“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัย
บาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย
“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”
“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”
“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว
“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย
“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”
บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ
“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลมหนาวเริ่มกลัวเพื่อนจะเข้าใจผิด และพานโกรธกัน จึงรีบอธิบายเรื่องทั้งหมด
“อะไรนะ มีคนฝากมา หนาวแค่เอาไปวางให้แค่นั้นเหรอ” บาสพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เป็นตัวเขาที่คิดไปเองฝ่ายเดียว เป็นตัวเขาที่ความรู้สึกมันถลำลึกเกินเพื่อนไปมากแล้ว หัวใจของบาสเหมือนแหลกสลาย เมื่อพบกับเรื่องราวที่ไม่เป็นตามสิ่งที่คิดไว้
“บาส เราขอโทษ เราขอโทษ เราผิดเอง” ลมหนาวเมื่อเห็นว่าบาส เริ่มร้องไห้ ก็ใจเสียขึ้นมา เพราะบาสอาจเห็นตอนที่เขาเอาของไปไว้ที่โต๊ะ จนทำให้บาสเข้าใจผิด และคิดว่าตัวเขานั้นแอบชอบ
บาสหูอื้อ ไม่อยากรับฟังอะไรอีกแล้ว เขาหมุนตัวเดินหันหลังแล้วจากไปด้วยน้ำตานองหน้า
‘รักครั้งแรกแม่งเจ็บจังวะ’
สามวันแล้วที่บาสไม่มาโรงเรียน ทำให้เพื่อน ๆ เริ่มเป็นห่วง ทุกคนจึงนัดกันไปเยี่ยมบาสที่บ้าน ซึ่งหนึ่งในนั้น รวมลมหนาวด้วย
เมื่อพวกเพื่อน ๆ มาถึงที่บ้านของบาส ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี จากแม่ของบาส
“ตามสบายนะเด็ก ๆ เดี๋ยวแม่จะออกไปตลาดก่อน ส่วนบาสอยู่ห้องข้างบน ขึ้นไปหาได้เลยนะ เดี๋ยวแม่กลับมา”
“ขอบคุณครับ” เพื่อน ๆ ต่างพากันขอบคุณแม่เพื่อน แล้วพากันเดินขึ้นไปหาบาสที่ชั้นสองของบ้าน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เคาะประตูไม่นาน บาสก็เดินมาเปิดประตู เมื่อเห็นว่าเพื่อนมาหากันครบแก๊ง ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“พวกกูมาเยี่ยมครับ ไอ้หล่อ” ตังพูดทักทายเพื่อนก่อนเลย
“เป็นไงมึง ไม่ไปเรียนหลายวัน พวกกูเป็นห่วง ก็เลยพากันมาหา” ป้องพูดแสดงความห่วงใยบาส
“ไม่สบายนิดหน่อย ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ก็คิดว่า น่าจะไปเรียนได้แล้ว” บาสพูดออกไป แล้วก็ฝืนยิ้มนิด ๆ ทั้งที่ในใจเหมือนคนไม่มีแรงแล้ว ยิ่งได้มาเจอหน้าลมหนาวที่มาเยี่ยม นั่นทำให้บาสไม่กล้าสบตา เพราะเรื่องในวันนั้น บาสอายเกินกว่าที่จะสู้หน้าลมหนาว เพราะเป็นเขาที่ทึกทักไปเองฝ่ายเดียว
“ไปลงไปข้างล่าง เดี๋ยวหาอะไรให้กิน” บาสบอกเพื่อน เพราะในห้องดูคับแคบแน่นอน หากยัดคน 7-8 คนไว้ในนั้น
“โอเคปะ ไปรอข้างล่าง” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น คนอื่น ๆ ก็เดินตามลงไปชั้นล่าง เหลือแค่ลมหนาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมลงไป
“บาส เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ เราไม่อยากให้ความสัมพันธ์เรามันเป็นแบบนี้” ลมหนาวไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีไป
“อือ หนาวเข้ามาคุยในห้องสิ” บาสคิดว่ายังไงก็ต้องคุยกันอยู่แล้ว
เมื่อลมหนาวเข้ามาในห้อง ก็เอ่ยพูดขึ้น “บาสเราขอโทษนะ กับเรื่องที่เกิดขึ้น เราไม่น่าไปช่วยรุ่นน้องเขาเลย เราน่าจะให้เขาเป็นคนเอามาให้บาสเอง ขอโทษนะ ที่ทำให้เข้าใจผิด เราไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
บาสได้ฟังก็เหมือนยิ่งตอกย้ำว่า ลมหนาวไม่ได้ชอบเขา แค่ช่วยรุ่นน้องแค่นั้น ส่วนเขานั้นชอบอีกฝ่ายอยู่คนเดียว แล้วความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง จะพัฒนาไปเกินกว่าเพื่อนได้ไหมนะ
“อือ ช่างมันเถอะ เราไม่ได้ติดใจอะไรแล้วเรื่องนั้น”
“จริงเหรอบาส แต่ยังไงเราก็รู้สึกผิดจริง ๆ ให้ทำยังไงก็ได้นะเพื่อไถ่โทษ”
“งั้นเรามาคบกันไหม” บาสคิดเรื่องที่ต้องการ แล้วก็พูดออกมา
ลมหนาวอึ้งที่บาสพูดว่าให้คบกัน “บาส คือเราคิดกับบาสแค่เพื่อนนะ”
“ไหนบอกว่าจะไถ่โทษไง หนาวเพิ่งพูดไปเมื่อกี้” บาสเริ่มพูดเสียงดัง
“บาส เราคบกับบาสไม่ได้จริง ๆ บาสคือเพื่อนของเรานะ และเรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ ขอให้บาสเข้าใจด้วย แล้วอีกอย่างคือ เราไม่ต้องการเสียเพื่อนไป” ลมหนาวเดินเข้าไปจับมือบาส
“บาส ตัดใจจากเราเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย มันจะทำให้เราเสียใจทั้งสองฝ่ายนะ กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะนะ” ลมหนาวพูดอ้อนวอนเพื่อน
บาสเมื่อเห็นว่าลมหนาวบอกปฏิเสธ ก็คงคิดว่าความรักครั้งนี้ของเขาคงจบเห่แล้ว
“ขอเวลาเราหน่อยนะ ตอนนี้เรายังทำใจไม่ได้จริง ๆ ไว้เราพร้อมเมื่อไหร่ เราจะกลับมาเป็นเพื่อนหนาวเหมือนเดิมนะ” บาสพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง
หลังจากนั้น บาสแทบไม่ไปไหนมาไหนกับกลุ่มเพื่อน อ้างแต่บอกว่าติดธุระ และหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอลมหนาวตลอด แต่ถึงเจอก็ทำเหมือนมองไม่เห็นลมหนาว เป็นแบบนี้อยู่หลายเดือน จนพากันขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 บาสจึงกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม เริ่มไปเที่ยวหลังเลิกเรียนด้วยกัน เริ่มพูดคุยกับลมหนาวเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
ลมหนาวเมื่อเห็นว่าบาสกลับมาเหมือนเดิม ก็โล่งใจที่เพื่อนไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
ส่วนเรื่องของรุ่นน้องที่ส่งของขวัญมาให้ ลมหนาวก็ได้เข้าไปพูดคุยกับรุ่นน้องคนนั้น และบอกเหตุผลว่าไม่สามารถช่วยส่งของขวัญให้ได้แล้ว
ส่วนบาสนั้นได้เขียนจดหมายไปบอกรุ่นน้องแล้วว่า ขอบคุณในความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้ แต่บาสยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ขอตั้งใจเรียนก่อน แล้วหลังจากนั้นรุ่นน้องก็ไม่ส่งของมาอีกเลย
