“พี่ชื่อ...แล้วเราล่ะ...อะไร”
เสียงขาด ๆ หาย ๆ ทำให้ผมฟังไม่รู้เรื่อง อึดอัดอยากร้องไห้ มันเกิดอะไร ทำไมร่างกายของผมไม่เป็นดั่งใจเลย
“แล้วเจอกัน” เสียงของคนตรงหน้าพูดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันชัดเจนมาก พร้อมกับที่คนตรงหน้าหมุนตัวเดินจากไป
ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
เสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้าของวันเสาร์ ปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงให้ตื่นจากฝัน มือเอื้อมไปปิดนาฬิกา แต่คนบนเตียงยังคงคิดเรื่องที่ฝันถึงไม่หาย
มันคืออะไร ผู้ชายคนนั้นคือใคร แล้วทำไมผมถึงรู้สึกคิดถึง และอยากจะร้องไห้ขนาดนี้
“โธ่โว้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน มันเป็นอะไรนักหนา”
ผมพูดพร้อมลุกขึ้นนั่ง ใช้มือทั้งสองข้างขยี้หัวของตัวเอง น้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาคู่สวย อาจเป็นเพราะยังเหลือความรู้สึกตกค้างจากความฝัน ทั้งเศร้า ทั้งอึดอัด และทั้งสับสน
“ผู้ชายคนนั้นคือใครกันแน่ จะใช่คุณดวงอาทิตย์ไหมนะ” ผมพูดพึมพำกับตัวเอง
เมื่อกำจัดความรู้สึกออกไปได้บ้าง ผมก็ลุกขึ้นเตรียมตัว ไปตามนัดรุ่นพี่ที่ชมรมถ่ายภาพ
รุ่นพี่นัดให้ไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากคอนโดของผมมากนัก ผมเลยเดินทางโดยรถสาธารณะ เพราะมันสะดวกดี ไม่ต้องหาที่จอดรถให้วุ่นวาย
ห้างสรรพสินค้า AC
เมื่อมาถึงที่นัด ผมก็โทรหารุ่นพี่ทันที ปลายสายบอกว่ามาถึงแล้ว ให้ผมไปเจอเขาที่ร้านกาแฟได้เลย เมื่อได้จุดหมายผมก็ตรงไปที่นั่นทันที เมื่อมาถึงร้านกาแฟ ในร้านมีคนไม่เยอะ ผมมองหาคนที่คิดว่าเป็นรุ่นพี่ที่ชมรม เมื่อคิดว่าใช่ เลยตัดสินใจก้าวขาเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับ พี่วาริชหรือเปล่าครับ” คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองคนเอ่ยทัก
“ใช่พี่เอง นั่งสิ”
เมื่อคนตรงหน้า บอกว่าเป็นคนที่นัดผมมาเจอ ผมก็เลยนั่งลงทันที
“ดื่มอะไร เดี๋ยวพี่เรียกให้” แล้ววาริชก็เรียกเด็กเสิร์ฟ มาให้รุ่นน้องสั่งเครื่องดื่ม
เมื่อสั่งเครื่องดื่มแล้ว ลมหนาวก็หันมาพิจารณารุ่นพี่คนนี้ทันที รูปร่างสูง ผิวขาว คิ้วหนา จมูกโด่ง ริมฝีปากสวย จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก ๆ คนหนึ่งเลย
“มีอะไรหรือเปล่า เห็นมองหน้าพี่” วาริชรุ่นน้องที่เอาแต่มองสำรวจตัวเขาอยู่
“อ๋อ เอ่อ ผมแค่กำลังคิดถึงหัวข้อที่ต้องทำน่ะครับ ไม่มีอะไร” ผมเฉไฉไปเรื่องอื่น กลัวคนตรงหน้าจับพิรุธได้ว่า ผมแอบมอง
เมื่อวาริชได้ฟังเหตุผล ก็พยักหน้า และยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
