ตระกูลถัง“ไท่จือประทานของกำนัลจากวังหลวงมอบให้เจ้าเมื่อบ่าย ขันทีอัญเชิญของกำนัลมากมายให้เจ้า เมิ่งเม่ยข้า ภูมิใจในตัวเจ้าเสียจริง”“ท่านพ่อ ข้ากับไท่จือเพิ่งจะพบกันแค่เพียงครั้งเดียว”ยิ้มอายๆ“ไท่จือพึงใจในตัวเจ้าตำแหน่งไท่จือเฟย เช่นไรจึงจะปล่อยให้หลุดมือต่อไปหากเป็นไท่จือแค่เพียงเอ่ยปากตำแหน่งของข้าย่อมได้รับการส่งเสริมให้ยิ่งใหญ่ยิ่งๆขึ้นไป จะว่าไปบิดาเจ้าทำงานหนักเบาไม่น้อยไปกว่าใต้เท้าลี่ แต่เมื่อถึงคราวได้รับคำสรรเสริญกลับเป็นท่านลี่รับไปเพียงผู้เดียว”“ท่านพ่อข้ากำลังตั้งใจทำในสิ่งที่ท่านพ่อสั่งสอนมา การจะให้ได้ใจไท่จือจะต้องอาศัยความลุ่มหลง และมารยาหญิง หากว่าเปรียบกันระหว่างข้ากับลี่หลันเล่อนางย่อมเหนือกว่าแต่หากจะเหนือกว่านางจะต้องวางแผนให้รัดกุม”“ต้องถือเป็นโอกาสอันดีสวรรค์เมตตาเจ้าแล้ว ไท่จือมองเจ้าเพียงผิวเผิน หาได้รู้ภายในจิตใจเจ้าไม่ ต้องยกความดีความชอบให้กับมารดาของเจ้าที่เลี้ยงดูสั่งสอนจนกิริยาของเจ้างดงามไร้ที่ติ หากจะเปรียบกับคุณหนูลี่ผู้โง่งมย่อมห่างจากเจ้าหลายขุม โชคของเจ้าทั้งยังส่งผลมาถึงข้า ตำแหน่งราชทูตด้านการค้า มีคนเสนอเงินทองมากมายให้กับใต้เท้าลี่นับวัน
“สำเร็จแล้ว ไท่จือยังเยาว์หลงเชื่อคนง่าย ข้าเติมเชื้อไฟไว้แล้วเกรงว่าใต้เท้าลี่ท่านคงไม่อาจรอดพ้นอาญาไปได้จะจริงหรือไม่ก็ต้องถูกสอบสวนและหมดความวางใจฮ่าๆๆๆๆ ”บ้านลี่“ไท่จือ ท่านมาอีกแล้วข้าน้อยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ”ใต้เท้าลี่ประสานมือยินดีด้วยคิดว่าไท่จือมาชอบพอหลันเล่อ“พวกเจ้าตามคุณหนู โดยเร็วบอกนางว่าไท่จือแวะมา”แสดงความดีใจจนออกนอกหน้าเช่นเดิม ด้วยลี่หลันเล่อเป็นที่รักใคร่ของบิดาและคนในตระกูลเพราะความน่าเอ็นดูของลี่หลันเล่อแต่ใต้เท้าลี่หารู้ไม่ว่าลี่หลันเล่ออาภัพ ในเรื่องของหัวใจ“ไท่จือ”ลี่หลันเล่อย่อกายลงตรงหน้า ใต้เท้าลี่รีบโบกมือให้สาวใช้หลบไปเสียพร้อมกัน“เจ้าบอกมาไท่จือแคว้นใต้นั่นมาที่นี่ทำไมกัน”ลี่หลันเล่อขมวดคิ้ว“ไท่จือแคว้นใต้”“คุณชายผู้นั้นที่เจ้าไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องเจ้าสนิทสนมกับเขาเพียงนั้นไม่รู้หรือไรว่าเขาเป็นถึงไท่จือ”หลันเล่อส่ายหน้าไปมา“ไม่รู้หรือว่าโปรยเสน่ห์ไปจนทั่วจนไม่รู้ว่าคุณชายคนไหนอย่างนั้นหรือ”ทำไมจะไม่รู้ว่าเป็นไท่จือแคว้นใต้รู้แต่เพียงว่าลี่หลันเล่อจงใจเรียกเขาว่าคุณชายเพราะไม่อยากให้เป็นที่สังเกตมากไป“เลิกใส่ความข้
