้นตอนนี้ นางยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าชายลึกลับผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศและตัวตนยังคงเป็นปริศนาผู้นี้ไม่ได้คิดร้ายกับนาง“ท่านจะปล่อยให้เซียวจูมั่วฆ่าข้าหรือไม่?”นางถามออกไปอย่างลองเชิงเวลานี้ ศักดิ์ศรีและหน้าตาอะไรเทือกนั้นไม่มีความสำคัญอีก

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 6

    พูดแทงใจนัก! ท่านอ๋องผู้สง่างามถูกเรียกเป็น ‘สวะ’ หยามกันเช่นนี้ไหนเลยจะทนได้ไหวภายในรถม้า บุรุษผู้มีสีหน้าเย่อหยิ่งได้ยินคำพูดของลั่วจิ่วหลีแล้ว มุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างแทบสังเกตไม่เห็นลั่วจิ่วหลีรู้สึกว่าคำพูดยังไม่แรงพอ นางต้องการยั่วยุให้เซียวจูมั่วขาดสติอย่างสมบูรณ์และลงมือทำร้ายนาง “เซียวจูมั่ว ท่านจำไว้เลย ฆาตกรก็เป็นฆาตกรอยู่วันยังค่ำ”“ท่านฆ่าลั่วจิ่วหลีคนเก่าและยังฆ่าลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองเพื่อเยียนทิงเหลียน เอาลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองไปทำเป็นยาให้อนุชั้นต่ำของท่าน” “เหนือศีรษะสามฉื่อ[1]มีเทพเทวาคอยสอดส่องตรวจตรา ผลกรรมจะตามสนอง” “ท่านน่ะกิเลสหนา สวรรค์จะลงทัณฑ์หญิงร้ายชายเลวอย่างพวกท่าน บาปกรรมนี้จะตกใส่หัวพวกท่าน...”“นางชั้นต่ำ เจ้ารนหาที่ตาย! ทันใดนั้นเซียวจูมั่วที่บันดาลโทสะปราดมาถึงตรงหน้าประหนึ่งพายุ บีบคอลั่วจิ่วหลีไว้แน่น นัยน์ตาสีดำนั้นประหนึ่งมีหมอกปกคลุม เพลิงพิโรธพวยพุ่ง แทบจะกลืนกินลั่วจิ่วหลีทั้งเป็น “เจ้ามันขี้อิจฉา คิดว่าข้ายอมแต่งงานกับเจ้าเพราะอะไร? หากมิใช่เพราะอำนาจในราชสำนักของจวนอี้กั๋วกง คิดว่าเจ้าคู่ควรได้รับจริงหรือ? กล้าส

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 7

    เวลานั้น ทุกคนเคร่งเครียดจนเส้นประสาทตึงเปรี๊ยะทั่วร่างประหนึ่งเชือกที่ถูกยืดจนตึง เสื้อผ้าตรงแผ่นหลังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็น เซียวจูมั่วก็มีสภาพไม่ต่างกัน แม้ว่าเขาก็เป็นองค์ชาย เป็นท่านอ๋อง แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท องค์ชายอย่างพวกเขาทุกคนล้วนพยายามอย่างหนักเพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแต่งงานกับลั่วจิ่วหลีเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากจวนอี้กั๋วกง แต่เขาตระหนักดีว่าไม่ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางมากแค่ไหนก็ยังมิอาจเทียบวาจาประโยคเดียวของเสด็จอาเก้า ขอเพียงเสด็จอาเก้าช่วยพูดคำดี ๆ ต่อหน้าฮ่องเต้ เขาก็จะเข้าใกล้การเป็นรัชทายาทเข้าไปอีกก้าว ทว่าคืนนี้เสด็จอาเก้าลงเขา เขากลับไม่ได้รับแจ้งข่าวใด ๆ ก่อนเลย “เสด็จอาเก้า โปรดอภัยที่หลานชายหยาบคายด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เซียวจูมั่วทรุดลงบนพื้น สภาพชวนสมเพชเวทนา ทว่าสายตาที่มองลั่วจิ่วหลีกลับคมกริบราวมีดดาบ หากสายตาสามารถสังหารคนได้ คาดว่าลั่วจิ่วหลีคงถูกเซียวจูมั่วสังหารตั้งนานแล้ว เซียวหมิงเสวียนปรายตามองเซียวจูมั่วที่อยู่บนพื้น ดึงสายตากลับมาอย่างเฉยชา นัยน์ตามืดครึ้ม

