อดีต พฤษภาคม ลมหนาวอยู่ ปี 1
ผมส่งของไปให้พี่ซัน โดยใช้ชื่อวิน วินที่แปลว่าลม ตลอดระยะเวลาเกือบเจ็ดเดือน ที่ผมไม่เคยไปแสดงตัวต่อหน้าพี่ซันเลย จนวันหนึ่งร้านส่งรักโทรมาบอกว่า พี่ซันต้องการนัดเจอกับผม ผมตอบตกลงไปในทันที เพราะคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว ที่ผมต้องกล้าที่จะเจอกับพี่ซัน
วันที่พี่ซันนัดเจอผม เป็นวันหลังจากสอบเสร็จ ก่อนปิดเทอมที่ผมจะเลื่อนไปชั้นปีที่ 2 ส่วนพี่ซันก็จะเลื่อนไปชั้นปีที่ 3
วันนี้ผมตั้งใจแต่งตัวพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะผมกำลังจะออกไปเจอพี่ซันตามนัด จึงอยากทำให้พี่ซันประทับใจ ผมยืนมองตัวเองในกระจก หมุนซ้ายหมุนขวาดูความเรียบร้อยของตัวเอง ตอนนี้ยอมรับเลยว่าผมโคตรตื่นเต้นเลย ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ หวังว่าตอนเจอหน้าพี่ซันผมจะไม่ทำอะไรแปลก ๆ ออกไป
ผมเดินทางออกจากคอนโด ตอนเก้าโมงกว่า ๆ เพราะร้านที่นัดอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่ผมพักอยู่เท่าไหร่ ผมจึงเลือกเดินไปแทนนั่งรถ เพราะคิดว่ามันสะดวกกว่า
ผมเดินมาใกล้กับร้านกาแฟที่พี่ซันนัดเจอ เห็นร้านอยู่ตรงหน้าแล้ว แค่ผมข้ามถนนเส้นนี้ไปก็ถึงแล้ว
‘พี่ซันครับ รอผมก่อนนะ วันนี้ผมจะสารภาพกับพี่ทุกอย่างเลย’
‘ผมจะเลิกแอบชอบพี่แล้ว แต่จะชอบอย่างเปิดเผยเลยล่ะ’
ลมหนาวยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง เมื่อมองว่าถนนสามารถข้ามได้ ลมหนาวก็รีบเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายทันที ทั้งที่คิดว่าดูรถที่วิ่งมาดีแล้ว แต่ก็ยังมีรถที่ไม่ชะลอตรงทางม้าลาย วิ่งมาด้วยความเร็ว ชนร่างของคนที่กำลังเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย เข้าอย่างจัง
ลมหนาวรู้สึกเจ็บ และชาไปทั้งร่าง หูก็ได้ยินเสียงคนกรีดร้องอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ ในห้วงความคิด ลมหนาวยังคงต้องการไปให้ถึงร้านกาแฟ ที่นัดกับรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบไว้ สายตาพยายามมองไปทางร้านนั้น แต่มันก็จวนจะปิดอยู่รอมร่อ เพราะเลือดสีแดงสดไหลเข้าที่ตา แล้วภาพทุกอย่างก็ดับมืดไป
ปัจจุบัน ตุลาคม ลมหนาวอยู่ ปี 2
เปลือกตาค่อย ๆ ขยับลืมตา ตื่นจากความทรงจำอันยาวนาน เจ้าของร่างบางค่อย ๆ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ตัวเองนอนอยู่ ที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาล ดูจากชุดและเตียงแล้วคงเป็นที่อื่นไปไม่ได้ ลมหนาวพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง พยายามนึกว่าตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาล ได้ยังไง