กลุ่มเพื่อนทั้ง 7 คน กลับมาสนุกเฮฮากันเหมือนเดิม แต่ใครเลยจะรู้ว่าความรู้สึกที่บาสมีต่อลมหนาวนั้น มันยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน แค่เขาเปลี่ยนวิธี ให้เห็นคนที่เรารักมีความสุขมากกว่า ที่จะต้องเป็นเจ้าของกัน แค่เก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในใจก็เท่านั้น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปมันจะเบาบางลงไหม แต่เขาก็คิดว่าประสบการณ์ครั้งนี้ มันทำให้เขามองโลกในอีกแง่หนึ่งได้เลย
รักแต่ครอบครองไม่ได้
จบ ตอนพิเศษ 1 เรื่องในอดีต บาส-ลมหนาว
***************
ท่ามกลางหมอกจาง ๆ ในสถานที่แห่งหนึ่ง ร่างของใครคนหนึ่งค่อย ๆ เดินไปตามทางที่ไร้จุดหมาย ไร้ทางออกจากสถานที่แห่งนี้ชายหนุ่มเดินวนไปวนมา จนทางข้างหน้าปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินนำอยู่ช้า ๆ ชายหนุ่มเมื่อเห็นก็รีบเดินตามไปทันที แต่ยิ่งเดิน ก็เหมือนคนข้างหน้า ยิ่งเดินไกลออกไป“คุณครับ คุณครับ หยุดก่อนครับ คุณครับ”ชายหนุ่มทั้งวิ่ง ทั้งร้องเรียกอยู่อย่างนั้น จนเหมือนคนข้างหน้าจะได้ยินเสียงเรียก จึงหยุดเดิน และหันหลังกลับมามองคนที่ร้องเรียกอยู่ด้านหลังเมื่อคนตะโกนเรียกวิ่งมาถึงคนที่หยุดรออยู่ แต่กลับมองเห็นหน้าคนที่หยุดรอไม่ชัด เพราะหมอกตรงนี้หนามาก รู้แต่คนตรงหน้าเป็นผู้ชายตัวสูงน่าจะ 180 เซนติเมตรได้“คุณครับ ที่นี่ที่ไหนครับ ผมเดินไปเดินมา หาทางออกไม่เจอเลย”คนที่เดินหลงอยู่นานถามออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากชายตรงหน้าเลย แล้วอยู่ ๆ ร่างตรงหน้าก็หันหลัง และเดินจากไป“อ้าว คุณ คุณครับ จะไปไหน รอผมด้วย” ยิ่งวิ่งก็ยิ่งไกลกันออกไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ ปลุกร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงให้ตื่นจากฝันทันที เปลือก
“งั้นแกชื่อ โฮชิละกันนะ เข้าใจไหมเจ้าโฮชิ”ผมตั้งชื่อให้มันว่า โฮชิ ที่แปลว่า ดาว ในภาษาญี่ปุ่น เพราะลักษณะของมันคล้ายดาวห้าแฉกลมหนาวนำเจ้าแคคตัสที่เพิ่งตั้งชื่อใหม่ ๆ เข้ามาในห้อง แล้ววางลงที่โต๊ะรับแขก แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน ผ่านไปสักพัก ก็เดินออกมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปโพลารอยด์ เมื่อจัดมุม จัดองศาของเจ้าโฮชิเรียบร้อยแล้ว นิ้วเรียวก็กดชัตเตอร์ทันที รอจนรูปเลื่อนออกมา ลมหนาวก็หยิบรูปออกมาสะบัดเบา ๆ จนรูปเริ่มปรากฏภาพขึ้นมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอน หยิบปากกามาเขียนรูปที่เพิ่งถ่ายออกมาจากกล้องโพลารอยด์ ด้วยข้อความว่าสวัสดีโฮชิเมื่อเขียนข้อความลงบนรูปแล้ว เขายังไม่ลืมที่จะใช้กล้องโทรศัพท์ ถ่ายรูปโพลารอยด์ใบนั้น แล้วอัปลงแอปไอเจ ที่มีผู้ติดตามอยู่ไม่กี่ร้อยคนทันทีแคปชันเดียวกับสิ่งที่เขียนลงบนรูป สวัสดีโฮชิลมหนาวยิ้มน้อย ๆ ให้กับรูปที่เพิ่งอัปลงโซเชียล แล้วนำเจ้ารูปถ่ายใบน้อย ไปติดไว้กับกระดานแม่เหล็กของเขาที่กระดานมีรูปที่ถ่ายจากกล้องโพลารอยด์อยู่หลายใบ ลมหนาวชอบใช้กล้องนี้ถ่ายรูป เพราะรู้สึกว่า มันให้อารมณ์ที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ เขาอธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าช
