‘แล้วพี่ล่ะ หนาวเอาพี่ไปไว้ไหน รู้หรือเปล่าว่าพี่จะรู้สึกยังไง’
คำพูดที่เจ็บปวดของรุ่นพี่ ยังคงก้องอยู่ในความคิดของลมหนาว เขาทำร้ายคนที่ดีอย่างพี่วาริชไปแล้ว เขามันช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน
หลังจากวันนั้นอีกหลายวัน ลมหนาวก็ติดต่อหาวาริชไม่ได้เลย เหมือนเจ้าตัวปิดเครื่องมือสื่อสารไปเสียอย่างนั้น
“หนาว วันนี้ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันไหม” ซันชวนคนน้องที่เขาเพิ่งรับมาจากมหาวิทยาลัย
“ได้ครับ” ลมหนาวพยักหน้าตกลง
ถนนคนเดิน
ทั้งสองเดินเที่ยว และซื้อของกินไปตลอดเส้นทางของตลาด เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ เหมือนเป็นการสร้างความทรงจำต่าง ๆ เพิ่มให้กันมากขึ้น จนซันพาลมหนาวเดินมาที่โซนต้นไม้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ต่าง ๆ ภายในร้านร้านหนึ่ง
“โฮชิมีเพื่อนหรือยัง” ซันถามคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูต้นไม้อยู่
“โฮชิ อ๋อ มีแต่ต้นกุหลาบครับที่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนได้หรือเปล่า”
แรก ๆ ลมหนาวก็งงอยู่ ว่าโฮชิคือใคร แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า คือเจ้าแคคตัสรูปดาว ที่ระเบียงคอนโดนั่นเอง
“ซื้อไปเลี้ยงอีกไหม” ซันหยิบต้นนั้นต้นนี้ขึ้นมาดู
“อย่าเลยครับ ผมปลูกต้นอะไร ไม่ค่อยรอดหรอก ขนาดกุหลาบที่ซื้อมาปลูก ตอนแรกดอกก็บานเต็มต้น พอตอนนี้แม้แต่ใบก็แทบไม่เหลือแล้ว ผมก็รอลุ้นอยู่ว่า เจ้าโฮชิจะรอดไหม” ลมหนาวพูดแล้วก็นึกขำตัวเอง เขาไม่ใช่คนมือเย็นเหมือนที่แม่เคยบอกไว้เลย
“เดี๋ยวพี่ช่วยดูแลเอง” ซันหยิบต้นกระบองเพชรหน้าตาเหมือนฟักทองมีหนามมาสองต้น แล้วเดินไปจ่ายเงินกับเจ้าของร้าน ลมหนาวได้แต่เดินตาม
คอนโด SSK
“ให้พี่ขึ้นไปดูต้นไม้ให้ไหม พี่ซื้อปุ๋ยมาด้วยนะ เผื่อหนาวอยากเอาไปใส่ต้นไม้” ซันเสนอตัว
“อืม ก็ได้ครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับมัน” ลมหนาวคิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะชายหนุ่มเคยไปที่ห้องเขามาแล้ว
เมื่อเข้ามาในห้อง ลมหนาวเดินไปเปิดประตูระเบียง เพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทไม่อบอ้าว และเพื่อมาดูเจ้าต้นไม้ทั้งสองต้นด้วย ซันเดินตามมาข้างหลังเจ้าของห้อง
“ไหนให้พี่ดูอาการเจ้าต้นกุหลาบซิ”
“อ๋อ นี่ครับ อยู่ตรงนี้” ลมหนาวชี้ไปที่ต้นกุหลาบใกล้ตายให้ซันดู
ซันเดินเข้าไปดูก็รู้ว่าคงไม่รอดแล้ว ต้นเหลืองเสียขนาดนี้
“พี่ว่าต้นนี้คงไม่รอดหรอก ทิ้งได้เลย แต่เอ๊...ใช่ต้นที่เราถ่ายรูปดอกกุหลาบสีขาวอมชมพูให้พี่ไหม” ซันเพิ่งนึกได้ว่า ลมหนาวส่งรูปดอกกุหลาบสีขาวอมชมพูมาให้เมื่อตอนแรก ๆ ที่ได้รับรูปโพลารอยด์จากลมหนาว
“ใช่ครับ ต้นนี้แหละ น่าเสียดายจัง” ลมหนาวนั่งลงมองดูต้นดอกกุหลาบที่กำลังจะตายในไม่ช้านี้
“อย่าเสียใจเลย อย่างน้อยมันก็เคยออกดอกให้เราได้ชื่นชม คิดซะว่ามันไปเกิดใหม่แล้วกัน”
ลมหนาวย่นจมูก นึกขำกับคำพูด ให้ทำใจของซัน