ใช่ เขาเดินชนกับพี่ซัน หลังจากนั้นก็มีภาพ และเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เขาไม่เคยรู้ ผุดเข้ามาในหัวของเขา มันเหมือนได้ปลดล็อกสวิตช์ที่ปิดมานาน เพราะทุกเรื่องก่อนที่ตัวเขาจะประสบอุบัติเหตุนั้น ณ เวลานี้เขาจดจำได้ทั้งหมดแล้ว
ลมหนาวนั่งบีบปลายนิ้วตัวเองไปมา ในหัวตอนนี้ตีรวนกันไปหมด เขาเริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ตอนนี้เขาควรทำอย่างไรดี
“เฮ้อ” ลมหนาวถอนหายใจออกมาเสียงดัง อย่างน้อยคงเป็นวิธีผ่อนคลายความรู้สึกหลากหลายนี้ ออกไปบ้าง
ตาสวยมองหาวี่แววคนที่อาจจะมาเฝ้าเขา แต่ก็ไม่เห็นมีเลย
‘รอถามพยาบาลแล้วกัน’ ร่างบางในชุดคนไข้ก้าวลงจากเตียงเพื่อเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
เมื่อออกมาก็เจอเข้ากับตัง เพื่อนสนิทที่ซื้อของมาฝาก
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” ตังเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็ก ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“ดีขึ้นแล้ว เราไม่ได้เป็นอะไรมาก อยากกลับแล้ว” คนป่วยบ่นให้เพื่อนฟัง
“รอหมอมาตรวจก่อน ถ้าไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวพากลับ”
“แล้วตังพาเรามาส่งโรงพยาบาลเหรอ” ลมหนาวถามเพื่อนออกไปด้วยความสงสัย เพราะเมื่อวานคนที่ช่วยเขาอาจเป็นพี่ซัน
ตังส่ายหน้า “เปล่า คนที่พามึงมาส่งคือพี่ซันคณะเรา เขาบอกว่ามึงสลบตอนที่เจอกัน เรียกเท่าไหร่มึงก็ไม่ตื่น เขาเห็นท่าไม่ดีเลยพามึงมาส่งที่โรงพยาบาล พอดีกับที่กูโทรหามึง พี่เขาเลยรับสายกู แล้วบอกว่าเกิดเรื่องกับมึง กูก็เลยรู้เรื่อง”
ลมหนาวฟังที่เพื่อนบอก ว่าคนที่มาส่งเขาคือพี่ซัน ในใจก็รู้สึกปวดหนึบขึ้นมา ตัวเขาในตอนนี้ได้ตัดสินใจที่จะลืมพี่เขาไปแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย แต่พอจำเรื่องราวทุกอย่างได้ ก็เหมือนหัวใจเกิดไม่ยินยอมขึ้นมา
ลมหนาวออกจากโรงพยาบาล ในตอนสายของวันนั้น หลังจากที่หมอตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติอะไร ตังมาส่งที่คอนโด และขอตัวกลับเพราะน่าจะมีธุระ
เจ้าของห้องเดินไปล้มตัวลงนอนที่โซฟา เป็นมุมโปรดอีกมุมของเขา เพราะนั่งตรงนี้จะมองเห็นวิวนอกระเบียงได้ ลมหนาวใช้เวลาคิด และทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ไม่สามารถเลือกได้สักทาง คิดไปคิดมาก็ผล็อยหลับไป
ดึงดึ่งดึ้ง ๆ ดึงดึ่งดึ้ง ๆ เสียงโทรศัพท์ปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่น มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“ฮัลโหลครับ” ลมหนาวพูดกับคนปลายสายด้วยเสียงงัวเงีย เพราะยังไม่ตื่นดี
[พี่โทรมากวนหรือเปล่า เสียงเหมือนเพิ่งตื่น] วาริชคิดว่าเขาคงโทรมารบกวนคนน้องที่หลับอยู่
“ไม่ได้รบกวนครับ คุยได้”
[พี่ไปเยี่ยมหนาวที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าหนาวออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดีขึ้นแล้วใช่ไหม] วาริชตอนนี้คุยโทรศัพท์อยู่ในรถยนต์ส่วนตัว ที่จอดอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองกำลังจะมาเยี่ยม ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เลยโทรหาทันที
“ผมดีขึ้นแล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะครับ ว่าผมกลับมาที่คอนโดแล้ว”
[รู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นห่วง เกิดอะไรขึ้นนึกถึงพี่คนแรกได้เลยนะ อย่าเกรงใจ] ชายหนุ่มพูดด้วยความเป็นห่วงคนปลายสาย
“ขอบคุณครับ พี่วา พี่ใจดีที่สุดเลย” ลมหนาวพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเป็นห่วง
[ให้พี่ไปหาไหม แล้วไปหาอะไรทานด้วยกัน]
“พี่วา ผมยังเพลีย ๆ อยู่เลย ขอโทษนะครับ เป็นวันหน้าได้ไหม” ลมหนาวยังไม่อยากเจอชายหนุ่มตอนนี้
[อ๋อ ได้สิ พี่ก็ลืมไปว่าหนาวไม่สบาย พักผ่อนนะครับ หายไว ๆ]
“ครับ” แล้วลมหนาวก็กดวางสายไป
มหาวิทยาลัย K
วันนี้ลมหนาวอยู่ทำรายงานกลุ่มกับเพื่อน ที่ใต้ตึกคณะจนมืด เพราะเป็นรายงานที่ต้องรีบส่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงต้องเร่งช่วยกันทำ ไม่งั้นอาจส่งรายงานไม่ทันกำหนด
“จะสี่ทุ่มแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาต่อละกัน” เตย หัวหน้ากลุ่มทำรายงานบอกกับเพื่อน ๆ ที่ดูท่าจะไม่ไหวแล้ว
“อือ ๆ กลับกันเถอะ ไม่ไหวแล้วง่วงมากเลย” หว่อ เพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะหลับ
เมื่อคนในกลุ่มเห็นหัวหน้ากลุ่มเป็นคนตัดสินใจ จึงไม่มีใครคัดค้าน
“ปะ ๆ เก็บของกลับไปพักผ่อนกัน” เพื่อน ๆ ในกลุ่มพูดพร้อมเก็บของไปด้วย
ตังมองเพื่อนตัวเล็ก ที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า นี่ก็ดึกมากแล้วคงต้องไปส่งเพื่อนก่อน
“หนาว เดี๋ยวกูไปส่ง ดึกแล้ว”
“ไม่เป็นไร เราเดินไปก็ได้แป๊บเดียวเอง อีกอย่างตังต้องไปส่งเตยกับมินต์อีกไม่ใช่เหรอ” ลมหนาวยิ้มให้เพื่อนสนิท ในความมีน้ำใจ ที่นึกถึงเขาอยู่เสมอ
“มันดึกแล้ว ไม่เสียเวลาหรอก” ตังยังคงยืนยันที่จะไปส่งเพื่อน“เราจะแวะหน้ามอหาอะไรกินด้วย งั้นส่งเราลงตรงนั้นก็ได้”“อือ ปะไปกัน” ตังเดินนำลมหนาว และสองสาวเตยกับมินต์ ไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล จากจุดที่นั่งทำรายงานเมื่อตังจอดรถ ให้ลมหนาวลงที่หน้ามหาวิทยาลัย ลมหนาวก็เดินดูของกินไปเรื่อย ๆ เพราะตั้งแต่เย็นกินแค่นมไปกล่องเดียวเท่านั้นหน้ามหาวิทยาลัยตอนนี้ คนเยอะพอสมควร เพราะมีนักศึกษาที่เพิ่งออกจากมหาวิทยาลัยมา คงทำรายงานดึกไม่ต่างจากเขา แล้วก็ยังมีกลุ่มวัยรุ่นแถว ๆ นี้ ที่พากันออกมาหาอะไรกินตอนดึกลมหนาวเดินซื้อของกินสองสามอย่าง เพื่อนำกลับไปกินที่ห้อง แล้วก็ซื้อน้ำแดงโซดากินด้วย