“เราวิเคราะห์หัวข้อนี้ว่ายังไงบ้าง ส่วนของพี่ได้ประมาณนี้”
วาริชหันโน้ตบุ๊ก ให้คนตรงหน้าดูถึงรายละเอียดที่วิเคราะห์มา
“โห พี่วิเคราะห์ซะของผมนี่ดรอปลงเลย”
“จริงเหรอ งั้นพี่ขอฟังความเห็นของเราหน่อย”
ผมเลยพูดถึงสิ่งที่ผมวิเคราะห์ออกมา ให้รุ่นพี่ฟัง เราทั้งสองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ ที่คิดว่ามันน่าจะเป็น จนเจอสิ่งที่เราเห็นตรงกันมากที่สุด ที่จะสื่อออกมาในภาพที่จะถ่าย
“ตกลง เราเอาคอนเซ็ปต์นี้นะ” วาริชพูดขึ้นหลังจากที่ได้ข้อสรุป
“ตกลงครับ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้น วันนี้เราลองไปถ่ายรูปเล่น ๆ ดูไหม” วาริชชวนรุ่นน้อง
ผมคิดอยู่แป๊บหนึ่ง ก็ตกลงตัดสินใจไป เพราะคนตรงหน้าคงไม่ทำอะไรผมหรอก
“ไปครับ ผมอยากไป” ผมพูดอย่างตื่นเต้น เพราะชอบการถ่ายรูปอยู่แล้ว
“ปะงั้นไปกัน เราไปรถพี่นะจะได้สะดวก แวะถ่ายรูปที่ไหนก็ได้”
“ครับ” ผมตกลง
ระหว่างอยู่บนรถ เราทั้งสองคนแทบจะไม่ได้คุยกันเลย จนผมเป็นฝ่ายทนไม่ไหว จึงเริ่มชวนรุ่นพี่คุยก่อน
“เห็นพี่พลบอกว่า พี่ไม่ค่อยเข้าชมรมเพาะติดงานของคณะ พี่อยู่คณะอะไรเหรอครับ” ผมเริ่มบทสนทนา ที่จะทำให้บรรยากาศในรถมันดูผ่อนคลายมากขึ้น
วาริชหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แว็บหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองทางต่อ
“พี่เรียนวิศวะอยู่ปี 4 แล้ว งานเยอะมาก อีกหน่อยก็ต้องหาที่ฝึกงานแล้ว ความจริงพี่จะไม่เข้าชมรมแล้วปีนี้ แต่ใจมันรักน่ะ ก็เลยเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ว่าแต่เราเถอะเรียนคณะอะไร” วาริชตอบรุ่นน้อง ทั้งที่ตายังคงมองถนนอยู่
“ผมเรียนบริหารครับ” ผมตอบออกไป พร้อมกลับใช้หางตาชำเลืองมองเสี้ยวหน้าคนขับรถแว็บหนึ่ง
“พี่ก็มีเพื่อนเรียนอยู่คณะนี้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน ต่างคนต่างยุ่ง ๆ น่ะ”
“ผมก็มีเพื่อนที่เรียนวิศวะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอ”
ผมนึกถึงบาสที่เรียนมัธยมปลายด้วยกันมา พอขึ้นมหาวิทยาลัย ก็เลือกเรียนคณะวิศวะ ถึงจะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอ จะได้เจอกันก็ตอนนัดสังสรรค์นั่นแหละ
“เหรอ อยู่ปีไหนล่ะ เผื่อพี่รู้จัก”
“อยู่ปี 2 ครับ ชื่อบาส” ผมบอกชื่อเพื่อนออกไป เผื่อรุ่นพี่รู้จัก
“งั้นเราก็ปี 2 ด้วยสิ”
“ครับ ผมอยู่ปี 2”
“ถ้าพี่ได้เห็นหน้าเพื่อนเรา ก็น่าจะนึกออก เพราะที่คณะมีคนชื่อบาสหลายคน” วาริชบอกรุ่นน้อง เพราะคนชื่อบาสมีเยอะมาก บางทีคนที่เขารู้จัก อาจไม่ใช่เพื่อนของน้องก็ได้
สวนสาธารณะ RRD