มหาวิทยาลัย Kวันนี้มีเข้าเรียนชมรมที่ผมเลือกไว้ ผมชอบชมรมนี้มากเพราะมันคือชมรมถ่ายภาพ กว่าผมจะเข้าชมรมนี้ได้ก็ยากน่าดู เพราะชมรมรับคนจำกัด แต่สุดท้ายผมก็ทำข้อสอบผ่านเข้ามาได้ จนเป็นหนึ่งในสมาชิกของชมรมส่วนตังเพื่อนสนิทของผมไปอยู่ชมรมบาส เห็นแบบนั้นเล่นบาสโคตรเก่งเลยนะ วันไหนผมว่างก็จะไปนั่งดูมันเล่นบ้าง สาว ๆ นี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่มาพูดถึงชมรมของผมดีกว่า ตั้งแต่ผมเข้าชมรมมา ผมได้เทคนิคถ่ายรูปต่าง ๆ ทั้งจากรุ่นพี่ และเพื่อน ๆ ในชมรมเยอะมาก ทำให้ผมมีความสุข และตั้งใจฟังสิ่งที่รุ่นพี่สอนอย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกคน ในเมื่อวันนี้มากันครบแล้ว พี่ก็มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบนะคะ ทางชมรมของเรา จะจัดกิจกรรมให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกัน ก่อนที่พวกเราจะสอบมีเวลา 1 เดือน ที่จะให้ส่งผลงานเข้ามาประกวด”พี่เกลหัวหน้าชมรมถ่ายภาพอยู่ปี 3 พูดให้สมาชิกชมรมทุกคนฟัง อย่างเสียงดังฟังชัด“หัวข้ออะไรครับ” เพื่อนในชมรมถามขึ้น“ใจเย็น ๆ กำลังจะบอก จดไว้ด้วยนะ” พี่เกลเริ่มอธิบายหัวข้อ ที่พวกเราต้องถ่ายรูปส่งเข้าประกวดให้ฟัง“พี่เกลคะ อธิบายหัวข้ออีกได้ไหมคะ หนูงง” สมาชิกในชมรมถามขึ้น“ก็ตรงตัวนะ หัวข้อนี้ไม่
“พี่ชื่อ...แล้วเราล่ะ...อะไร”เสียงขาด ๆ หาย ๆ ทำให้ผมฟังไม่รู้เรื่อง อึดอัดอยากร้องไห้ มันเกิดอะไร ทำไมร่างกายของผมไม่เป็นดั่งใจเลย“แล้วเจอกัน” เสียงของคนตรงหน้าพูดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันชัดเจนมาก พร้อมกับที่คนตรงหน้าหมุนตัวเดินจากไปติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆเสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้าของวันเสาร์ ปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นจากฝัน มือเอื้อมไปปิดนาฬิกา แต่คนบนเตียงยังคงคิดเรื่องที่ฝันถึงไม่หายมันคืออะไร ผู้ชายคนนั้นคือใคร แล้วทำไมผมถึงรู้สึกคิดถึง และอยากจะร้องไห้ขนาดนี้“โธ่โว้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน มันเป็นอะไรนักหนา”ผมพูดพร้อมลุกขึ้นนั่ง ใช้มือทั้งสองข้างขยี้หัวของตัวเอง น้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาคู่สวย อาจเป็นเพราะยังเหลือความรู้สึกตกค้างจากความฝัน ทั้งเศร้า ทั้งอึดอัด และทั้งสับสน“ผู้ชายคนนั้นคือใครกันแน่ จะใช่คุณดวงอาทิตย์ไหมนะ” ผมพูดพึมพำกับตัวเองเมื่อกำจัดความรู้สึกออกไปได้บ้าง ผมก็ลุกขึ้นเตรียมตัว ไปตามนัดรุ่นพี่ที่ชมรมถ่ายภาพรุ่นพี่นัดให้ไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากคอนโดของผมมากนัก ผมเลยเดินทางโดยรถสาธารณะ เพราะมันสะดวกดี ไม่ต้องหาที่
หลังจากวันนั้นลมหนาวก็ได้คุยกับวาริชบ่อยขึ้น ทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าวันแรกที่ได้เจอ“พี่แต่งรูปที่ไปถ่ายเสร็จแล้วนะ เดี๋ยวพี่ส่งไฟล์รูปไปให้” วาริชบอกกับคนปลายสาย สายตาก็ไล่ดูรูปที่ตัวเองถ่ายไปเรื่อย ๆ[เหรอครับ ผมอยากเห็นแล้ว] ลมหนาวพูดอย่างตื่นเต้น“พี่ขอเอารูปที่ถ่ายวันนั้น ไปลงที่เพจของพี่ได้ไหม” วาริชขออนุญาตนายแบบจำเป็นในวันนั้น เพื่อนำรูปไปลงเพจของตัวเองเพจนี้วาริชมีไว้เพื่อแสดงฝีมือการถ่ายภาพ ของเขาโดยเฉพาะ มีรับงานถ่ายภาพบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่การถ่ายรูปเป็นสิ่งที่เขาชอบมากอย่างหนึ่ง เพราะมันคือตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขา[เพจอะไรเหรอครับ] ลมหนาวถามรุ่นพี่ด้วยความสงสัย“เป็นเพจที่พี่จะลงรูปที่พี่ถ่าย เป็นการโปรโมตเพจด้วย พี่รับจ้างถ่ายรูปนะ เผื่อเรายังไม่รู้” วาริชอธิบายให้รุ่นน้องฟัง[อ๋อ ได้ครับ แต่ต้องลงเฉพาะรูปที่สวย ๆ นะครับ ไม่งั้นผมโกรธด้วย]ลมหนาวเริ่มที่จะกล้าคุยหยอกล้อกับรุ่นพี่มากขึ้น อาจเป็นเพราะช่วงนี้คุยกันบ่อย“ได้เลยครับ ช่างภาพคนนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังเลย”เมื่อลมหนาวได้ฟังก็ถึงกับกั้นขำไม่อยู่[ฮ่า ๆ อะไรของพี่เนี่ย มีอารมณ์ขันด้วย] ลมหนาว
เมื่อตังมารับ ลมหนาวเดินตามตังเข้าไปในร้าน หลายคนหันมามองพวกเขาทั้งสอง อาจจะเพราะรูปร่างที่สูงเพรียว และหล่อของตัง ทำให้หลาย ๆ คนมองมาแต่ก็มีอีกหลายคน ที่มองคนร่างบางด้านหลัง ที่สะกดสายตาใครต่อใคร ให้หันมามองได้ไม่ยาก แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจใครเลย มองแต่แผ่นหลังของเพื่อน ที่เดินนำอยู่ข้างหน้าจนมาถึงโต๊ะลมหนาวเจอเพื่อน ๆ จากต่างคณะ และต่างมหาวิทยาลัยหลายคน เมื่อทักทายกันเสร็จลมหนาวก็ยื่นของขวัญให้บาส เจ้าของวันเกิดทันที“อะ ของขวัญเรา แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ มีความสุขมาก ๆ ”“ขอบใจหนาวมาก”เจ้าของวันเกิดจับจ้องมองดวงหน้า ที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอด แม้เวลาผ่านมาหลายปี จนความรู้สึกเบาบางลงบ้าง แต่เมื่อนึกถึงมันก็เอ่อท่วมท้น ล้นออกมาจากใจดวงนี้เสมอบาสเขย่ากล่องของขวัญเบา ๆ “อะไรนะ ได้อะไรนะ”บาสหยอกล้อคนที่เพิ่งให้กล่องของขวัญมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก และเตือนตัวเอง“ไปเปิดที่บ้านนะ” ผมบอกกับบาส เพื่อนจากมัธยมปลายที่เดียวกัน เพื่อนที่เขาแอบรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ“โอเคครับ” เจ้าของวันเกิดฉีกยิ้มหวานให้ตอบกลับมาบาสจะเป็นคนที่ไม่พูดคำหยาบ หรือใช้สรรพนามใ