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 8

    น่าสนใจ น่าสนใจมากลั่วจิ่วหลีเพิกเฉยต่อเซียวจูมั่วที่ตกตะลึงเหมือนคนโง่ ก้มลงดึงหยกห้อยเอวชิ้นหนึ่งของเขาออกมา เป็นหยกห้อยเอวคุณภาพไม่เลวจริง ๆ นางถือหยกห้อยเอวไว้ในมือ หันกลับมามองมั่วหานด้วยสีหน้าคาดเดาไม่ถูก “คุณชายท่านนี้ ในเมืองนี้จะซื้อโลงได้ที่ไหน” มั่วหานชะงัก ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าจะใช้หยกห้อยเอวของอ๋องเจาเพื่อซื้อโลง แค่ไม่รู้ว่าโลงศพนี้สำหรับอ๋องเจา หรือ... “เมืองชั้นนอก ตรอกเฉาฉ่าง เต็มไปด้วยร้านขายโลง” “ขอบคุณมาก” ลั่วจิ่วหลีกำหมัดคารวะแล้วพลิกตัวขึ้นหลังม้า ในฐานะแพทย์ทหาร การขี่ม้าเป็นหลักสูตรภาคบังคับจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย มั่วหาน : นั่นเหมือนว่าจะเป็นม้าของข้า แต่จะทำอย่างไรได้? ตอนนี้เขาไม่กล้าหาเรื่องนางจริง ๆ เพราะจากนี้ นางยังต้องช่วยคลายคำสาปให้นายท่าน สี่ขาวิ่งเร็วกว่าสองขา ในเวลาเพียงครึ่งเค่อ[1] ลั่วจิ่วหลีก็ไปถึงร้านขายโลงร้านหนึ่งที่เมืองชั้นนอก นางแลกหยกห้อยเอวกับโลกศพขนาดเล็กหนึ่งโลง จากนั้นห้อตะบึงม้าไม่หยุดจนถึงนอกประตูวัง เวลานั้นแสงอรุณปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว...... ห้องเก้าเสนาบดี เป็นสถานที่ให้เหล่าขุนนางพักผ่อ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 9

    หากผู้ตีกลองมีข้อกล่าวหาเท็จหรือมีหลักฐานไม่เพียงพอ จะต้องโทษถูกโบยด้วยไม้นับร้อยที ผู้ที่อ่อนแออาจทนรับไม่ไหวขาดใจตายทันที นับตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นฉางหนิงเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าตีกลองร้องทุกข์ในช่วงประชุมเช้า วันนี้ผู้ใดช่างกล้านัก? ต้องมีความคับแค้นใจขนาดไหนถึงอยากให้ฮ่องเต้ได้สดับ? ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังถกเถียงกัน ทันใดนั้นมีเสียงชาววังคุกเข่าอยู่ด้านนอกห้องโถง “ถวายบังคมอ๋องเก้า ทรงพระเจริญพันปีพันพันปี” “น้องเก้า” “อ๋องเก้า?” “เสด็จอาเก้า?” ภายในตำหนัก ตั้งแต่ฮ่องเต้ องค์ชายไปถึงเหล่าขุนนาง ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริด แม้ว่าเหล่าเจ้านายและขุนนางทุกระดับจะรู้แล้วว่าอ๋องเก้ากลับเมืองหลวงเมื่อคืน ทว่าเมื่อสองปีก่อนชายแดนมีความมั่นคง อ๋องเก้าจึงส่งคืนตราพยัคฆ์และออกจากเมืองหลวงสองปีมานี้ไม่เคยก้าวเข้ามาในราชสำนัก เหตุใดวันนี้จึงมาได้เล่า เมื่อร่างสูงสง่าตั้งตรงของอ๋องเก้าปรากฏขึ้นในห้องโถง ความตกตะลึงของทุกคนไม่จบเพียงแค่นั้น มองเห็นด้านหลังอ๋องเก้า สตรีผู้หนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำหมึกขาดรุ่งริ่งและแบกโลงใบเล็กด้วยสองมือ ค่อย ๆ เดินตามมาจนถึงภ