ทั้งสองคุยกันมาตลอดทาง จนรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง รอบข้างมีต้นไม้ขึ้นเขียวขจี ตัดขาดจากโลกภายนอกที่วุ่นวายเหมือนอยู่คนละโลกเลยก็ว่าได้
“ถึงแล้ว เป็นไงที่นี่โอเคไหม” วาริชหันไปถามคนที่นั่งข้าง ๆ
“ดีนะครับ ผมชอบมันดูสงบไม่วุ่นวายดี” ผมตอบรุ่นพี่ไป สายตาก็มองสำรวจสวนสาธารณะแห่งนี้
“งั้นเราไปกัน” วาริชเตรียมกล้องที่จะใช้ถ่ายรูป เมื่อเสร็จแล้วก็พารุ่นน้องเดินไปตามทางของสวนสาธารณะ
“ผมไม่ได้เตรียมกล้องมาเลย” ผมพูดเสียงหงอย ๆ
“ไม่เป็นไร ใช้กล้องพี่ บอกแล้วไงมาลอง ไม่ได้จริงจัง งั้นเอางี้ดีกว่า ให้เราเป็นแบบให้พี่ ลงโทษที่ไม่ได้พกกล้องมา” วาริชนึกได้ว่าต้องมีแบบให้ถ่ายรูป
“โหพี่ จะไหวเหรอ ผมอายอะ” ผมโอดครวญออกมา เพราะอยู่ ๆ จะให้คนที่เพิ่งรู้จักมาถ่ายรูปให้ ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“ไม่ต้องอาย ทำตัวให้เป็นธรรมชาติพอ รับรองสวยทุกรูป เชื่อใจช่างภาพได้เลย” วาริชพูดให้นายแบบหมาด ๆ ไม่ต้องเกร็ง
“ก็ได้ครับ” ผมตอบตกลงแบบไม่มั่นใจ
วาริชถ่ายรูปลมหนาวในมุมต่าง ๆ ของสวนสาธารณะ นายแบบจำเป็นก็ต้องเก๊กท่าถ่ายรูปตามที่ช่างภาพแนะนำ
แรก ๆ ลมหนาวเกร็งมาก แต่หลัง ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง เพราะวาริชชวนคุยตลอด ลมหนาวเลยขอถ่ายรูปให้รุ่นพี่บ้าง ตอนแรกคิดว่ารุ่นพี่จะเขินที่ต้องเป็นนายแบบให้เขา แต่เปล่าเลย แต่ละท่าที่พี่เขาโพสออกมา ดูดีและธรรมชาติมาก ๆ
หลังจากวันนั้นลมหนาวก็ได้คุยกับวาริชบ่อยขึ้น ทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าวันแรกที่ได้เจอ“พี่แต่งรูปที่ไปถ่ายเสร็จแล้วนะ เดี๋ยวพี่ส่งไฟล์รูปไปให้” วาริชบอกกับคนปลายสาย สายตาก็ไล่ดูรูปที่ตัวเองถ่ายไปเรื่อย ๆ[เหรอครับ ผมอยากเห็นแล้ว] ลมหนาวพูดอย่างตื่นเต้น“พี่ขอเอารูปที่ถ่ายวันนั้น ไปลงที่เพจของพี่ได้ไหม” วาริชขออนุญาตนายแบบจำเป็นในวันนั้น เพื่อนำรูปไปลงเพจของตัวเองเพจนี้วาริชมีไว้เพื่อแสดงฝีมือการถ่ายภาพ ของเขาโดยเฉพาะ มีรับงานถ่ายภาพบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่การถ่ายรูปเป็นสิ่งที่เขาชอบมากอย่างหนึ่ง เพราะมันคือตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขา[เพจอะไรเหรอครับ] ลมหนาวถามรุ่นพี่ด้วยความสงสัย“เป็นเพจที่พี่จะลงรูปที่พี่ถ่าย เป็นการโปรโมตเพจด้วย พี่รับจ้างถ่ายรูปนะ เผื่อเรายังไม่รู้” วาริชอธิบายให้รุ่นน้องฟัง[อ๋อ ได้ครับ แต่ต้องลงเฉพาะรูปที่สวย ๆ นะครับ ไม่งั้นผมโกรธด้วย]ลมหนาวเริ่มที่จะกล้าคุยหยอกล้อกับรุ่นพี่มากขึ้น อาจเป็นเพราะช่วงนี้คุยกันบ่อย“ได้เลยครับ ช่างภาพคนนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังเลย”เมื่อลมหนาวได้ฟังก็ถึงกับกั้นขำไม่อยู่[ฮ่า ๆ อะไรของพี่เนี่ย มีอารมณ์ขันด้วย] ลมหนาว
เมื่อตังมารับ ลมหนาวเดินตามตังเข้าไปในร้าน หลายคนหันมามองพวกเขาทั้งสอง อาจจะเพราะรูปร่างที่สูงเพรียว และหล่อของตัง ทำให้หลาย ๆ คนมองมาแต่ก็มีอีกหลายคน ที่มองคนร่างบางด้านหลัง ที่สะกดสายตาใครต่อใคร ให้หันมามองได้ไม่ยาก แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจใครเลย มองแต่แผ่นหลังของเพื่อน ที่เดินนำอยู่ข้างหน้าจนมาถึงโต๊ะลมหนาวเจอเพื่อน ๆ จากต่างคณะ และต่างมหาวิทยาลัยหลายคน เมื่อทักทายกันเสร็จลมหนาวก็ยื่นของขวัญให้บาส เจ้าของวันเกิดทันที“อะ ของขวัญเรา แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ มีความสุขมาก ๆ ”“ขอบใจหนาวมาก”เจ้าของวันเกิดจับจ้องมองดวงหน้า ที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอด แม้เวลาผ่านมาหลายปี จนความรู้สึกเบาบางลงบ้าง แต่เมื่อนึกถึงมันก็เอ่อท่วมท้น ล้นออกมาจากใจดวงนี้เสมอบาสเขย่ากล่องของขวัญเบา ๆ “อะไรนะ ได้อะไรนะ”บาสหยอกล้อคนที่เพิ่งให้กล่องของขวัญมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก และเตือนตัวเอง“ไปเปิดที่บ้านนะ” ผมบอกกับบาส เพื่อนจากมัธยมปลายที่เดียวกัน เพื่อนที่เขาแอบรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ“โอเคครับ” เจ้าของวันเกิดฉีกยิ้มหวานให้ตอบกลับมาบาสจะเป็นคนที่ไม่พูดคำหยาบ หรือใช้สรรพนามใ
ตือดึ่ง ๆ ตือดึ่ง ๆ เสียงแจ้งเตือนมายดีในกระเป๋าดังไม่หยุด ไอ้ตังเพื่อนผมคงส่งข้อความมาให้รีบขึ้นห้องเรียนแน่ ๆ ผมวิ่งมาถึงตึกเรียน จะขึ้นลิฟต์ก็ไม่เคลื่อนลงมาสักที เอาวะชั้น 4 เป็นไงเป็นกันผมวิ่งขึ้นตึก ชั้นที่ 1 ชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 และ โครม ผมชนเข้ากับคนที่วิ่งสวนลงมาจากชั้น 4 ที่ผมกำลังจะวิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าชนอีท่าไหน ผมล้มไม่เป็นท่า บอกเลยว่าโคตรเจ็บ‘แม่งมันวันอะไรวะเนี่ย’ ผมคิดในใจ“เป็นอะไรมากไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม” คู่กรณีถามผม พร้อมพยุงผมให้ลุกขึ้นแบบยากลำบาก เพราะผมแทบจะลุกไม่ได้เลย‘ก็เจ็บก้นนี่หว่า แม่งเอ๊ย’“ไปห้องพยาบาลไหม เดี๋ยวพี่พาไป” ผมเงยหน้ามองคนที่ช่วยพยุงผมอยู่ แต่กลับมองไม่ชัด ภาพเบลอ“น้องครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามผมอีกครั้ง“เอ่อ เจ็บก้นครับ เมื่อกี้ลมกระแทกพื้น เจ็บฉิบหายเลย” ผมบ่นออกมา ก็มันเจ็บนี่นา“เดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาลนะ ค่อย ๆ เดิน” เขาทำท่าจะพาผมเดิน“เอ่อ พี่ครับไม่ต้องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเข้าเรียนไม่ทัน”“ไม่ได้ครับ ต้องไปตรวจดูก่อน เผื่อเป็นอะไร จะได้รักษาทัน ไปครับเดิน”“แต่พี่ครับ” ผมพูดได้เท่านั้นก็หุบปากเลยครับ พี่เขาทำเสียงดุใส
LN Wayuwat : 555 ผมล้อเล่นSun Thiwakorn : แกล้งพี่เหรอLN Wayuwat : ^-^Sun Thiwakorn : O-OLN Wayuwat : งั้นใกล้ ๆ วัน ผมทักบอกอีกทีนะครับSun Thiwakorn : โอเคครับLN Wayuwat : สติกเกอร์ฝันดีSun Thiwakorn : สติกเกอร์ฝันดีหลังจากส่งสติกเกอร์ฝันดีเสร็จ ลมหนาวเผลอยิ้ม โดยที่ไม่รู้ตัววันนี้วาริชนัดถ่ายรูปที่ทะเลกับลมหนาว ทำให้วันนี้ลมหนาวต้องตื่นนอนแต่เช้าเป็นพิเศษ เพราะต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง เมื่อแต่งตัว และจัดของเสร็จแล้ว ลมหนาวก็ลงมาที่ข้างล่างคอนโดทันที เพราะวาริชส่งข้อความมาว่า รออยู่ข้างล่างแล้ว“พี่วาผมมาแล้วครับ” ผมเดินยิ้มเข้าไป เพราะพี่วาริชทั้งมารับ ทั้งขับรถ เขาจึงต้องเอาใจสักหน่อย“ปะ งั้นไปขึ้นรถเลย” วาริชเดินนำไปข้างหน้า แล้วหันกลับมาถามรุ่นน้องที่เดินอยู่ด้านหลัง“เรากินข้าวเช้าหรือยัง”“ยังเลยครับ”“งั้นเดี๋ยวพี่พาแวะกินแล้วกัน”“โอเคครับ”ทั้งสองเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวของวาริช จุดมุ่งหมายคือทะเลในจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก ตลอดการเดินทางทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย“เออ พี่ว่าจะถามเราหลายรอบแล้ว แต่ก็ลืมทุกที” ชายหนุ่มหันมามองคนด้านข
วาริชมาส่งลมหนาวที่คอนโดตอนตีหนึ่ง ระหว่างทางทั้งสองแทบไม่ได้คุยอะไรกันมาก มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ระหว่างการเดินทาง“ขอบคุณครับที่มาส่ง” ลมหนาวหันไปคุยกับรุ่นพี่ ก่อนจะเตรียมเก็บของลงจากรถยนต์“ครับ รีบเข้านอนล่ะดึกแล้ว” วาริชยิ้มให้รุ่นน้องอย่างอ่อนโยน“ขับรถกลับดี ๆ นะครับ” ลมหนาวเปิดประตูรถ และกำลังจะปิด“ฝันดีนะครับ” วาริชชิงพูด ก่อนที่ลมหนาวจะปิดประตูรถ“ฝันดีเหมือนกันครับ” ลมหนาวตกใจที่รุ่นพี่บอกฝันดี แต่ก็ยังบอกฝันดีกลับเช่นกัน ความรู้สึกที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจนี้ ทำให้ใบหน้าเขาแดงซ่านแน่ ๆลมหนาวอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่พอนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา ขาก็เดินไปที่มุมมุมหนึ่งในห้องนอนทันที สายตาไล่มองรูปใบแล้วใบเล่า ที่ตัวเองเป็นคนถ่าย จนมาถึงรูปดอกเดซี ที่มีลายมือเขาเขียนถึงใครคนหนึ่งไว้“คุณดวงอาทิตย์ คุณคือใครกันแน่ ช่วยทำให้ผมจำคุณสักทีได้ไหม หรือไม่ก็อย่าทำให้ผมจำคุณได้อีกเลย”ลมหนาวพูดถึงใครคนนั้น ที่เขายังจำไม่ได้สักที มือเรียวเดินไปหยิบรูปถ่ายในกระเป๋าขึ้นมา มันคือรูปที่เขาใช้กล้องโพลารอยด์ถ่าย เป็นรูปตัวเขาเอง ที่วาริชเป็นคนถ่ายให้
“กูบอกพี่เขาไปแล้ว แต่พี่เขาขอโอกาส” ลมหนาวก้มหน้าพูดเสียงเบา จนตังแทบจะไม่ได้ยิน“เฮ้อ เอาใจช่วยละกัน” ตังถอนหายใจ เพราะคิดว่าในอนาคต จะต้องเกิดปัญหาอะไรสักอย่างแน่ ๆ ตัวเขาก็คงได้แต่เอาใจช่วยเพื่อน ให้ผ่านมันไปได้ละกันห้างสรรพสินค้า ACวันนี้เป็นวันที่ลมหนาวนัดเลี้ยงข้าวซัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ลมหนาวมาก่อนเวลาเล็กน้อย นั่งเล่นโทรศัพท์ดูนี่ดูนู่นไปเรื่อย จนไม่ได้สนใจว่า มีใครมายืนจ้องอยู่สักพักแล้ว“หวัดดีครับน้องวายุวัส เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจพี่เลยนะ”ลมหนาวสะดุ้งทันที เพราะตกใจที่มีคนมายืนพูดใกล้ ๆ พอเงยหน้ามองก็เป็นรุ่นพี่ ที่นัดเลี้ยงข้าวไว้นั่นเอง“ขอโทษครับพี่ซัน นั่งครับนั่ง” ลมหนาวรีบเชิญให้รุ่นพี่นั่งทันที เมื่อรุ่นพี่นั่งลง ลมหนาวก็ขอเมนูอาหาร จากพนักงานมาสั่งอาหารทันที โดยให้รุ่นพี่เป็นคนเลือก แต่รุ่นพี่บอกให้ช่วยกันเลือกระหว่างนั่งรออาหาร ลมหนาวก็ชวนรุ่นพี่คุยถึงเรื่องที่ผ่านมา ที่ตัวเขาจำไม่ได้ เผื่อเขาจะได้นึกอะไรออกบ้าง เพราะซันเป็นคนเดียวที่เขาเจอหน้าแล้ว มีภาพปรากฏขึ้นมาให้เห็น แม้จะจับภาพเหตุการณ์ไม่ได้ก็ตาม“เราน่ะ เวลาเจอพี่ทีไร เดินชนพี่ตลอด
ตือดึ่ง ๆ ตือดึ่ง ๆ เสียงแชตดังขึ้นถี่ ๆ มือเรียวจึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ขึ้นมาดู ลมหนาวกดเข้าไปดูข้อความที่ส่งมา จากคนที่ตัวเองเพิ่งอนุญาตให้จีบได้ เมื่อไม่นานนี้Tara.Tan : เย็นนี้หนาวว่างไหมTara.Tan : พี่จะชวนไปเดินเล่นที่ตลาดริมน้ำLN Wayuwat : ว่างครับTara.Tan : พี่ไปรับที่คณะนะLN Wayuwat : ได้ครับหลังจากตอบข้อความแชตกลับไป ลมหนาวก็หวนคิดไปถึงคำพูดของตัง‘เอาดี ๆ นะมึง ชีวิตแม่งเอาแน่เอานอนไม่ได้นะ ยิ่งตอนนี้มึงมีพี่วาริชเข้ามา ถ้ามึงไม่ชอบเขาก็อย่าให้ความหวังเขานะ’ลมหนาวรู้ว่ามันอาจไม่ยุติธรรมกับวาริชเท่าไหร่ เพราะเขาก็ยังไม่เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน แต่เขาก็อยากให้ตัวเอง ลองเปิดใจรับคนใหม่เข้ามาบ้าง เผื่อบางทีเขาอาจจะไม่นึกถึงใครคนนั้นอีกเลยก็ได้มหาวิทยาลัย K “มีของมาส่งครับ”ชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านชีทเรียน รีบมองหาที่มาของเสียงทันที สายตาไปตกอยู่ที่พนักงานส่งของคนหนึ่ง ที่มาส่งของที่โต๊ะข้าง ๆ ตาคมเจือแววผิดหวัง และก้มหน้าอ่านชีทเรียนต่อ ทั้งที่ในหัวกลับคิดถึงอีกเรื่อง“มึงยังรอเขาอยู่เหรอ” เมฆถามเพื่อน ซึ่ง
ลมหนาวหยิบขนมขึ้นมาแกะกิน เพราะตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้ว บรรยากาศภายในรถมีเสียงเพลงจังหวะฟังสบาย ไม่เหมือนบรรยากาศข้างนอก ที่รถค่อนข้างติดเป็นบางช่วง ลมหนาวและวาริชคุยกันมาตลอดทางตลาดน้ำทั้งสองใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงตลาดริมน้ำ ที่อยู่อีกฟากของเมืองหลวง“โห สวยจังเลย บรรยากาศดี้ดี” ลมหนาวพูดออกมาอย่างตื่นเต้น หลังจากเดินเข้ามาในตลาดริมน้ำแล้ว มีของขายตลอดข้างทาง ทั้งของกิน ของใช้ ของที่ระลึก ในน้ำก็มีคนพายเรือขายของเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้าจะแต่งตัวด้วยชุดไทยหลากหลายแบบ ลมหนาวคิดว่า มันช่างเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้จริง ๆ“ใช่ สวยมาก ๆ บรรยากาศก็ดี” วาริชเห็นด้วยกับลมหนาว“พี่เคยมาหรือยังครับ” ลมหนาวหันไปถามคนตัวสูงข้าง ๆ ที่ตัวเขาเองต้องเงยหน้ามอง“พี่เคยมาสองครั้งแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปชิมร้านอร่อย ๆ”“ดีครับ มีไกด์พาชิมพาเที่ยวด้วย”วาริชยิ้มให้กลับคำพูดของรุ่นน้อง เพราะแค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว ที่ลมหนาวไม่ปิด และเปิดใจให้เขาจีบตั้งแต่วันนั้น“หนาวเดินไปซื้อขนมร้านนั้นนะ เดี๋ยวพี่จะถ่ายรูปให้” ชายหนุ่มบอกลมหนาว พร้อมกับนำกล้องที่ตัวเองพกติดตัวด้วย ออ
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร
‘แล้วพี่ล่ะ หนาวเอาพี่ไปไว้ไหน รู้หรือเปล่าว่าพี่จะรู้สึกยังไง’คำพูดที่เจ็บปวดของรุ่นพี่ ยังคงก้องอยู่ในความคิดของลมหนาว เขาทำร้ายคนที่ดีอย่างพี่วาริชไปแล้ว เขามันช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกินหลังจากวันนั้นอีกหลายวัน ลมหนาวก็ติดต่อหาวาริชไม่ได้เลย เหมือนเจ้าตัวปิดเครื่องมือสื่อสารไปเสียอย่างนั้น“หนาว วันนี้ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันไหม” ซันชวนคนน้องที่เขาเพิ่งรับมาจากมหาวิทยาลัย“ได้ครับ” ลมหนาวพยักหน้าตกลงถนนคนเดินทั้งสองเดินเที่ยว และซื้อของกินไปตลอดเส้นทางของตลาด เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ เหมือนเป็นการสร้างความทรงจำต่าง ๆ เพิ่มให้กันมากขึ้น จนซันพาลมหนาวเดินมาที่โซนต้นไม้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ต่าง ๆ ภายในร้านร้านหนึ่ง“โฮชิมีเพื่อนหรือยัง” ซันถามคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูต้นไม้อยู่“โฮชิ อ๋อ มีแต่ต้นกุหลาบครับที่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนได้หรือเปล่า”แรก ๆ ลมหนาวก็งงอยู่ ว่าโฮชิคือใคร แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า คือเจ้าแคคตัสรูปดาว ที่ระเบียงคอนโดนั่นเอง“ซื้อไปเลี้ยงอีกไหม” ซันหยิบต้นนั้นต้นนี้ขึ้นมาดู“อย่าเลยครับ ผมปลูกต้นอะไร ไม่ค่อยรอดหรอ