เช้าสดใส หลันเล่อนอนบิดขี้เกียจอยู่บนแท่นนอน เมื่อคืนจำได้แม่นยำว่า อ้อมกอดอบอุ่นยังอยู่ตรงนั้น วันนี้สายป่านนี้หลันเล่อเพิ่งจะขยับกายต้าหมิงคุนยกถาดอาหารเข้ามาข้างในกระโจมอากาศข้างนอกยังหนาวเหน็บ“ตื่นแล้วหรือข้าตั้งใจว่าเจ้านอนนานหน่อยอาการไข้จะได้หายไปวันพรุ่งนี้เราจึงจะเดินทาง”“หลันเล่ออยากจะไปวันนี้”เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยได้ยินลี่หลันเล่อทำมัน“ยังไม่ดีขึ้น”วางถาดเครื่องเสวยลงบนโต๊ะเอื้อมมือแตะที่หน้าผากเนียน“อือ มือข้าชาจนไม่รู้สึกว่าตัวเจ้าร้อนหรือไม่”โน้มตัวลงกดริมฝีปากกับหน้าผากเนียน หลันเล่อก้มหน้าเขินอายกับลูกเล่นของต้าหมิงคุน ยังไม่หยุดแค่นั้นริมฝีปากอุ่นแค่เปลือกตา เลื่อนมาที่แก้ม สองข้างก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบดเบียดนุ่มนวลยิ่งนัก หลันเล่อกำมือแน่น เมื่อร่างบางถูกโน้มลงบนแท่นนอน“ให้ข้าตรวจดูก่อนว่าจะเดินทางได้หรือยัง”เสียงสั่นกระเส่าริมฝีปากยังสำรวจซอกคอขาว สูดกลิ่นกายสาว“ทะทะท่านอา ฝ่าบาท เจ้าเล่ห์”“ไม่ทำแบบนี้จะรู้รึว่าตัวร้อนหรือไม่ ต้องพิสูจน์เสียหน่อยซุกหน้าลงบนซอกคอขาวเลื่อนลงมาที่อกนุ่ม“ท่านอา ไม่เอาแล้วหลันเล่อหิวแล้ว”“ข้า...ก
“เมิ่งเม่ยเข้าครัวทำเครื่องเสวยตั้งใจให้ไท่จือได้ลิ้มรสแต่บอกว่ามีธุระสำคัญ เมิ่งเม่ยกับคิดถึงคุณหนูลี่หวังดีกับนางให้นางได้ชิมของอร่อยคาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนกำลังเริงรักไม่อายฟ้าดินต่อหน้าข้าเมิ่งเม่ยไท่จือทำทีเกลียดชังนางลับหลังกับกอดจูบนาง แม้แต่เมิ่งเม่ยไท่จือยังไม่เคยทำเช่นนี้จะให้เชื่อว่าไม่มีใจให้นางได้อย่างไรกัน”“ข้า”กดริมฝีปากเข้าที่ปากบางของเมิ่งเม่ยแทนคำแก้ตัว แต่กลับถูกผลักไสในทันทีเช่นกัน“อย่ามาแตะต้องตัวเม่งเมีย ข้าก็แค่ตัวสำรองของคุณหนูลี่ ไท่จือคงรู้สึกว่าถูกขัดจังหวะที่กำลังพลอดรักกับนางจึงมาลงที่เมิ่งเม่ยข้าน้อยเมิ่งเม่ยไม่อาจรับ”ปาดน้ำตาที่ไหลริน ต้าหมิงคุนถอนหายใจยาว“ข้าขอโทษต่อไปข้าไม่ข้องแวะกับนางอีกแล้ว”“หลายคนคงสมน้ำหน้าเมิ่งเม่ย ที่เป็นเพียงนางรองของ คุณหนูลี่ผู้สูงศักดิ์”โอบรอบร่างบางอย่างปลอบโยนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เบาๆ“สำหรับข้าเจ้าเป็นหนึ่งเสมอ” หลันเล่อปาดน้ำตา หลบมุมอยู่ที่พุ่มไม้หนาทึบ“สำหรับข้า ท่านเองก็เป็นหนึ่งเช่นกันต้าหมิงคุนไท่จือ”สะอื้นไห้ทั้งเจ็บทั้งอับอายเจ็บที่ไม่อาจตัดใจจากต้าหมิงคุนทั้งๆที่เห็นว่าเขามีเพียงเมิ่งเม่ย อายที่ถูกเขากระ