“ก็ได้ครับ คิดแบบนี้ก็สบายใจดี” ลมหนาวรีบลุกขึ้น ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เจ้าตัวกำลังจะเซล้ม แต่ซันก็เข้ามาประคองไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ซันพูดด้วยความห่วงใย และตระหนก
“ผมหน้ามืดครับ น่าจะลุกเร็วไป” ลมหนาวพูดถึงสาเหตุ ที่คิดว่าน่าจะเป็น
“เข้าข้างในกัน” ซันประคองคนน้อง เข้ามานั่งที่โซฟาในห้อง
“ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้วครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่นี้เอง” ลมหนาวพูดด้วยท่าทางทะเล้น
“คราวหน้าค่อย ๆ ลุกนะ เผื่อหนาวอยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วย เรายิ่งซุ่มซ่ามอยู่” ซันยกมือไปยีหัวคนน้องเล่น ลมหนาวก็พยักหน้าเข้าใจ
“พี่เป็นห่วงรู้ไหม” ซันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาที่มองลมหนาวก็แสดงออกแบบที่พูด ทำให้คนฟังเขินขึ้นมาทันที จนไม่กล้าสบตา จนต้องหันหน้าหนีเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินนี้
“ครับ ผมจะระวังให้มาก ๆ” ลมหนาวหันมาสบตาคนพี่อีกครั้ง หลังจากระงับอาการเขินได้แล้ว
“ดีมาก จอมซุ่มซ่าม” ซันยื่นมือไปบีบแก้มคนน้องด้วยความมันเขี้ยว
“ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ มันเป็นอุบัติเหตุ โอ๊ย! แล้วมาหยิกแก้มผมทำไม นี่แน่ะนี่แน่ะ” ลมหนาวเอานิ้วไปจี้ที่เอวของซัน เพราะคิดว่าเจ้าตัวต้องบ้าจี้แน่นอน แต่เปล่าเลยซันยังคงนั่งอยู่ไม่รู้สึกอะไร
“พี่ไม่บ้าจี้เหรอ นี่แน่ะนี่แน่ะ” ลมหนาวใช้นิ้วจี้เอวซันอีกครั้ง แต่ร่างหนาก็ยังนั่งนิ่งไม่ได้จั๊กจี้แต่อย่างใด ลมหนาวไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองนั่งใกล้ซันมากขนาดไหน เพราะมัวแต่อยากแกล้งซันจึงไม่ได้สังเกต
ซันยิ้มขำให้ลมหนาว ที่พยายามอยากแกล้งเขาเสียเหลือเกิน ซันจึงแกล้งกลับคนตัวเล็ก ด้วยการจี้เอวเช่นกัน ลมหนาวจั๊กจี้จนดิ้นไปมา ซันยิ่งสนุกจึงแกล้งต่อ จนคนทั้งคู่แทบจะกลิ้งไปด้วยกันอยู่แล้ว กว่าจะรู้สึกตัวว่าร่างกายอยู่ใกล้กันเกินไป ก็ตอนที่ปลายจมูกของทั้งคู่แตะกันเบา ๆ ลมหนาวที่โดนซันคร่อมอยู่ เมื่อรู้สึกตัวก็ทำตัวไม่ถูก มันเก้อเขินไปหมด ทำไมมาอยู่ในท่านี้ล่ะ
ซันมองคนที่นอนอยู่ใต้ร่างของเขา น้องคงกำลังเขินอยู่แน่ ซันใช้นิ้วเกลี่ยที่ข้างแก้ม ของคนที่พยายามหลบสายตาเขา ที่จ้องมองไป นิ้วของซันยังคงเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มของลมหนาว
ทำให้คนที่นอนอยู่เกิดอาการประหลาดขึ้นมา ลมหนาวรู้สึกว่าสัมผัสจากซัน กำลังทำให้เขาไม่เป็นตัวเอง
ซันจับจ้องมองดวงหน้าหวาน ที่กำลังมองตอบเขากลับมาเช่นกัน ทั้งคู่จ้องกันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไร
ซันค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไป ใช้ริมฝีปากแตะที่ริมฝีปากของคนน้อง ลมหนาวได้แต่อึ้งตัวเกร็งไปหมด
‘พี่ซันจูบเขา ลมหนาวไม่อยากจะเชื่อ’
