LN Wayuwat : 555 ผมล้อเล่น
Sun Thiwakorn : แกล้งพี่เหรอ
LN Wayuwat : ^-^
Sun Thiwakorn : O-O
LN Wayuwat : งั้นใกล้ ๆ วัน ผมทักบอกอีกทีนะครับ
Sun Thiwakorn : โอเคครับ
LN Wayuwat : สติกเกอร์ฝันดี
Sun Thiwakorn : สติกเกอร์ฝันดี
หลังจากส่งสติกเกอร์ฝันดีเสร็จ ลมหนาวเผลอยิ้ม โดยที่ไม่รู้ตัว
วันนี้วาริชนัดถ่ายรูปที่ทะเลกับลมหนาว ทำให้วันนี้ลมหนาวต้องตื่นนอนแต่เช้าเป็นพิเศษ เพราะต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง เมื่อแต่งตัว และจัดของเสร็จแล้ว ลมหนาวก็ลงมาที่ข้างล่างคอนโดทันที เพราะวาริชส่งข้อความมาว่า รออยู่ข้างล่างแล้ว
“พี่วาผมมาแล้วครับ” ผมเดินยิ้มเข้าไป เพราะพี่วาริชทั้งมารับ ทั้งขับรถ เขาจึงต้องเอาใจสักหน่อย
“ปะ งั้นไปขึ้นรถเลย” วาริชเดินนำไปข้างหน้า แล้วหันกลับมาถามรุ่นน้องที่เดินอยู่ด้านหลัง
“เรากินข้าวเช้าหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่พาแวะกินแล้วกัน”
“โอเคครับ”
ทั้งสองเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวของวาริช จุดมุ่งหมายคือทะเลในจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก ตลอดการเดินทางทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
“เออ พี่ว่าจะถามเราหลายรอบแล้ว แต่ก็ลืมทุกที” ชายหนุ่มหันมามองคนด้านข้าง
“ถามอะไรผมเหรอครับ” ลมหนาวเก็บสายตากลับมาจากวิวข้างทาง เพื่อหันมาสนทนากับคนเอ่ยประโยคถาม
“เราชื่อเล่นว่าอะไร พี่จะได้เรียกถูก” วาริชนึกได้ว่ายังไม่รู้ชื่อเล่นของรุ่นน้องเลย
“อ๋อ ผมชื่อลมหนาวครับ เรียกหนาวเฉย ๆ ก็ได้” ผมรู้สึกเขินนิด ๆ ที่ต้องบอกชื่อเล่นตัวเอง
“ลมหนาว ชื่อเพราะจัง งั้นต่อไปพี่เรียกหนาวนะ”
“ได้ครับ” ลมหนาวพยักหน้าตอบรับ
ชื่อเพราะจัง ประโยคนี้ได้ยินบ่อย แต่ผมก็ยังไม่ชินสักที
ทั้งสองมาถึงทะเลตอนสิบโมงกว่า ๆ หาข้าวกินแล้วก็มองหาสถานที่ถ่ายรูป ที่คิดว่าน่าจะดี
“พี่ว่ามุมนั้นดีนะ มีภูเขาเป็นฉากหลังด้วย” วาริชเสนอความคิดทันที
“ผมก็ว่าดีครับ”
“งั้นหนาวไปยืนตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปหนาวก่อน”
ชายหนุ่มจัดแจงท่าทางต่าง ๆ ให้ลมหนาว เพื่อรูปที่ถ่ายออกมาจะได้ดูดีที่สุด ลมหนาวก็ทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองผลัดกันถ่ายรูปให้กันและกัน จนตะวันเริ่มตกดิน
“ตอนนี้พี่ว่าแสงสวยมากเลย มาเป็นนายแบบให้พี่หน่อยเร็ว”
วาริชเมื่อเห็นว่าตะวันตกดิน เป็นบรรยากาศที่ดีมาก จึงชวนคนน้องมาเป็นแบบให้
“ได้ครับคุณช่างภาพ” ลมหนาวเมื่อให้วาริชถ่ายรูปตัวเองจนพอใจแล้ว ก็ให้รุ่นพี่ไปเป็นนายแบบบ้าง เขากดชัตเตอร์ถ่ายให้รุ่นพี่ไปหลายรูปเลย
“พี่วา รอเดี๋ยวนะครับ” ลมหนาววิ่งไปที่กระเป๋าตัวเอง แล้วหยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นมา
“ผมใช้กล้องนี้ถ่ายนะครับ”
เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว ลมหนาว และวาริชก็มานั่งเล่นริมชายหาด ทะเลตอนกลางคืน มืดมิดไร้แสงดาว มีเพียงแต่เสียงคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งอย่างไม่ย่อท้อ ทั้งสองนั่งฟังเสียงคลื่นไปเรื่อย ๆ ไม่มีคำพูดใดออกมา
“หนาว” วาริชเรียกชื่อคนที่นั่งด้านขวามือของเขา
“ครับ” ผมหันไปมองคนที่เรียกทันที
“หนาวมีแฟนหรือยัง” วาริชกลั้นใจถามคำถามนี้ออกไป ทั้งที่ในใจรู้สึกสั่นไหวอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำถาม ลมหนาวค่อย ๆ หันกลับมามองทะเลที่มืดมิดข้างหน้า เขาหวนนึกไปถึงคนในฝัน และคุณดวงอาทิตย์ขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยตอบคนถามไป
“ผมยังไม่มีแฟนครับ”
“แล้วคนที่ชอบล่ะ มีคนที่ชอบไหม” วาริชกลั้นใจถามออกไปอีกครั้ง
คำถามนี้ของรุ่นพี่ ทำให้ลมหนาวลังเลในคำตอบ ที่จะตอบออกไป
“ผมเองก็ยังไม่รู้เลยครับ ว่ามีคนที่ชอบหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ” วาริชสงสัยในคำตอบของรุ่นน้อง
“ผมจำเขาคนนั้นไม่ได้ แต่บางครั้งผมก็ฝันถึงเขาตลอด บางทีถ้าผมจำเขาได้ ความรู้สึกผมคงชัดเจนมากกว่านี้มั้งครับ”
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินสิ่งที่รุ่นน้องบอก เขาจึงเงียบไปพักหนึ่ง
“แล้วถ้าหนาวจำเขาไม่ได้ตลอดไปเลยล่ะ” วาริชคิดว่า ถ้าบางทีรุ่นน้องจำใครคนนั้นไม่ได้ คงดีไม่น้อย
“ผมไม่รู้ครับ ผม...” ลมหนาวรู้สึกสับสน หากเขาจำชายคนนั้นไม่ได้ แม้ตอนนี้อาจไม่ได้รู้สึกผูกพัน แต่ตัวเขาในอดีตก่อนสูญเสียความทรงจำล่ะ จะรู้สึกอย่างไร
“พี่ขอจีบเราได้ไหม” วาริชเมื่อเห็นลมหนาวเหม่อ เหมือนคิดถึงเรื่องราวบางอย่าง จึงพูดเรื่องนี้ออกไป เพื่อให้ลมหนาวเลิกสนใจเรื่องที่กำลังคิดอยู่
ลมหนาวหันมามองรุ่นพี่ทันที พร้อมกับอ้าปากทำตาโต
“พี่วา จะจีบผม พี่พูดจริงป้ะเนี่ย หรือแค่อำผม” ลมหนาวตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะไม่คิดว่า คนที่เพียบพร้อมอย่างรุ่นพี่ จะมาขอจีบตัวเอง
“พี่พูดจริง ให้พี่จีบไหม” วาริชทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ได้มีอาการว่าล้อเล่น กับเรื่องที่กำลังพูดแต่อย่างใด
ลมหนาวเมื่อรู้ว่า คนตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่น ก็เกิดอาการหนักใจ เพราะตัวเขาก็ยังไม่เคลียร์ตัวเองเหมือนกัน
“พี่วาครับ ถ้าผมให้พี่จีบ แล้ววันหนึ่งผมเกิดจำเขาคนนั้นได้ล่ะ ผมว่าเราอย่า...” ลมหนาวยังพูดไม่จบ วาริชก็พูดแทรกขึ้นทันที
“ขอให้พี่ได้ลองดูได้ไหม บางทีถึงแม้ว่าหนาวจำเขาได้ แต่ตอนนั้นหนาวอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาแล้วก็ได้” วาริชยังคงไม่ยินยอม ต่อความคิดที่จะจีบรุ่นน้องคนนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวทันที
รักแรกเจอ คงมีแค่รุ่นน้องคนนี้เท่านั้น ที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้
เสียงคลื่นยังคงสาดซัดเข้าฝั่ง อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คืนนี้ไร้แสงดาว และแสงจันทร์คอยสาดส่องลงมา สู่ผืนน้ำทะเลอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแห่งนี้
วาริชยังคงเหลียวมองเสี้ยวหน้า ของคนที่ยังไม่ได้ให้คำตอบกับเขา
‘ไม่เป็นไรเขารอได้’
วาริชมาส่งลมหนาวที่คอนโดตอนตีหนึ่ง ระหว่างทางทั้งสองแทบไม่ได้คุยอะไรกันมาก มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ระหว่างการเดินทาง“ขอบคุณครับที่มาส่ง” ลมหนาวหันไปคุยกับรุ่นพี่ ก่อนจะเตรียมเก็บของลงจากรถยนต์“ครับ รีบเข้านอนล่ะดึกแล้ว” วาริชยิ้มให้รุ่นน้องอย่างอ่อนโยน“ขับรถกลับดี ๆ นะครับ” ลมหนาวเปิดประตูรถ และกำลังจะปิด“ฝันดีนะครับ” วาริชชิงพูด ก่อนที่ลมหนาวจะปิดประตูรถ“ฝันดีเหมือนกันครับ” ลมหนาวตกใจที่รุ่นพี่บอกฝันดี แต่ก็ยังบอกฝันดีกลับเช่นกัน ความรู้สึกที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจนี้ ทำให้ใบหน้าเขาแดงซ่านแน่ ๆลมหนาวอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่พอนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา ขาก็เดินไปที่มุมมุมหนึ่งในห้องนอนทันที สายตาไล่มองรูปใบแล้วใบเล่า ที่ตัวเองเป็นคนถ่าย จนมาถึงรูปดอกเดซี ที่มีลายมือเขาเขียนถึงใครคนหนึ่งไว้“คุณดวงอาทิตย์ คุณคือใครกันแน่ ช่วยทำให้ผมจำคุณสักทีได้ไหม หรือไม่ก็อย่าทำให้ผมจำคุณได้อีกเลย”ลมหนาวพูดถึงใครคนนั้น ที่เขายังจำไม่ได้สักที มือเรียวเดินไปหยิบรูปถ่ายในกระเป๋าขึ้นมา มันคือรูปที่เขาใช้กล้องโพลารอยด์ถ่าย เป็นรูปตัวเขาเอง ที่วาริชเป็นคนถ่ายให้
“กูบอกพี่เขาไปแล้ว แต่พี่เขาขอโอกาส” ลมหนาวก้มหน้าพูดเสียงเบา จนตังแทบจะไม่ได้ยิน“เฮ้อ เอาใจช่วยละกัน” ตังถอนหายใจ เพราะคิดว่าในอนาคต จะต้องเกิดปัญหาอะไรสักอย่างแน่ ๆ ตัวเขาก็คงได้แต่เอาใจช่วยเพื่อน ให้ผ่านมันไปได้ละกันห้างสรรพสินค้า ACวันนี้เป็นวันที่ลมหนาวนัดเลี้ยงข้าวซัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ลมหนาวมาก่อนเวลาเล็กน้อย นั่งเล่นโทรศัพท์ดูนี่ดูนู่นไปเรื่อย จนไม่ได้สนใจว่า มีใครมายืนจ้องอยู่สักพักแล้ว“หวัดดีครับน้องวายุวัส เล่นโทรศัพท์ไม่สนใจพี่เลยนะ”ลมหนาวสะดุ้งทันที เพราะตกใจที่มีคนมายืนพูดใกล้ ๆ พอเงยหน้ามองก็เป็นรุ่นพี่ ที่นัดเลี้ยงข้าวไว้นั่นเอง“ขอโทษครับพี่ซัน นั่งครับนั่ง” ลมหนาวรีบเชิญให้รุ่นพี่นั่งทันที เมื่อรุ่นพี่นั่งลง ลมหนาวก็ขอเมนูอาหาร จากพนักงานมาสั่งอาหารทันที โดยให้รุ่นพี่เป็นคนเลือก แต่รุ่นพี่บอกให้ช่วยกันเลือกระหว่างนั่งรออาหาร ลมหนาวก็ชวนรุ่นพี่คุยถึงเรื่องที่ผ่านมา ที่ตัวเขาจำไม่ได้ เผื่อเขาจะได้นึกอะไรออกบ้าง เพราะซันเป็นคนเดียวที่เขาเจอหน้าแล้ว มีภาพปรากฏขึ้นมาให้เห็น แม้จะจับภาพเหตุการณ์ไม่ได้ก็ตาม“เราน่ะ เวลาเจอพี่ทีไร เดินชนพี่ตลอด
ตือดึ่ง ๆ ตือดึ่ง ๆ เสียงแชตดังขึ้นถี่ ๆ มือเรียวจึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ขึ้นมาดู ลมหนาวกดเข้าไปดูข้อความที่ส่งมา จากคนที่ตัวเองเพิ่งอนุญาตให้จีบได้ เมื่อไม่นานนี้Tara.Tan : เย็นนี้หนาวว่างไหมTara.Tan : พี่จะชวนไปเดินเล่นที่ตลาดริมน้ำLN Wayuwat : ว่างครับTara.Tan : พี่ไปรับที่คณะนะLN Wayuwat : ได้ครับหลังจากตอบข้อความแชตกลับไป ลมหนาวก็หวนคิดไปถึงคำพูดของตัง‘เอาดี ๆ นะมึง ชีวิตแม่งเอาแน่เอานอนไม่ได้นะ ยิ่งตอนนี้มึงมีพี่วาริชเข้ามา ถ้ามึงไม่ชอบเขาก็อย่าให้ความหวังเขานะ’ลมหนาวรู้ว่ามันอาจไม่ยุติธรรมกับวาริชเท่าไหร่ เพราะเขาก็ยังไม่เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน แต่เขาก็อยากให้ตัวเอง ลองเปิดใจรับคนใหม่เข้ามาบ้าง เผื่อบางทีเขาอาจจะไม่นึกถึงใครคนนั้นอีกเลยก็ได้มหาวิทยาลัย K “มีของมาส่งครับ”ชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านชีทเรียน รีบมองหาที่มาของเสียงทันที สายตาไปตกอยู่ที่พนักงานส่งของคนหนึ่ง ที่มาส่งของที่โต๊ะข้าง ๆ ตาคมเจือแววผิดหวัง และก้มหน้าอ่านชีทเรียนต่อ ทั้งที่ในหัวกลับคิดถึงอีกเรื่อง“มึงยังรอเขาอยู่เหรอ” เมฆถามเพื่อน ซึ่ง
ลมหนาวหยิบขนมขึ้นมาแกะกิน เพราะตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้ว บรรยากาศภายในรถมีเสียงเพลงจังหวะฟังสบาย ไม่เหมือนบรรยากาศข้างนอก ที่รถค่อนข้างติดเป็นบางช่วง ลมหนาวและวาริชคุยกันมาตลอดทางตลาดน้ำทั้งสองใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงตลาดริมน้ำ ที่อยู่อีกฟากของเมืองหลวง“โห สวยจังเลย บรรยากาศดี้ดี” ลมหนาวพูดออกมาอย่างตื่นเต้น หลังจากเดินเข้ามาในตลาดริมน้ำแล้ว มีของขายตลอดข้างทาง ทั้งของกิน ของใช้ ของที่ระลึก ในน้ำก็มีคนพายเรือขายของเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้าจะแต่งตัวด้วยชุดไทยหลากหลายแบบ ลมหนาวคิดว่า มันช่างเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้จริง ๆ“ใช่ สวยมาก ๆ บรรยากาศก็ดี” วาริชเห็นด้วยกับลมหนาว“พี่เคยมาหรือยังครับ” ลมหนาวหันไปถามคนตัวสูงข้าง ๆ ที่ตัวเขาเองต้องเงยหน้ามอง“พี่เคยมาสองครั้งแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปชิมร้านอร่อย ๆ”“ดีครับ มีไกด์พาชิมพาเที่ยวด้วย”วาริชยิ้มให้กลับคำพูดของรุ่นน้อง เพราะแค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว ที่ลมหนาวไม่ปิด และเปิดใจให้เขาจีบตั้งแต่วันนั้น“หนาวเดินไปซื้อขนมร้านนั้นนะ เดี๋ยวพี่จะถ่ายรูปให้” ชายหนุ่มบอกลมหนาว พร้อมกับนำกล้องที่ตัวเองพกติดตัวด้วย ออ
ร้านส่งรักสองขาก้าวเข้าไปในร้าน บรรยากาศโดยรอบ ทำให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ภาพต่าง ๆ แว็บเข้ามาในหัวเป็นครั้งคราว ทั้งภาพที่เขาถือถุงกระดาษมาส่งของ ภาพที่เขายิ้มให้กับของที่กำลังจะส่ง ภาพที่เขาเขียนที่อยู่ผู้รับ และอีกมากมายที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นลมหนาวรู้สึกปวดหัว และอยากอาเจียน จนต้องหาที่นั่งพัก ลมหนาวคิดว่าอาการที่เกิดขึ้น ต้องเป็นความทรงจำก่อนหน้านี้ของเขาแน่ ๆ“น้องครับ เป็นอะไรรึเปล่า” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ สังเกตเห็นสีหน้าของลูกค้าดูไม่ค่อยดี จึงเดินเข้ามาสอบถาม เผื่อช่วยอะไรได้“ผมหน้ามืดนิดหน่อยครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ลมหนาวบอกกับพนักงานไปว่าดีขึ้นแล้ว“อ๋อ โอเค งั้นนั่งพักก่อน หายแล้วค่อยไปนะ” พนักงานบอกกล่าวอย่างเป็นห่วง แล้วเดินกลับไปหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อทำงานต่อลมหนาวพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ เมื่อนั่งไปสักพัก รู้สึกว่าอาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นมากแล้ว ลมหนาวจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่ต้องมาที่นี่“พี่ครับ ผมได้เมลจากร้านส่งรัก ผมเลยอยากมาสอบถามครับ” ลมหนาวพูดถึงสิ่งที่ตัวเขาต้องเดินทางมาที่นี่ แก่พนักงาน“ได้ครับ ชื
เมื่ออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ ทั้งสองก็ลงมือทานอาหาร วาริชคอยตักอาหารให้ลมหนาวตลอด บนโต๊ะมีแต่เสียงพูดคุย และเสียงหัวเราะกันอยู่สองคนการที่ได้พูดคุยกับวาริช ทำให้ลมหนาวลืมเลือนเรื่องที่กังวลใจไปจนสิ้น“หนาว เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำก่อนนะครับ” วาริชพูดบอกคนตรงหน้า ที่กำลังเพลิดเพลินกับการทานอาหาร อย่างเอร็ดอร่อย“ครับ”วาริชลุกออกจากเก้าอี้เดินไปทางห้องน้ำ ลมหนาวมองตามแป๊บหนึ่งแล้วก็ตักอาหารกินต่อ ตาสวยมองแสงสีทองที่สะท้อนเต็มผืนน้ำตรงหน้า พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ช่างสวยเสียเหลือเกิน“น้องหนาวครับ” วาริชเรียกลมหนาวที่กำลังเหม่อ สายตาคนน้องมองไปที่ผืนน้ำ ที่กำลังกลายเป็นสีทองของแสงอาทิตย์ยามเย็นลมหนาวเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนเรียก ก็ถอนสายตาจากวิวอันสวยงามตรงหน้า หันกลับมามองคนที่เรียกเขา“ครับพี่วา” ลมหนาวพูดได้เท่านั้น คนตรงหน้าก็ยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพูมาให้“ให้น้องหนาวครับ” ชายหนุ่มยื่นช่อกุหลาบให้“ขอบคุณครับ สวยมากเลย” ลมหนาวรับช่อดอกไม้มา แล้วก้มดมดอกไม้ในช่อ กลิ่นดอกกุหลาบที่เขาชอบ ลมหนาวยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขเขาชอบดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู เขาไม่รู้ว่ารุ
“เป็นไรวะ ดูทำหน้าทำตาเข้า” เมฆถามซัน เมื่อมองเห็นสีหน้าของเพื่อน ที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากวางสายโทรศัพท์“มึงจำได้ไหม ที่แนะนำว่าให้กูไปสืบเรื่องของคนที่ส่งรูปโพลารอยด์มาให้กูน่ะ”“อือ จำได้ อย่าบอกนะว่า มึงไปสืบมาแล้ว”“อือใช่ กูไปสืบมาแล้ว”“แล้วได้เรื่องว่าไง”“กูไปขอชื่อคนที่ส่งของให้กู จากร้านส่งรัก ทางร้านบอกว่า ต้องขออนุญาตคนส่งก่อน ถ้าได้คำตอบเดี๋ยวเขาโทรมาแจ้ง แล้วเมื่อกี้เขาก็โทรมา”“แล้วเขาโทรมาบอกว่าไงบ้าง” เมฆที่ตั้งใจฟังที่เพื่อนเล่า ก็รอลุ้นคำตอบไปด้วย“เขาบอกว่า คนส่งไม่ยินยอมให้ทราบชื่อและเบอร์ติดต่อ”ซันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เพราะเขาไม่รู้เลยว่า คนที่ส่งของมาให้เขาต้องการอะไร ทำไมถึงเล่นกับความรู้สึกเขาแบบนี้“เฮ้ย ทำไมทำแบบนั้นล่ะ แล้วที่ผ่านมาคนคนนั้นเขาทำไปทำไม” เมฆอดแปลกใจไม่ได้ ที่คนคนหนึ่ง อยู่ ๆ จะหายไปแบบนี้ อย่างน้อยเอ่ยคำลาสักนิดก็ยังดี คนเขาจะได้ไม่รอ“กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เล่นกับใจกูแบบนี้”ซันรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำอะไรผิด วินถึงหายไปแบบนี้ และปฏิเสธไม่ให้เขารู้ชื่อของตัวเอง‘เขาควรหยุดร
“เป็นอะไรไหม” ผมเงยหน้ามองคนที่ถาม อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เป็นพี่คนนั้นอีกแล้ว ที่ผมเคยชนตอนรีบไปเรียนวิชาของเจ๊พร“เอ่อ ไม่เป็นอะไร ขอบคุณครับ แล้วผมก็ขอโทษด้วยที่เดินชน พอดีผมอยากเข้าห้องน้ำมาก ๆ ครับ” ผมพูดพร้อมขยับตัว ออกจากอ้อมแขนของพี่เขา“โอเค ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คราวหน้าก็เดินระวัง ๆ นะ พี่ไปแล้วนะ” พี่เขาเดินจากไป และผมเองก็จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำ นั่นจึงเป็นครั้งที่สองที่ผมได้เจอพี่เขาครั้งที่สาม วันนั้นฝนตกแรงมาก และผมก็ต้องนั่งทำรายงานกับกลุ่มเพื่อนใต้ตึกคณะ ผมคิดว่าไม่นานฝนคงหยุดตก แต่เปล่าเลย มันยังคงตกแบบนั้นเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด“เฮ้ย หนาว กลับไงวะ ให้กูไปส่งไหม” ตังเพื่อนสนิทของผมถาม“เราว่าจะเดินกลับอะ คอนโดเราอยู่แค่นี้เอง ตังกลับก่อนเลย บ้านอยู่ไกลด้วย” ผมไม่อยากให้เพื่อนลำบากไปส่ง“ไม่เอาเดี๋ยวไปส่ง ฝนก็ไม่รู้จะหยุดเมื่อไหร่ ปะ” ตังยังคงดื้อดึง จะไปส่งท่าเดียว“หอเรากับบ้านตัง มันคนละทางกันไหม จะวกไปวนมาทำไม กลับก่อนเลย ไม่ต้องห่วงเราหรอก หออยู่แค่นี้เอง” ผมอธิบายอย่างใจเย็น ให้เพื่อนตัวสูงฟังช้า ๆ“เออ ๆ ไปละ ถึงหอแล้วทักบอกด้วยนะ บาย” ตังจ
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร
‘แล้วพี่ล่ะ หนาวเอาพี่ไปไว้ไหน รู้หรือเปล่าว่าพี่จะรู้สึกยังไง’คำพูดที่เจ็บปวดของรุ่นพี่ ยังคงก้องอยู่ในความคิดของลมหนาว เขาทำร้ายคนที่ดีอย่างพี่วาริชไปแล้ว เขามันช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกินหลังจากวันนั้นอีกหลายวัน ลมหนาวก็ติดต่อหาวาริชไม่ได้เลย เหมือนเจ้าตัวปิดเครื่องมือสื่อสารไปเสียอย่างนั้น“หนาว วันนี้ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันไหม” ซันชวนคนน้องที่เขาเพิ่งรับมาจากมหาวิทยาลัย“ได้ครับ” ลมหนาวพยักหน้าตกลงถนนคนเดินทั้งสองเดินเที่ยว และซื้อของกินไปตลอดเส้นทางของตลาด เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ เหมือนเป็นการสร้างความทรงจำต่าง ๆ เพิ่มให้กันมากขึ้น จนซันพาลมหนาวเดินมาที่โซนต้นไม้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ต่าง ๆ ภายในร้านร้านหนึ่ง“โฮชิมีเพื่อนหรือยัง” ซันถามคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูต้นไม้อยู่“โฮชิ อ๋อ มีแต่ต้นกุหลาบครับที่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนได้หรือเปล่า”แรก ๆ ลมหนาวก็งงอยู่ ว่าโฮชิคือใคร แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า คือเจ้าแคคตัสรูปดาว ที่ระเบียงคอนโดนั่นเอง“ซื้อไปเลี้ยงอีกไหม” ซันหยิบต้นนั้นต้นนี้ขึ้นมาดู“อย่าเลยครับ ผมปลูกต้นอะไร ไม่ค่อยรอดหรอ