“ขอบคุณซือฟุ ที่สั่งสอน”ถงหมิ่นยิ้มตำหนักส่วนหน้าของ เมิ่งเม่ย (นางไม่ได้รับอนุญาตให้ไปใช้ชีวิตในวังหลวง เหมือนดังสนมหรือฮองเฮาเพราะสถานะของเมิ่งเม่ยไม่ชัดเจนนั่นเอง)“พี่ใหญ่ท่านเห็นหรือไม่ว่าฝ่าบาท เป็นสุขเพียงใดที่มีนางข้างกาย”จื่อจื่อถอนหายใจ“ความจริงเจ้าน่าจะทำใจไว้บ้าง”ตั้งใจตักเตือนน้องร่วมบิดา“ทำใจ ทำไม่ข้าต้องทำใจในเมื่อตลอดมาเป็นเมิ่งเม่ยที่ยัง… เคียงข้างฝ่าบาท”“เมื่อไหร่เจ้าจะรู้ว่า ไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว ฝ่าบาทไม่ได้คิดกับเจ้าเหมือนเมื่อก่อน”“ไม่จริงหากไม่คิดอะไรกับข้า…ฝ่าบาทจะให้ข้าเข้ามาอยู่ในวังหลวงทำไมกัน”“จนป่านนี้เจ้ายังหลอกตัวเอง เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมฝ่าบาทไม่แต่งตั้งเจ้าในตำแหน่งสนมหรือฮองเฮาหรือตำแหน่งอื่นๆ นั่นเพราะฝ่าบาทรู้ว่าในใจฝ่าบาทมีเพียงคุณหนูลี่ผู้นั้นไม่ได้มีเจ้า แต่ที่ฝ่าบาทให้เจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะฝ่าบาทเป็นคนดี เรื่องราวทุกอย่างเจ้าคิดหรือว่าฝ่าบาทไม่สืบสาวราวเรื่องหรือทุกอย่างล้วนผ่านการไต่สวน แต่ด้วยฝ่าบาทไม่เคยกล่าวโทษเจ้าเพราะฝ่าบาทคิดว่าเป็นฝ่าบาทเองที่ผิด ผิดที่หลงเชื่อคำยุยงของเจ้าทำให้ฝ่าบาททำร้ายคุณหนูลี่ เพราะฝ่าบาทเป็นคนดีและสำ
เชยคางมนขึ้นสบตาเมื่อเห็นว่าหลันเล่อเขินอาย“จะต้องนอนด้วยกันจริงๆ หรือ”โน้มตัวลงจุมพิตที่ริมฝีปาก“ที่นี่ไม่มีใครคอยขัดจังหวะใครเข้ามาในห้องบรรทมของฮ่องเต้ในยามที่ข้าอยู่กับฮองเฮามีโทษประหารในทันที ที่ด่านชายแดนอยากทำความคุ้นเคยกับเจ้า ล้วนแต่มีอุปสรรคมาถึงนี่ คงต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด”“ทะทะท่านอาหลันเล่อยัง ไม่ได้อาบน้ำ”ยกมือขึ้นดันอกกว้างไว้แน่นเมื่ออีกคนจุมพิตที่ปากบางเบาๆ“ไม่ต้องแล้ว แค่เพียงลิ้มรสจูบของเจ้านิดหน่อยถึงกับต้องอาบน้ำเลยหรือ…”หลันเล่อทำหน้าตาเหลอหลา ต้าหมิงคุนหัวเราะเบาๆ กอดรวบร่างบางมาแนบชิดลำตัว“มะมะไม่ทำอะไรกันหรอกหรือ”ต้าหมิงคุนหัวเราะเสียงดังลั่น หลันเล่อยิ้มอายๆ"ต้องทำอะไรกันเล่า""ก็ทำเหมือนที่สามีภรรยาต้องทำกัน”ก้มหน้าซ่อนดวงตาเขินอายใบหน้าร้อนผ่าว“เจ้าไร้เดียงสาเพียงนี้เกรงว่า ท่านอาฝ่าบาทคงต้องหลงใหลเจ้าจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่นอน”“ท่านพ่อนางกลับมานางกลับมาแล้ว”“ใครกัน เมิ่งเม่ยเจ้าหมายถึงใครกัน”“ลี่หลันเล่อนางปีศาจนั่นนางกลับมาแล้ว”“จะยากเย็นอะไรในเมื่อนางกลับมาเจ้าแค่เพียงส่งนางกลับไปเช่นเดิม เมิ่งเม่ยมิใช่คนที่หวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายๆ ครั้งนี้ทำไม