Latest chapter

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 40

    แค่เพราะว่านางเป็นบุตรสาวของอี้กั๋วกงเท่านั้นหรือ? หรือเพราะมีอ๋องเก้าคอยสนับสนุน?ส่วนเหตุผลอื่น ๆ ลั่วจิ่วหลีไม่ได้ถามอย่างละเอียด เซียวหมิงเสวียนเองก็ไม่ได้เล่าอย่างละเอียดเช่นกันเมื่อก้าวเข้าประตูตำหนักกานเฉวียนก็ได้ยินร้องไห้สะอึกสะอื้นแว่วดังมาจากในตำหนักลั่วจิ่วหลีจิตใจเขม็งเกลียว หันหน้ากลับไปมองเซียวหมิงเสวียนเซียวหมิงเสวียนสีหน้าเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ชายเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำขลับของเขาปลิวไสวลั่วจิ่วหลีนึกทึ่ง เป็นคนหน้าตาดุร้ายเย็นชาแบบนี้ หูปิงอวี้คิดไม่ตกขนาดไหนกันถึงได้ชอบเขา นี่จะต่างอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่กับก้อนน้ำแข็งงั้นหรือ?“มองข้าทำไม? ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”ลั่วจิ่วหลีร้องเชอะทีหนึ่ง“ท่านอ๋อง ข้ามามือเปล่า ไม่มีกล่องยา เข้าไปรอให้ถูกฝ่าบาทบั่นคอหรืออย่างไร?”เซียวหมิงเสวียนก้าวลงจากขั้นบันได“เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าช่วยเหลือทุกวิถีทางเท่าที่สามารถทำได้”ลั่วจิ่วหลีเดินตามไปติด ๆ ใจอยากถามเขาเหลือเกินว่า เขาบอกฮ่องเต้เรื่องที่นางรู้วิชาแพทย์ใช่หรือไม่แต่ยังไม่ทันได้ถามออกไปก็เห็นบางสิ่งเล็ก ๆ สีขาวพุ่งออกมาจากประตูลั่วจิ่วหลียังไม่ทันมองอย่า

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 39

    แม้แต่หูปิงอวี้ที่แสร้งทำตัวน่าสงสารมาตลอด ยังเดินตามออกมาโดยมีนางกำนัลประคองเอาไว้เช่นกันฮ่องเต้พยายามสงบสติอารมณ์ มองไปรอบ ๆ สายตาไปหยุดที่ลั่วจิ่วหลี“ลั่วจิ่วหลี เจ้าตามเราไปที่ตำหนักกานเฉวียน”ในระหว่างที่พูดก็สาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็วทุกคนตื่นตะลึง ฝ่าบาทให้ลั่วจิ่วหลีไปที่ตำหนักกานเฉวียนทำไม แต่ในเวลานี้ ใครเลยจะกล้าถาม สาวเท้าเดินตามฝ่าบาทไปโดยไม่รู้ตัวลั่วจิ่วหลียังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แขนก็ถูกคนจับเอาไว้“ท่านปล่อย...”เมื่อนางหันหน้ากลับไปมองก็เผชิญหน้ากับสีหน้าเย็นยะเยือกของเซียวหมิงเสวียนผู้ที่หันกลับมาในเวลาเดียวกันยังมีหูปิงอวี้ที่มีนางกำนัลประคองเอาไว้อีกคนเมื่อหูปิงอวี้เห็นเซียวหมิงเสวียนจับแขนของลั่วจิ่วหลี ร่างกายก็แข็งทื่อไปทันทีเขาแตะตัวนาง เขาไม่เคยแตะต้องสตรีใดมาก่อนเห็นอยู่ชัด ๆ ว่า เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในศาลา สายตาเขาที่มองลั่วจิ่วหลียังเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ เหตุใดเพียงชั่วพริบตา เขากลับจับแขนนางแพศยานั่นนี่เป็นไปได้อย่างไร?เป็นไปได้อย่างไร!เขาเป็นของนาง บนโลกใบนี้ผู้หญิงที่คู่ควรกับเขามีเพียงนางเท่านั้น!หูปิงอวี้โกรธจนกำมือทั้งส

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 38

    ลั่วจิ่วหลีแค่นเสียงเฮอะ“แน่จริงก็เจ้าอย่าตัดบทข้าพูดความจริงสิ เป็นเพราะร้อนตัวใช่หรือไม่”ลั่วจิ่วหลีพูดจาตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ไม่เพียงไม่ไว้หน้า ยังตั้งใจจะตอบโต้คนเหล่านี้หนัก ๆ อีกด้วยเดิมทีฮ่องเต้อยากจะถามให้ชัดเจน ตอนนี้ ไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ เขาก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว“อ๋องเก้า”“เสด็จพี่”เซียวหมิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง“ส่งคุณหนูรองตระกูลลั่วออกนอกวังหลวง”“พ่ะย่ะค่ะ”เซียวหมิงเสวียนมองลั่วจิ่วหลีแวบหนึ่งด้วยความโมโหลั่วจิ่วหลีถือโอกาสหันหน้าไปมองหูปิงอวี้ ผู้หญิงคนนี้ช่างมารยาเสียจริง ๆ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังขดตัวอยู่ในอ้อมแขนหูกุ้ยเฟย ริมฝีปากสั่นระริก กระอักกระไอพลางร้องไห้ ท่าทางน่าเวทนาจนถึงที่สุด“ฝ่าบาท หม่อมฉันยังพูดไม่จบเพคะ เป็นหูปิง...”“ลั่วจิ่วหลี เจ้าหุบปาก รีบตามข้าออกจากวังหลวงเดี๋ยวนี้”เซียวหมิงเสวียนพยายามควบคุมโทสะของตนเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถแล้วในวังหลวง อันตรายรอบด้าน อุปนิสัยตรงไปตรงมาของนางไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้เลย ยิ่งไม่สามารถสั่นคลอนหูกุ้ยเฟยได้เลยแม้แต่น้อย รังแต่จะทำให้หูกุ้ยเ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 37

    หูปิงอวี้เริ่มจากทำตัวสั่นระริกแล้วถลาเข้าไปในอ้อมแขนของหูกุ้ยเฟย จากนั้นก็หลั่งน้ำตาด้วยท่าทีน่าสงสาร สุดท้ายก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเริ่มฟ้องร้อง“ใช่เพคะ เป็นเพราะคุณหนูรองตระกูลลั่วไม่รับคำขอโทษของหม่อมฉัน ไม่เพียงตบหน้าหม่อมฉัน ยังผลักหม่อมฉันลงไปในทะเลสาบอีกด้วยเพคะ”“อาหญิง ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดมอบความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”นางหลุบตาก้มหน้าเล็กน้อย ราวกับกวางน้อยตกใจ น้ำตารื้นเต็มเบ้าตา ดวงตาทั้งสองข้างมองอ๋องเก้าเซียวหมิงเสวียนแวบหนึ่งราวกับไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นว่าเซียวหมิงเสวียนไม่ได้เป็นห่วงลั่วจิ่วหลีมากเท่าไหร่ จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเมื่อทุกคนได้ยินว่าลั่วจิ่วหลีทำร้ายหูปิงอวี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ ต่างพากันหันไปมองหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนเป็นไปตามคาด ใบหน้าฝั่งนึ่งของหูปิงอวี้แม้จะเปียกน้ำ แต่ยังคงสามารถมองเห็นรอยฝ่ามือสีแดงนั่นได้“ฮัดชิ้ว ๆ”ลั่วจิ่วหลีกระชับเสื้อคลุม จามสองครั้งติดต่อกัน ขดตัว เสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย“ข้าว่านะหูปิงอวี้ ก่อนจะโกหกช่วยเขียนร่างสักหน่อยได้หรือไม่? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เก่งมาจากไหน ถึงคู่ควรให้ข้าผลักเจ้าตกน้ำ”“อีกอย่าง หยุดทำ

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 36

    “ลั่วจิ่วหลี เจ้ามันนางแพศยา”ข้อมือหูปิงอวี้ตวัดวูบ ทันใดนั้นก็มีกริชเล่มหนึ่งสะท้อนแสงออกมา จู่โจมเข้าหาดวงตาของลั่วจิ่วหลีด้วยความรวดเร็วและรุนแรงลั่วจิ่วหลีดวงตาเบิกกว้าง คิดในใจว่าหูปิงอวี้รู้วรยุทธ์ด้วยหรือนี่ แต่ดูจากท่าทางของนางเหมือนกับว่าวรยุทธ์ไม่ได้สูงส่ง นางยังพอรับมือได้ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เอียงศีรษะหลบการลอบสังหารของนาง มืออีกข้างกางนิ้วทั้งห้าเป็นกรงเล็บหมาป่าขย้ำข้อมือของหูปิงอวี้เอาไว้แล้วออกแรงกริชในมือหูปิงอวี้ตกลงบนพื้นดังแกร๊งพร้อมกับอาการเจ็บจนชาหนึบ แล้วถูกลั่วจิ่วหลีเตะกระเด็นตกลงไปในทะเลสาบเห็นได้ชัดว่า หูปิงอวี้เองก็คิดไม่ถึงว่าลั่วจิ่วหลีจะเป็นวรยุทธ์เช่นเดียวกันนางอ่อนแอบอบบางขนาดนั้นแท้ ๆ ทั้งยังขี้ขลาดหัวอ่อน นางเป็นวรยุทธ์ด้วยหรือนี่ในเวลานี้ ทั้งสองคนได้ต่อสู้กันแล้ว คนนี้จับแขน คนนั้นขับข้อมือ คนนี้ขัดขาซ้าย คนนั้นขัดขาขวา“ไปตายเสียเถอะ”หูปิงอวี้เอ่ยเสียงกร้าวพร้อมกับลากลั่วจิ่วหลีลงไปในทะเลสาบตูม!ระลอกคลื่นสาดซัดบนผิวทะเลสาบ เสียงดังโครมครามนี้ทำให้ฝูงชนเดินเข้ามาด้วยความตื่นตกใจ“คุณหนูรองตระกูลลั่วตกน้ำแล้ว”“พี่สาวข้าก็อยู่

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 35

    “ลั่วจิ่วหลี มีประโยคหนึ่งที่น้องสาวของข้ากล่าวได้ถูกต้อง เจ้าสูญเสียความบริสุทธิ์แล้ว ทั้งยังเป็นแม่ม่ายผัวร้างที่เคยแท้งลูก ไม่มีสิทธิ์ที่จะใกล้ชิดกับอ๋องเก้าขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ”ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ลั่วจิ่วหลีก็พลันเข้าใจแล้ว ตัวการที่แท้จริงในวันนี้คือนางชาเขียว[1]ที่เปลือกนอกดูบริสุทธิ์เรียบร้อยไร้พิษภัย แต่ความจริงทะเยอทะยานเกินใครผู้นี้เอง“ดูท่าข่าวลือที่แพร่สะพัดตามท้องตลาดจะเป็นความจริง คุณหนูใหญ่ตระกูลหูชอบพอท่านอ๋องเก้า”“แต่น่าเสียดายที่เป็นการรักเขาข้างเดียว คุณหนูใหญ่ตระกูลหูไม่กล้าไประบายความโกรธใส่เจ้าตัว จึงมารังแกคนที่อ่อนแอกว่า”ในระหว่างที่ลั่วจิ่วหลีกำลังพูดก็ขยับข้อมือเล็กน้อย“ก่อนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลหูจะลงมือ คงจะต้องคิดให้ดีเสียก่อนว่า ถ้าแตะต้องข้า จวนอี้กั๋วกงจะยอมรามือหรือไม่?”หูปิงอวี้เลิกคิ้ว แสยะยิ้ม เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา“แตะต้องเจ้าแล้วจะทำไม? โลกภายนอกก็คงจะมองว่าเป็นเด็กสาวสองคนริษยากันเท่านั้น หรือว่าท่านพ่อไร้การศึกษานั่นของเจ้าจะกล้าลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ”“หึ! ลั่วจิ่วหลี ข้ารู้มาตลอดว่าวิธีการของเจ้านั้นยอดเยี่ยม ตอนเทียวไล้เทียวข

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 34

    หูหานอวี้ยิ้มอย่างดูถูก“ก็เจ้าไงละ ข้าพูดว่าเจ้าไร้ยางอาย เพิ่งจะถูกญาติผู้พี่ปลดก็เข้าออกจวนอ๋องเก้าทันที”“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ก็เป็นแค่ภรรยาที่ถูกญาติผู้พี่ของข้าทอดทิ้ง เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเกาะท่านอ๋องเก้าผู้มีอำนาจสูงส่งได้แล้วก็จะสามารถทำตัวไม่เห็นหัวผู้อื่นแบบนี้ได้”ลั่วจิ่วหลีเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าหูหานอวี้จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาเป็นท่านอ๋องเก้า จึงแอบประหลาดใจเล็กน้อยนางหันไปมองหูปิงอวี้อย่างไม่ตั้งใจ เห็นหูปิงอวี้นั่นก้มหน้าด้วยสีหน้าสงบเสงี่ยม นิ้วมือเรียวยาวทั้งสองข้างเล่นถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือ มุมปากอมยิ้มส่วนหูกุ้ยเฟย สงบนิ่งเยือกเย็น ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ราวกับว่านางก็คือนายหญิงผู้อยู่เบื้องหลังคอยชักใยบังคับทิศทางผู้นั้น“เฮอะ!”ลั่วจิ่วหลีแสยะยิ้มในใจ ดูท่า นี่ถึงจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่หูกุ้ยเฟยเรียกนางเข้าวังหลวงคำดูถูกเหยียดหยามและความทุกข์ยากลำบากที่เจ้าของร่างเดิมเคยได้รับตอนอยู่ที่จวนอ๋องเจา ถูกอ๋องเจากับเยียนทิงเหลียนทอดทิ้งให้เผชิญยถากรรมด้วยตนเองในเรือน ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณจนตายทั้งกลม เรื่องทั้งหมด หูกุ้ยเฟยล้วนไม่เห็นแต่เรื่องเหลวไหลที

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 33

    “หานอวี้ พูดจาเหลวไหลอะไร”หูปิงอวี้ค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้ามา กล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้าเคยพูดกี่ครั้งแล้ว ข่าวลือที่แพร่อยู่ข้างนอกไม่เป็นความจริง ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อฟังอยู่เรื่อย! ยิ่งไปกว่านั้น เมืองหลวงกว้างใหญ่ขนาดนี้ ทุกคนเจอกันบ่อย ๆ อย่าทำให้เกิดความแค้นเพราะเรื่องที่ไม่มีหลักฐานเลย”“คุณหนูรองตระกูลลั่ว น้องสาวของข้าอายุยังน้อย ไม่รู้ความ คุณหนูรองตระกูลลั่วได้โปรดอย่าถือสาหาความนางเลย”ลั่วจิ่วหลีหันหน้าไปทางนาง หูปิงอวี้หลุบตาที่สดใสเปล่งประกายลง ประกายในดวงตานั้น นางมองปราดเดียวก็สัมผัสได้ถึงความเสแสร้งมารยาเสแสร้ง มารยาสาไถย ธาตุแท้ส่งกลิ่นออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งนอกจากนี้ ความคิดล้ำลึก ดูเหมือนว่ากำลังกล่าวขอโทษ แต่อันที่จริงไม่เปิดโอกาสให้ลั่วจิ่วหลีพูด หันหลังกลับไปประคองหูกุ้ยเฟยกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“อาหญิงเหนื่อยแล้วกระมัง ในศาลามีชาดอกพุดตานที่ชงเสร็จแล้วอยู่พอดี อาหญิงพักผ่อนเสียหน่อย จิบชาให้ชุ่มคอ”หูกุ้ยเฟยยิ้มบาง ๆ เหลือบตามองลั่วจิ่วหลีอย่างไม่อบอุ่นและไม่เย็นชา“คุณหนูรองตระกูลลั่ว วันนี้เข้าวังหลวงมาอย่างหาได้ยาก มาลองชิมชาดอกพุดตานที่ข้

  • หมอเทวดาพลิกแผ่นดิน : ทะลุมิติเป็นชายาอ๋องต้องสาป   บทที่ 32

    หูหานอวี้ อายุสิบห้าปี หลานสาวแท้ ๆ ของหูกุ้ยเฟย อย่ามองว่านางมีอายุเพียงแค่สิบห้าปี แต่อุปนิสัยอวดดีซึ่งต่างจากอาหญิงมากโข เป็นผู้มีนิสัยเผด็จการอันดับหนึ่งในแวดวงสตรีชั้นสูงแห่งเมืองหลวงนางยังมีพี่สาวอีกคนนามว่า หูปิงอวี้ อายุสิบเก้าปี ยังไม่แต่งงานแล้วก็ไม่ได้ดูตัวเช่นกัน ได้ยินคนนอกพูดว่าเป็นเพราะกำลังรอท่านอ๋องเก้า ในความทรงจำของลั่วจิ่วหลีไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับหูปิงอวี้มากนักทันทีที่หูหานอวี้ได้ยินก็หันไปพ่นลมหายใจอย่างเยาะหยันใส่ลั่วจิ่วหลี“ก็แค่คนที่ถูกญาติผู้พี่ของข้าเบื่อหน่าย อาศัยอำนาจของจวนอี้กั๋วกง คิดว่าตัวเองมีอำนาจมากนักงั้นรึ?”ลั่วจิ่วหลีเหลือบมองนางแวบหนึ่ง“เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่า พวกเราต่างเบื่อหน่ายซึ่งกันและกัน”“อีกอย่าง การมีอำนาจไม่ดีหรือ? เจ้าก็อาศัยอำนาจของกุ้ยเฟยผู้เป็นอาหญิงมาวางอำนาจบาตรใหญ่เหมือนกันไม่ใช่รึ?”“เจ้า...“ดวงตาเมล็ดซิ่งของหูหานอวี้เบิกกว้าง อ้าปากกำลังจะด่าก็ได้ยินเสียงอาหญิงของตนเองดังมาจากทางด้านหลัง“การมีอำนาจไม่มีอะไรไม่ดี แต่การอวดดีเกินไป ไม่เห็นใครอยู่ในสายตานั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไร”ท่ามกลางดงดอกพุดตาน สตรีท่าทางสง่าง

DMCA.com Protection Status