เพื่อเพิ่มความสดชื่น เพราะคิดว่ากลับไปก็ต้องนั่งทำรายงานวิชาอื่นอีก คงได้นอนดึกอีกแน่ลมหนาวกำลังเดินออกจากร้านน้ำที่เพิ่งซื้อ คนค่อนข้างต่อคิวยาวจึงมีการเบียดเสียดกัน ลมหนาวเดินออกมาผ่านร้านขนมโตเกียวที่คนเยอะ จึงขอทางแทรกผ่านไป อยู่ ๆ ก็มีคนมาชนเข้าที่ด้านหลังของเขา ทำให้เกิดการเสียหลัก ตัวเขาก็พุ่งไปชนคนที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างจัง แก้วน้ำแดงโซดาที่เพิ่งซื้อมา ดูดไปแค่สองครั้ง ตอนนี้น้ำก็หก
อดีต พฤศจิกายน ซันอยู่ปี 2วันนี้เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ยังคงวนอยู่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ น่าเบื่อ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้อยู่เรื่อย เรียน กลับคอนโด เที่ยว แต่ก็ยังเหมือนเดิม ชีวิตเหมือนขาดอะไรสักอย่าง หลายปีแล้วแต่ผมก็ยังตามหาไม่เจอ ผมคิดว่าถ้ามีแฟนความรู้สึกนี้อาจจะหายไป แต่เปล่าเลย มันยังคงอยู่ และมันทำให้ผมเลิกรากับแฟนหลายต่อหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วผมก็เป็นคนบอกเลิกกับเขา และเดินจากมา จนมีข่าวลือว่า ซันบริหารเป็นพวกเบื่อง่าย คบใครนาน ๆ ไม่เป็น จนตอนนี้ผมเลือกที่จะอยู่คนเดียว และคิดว่าสักวันหนึ่ง ผมอาจจะเจอสิ่งที่กำลังตามหา“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีคนชื่อ ซัน ทิวากร บริหารปี 2 ไหมครับ พอดีมีของมาส่งครับ” พนักงานส่งของเรียกชื่อ คนที่มีชื่อตามใบส่งของ“ผมเองครับ” ซันเงยหน้าขึ้นจากชีทเรียน เมื่อมีคนเรียกชื่อตัวเองพนักงานส่งของ ยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้ และให้ซันเซ็นรับของ แล้วก็จากไป ชายหนุ่มมองถุงกระดาษที่มีคนส่งมาให้อย่างแปลกใจ“ใครส่งอะไรมาให้น่ะ สาว ๆ อีกหรือเปล่ามึง เนื้อหอมจังวะ” เมฆเพื่อนสนิทของซันเอ่ยขึ้น และพยายามชะเง้อคอมองของในถุงกระดาษ อย่างอ
ร้าน Sky Barอดีต ธันวาคม ซันอยู่ ปี 2ซันมาถึงร้านที่นัดกับเพื่อน ๆ ไว้ ก็เป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้าไปข้างในร้าน บรรยากาศยังคงสนุกสนานครึกครื้นเหมือนเดิม ขายาวเดินมาที่โต๊ะประจำที่เพื่อน ๆ ชอบนั่งกัน“โห มาแล้วเหรอไอ้หล่อ เหล้าหมดไปจะสองกลมละ มาเลยนั่ง ๆ”ซีซี เพื่อนจากคณะวิศวะ เขารู้จักกับมันตั้งแต่ตอนมัธยมปลาย จึงค่อนข้างสนิทกัน“โทษทีว่ะ กูทำรายงานเพลินไปหน่อย แต่กูก็มาแล้วนี่ไง”“เออ ๆ มาชนแก้วหน่อย เอ้าทุกคนชนแก้ว” เมฆยกแก้วเหล้าขึ้นชู และชวนทุกคนที่โต๊ะชนแก้ว“ไอ้เฟิสต์ ไปไหนวะ กูดื่มหลายแก้วละ ไม่ยักเห็นมัน” ซันถามหาเพื่อนที่เพิ่งเลิกกับแฟน“มันไปจีบสาวโต๊ะนู้นนานแล้ว สงสัยจะได้แฟนใหม่ก็วันนี้แหละ ไปตั้งนานไม่กลับโต๊ะ” ซีซีหันมาบอกกับซัน แต่สายตาก็ยังคงเหล่สาวโต๊ะนั้นที โต๊ะนี้ที“เออกูจะได้ไม่ต้องห่วงมัน เห็นมันทำใจได้กูก็สบายใจแล้ว” ชายหนุ่มพูดถึงสิ่งที่กังวล และขอตัวไปเข้าห้องน้ำระหว่างที่เดินไปห้องน้ำ ชายหนุ่มชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง“เอ่อ ขอโทษครับ เป็นอะไรมากไหมครับ” ซันถามคนตรงหน้าที่เดินมาชนทำไมหน้าคุ้น ๆ วะซันมองคนตรงหน้า และพยายามนึ
“เฮ้ย ไอ้ซัน วันนี้ไปถนนคนเดินกันป้ะ หาอะไรกินด้วย” เมฆเอ่ยชวนซันหลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จแล้ว“ไอ้เมฆ มึงนี่หาเรื่องไปเลาะได้ตลอด ไม่กลับห้องไปอ่านหนังสือหรือไง” ซันบ่นอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าเพื่อนนั้นถึงแม้จะไปเที่ยวบ่อยแค่ไหน มันก็ยังคงไม่ทิ้งการเรียน“กูเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ อะ ไปเดินเที่ยวแป๊บเดียว ผ่อนคลายสมองมั่ง มึงไปกับกูนะ คนอื่นแม่งไม่ไป กูไม่มีเพื่อน นะ นะ นะ”“เออ ๆ กูไปกับมึงก็ได้ ไม่ต้องอ้อนขนาดนั้น กูขนลุก” ซันว่าอย่างตลก เพราะส่วนมากจะเห็นแต่เมฆอ้อนสาว ๆ ที่ตามจีบ ตอนนี้มันหันมาอ้อนเขาแบบนี้ รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเลยถนนคนเดินเมื่อมาถึงถนนคนเดิน ซันกับเมฆก็เดินดูของกันไปเรื่อย ๆ แวะซื้ออะไรกินบ้างตามทาง ถนนคนเดินที่นี่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ซันเรียนอยู่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะมีนักศึกษามาเดินที่นี่กันเสียส่วนใหญ่บางทีเดิน ๆ ไปก็เจอคนรู้จัก อย่างเช่นวันนี้ซันก็เจอคนรู้จัก แต่เพราะไม่ได้คุยกันนานแล้ว ซันก็เลยไม่กล้าเข้าไปทัก เพราะไม่ได้สนิทกันมาก ได้แต่เดินสวนกันไป แต่ถ้าคนคนนั้นทักซันขึ้นมา ซันก็จะหยุดคุยด้วยทันที แต่พอเดินผ่านมาแล้ว คนคนน
ถึงคุณดวงอาทิตย์ผมรู้ว่าคุณเศร้าแต่ผมอยากให้คุณเข้มแข็งไว้ไม่ว่าเจออะไรอยากให้คุณทอแสงเป็นพระอาทิตย์อันอบอุ่นในวันอันแสนหนาววินเมื่อซันได้อ่านข้อความที่วินเขียนให้ เขาก็เกิดความอบอุ่นขึ้นภายในใจที่แสนบอบช้ำนี้ ชายหนุ่มขอบคุณวิน คนที่ไม่เคยเจอคนนี้ ที่คอยห่วงใยกันเสมอมาหลังจากนั้นวินก็ส่งคำให้กำลังใจผ่านรูปถ่ายต่าง ๆ มาให้ ทำให้ซันรู้สึกดีกับวินมาก ๆ มันคงถึงเวลาแล้วที่ชายหนุ่มจะนัดเจอกับวิน บุคคลปริศนาคนนี้ซันติดต่อไปที่ร้านส่งรัก เพื่อที่จะนัดเจอกับวิน ทางร้านรับเรื่องไว้แล้วจะแจ้งกลับมาที่ซันอีกรอบเมื่อร้านแจ้งว่าได้รับการตอบตกลงจากวิน ซันดีใจมาก จึงแจ้งวันที่จะนัดเจอพร้อมสถานที่ และเบอร์โทรไว้เพื่อให้ร้านแจ้งกับวินอดีต พฤษภาคม ซันอยู่ปี 2ซันนัดเจอกับวินที่กาแฟร้านหนึ่งใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย นัดเจอกันตอนสิบโมงตรง ซันรู้สึกตื่นเต้นนิด ๆ ที่จะได้เจอวิน คนที่ส่งของและรูปถ่ายสวย ๆ ให้เขาตลอดเจ็ดเดือนที่ผ่านมา เวลาเขาเศร้า ไม่สบายใจ ก็มีวินที่คอยส่งกำลังใจให้เขาเสมอ จนเขาตัดสินใจนัดวินออกมาเจอ เขาอยากเจอคนคนนี้ อยากขอบคุณในหลาย ๆ เรื่องสายตาของซันคอยมองเว
“ผมยังไม่มีแฟนครับ แต่...” ลมหนาวเว้นไว้ ไม่กล้าพูดต่อ เพราะสถานะตัวเขากับพี่วาริชในตอนนี้นั้น แทบจะเรียกว่าแฟนก็ยังได้เลย“แต่ มีคนคุยแล้วใช่ไหม” ซันต่อคำพูดของรุ่นน้องให้จบ“ครับ ผมมีคนคุยแล้ว” ลมหนาวพยักหน้ายอมรับ แล้วก้มหน้าลงไม่กล้าสู้หน้ารุ่นพี่ เพราะในใจกำลังรู้สึกผิดอยู่เต็มประดา“ตอนนั้นเราจำพี่ยังไม่ได้ใช่ไหม” ซันเมื่อได้ฟังสิ่งที่รุ่นน้องอธิบาย ความไม่เข้าใจในหลาย ๆ เรื่องก็กระจ่างทันที เขาไม่อาจโทษอีกฝ่ายแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้“เอ่อ ครับ ใช่ครับ” ลมหนาวตอบรับ“แล้วตอนนี้จำพี่ได้แล้ว ยังรู้สึกกับพี่แบบเดิมไหม” ซันเดินเข้าไปใกล้กับคนตัวเล็กกว่า ที่ไม่ยอมเงยหน้ามามองเขาเลยลมหนาวเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาใกล้ตัวเอง ตาสวยยังคงเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา คำถามที่คนตัวสูงถามมานั้น เขาก็มีคำตอบในใจแล้วเหมือนกันไม่อาจโกหกตัวเองได้“ผม...ยังชอบพี่เหมือนเดิมครับ” ลมหนาวตอบกลับไปด้วยเสียงเบาหวิว แต่ภายในห้องเงียบ ผู้ฟังจึงได้ยินอย่างชัดเจน“ชอบเหมือนเดิม แต่เป็นเหมือนเดิมไม่ได้ใช่ไหม” ซันเอ่ยถามออกไป ลึก ๆ เขาอยากให้รุ่นน้องตอบกลับว่ายังเหมือนเดิม แต่เขารู้ว่าเรื่องนี้ไ
“วันนี้พี่เหนื่อยแล้ว ไว้เราค่อยนัดฉลองที่ได้รางวัลถ่ายรูปกันนะ” วาริชเปลี่ยนเรื่องที่กำลังคุยอยู่ทันที แล้วลุกเดินออกจากร้านไปลมหนาววิ่งตามมาที่ด้านหลัง“พี่วา อย่าทำแบบนี้เลย” ลมหนาวรู้ว่าชายหนุ่มกำลังไม่ยอมรับเรื่องที่เขากำลังจะบอก เลยเดินออกมาจากร้านดื้อ ๆ แบบนี้วาริชได้ยินทุกอย่าง แต่เขาไม่อยากรับรู้อะไรในตอนนี้เลย ชายหนุ่มหันไปมองคนน้องแล้วยิ้มให้ เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องอะไรทำให้ไม่สบายใจ“พี่กลับก่อนนะ หนาวกลับเองได้ใช่ไหม แล้วเราค่อยเจอกัน” วาริชเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดไว้ แล้วสตาร์ตเครื่องขับออกไปทันทีลมหนาวได้แต่มองตาม เขาคงต้องให้เวลาชายหนุ่มหน่อยร้าน Blue Barวันนี้ลมหนาวตอบตกลงมากับตัง ที่ร้านเหล้าเปิดใหม่ แถวย่านท่องเที่ยวของคนชอบท่องราตรี อาจเพราะมีเรื่องให้คิดมากมาย และลมหนาวเองก็อยากผ่อนคลาย อยากลืมเรื่องที่กำลังคิดอยู่เพียงชั่วคราว จึงมาสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเก่า“มา ๆ นั่งนิ่งไม่ยกเลย นาน ๆ เจอกันที มานั่งทำหน้าเครียด ยกเลยยก” ป้อง เพื่อนจากมัธยมปลาย ที่ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย A ยกแก้วแล้วชนกับลมหนาว เพื่อเป็นสัญญาณให้ลม
“นอนดิ้นเหรอ เราอะ ฮึ” ซันพูดกับคนที่หลับอยู่ ปลายนิ้วชี้จิ้มไปที่ปลายจมูกของคนที่ซุกอยู่ที่อก จากจมูกไล่ไปริมฝีปากสีเชอร์รี่ เหมือนคนที่นอนอยู่เจอการรบกวน ก็สะบัดหน้าน้อย ๆ แล้วก็หลับต่อซันยิ้มออกมา ปิดไฟที่หัวเตียง แล้วเปลี่ยนท่าให้คนที่หลับอยู่มานอนหนุนแขนตัวเอง และกอดตอบคนน้องไป‘จะผิดอะไร ก็ในเมื่อเขาสองคนใจตรงกัน’ลมหนาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนสาย ร่างบางงัวเงียบิดขี้เกียจไปมา เมื่อลืมตาเต็มที่ จึงรู้ว่าห้องที่ตัวเองอยู่ในตอนนี้นั้น มันไม่ใช่ห้องของเขา ลมหนาวลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที รู้สึกปวดหัวจี๊ด น่าจะเป็นอาการเมาค้างจากเมื่อคืน เมื่อสำรวจร่างกายตัวเอง ยังใส่เสื้อผ้าชุดเมื่อคืนอยู่ ก็รู้สึกเบาใจ แต่ที่นี่ห้องของใครล่ะ หรืออาจเป็นของเพื่อนเขาสักคนลมหนาวเดินออกมานอกห้องนอน มองหาเจ้าของห้อง แต่ก็ยังไม่เจอ จนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากในครัว เพราะมีกลิ่นอาหารลอยออกมาด้วย ลมหนาวเดินไปตามเสียงนั้น จนเจอเข้ากับแผ่นหลังของคนตัวสูงคนหนึ่ง เขาจำได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือใคร‘พี่ซัน ทำไมถึงเป็นพี่เขาล่ะ’ลมหนาวพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาจำได้ราง ๆ ว่าเจอพี่เขาที่ห้องน้ำ
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร
‘แล้วพี่ล่ะ หนาวเอาพี่ไปไว้ไหน รู้หรือเปล่าว่าพี่จะรู้สึกยังไง’คำพูดที่เจ็บปวดของรุ่นพี่ ยังคงก้องอยู่ในความคิดของลมหนาว เขาทำร้ายคนที่ดีอย่างพี่วาริชไปแล้ว เขามันช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกินหลังจากวันนั้นอีกหลายวัน ลมหนาวก็ติดต่อหาวาริชไม่ได้เลย เหมือนเจ้าตัวปิดเครื่องมือสื่อสารไปเสียอย่างนั้น“หนาว วันนี้ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันไหม” ซันชวนคนน้องที่เขาเพิ่งรับมาจากมหาวิทยาลัย“ได้ครับ” ลมหนาวพยักหน้าตกลงถนนคนเดินทั้งสองเดินเที่ยว และซื้อของกินไปตลอดเส้นทางของตลาด เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ เหมือนเป็นการสร้างความทรงจำต่าง ๆ เพิ่มให้กันมากขึ้น จนซันพาลมหนาวเดินมาที่โซนต้นไม้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ต่าง ๆ ภายในร้านร้านหนึ่ง“โฮชิมีเพื่อนหรือยัง” ซันถามคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูต้นไม้อยู่“โฮชิ อ๋อ มีแต่ต้นกุหลาบครับที่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนได้หรือเปล่า”แรก ๆ ลมหนาวก็งงอยู่ ว่าโฮชิคือใคร แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า คือเจ้าแคคตัสรูปดาว ที่ระเบียงคอนโดนั่นเอง“ซื้อไปเลี้ยงอีกไหม” ซันหยิบต้นนั้นต้นนี้ขึ้นมาดู“อย่าเลยครับ ผมปลูกต้นอะไร ไม่ค่อยรอดหรอ