ตือดึ่ง ๆ ตือดึ่ง ๆ เสียงแจ้งเตือนมายดีในกระเป๋าดังไม่หยุด ไอ้ตังเพื่อนผมคงส่งข้อความมาให้รีบขึ้นห้องเรียนแน่ ๆ ผมวิ่งมาถึงตึกเรียน จะขึ้นลิฟต์ก็ไม่เคลื่อนลงมาสักที เอาวะชั้น 4 เป็นไงเป็นกันผมวิ่งขึ้นตึก ชั้นที่ 1 ชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 และ โครม ผมชนเข้ากับคนที่วิ่งสวนลงมาจากชั้น 4 ที่ผมกำลังจะวิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าชนอีท่าไหน ผมล้มไม่เป็นท่า บอกเลยว่าโคตรเจ็บ‘แม่งมันวันอะไรวะเนี่ย’ ผมคิดในใจ“เป็นอะไรมากไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม” คู่กรณีถามผม พร้อมพยุงผมให้ลุกขึ้นแบบยากลำบาก เพราะผมแทบจะลุกไม่ได้เลย‘ก็เจ็บก้นนี่หว่า แม่งเอ๊ย’“ไปห้องพยาบาลไหม เดี๋ยวพี่พาไป” ผมเงยหน้ามองคนที่ช่วยพยุงผมอยู่ แต่กลับมองไม่ชัด ภาพเบลอ“น้องครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามผมอีกครั้ง“เอ่อ เจ็บก้นครับ เมื่อกี้ลมกระแทกพื้น เจ็บฉิบหายเลย” ผมบ่นออกมา ก็มันเจ็บนี่นา“เดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาลนะ ค่อย ๆ เดิน” เขาทำท่าจะพาผมเดิน“เอ่อ พี่ครับไม่ต้องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเข้าเรียนไม่ทัน”“ไม่ได้ครับ ต้องไปตรวจดูก่อน เผื่อเป็นอะไร จะได้รักษาทัน ไปครับเดิน”“แต่พี่ครับ” ผมพูดได้เท่านั้นก็หุบปากเลยครับ พี่เขาทำเสียงดุใส
LN Wayuwat : 555 ผมล้อเล่นSun Thiwakorn : แกล้งพี่เหรอLN Wayuwat : ^-^Sun Thiwakorn : O-OLN Wayuwat : งั้นใกล้ ๆ วัน ผมทักบอกอีกทีนะครับSun Thiwakorn : โอเคครับLN Wayuwat : สติกเกอร์ฝันดีSun Thiwakorn : สติกเกอร์ฝันดีหลังจากส่งสติกเกอร์ฝันดีเสร็จ ลมหนาวเผลอยิ้ม โดยที่ไม่รู้ตัววันนี้วาริชนัดถ่ายรูปที่ทะเลกับลมหนาว ทำให้วันนี้ลมหนาวต้องตื่นนอนแต่เช้าเป็นพิเศษ เพราะต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง เมื่อแต่งตัว และจัดของเสร็จแล้ว ลมหนาวก็ลงมาที่ข้างล่างคอนโดทันที เพราะวาริชส่งข้อความมาว่า รออยู่ข้างล่างแล้ว“พี่วาผมมาแล้วครับ” ผมเดินยิ้มเข้าไป เพราะพี่วาริชทั้งมารับ ทั้งขับรถ เขาจึงต้องเอาใจสักหน่อย“ปะ งั้นไปขึ้นรถเลย” วาริชเดินนำไปข้างหน้า แล้วหันกลับมาถามรุ่นน้องที่เดินอยู่ด้านหลัง“เรากินข้าวเช้าหรือยัง”“ยังเลยครับ”“งั้นเดี๋ยวพี่พาแวะกินแล้วกัน”“โอเคครับ”ทั้งสองเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวของวาริช จุดมุ่งหมายคือทะเลในจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก ตลอดการเดินทางทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย“เออ พี่ว่าจะถามเราหลายรอบแล้ว แต่ก็ลืมทุกที” ชายหนุ่มหันมามองคนด้านข
“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัยบาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลม
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร