ร้านส่งรัก
สองขาก้าวเข้าไปในร้าน บรรยากาศโดยรอบ ทำให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ภาพต่าง ๆ แว็บเข้ามาในหัวเป็นครั้งคราว ทั้งภาพที่เขาถือถุงกระดาษมาส่งของ ภาพที่เขายิ้มให้กับของที่กำลังจะส่ง ภาพที่เขาเขียนที่อยู่ผู้รับ และอีกมากมายที่คลับคล้ายคลับคลา
ว่าเคยเห็น
ลมหนาวรู้สึกปวดหัว และอยากอาเจียน จนต้องหาที่นั่งพัก ลมหนาวคิดว่าอาการที่เกิดขึ้น ต้องเป็นความทรงจำก่อนหน้านี้ของเขาแน่ ๆ
“น้องครับ เป็นอะไรรึเปล่า” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ สังเกตเห็นสีหน้าของลูกค้าดูไม่ค่อยดี จึงเดินเข้ามาสอบถาม เผื่อช่วยอะไรได้
“ผมหน้ามืดนิดหน่อยครับ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ลมหนาวบอกกับพนักงานไปว่าดีขึ้นแล้ว
“อ๋อ โอเค งั้นนั่งพักก่อน หายแล้วค่อยไปนะ” พนักงานบอกกล่าวอย่างเป็นห่วง แล้วเดินกลับไปหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อทำงานต่อ
ลมหนาวพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ เมื่อนั่งไปสักพัก รู้สึกว่าอาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นมากแล้ว ลมหนาวจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่ต้องมาที่นี่
“พี่ครับ ผมได้เมลจากร้านส่งรัก ผมเลยอยากมาสอบถามครับ” ลมหนาวพูดถึงสิ่งที่ตัวเขาต้องเดินทางมาที่นี่ แก่พนักงาน
“ได้ครับ ชื่ออะไรครับ เดี๋ยวผมเช็กให้” ลมหนาวบอกข้อมูลพนักงานไป พนักงานกดคีย์ข้อมูล แป๊บหนึ่งก็เงยหน้ามาถามลมหนาว
“อีเมลแจ้งว่า ผู้รับของ ต้องการจะติดต่อกับผู้ส่งก็คือลูกค้า อันนี้สะดวกไหมครับ หรือว่าปฏิเสธไป”
ลมหนาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอกกับพนักงาน
“ผมขอทราบชื่อผู้รับได้ไหมครับ”
พนักงานพยักหน้า แล้วก็จดชื่อผู้รับให้ ลมหนาวรับกระดาษที่พนักงานจดให้มาอ่าน แล้วก็แทบไม่อยากเชื่อ ว่าชื่อที่ปรากฏบนกระดาษนั้น คือคนที่ตัวเขาเองก็สงสัยอยู่เช่นกัน
ทิวากร ศิริไพศาลกุล
พี่ซันคนที่เขาเพิ่งนัดเลี้ยงข้าวไป เมื่อไม่กี่วันก่อน คนที่เขาเจอแล้วมีภาพปรากฏขึ้นมาในหัว คนที่เขาใจเต้นแรงเมื่อเจอหน้า ตัวเขาในตอนนั้น คงชอบพี่ซันมากจริง ๆ ถึงแม้จำไม่ได้ แต่ร่างกายก็ยังพยายามตอบสนองต่อความรู้สึก ที่อาจหลงเหลืออยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งภายในหัวใจ
แต่ตัวเขาในตอนนี้ ไม่ใช่ลมหนาวคนนั้นอีกแล้ว
ลมหนาวเดินออกมาจากร้านส่งรัก ได้สักพักแล้ว ขาสองข้างพาตัวคนที่ตอนนี้จิตใจไม่ปรกติ ไปนั่งลงยังม้านั่งข้างอาคารเรียนสักที่ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
จิตใจของลมหนาวมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ทั้งดีใจ เศร้าใจ ลำบากใจ ไปพร้อม ๆ กัน จนไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน จึงได้แต่นั่งพัก และอ่านข้อความบนกระดาษโน้ต ที่พนักงานร้านส่งรักเขียนให้ ซ้ำไปซ้ำมา
เรื่องจริงหรือเรื่องหลอก
จำได้หรือจำไม่ได้
เริ่มหรือจบ
และอีกคำถามมากมายที่เกิดขึ้น ภายในหัวของลมหนาวตอนนี้
คณะบริหาร มหาวิทยาลัย K
“หนาว มึงโดดวิชานี้ทำไมไม่บอกกูเลยวะ” ตังบ่นให้เพื่อน หลังจากที่ส่งข้อความหา แต่เพื่อนก็ไม่เปิดอ่านเลย อยู่ ๆ ก็หายไปดื้อ ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้
“อ๋อ พอดีเรามีธุระนิดหน่อยน่ะ ก็เลยมาไม่ทันเข้าเรียน” ลมหนาวแก้ตัวกับเพื่อนไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงแล้วเขานั่งคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งได้รับรู้มา จนไม่มีกะจิตกะใจที่จะพาตัวเองมาเข้าเรียน
“คราวหน้าบอกกูหน่อย จะได้ไม่ต้องห่วง” ตังยังอดบ่นเพื่อนไม่หาย
“อือ คราวหน้า เราจะบอกนะ” ลมหนาวพยักหน้าเนือย ๆ เหมือนคนไม่ค่อยมีแรง
“เออ ๆ เดี๋ยวกูส่งชีทที่จดไว้ให้ละกัน” ตังสังเกตว่าเพื่อนดูมีอะไรในใจ แต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ยังไม่ถามออกไป
“ขอบใจมากครับเพื่อนเลิฟ” ลมหนาวยิ้มให้ตัง พยายามทำให้ตัวเองดูร่าเริง เผื่อบางทีอาจทำให้เขาลืมเลือนเรื่องนั้น ไปได้สักนิดบ้าง
“ไม่ต้องมาปากหวาน”
ดึงดึ่งดึ้ง ๆ ดึงดึ่งดึ้ง ๆ ลมหนาวหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาน้อย ๆ ที่มุมปาก
“หวัดดีครับ พี่วา”
[หวัดดีครับ น้องหนาว]
“โทรหาผม มีอะไรหรือเปล่าครับ”
[ไม่มี โทรไม่ได้เหรอ]
“ได้ครับ โทรได้ ผมก็แค่ถามเฉย ๆ”
[ก็เย็นนี้หนาวว่างไหม พี่จะชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกัน]
“อือ ว่างครับ เจอกันที่ไหนครับ”
[ที่หน้าคณะของหนาวนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ]
“โอเคครับ” ลมหนาวบอกเวลาเลิกเรียนกับรุ่นพี่ ก่อนวางสาย
“แหม ๆ เดี๋ยวนี้มีนัดทานขงทานข้าว อะไร ยังไง” ตังอดแซวไม่ได้ เมื่อเห็นอาการเพื่อนที่ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่หลังจากวางสาย
“ก็ไม่ยังไง ก็พี่เขาชวน”
“แค่เขาชวน ก็ต้องไปว่างั้น”
“ก็เราบอกพี่เขาเอง ว่าเปิดโอกาสให้จีบ ถ้าเราไม่ไปเลย แล้วมันจะเปิดโอกาสยังไงล่ะ” ลมหนาวรีบอธิบายให้เพื่อนฟัง
“กูว่า มึงเองก็มีใจให้เขาไม่มากก็น้อยแหละ เปิดซะขนาดนี้”
“ก็เรายังไม่มีใครหนิ เราก็อยากลองให้โอกาสตัวเอง พบเจอคนอื่นบ้าง”
“โอเคครับ อย่าลืมพามาให้เพื่อนรู้จักอย่างเป็นทางการบ้างล่ะ”
“ไว้แน่ใจก่อน จะพามา ตอนนี้ไปเรียนกันต่อเถอะ ปะ”
“รอนานไหมครับ” ลมหนาวถามรุ่นพี่ออกไป หลังจากที่ขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว
“ไม่นานเลยครับ แล้วหนาวเป็นไงบ้าง เรียนหนักไหม” วาริชถามลมหนาว พร้อมทั้งเคลื่อนรถออกจากหน้าคณะ
“ก็มีหนักบ้างบางวิชาครับ แต่ก็ยังไหวอยู่ แล้วพี่ล่ะครับ เรียนหนักไหม” ลมหนาวถามรุ่นพี่กลับ พร้อมกับแอบชำเลืองมองคนข้าง ๆ
“หนักหลายวิชาเลยแหละ แต่พี่คิดว่ายังไงก็ต้องผ่านไปให้ได้”
“สู้ ๆ ครับผมเอาใจช่วย” ลมหนาวทำท่าชูกำปั้นขึ้นมาสองมือ
“หนาวก็สู้ ๆ เหมือนกันนะครับ พี่ก็เอาใจช่วย” วาริชยิ้มให้กับคนที่ให้กำลังใจตัวเอง แค่นี้ก็รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจแล้ว
ร้านอาหาร เรือนอิงน้ำ
“ร้านน่านั่งมากเลยครับ บรรยากาศดีมาก” ลมหนาวพูดชมร้าน หลังจากนั่งที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว
บรรยากาศของร้านอยู่ริมแม่น้ำ มีลมพัดเอื่อย ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
“หนาวชอบพี่ก็ดีใจ” วาริชตอบพร้อมกับมองคนตรงหน้า ที่มองนู่นมองนี่ไปเรื่อย เจ้าตัวจะรู้ไหมว่า แสดงท่าทางน่ารักออกมาอีกแล้ว
เมื่ออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ ทั้งสองก็ลงมือทานอาหาร วาริชคอยตักอาหารให้ลมหนาวตลอด บนโต๊ะมีแต่เสียงพูดคุย และเสียงหัวเราะกันอยู่สองคนการที่ได้พูดคุยกับวาริช ทำให้ลมหนาวลืมเลือนเรื่องที่กังวลใจไปจนสิ้น“หนาว เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำก่อนนะครับ” วาริชพูดบอกคนตรงหน้า ที่กำลังเพลิดเพลินกับการทานอาหาร อย่างเอร็ดอร่อย“ครับ”วาริชลุกออกจากเก้าอี้เดินไปทางห้องน้ำ ลมหนาวมองตามแป๊บหนึ่งแล้วก็ตักอาหารกินต่อ ตาสวยมองแสงสีทองที่สะท้อนเต็มผืนน้ำตรงหน้า พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ช่างสวยเสียเหลือเกิน“น้องหนาวครับ” วาริชเรียกลมหนาวที่กำลังเหม่อ สายตาคนน้องมองไปที่ผืนน้ำ ที่กำลังกลายเป็นสีทองของแสงอาทิตย์ยามเย็นลมหนาวเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนเรียก ก็ถอนสายตาจากวิวอันสวยงามตรงหน้า หันกลับมามองคนที่เรียกเขา“ครับพี่วา” ลมหนาวพูดได้เท่านั้น คนตรงหน้าก็ยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพูมาให้“ให้น้องหนาวครับ” ชายหนุ่มยื่นช่อกุหลาบให้“ขอบคุณครับ สวยมากเลย” ลมหนาวรับช่อดอกไม้มา แล้วก้มดมดอกไม้ในช่อ กลิ่นดอกกุหลาบที่เขาชอบ ลมหนาวยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขเขาชอบดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู เขาไม่รู้ว่ารุ
“เป็นไรวะ ดูทำหน้าทำตาเข้า” เมฆถามซัน เมื่อมองเห็นสีหน้าของเพื่อน ที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากวางสายโทรศัพท์“มึงจำได้ไหม ที่แนะนำว่าให้กูไปสืบเรื่องของคนที่ส่งรูปโพลารอยด์มาให้กูน่ะ”“อือ จำได้ อย่าบอกนะว่า มึงไปสืบมาแล้ว”“อือใช่ กูไปสืบมาแล้ว”“แล้วได้เรื่องว่าไง”“กูไปขอชื่อคนที่ส่งของให้กู จากร้านส่งรัก ทางร้านบอกว่า ต้องขออนุญาตคนส่งก่อน ถ้าได้คำตอบเดี๋ยวเขาโทรมาแจ้ง แล้วเมื่อกี้เขาก็โทรมา”“แล้วเขาโทรมาบอกว่าไงบ้าง” เมฆที่ตั้งใจฟังที่เพื่อนเล่า ก็รอลุ้นคำตอบไปด้วย“เขาบอกว่า คนส่งไม่ยินยอมให้ทราบชื่อและเบอร์ติดต่อ”ซันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เพราะเขาไม่รู้เลยว่า คนที่ส่งของมาให้เขาต้องการอะไร ทำไมถึงเล่นกับความรู้สึกเขาแบบนี้“เฮ้ย ทำไมทำแบบนั้นล่ะ แล้วที่ผ่านมาคนคนนั้นเขาทำไปทำไม” เมฆอดแปลกใจไม่ได้ ที่คนคนหนึ่ง อยู่ ๆ จะหายไปแบบนี้ อย่างน้อยเอ่ยคำลาสักนิดก็ยังดี คนเขาจะได้ไม่รอ“กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เล่นกับใจกูแบบนี้”ซันรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำอะไรผิด วินถึงหายไปแบบนี้ และปฏิเสธไม่ให้เขารู้ชื่อของตัวเอง‘เขาควรหยุดร
“เป็นอะไรไหม” ผมเงยหน้ามองคนที่ถาม อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เป็นพี่คนนั้นอีกแล้ว ที่ผมเคยชนตอนรีบไปเรียนวิชาของเจ๊พร“เอ่อ ไม่เป็นอะไร ขอบคุณครับ แล้วผมก็ขอโทษด้วยที่เดินชน พอดีผมอยากเข้าห้องน้ำมาก ๆ ครับ” ผมพูดพร้อมขยับตัว ออกจากอ้อมแขนของพี่เขา“โอเค ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คราวหน้าก็เดินระวัง ๆ นะ พี่ไปแล้วนะ” พี่เขาเดินจากไป และผมเองก็จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำ นั่นจึงเป็นครั้งที่สองที่ผมได้เจอพี่เขาครั้งที่สาม วันนั้นฝนตกแรงมาก และผมก็ต้องนั่งทำรายงานกับกลุ่มเพื่อนใต้ตึกคณะ ผมคิดว่าไม่นานฝนคงหยุดตก แต่เปล่าเลย มันยังคงตกแบบนั้นเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด“เฮ้ย หนาว กลับไงวะ ให้กูไปส่งไหม” ตังเพื่อนสนิทของผมถาม“เราว่าจะเดินกลับอะ คอนโดเราอยู่แค่นี้เอง ตังกลับก่อนเลย บ้านอยู่ไกลด้วย” ผมไม่อยากให้เพื่อนลำบากไปส่ง“ไม่เอาเดี๋ยวไปส่ง ฝนก็ไม่รู้จะหยุดเมื่อไหร่ ปะ” ตังยังคงดื้อดึง จะไปส่งท่าเดียว“หอเรากับบ้านตัง มันคนละทางกันไหม จะวกไปวนมาทำไม กลับก่อนเลย ไม่ต้องห่วงเราหรอก หออยู่แค่นี้เอง” ผมอธิบายอย่างใจเย็น ให้เพื่อนตัวสูงฟังช้า ๆ“เออ ๆ ไปละ ถึงหอแล้วทักบอกด้วยนะ บาย” ตังจ
อดีต พฤศจิกายน ลมหนาวอยู่ ปี 1“หนาว เลิกเรียนแล้วไปไหนวันนี้ ไปเที่ยวกับกูป้ะ” ตังเพื่อนตัวสูง พูดชวนเพื่อนที่ตัวเล็กกว่า พร้อมเอาแขนยาว ๆ มากอดคอคนตัวเล็กไว้“เราจะไปเดินเล่นแถว ๆ ตลาดนัดคนเดินสักหน่อยนะ ตังไปกับคนอื่นเถอะ” ลมหนาวพูดปฏิเสธเพื่อนสนิท“เออ ๆ ถ้าเปลี่ยนใจก็ตามมาร้านเดิมนะ ไปล่ะ” ตังบอกลาเพื่อนตัวน้อย ก่อนจะไปยังใช้มือขยี้ผม อย่างมันเขี้ยว‘ผู้ชายอะไรน่ารักจังวะเพื่อนกู’ตลาดนัดคนเดินหนาวเดินดูนั่น ดูนี่ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมายปลายทาง เมื่อเจออะไรที่ถูกใจ ก็หยิบกล้องโทรศัพท์บ้าง กล้องโพลารอยด์บ้าง ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้“พรุ่งนี้ซื้ออะไรให้พี่ซันดีนะ” ผมคิดถึงรุ่นพี่ที่ตัวเองชอบขึ้นมา พรุ่งนี้คงต้องตื่นเช้า ไปส่งของให้เสียแล้ว“เดินดูก่อนแล้วกัน เผื่อเจออะไรน่าสน” ผมพูดกับตัวเอง และเดินดูของที่ขายตามข้างทางไปเรื่อย ๆจนสายตามองเห็นคนในความคิด ปรากฏตัวตรงหน้า ตอนแรกผมคิดว่าผมคงตาฝาด แต่ไม่ นั้นคือพี่ซันตัวจริงเลย พี่ซันกำลังเดินมากับเพื่อนของเขาผมคิดว่าควรจะหลบ หรือเดินไปทักพี่เขาดี ร่างสูงโดดเด่นท่ามกลางคนมากมาย เดินเข้ามาใกล้กับจุดที่ผมยืนอยู่เร
“ไม่เป็นไรครับ แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับที่เดินชน”ลมหนาวกล่าวขอโทษกลับไป แล้วเมื่อได้เห็นหน้าคนที่เพิ่งเดินชน ก็ตกใจจนตาโต แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ใช่เขาเพิ่งจะชนเข้ากับพี่ซัน โลกกลมอะไรขนาดนี้“เราอีกแล้วเหรอ เดินไม่ระวังเลย เจ็บตรงไหนไหม”“ไม่เจ็บครับ แล้วก็ขอโทษนะครับที่เดินชนพี่อีกแล้ว”“ไม่เป็นไร คิดมากน่ะ วันหน้าก็เดินระวัง ๆ หน่อย”“ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” ลมหนาวทำท่าจะเดินจากไป“เดี๋ยวก่อน แล้วเราชื่ออะไร เจอกันวันหน้าจะได้เรียกถูก”พี่ซันเรียกผมไว้ พี่ซันอยากรู้ชื่อของผม“ผมชื่อล...”ดึงดึ่งดึ้ง ๆ ดึงดึ่งดึ้ง ๆ ผมยังไม่ทันได้พูดชื่อของตัวเองออกมา เสียงโทรศัพท์ของพี่ซันก็ดังขึ้น คนตัวสูงกดรับสาย แล้วก็พูดกับคนที่โทรมา ท่าทางเหมือนจะมีเรื่อง ผมมองพี่ซันคุยโทรศัพท์จนเขากดวางสาย พี่ซันหันมามองผม ผมพอจะรู้ว่าพี่เขาจะพูดอะไร“พี่คงต้องไปแล้ว แล้วเจอกันนะ”“ครับ” ผมพูดได้แค่นั้น พี่เขาก็เดินไปแล้ว แต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิม น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงข้างแก้ม ผมใช้มือปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ‘อุปสรรคเยอะจริง ๆ แค่บอกชื่อกับคนที่แอบชอบยังยากเลย ครั้งที่สองแล้วนะ ไอ้ลมหนาว’“ทำไม
อดีต พฤษภาคม ลมหนาวอยู่ ปี 1ผมส่งของไปให้พี่ซัน โดยใช้ชื่อวิน วินที่แปลว่าลม ตลอดระยะเวลาเกือบเจ็ดเดือน ที่ผมไม่เคยไปแสดงตัวต่อหน้าพี่ซันเลย จนวันหนึ่งร้านส่งรักโทรมาบอกว่า พี่ซันต้องการนัดเจอกับผม ผมตอบตกลงไปในทันที เพราะคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว ที่ผมต้องกล้าที่จะเจอกับพี่ซันวันที่พี่ซันนัดเจอผม เป็นวันหลังจากสอบเสร็จ ก่อนปิดเทอมที่ผมจะเลื่อนไปชั้นปีที่ 2 ส่วนพี่ซันก็จะเลื่อนไปชั้นปีที่ 3วันนี้ผมตั้งใจแต่งตัวพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะผมกำลังจะออกไปเจอพี่ซันตามนัด จึงอยากทำให้พี่ซันประทับใจ ผมยืนมองตัวเองในกระจก หมุนซ้ายหมุนขวาดูความเรียบร้อยของตัวเอง ตอนนี้ยอมรับเลยว่าผมโคตรตื่นเต้นเลย ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ หวังว่าตอนเจอหน้าพี่ซันผมจะไม่ทำอะไรแปลก ๆ ออกไปผมเดินทางออกจากคอนโด ตอนเก้าโมงกว่า ๆ เพราะร้านที่นัดอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่ผมพักอยู่เท่าไหร่ ผมจึงเลือกเดินไปแทนนั่งรถ เพราะคิดว่ามันสะดวกกว่าผมเดินมาใกล้กับร้านกาแฟที่พี่ซันนัดเจอ เห็นร้านอยู่ตรงหน้าแล้ว แค่ผมข้ามถนนเส้นนี้ไปก็ถึงแล้ว‘พี่ซันครับ รอผมก่อนนะ วันนี้ผมจะสารภาพกับพี่ทุกอย่างเลย’‘ผมจะเลิกแอบชอบพี่แล้ว แต่จะชอบอย่า
“มันดึกแล้ว ไม่เสียเวลาหรอก” ตังยังคงยืนยันที่จะไปส่งเพื่อน“เราจะแวะหน้ามอหาอะไรกินด้วย งั้นส่งเราลงตรงนั้นก็ได้”“อือ ปะไปกัน” ตังเดินนำลมหนาว และสองสาวเตยกับมินต์ ไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล จากจุดที่นั่งทำรายงานเมื่อตังจอดรถ ให้ลมหนาวลงที่หน้ามหาวิทยาลัย ลมหนาวก็เดินดูของกินไปเรื่อย ๆ เพราะตั้งแต่เย็นกินแค่นมไปกล่องเดียวเท่านั้นหน้ามหาวิทยาลัยตอนนี้ คนเยอะพอสมควร เพราะมีนักศึกษาที่เพิ่งออกจากมหาวิทยาลัยมา คงทำรายงานดึกไม่ต่างจากเขา แล้วก็ยังมีกลุ่มวัยรุ่นแถว ๆ นี้ ที่พากันออกมาหาอะไรกินตอนดึกลมหนาวเดินซื้อของกินสองสามอย่าง เพื่อนำกลับไปกินที่ห้อง แล้วก็ซื้อน้ำแดงโซดากินด้วย เพื่อเพิ่มความสดชื่น เพราะคิดว่ากลับไปก็ต้องนั่งทำรายงานวิชาอื่นอีก คงได้นอนดึกอีกแน่ลมหนาวกำลังเดินออกจากร้านน้ำที่เพิ่งซื้อ คนค่อนข้างต่อคิวยาวจึงมีการเบียดเสียดกัน ลมหนาวเดินออกมาผ่านร้านขนมโตเกียวที่คนเยอะ จึงขอทางแทรกผ่านไป อยู่ ๆ ก็มีคนมาชนเข้าที่ด้านหลังของเขา ทำให้เกิดการเสียหลัก ตัวเขาก็พุ่งไปชนคนที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างจัง แก้วน้ำแดงโซดาที่เพิ่งซื้อมา ดูดไปแค่สองครั้ง ตอนนี้น้ำก็หก
อดีต พฤศจิกายน ซันอยู่ปี 2วันนี้เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ยังคงวนอยู่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ น่าเบื่อ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้อยู่เรื่อย เรียน กลับคอนโด เที่ยว แต่ก็ยังเหมือนเดิม ชีวิตเหมือนขาดอะไรสักอย่าง หลายปีแล้วแต่ผมก็ยังตามหาไม่เจอ ผมคิดว่าถ้ามีแฟนความรู้สึกนี้อาจจะหายไป แต่เปล่าเลย มันยังคงอยู่ และมันทำให้ผมเลิกรากับแฟนหลายต่อหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วผมก็เป็นคนบอกเลิกกับเขา และเดินจากมา จนมีข่าวลือว่า ซันบริหารเป็นพวกเบื่อง่าย คบใครนาน ๆ ไม่เป็น จนตอนนี้ผมเลือกที่จะอยู่คนเดียว และคิดว่าสักวันหนึ่ง ผมอาจจะเจอสิ่งที่กำลังตามหา“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีคนชื่อ ซัน ทิวากร บริหารปี 2 ไหมครับ พอดีมีของมาส่งครับ” พนักงานส่งของเรียกชื่อ คนที่มีชื่อตามใบส่งของ“ผมเองครับ” ซันเงยหน้าขึ้นจากชีทเรียน เมื่อมีคนเรียกชื่อตัวเองพนักงานส่งของ ยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้ และให้ซันเซ็นรับของ แล้วก็จากไป ชายหนุ่มมองถุงกระดาษที่มีคนส่งมาให้อย่างแปลกใจ“ใครส่งอะไรมาให้น่ะ สาว ๆ อีกหรือเปล่ามึง เนื้อหอมจังวะ” เมฆเพื่อนสนิทของซันเอ่ยขึ้น และพยายามชะเง้อคอมองของในถุงกระดาษ อย่างอ
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห
“อย่าบอกนะว่า คนนี้อะ” เมฆพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ก็จะไม่ให้เจ้าตัวตื่นเต้นได้ยังไง อยู่ ๆ ก็หายไป พอหาเจอก็เปิดตัวเลย“อือ คนนี้แหละ กูหาเขาเจอแล้ว” ซันพยักหน้าให้เมฆ“เหลือเชื่อ” เมฆยังอุทานไม่หาย“มีสตอรีนี่หว่า ไอ้เมฆมึงเล่ามา” กล้า คาดคั้นให้เมฆเล่าให้ฟัง“ก็ตามนั้นแหละที่ซันมันเล่า กูก็รู้แค่นี้” เมฆบอกกล้าไป หากเขาเล่าให้คนอื่นฟัง มีหวังซันได้มาบีบคอตนแน่ สู้บอกไม่รู้ดีกว่า ให้ไปถามเจ้าตัวเอง“เออ พวกมึงปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างวะ” ซันชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุย“กูคงไปกับที่บ้านแหละ เขาพาไปไหน ก็ไปกับเขาอะ” เฟิสต์บอกซัน“ส่วนกูก็คงไปเที่ยวทะเลมั้ง อยากไปดูสาว ๆ สวย ๆ เที่ยวทะเล” พีชบอกซันแล้วทั้งกลุ่มก็คุยกันเรื่องไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกัน ลมหนาวก็โดนดึงเข้าไปในบทสนทนาด้วย ทำให้เจ้าตัวดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อึดอัดยิ่งดึกบรรยากาศในร้านก็ดูสนุกสนาน เพื่อน ๆ ของซันลุกไปเต้นบ้าง ไปจีบสาวบ้าง เพราะต่างคนต่างก็เริ่มเมาแล้ว รวมถึงลมหนาวด้วย ทั้งที่คิดว่าตัวเองดื่มไปไม่มาก แต่อาการก็เริ่มออกแล้ว คออ่อนจริง ๆ“เมาแล้วเหรอ กลับเลยไหม” ซันถามคนในอ้อมแขนตัวเอง“ผมไม่เ
ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญอย่างช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ป้ายหลุมศพ ของใครคนหนึ่ง ที่ได้จากไปก่อนเวลาอันควรมือแกร่งวางช่อดอกกุหลาบสีขาวอมชมพู ลงที่ป้ายหน้าหลุมศพนั้นอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อจ้องมองรูปบนป้ายหลุมศพอยู่สักพักยิ่งมองยิ่งนึกถึง“ตอนนี้นายกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่หรือเปล่า ดิน” เจ้าของร่างสูงยิ้มเยาะให้ตัวเอง“ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับนายในตอนนั้นเลย นายสะใจหรือเปล่า ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ หัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” วาริชพูดกับคนในรูป ทำเหมือนว่าเขาอาจกำลังรับฟังเรื่องที่ตนกำลังพูดอยู่ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใด ๆ จากสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างเงียบกริบ แต่เจ้าของร่างสูงก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ให้คนที่นอนหลับใหลอยู่ในหลุมศพฟัง“นายรู้ไหม ฉันเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก ๆ เลยล่ะ ฉันขอจีบเขา เราสองคนกำลังจะเป็นแฟนกันอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตอนนี้เขาไม่เลือกฉันแล้ว นายดีใจใช่ไหม ที่ฉันได้เจอความรู้สึกแบบนี้ แบบที่นายเจอ”วาริชเดินไปนั่งลงที่ป้ายหลุมศพ ใช้มือเกลี่ยใบหน้าของคนในรูปอย่างเบามือ“ฉันเข้าใจความร
‘แล้วพี่ล่ะ หนาวเอาพี่ไปไว้ไหน รู้หรือเปล่าว่าพี่จะรู้สึกยังไง’คำพูดที่เจ็บปวดของรุ่นพี่ ยังคงก้องอยู่ในความคิดของลมหนาว เขาทำร้ายคนที่ดีอย่างพี่วาริชไปแล้ว เขามันช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกินหลังจากวันนั้นอีกหลายวัน ลมหนาวก็ติดต่อหาวาริชไม่ได้เลย เหมือนเจ้าตัวปิดเครื่องมือสื่อสารไปเสียอย่างนั้น“หนาว วันนี้ไปเดินเล่นถนนคนเดินกันไหม” ซันชวนคนน้องที่เขาเพิ่งรับมาจากมหาวิทยาลัย“ได้ครับ” ลมหนาวพยักหน้าตกลงถนนคนเดินทั้งสองเดินเที่ยว และซื้อของกินไปตลอดเส้นทางของตลาด เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ เหมือนเป็นการสร้างความทรงจำต่าง ๆ เพิ่มให้กันมากขึ้น จนซันพาลมหนาวเดินมาที่โซนต้นไม้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ต่าง ๆ ภายในร้านร้านหนึ่ง“โฮชิมีเพื่อนหรือยัง” ซันถามคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ดูต้นไม้อยู่“โฮชิ อ๋อ มีแต่ต้นกุหลาบครับที่เป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนได้หรือเปล่า”แรก ๆ ลมหนาวก็งงอยู่ ว่าโฮชิคือใคร แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า คือเจ้าแคคตัสรูปดาว ที่ระเบียงคอนโดนั่นเอง“ซื้อไปเลี้ยงอีกไหม” ซันหยิบต้นนั้นต้นนี้ขึ้นมาดู“อย่าเลยครับ ผมปลูกต้นอะไร ไม่ค่อยรอดหรอ