เมิ่งเม่ยมองด้วยสายตาเจ็บแค้นทำไมคนที่ยืนข้างๆ ต้าหมิงคุนไม่ใช่เมิ่งเม่ย“จื่อจื่อเรียกนางกำนัลสองคนของหลันเล่อมาพบข้า”จื่อจื่อประสานมือ“ข้าน้อยอิงถานกับกุ้ยเหมยถวายพระพรฝ่าบาท”“รู้ความผิดของพวกเจ้าหรือไม่”“ฝะฝะฝ่าบาทเราสองคนไม่ได้ทำสิ่งใดผิด”อิงถานรีบละล่ำละลัก“ขันที ตัดมือนางทั้งสองคน”ขันทีก้าวเข้ามา จับตัวสองนางกำนัลที่บัดนี้กับมีสีหน้าตื่นตกใจ คุกเข่าโขกหัวกับพื้นซ้ำๆ“ฝ่าบาทโปรดอภัยข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่มัดสายคาดเอวของฮองเฮา เป็นเงื่อนกระตุกเผื่อว่าฮองเฮาจะแก้มัดเองได้ง่ายๆ ”อิงถานรีบสารภาพความจริงแค่เพียงครึ่งเดียว“ดี ทำให้ฮองเฮาเกือบขายหน้าในท้องพระโรงความผิดถึงตาย ขันทีนำพวกนางไปตัดหัว”“ฝ่าบาท ข้าน้อยสมควรตายไว้ชีวิตเราทั้งสองด้วย ความจริง ความจริง”เหลือบตามองจื่อจื่อ“ฝ่าบาทแค่เพียงเรื่องเล็กน้อยทำไมต้องทรงกริ้วด้วยเพคะ”เมิ่งเม่ยก้าวขาเข้ามาข้างใน“เรื่องของฮองเฮาล้วนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า จื่อจื่อเปลี่ยนนางกำนัลคนใหม่ เจ้าสองคนถูกปลดออกจากตำแหน่งนางกำนัลแล้วกลับไปใช้ชีวิตนอกวังหลวง อย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก” เมิ่งเม่ยหน้าตึงขึ้นมาทันทีได้ยินว่าเรื่อ
“เรื่องนี้นับว่ามีเงื่อนงำไม่น้อยจะว่าไปตระกูลถังเมื่อบุตรีหายไปไม่ได้มีทีท่าว่าห่วงใยหรือส่งคนออกค้นหา ต่างกันกับตระกูลลี่ที่ส่งคนตามหาคุณหนูลี่จนพบและนำกลับไปที่ตระกูลลี่อย่างปลอดภัย เป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องโอละพ่อของแม่นาง..เมิ่งเม่ยที่ตั้งใจทำให้ไท่จือเป็นห่วง”ไม่กล้าพูดว่าเมิ่งเม่ยจงใจใส่ความลี่หลันเล่อ“ทำไมต้องทำถึงเพียงนี้แค่อยากให้ข้าห่วงใยนางทำไมต้องทำถึงเพียงนี้”จะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร หากไม่ได้เป็นเพราะเมิ่งเม่ยอิจฉาลี่หลันเล่อหรือต้องการใส่ความลี่หลันเล่อ“บางที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจคิดว่าผลที่ตามมาไม่ได้ร้ายแรงอย่างนี้ ไม่มีใครตายแค่เพียงแผน หญิงงามเจ็บตัวเพื่อเรียกร้องความสงสารจากไท่จือ” ต้าหมิงคุนหลับตาลงช้าๆ ไล่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจ เป็นเขาที่ผิด“แต่สิ่งที่นางทำกลับทำให้ข้าเข้าใจลี่หลันเล่อผิด และทำให้นางถึงแก่ความตาย”“ไท่จื่อ หญิงบอบบางเช่นคุณหนูลี่แค่เพียงอดข้าวอดน้ำก็แทบไม่อาจมีชีวิตอยู่แล้ว นี่นางจะต้องคุกเข่าตากหิมะและไอเย็นทั้งคืนแล้วยังถูกทารุณเดินทางด้วยเท้ายังด่านชายแดน แม้แต่บุรุษยังแทบไม่อาจมีชีวิตแต่นี่คุณหนูลี่ช่างบอบบางอีกทั้งใช้ชีวิ