ซันโน้มใบหน้าลงมากดจูบ ที่ริมฝีปากของลมหนาวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าลมหนาวไม่ได้แสดงท่าทางปฏิเสธ จูบครั้งนี้ล้ำลึกกว่าครั้งก่อนหน้ามาก ซันค่อย ๆ ละเลียดจูบน้องอย่างนุ่มนวล ไม่ให้น้องตกใจ ค่อย ๆให้น้องคล้อยตาม แล้วจึงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
ลมหนาวตอนนี้ในหัวขาวโพลน แทบไม่มีสตินึกคิด คนไร้ประสบการณ์ กำลังโดนคนที่แก่ประสบการณ์อยู่ชักจูง ลมหนาวได้แต่จูบตอบไปแบบไร้เดียงสา
ซันเริ่มไซร้มาที่ลำคอของลมหนาว ทำให้คนตัวเล็กเกิดอาการวาบหวามขึ้นมา
“อื้อ พี่ซัน...” ลมหนาวยังพูดไม่จบ ก็โดนซันประกบปากลงมาอีกครั้ง แรงปรารถนาของซันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกแค่คิดอยากจะหยอกน้องเท่านั้น แต่พอเอาเข้าจริง กับห้ามตัวเองไม่ได้
ทั้งสองกอดรัดกันไปมา เสื้อผ้าเริ่มหลุดลุ่ย แต่ก่อนที่เรื่องราวจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะคนทั้งคู่
ดึงดึ่งดึ้ง ๆ ดึงดึ่งดึ้ง ๆ
ลมหนาวสะดุ้ง และผละออกจากซัน ใบหน้าแดงระเรื่อ พร้อมริมฝีปากที่เจ่อเล็กน้อย ภาพนี้ทำให้ซันแทบอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
‘ใครโทรมาขัดจังหวะวะ’
ซันหงุดหงิด แต่ก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ ที่วางอยู่ที่โต๊ะรับแขกเพื่อรับสาย
‘ไอ้เมฆมึงนี่เอง’ ซันเมื่อรู้ว่าใครโทรมา ก็นึกจดบัญชีในใจ
“ฮัลโหล มีไร” ซันเมื่อกดรับสายก็พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
[อยู่ไหนจะชวนมาร้านเหล้า รีบมาเลยนะเพื่อน ๆ มากันแล้ว]
“ตอนนี้กูไม่ว่าง”
[อ้าวเหรอ ธุระอะไร]
“ธุระส่วนตัว แค่นี้นะ”
[เดี๋ยว ๆ มึงจะไม่มาจริงดิ]
“เออ แค่นี้แหละ”
ซันกดวางสาย แล้วหันกลับไปมองเจ้าของห้อง ที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยที่โซฟา ซันเดินเข้าไปหา แต่ลมหนาวลุกขึ้นเหมือนกลัว
ซันขำคนตรงหน้า คงจะเขินจนไม่กล้าสู้หน้าเขา
“นี่ก็ดึกแล้ว พี่กลับก่อนนะ”
ลมหนาวพยักหน้าหงึก ๆ ไม่ได้พูดอะไร เพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ซันเดินไปที่ประตู โดยมีลมหนาวเดินตามไปข้างหลัง อย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรดี
“พี่กลับแล้วนะ ไว้พี่โทรหา” ซันบอกลาเจ้าของห้อง
“ครับ” ลมหนาวตอบรับเสียงเบา
เมื่อซันกลับไปแล้ว ลมหนาวก็แทบจะกรีดร้องออกมา ร่างบางเดินไปเอาหมอนพิงที่โซฟามาอุดปากแล้วกรี๊ดจนพอใจ เขาได้จูบ และเกือบจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น ลมหนาวหัวใจแทบวาย แต่ก็รู้สึกมีความสุข คนที่เขาแอบชอบ แอบมองมาตลอด ก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างจากเขา
ลมหนาวใช้นิ้วจับที่ริมฝีปากของตัวเอง แล้วก็นึกถึงสัมผัสของซันขึ้นมา
จะนอนหลับไหมคืนนี้ ลมหนาวคิดในใจแล้วก็ยิ้มให้ตัวเอง
“เขินเป็นบ้า พี่ซันนะพี่ซัน ครั้งหน้าผมจะเอาคืนแน่” ลมหนาวมาดหมายในใจว่า ครั้งหน้าจะทำให้รุ่นพี่เขินตัวเองให้ได้
***************
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัยบาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลม
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร