เมิ่งเม่ยมองด้วยสายตาเจ็บแค้นทำไมคนที่ยืนข้างๆ ต้าหมิงคุนไม่ใช่เมิ่งเม่ย“จื่อจื่อเรียกนางกำนัลสองคนของหลันเล่อมาพบข้า”จื่อจื่อประสานมือ“ข้าน้อยอิงถานกับกุ้ยเหมยถวายพระพรฝ่าบาท”“รู้ความผิดของพวกเจ้าหรือไม่”“ฝะฝะฝ่าบาทเราสองคนไม่ได้ทำสิ่งใดผิด”อิงถานรีบละล่ำละลัก“ขันที ตัดมือนางทั้งสองคน”ขันทีก้าวเข้ามา จับตัวสองนางกำนัลที่บัดนี้กับมีสีหน้าตื่นตกใจ คุกเข่าโขกหัวกับพื้นซ้ำๆ“ฝ่าบาทโปรดอภัยข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่มัดสายคาดเอวของฮองเฮา เป็นเงื่อนกระตุกเผื่อว่าฮองเฮาจะแก้มัดเองได้ง่ายๆ ”อิงถานรีบสารภาพความจริงแค่เพียงครึ่งเดียว“ดี ทำให้ฮองเฮาเกือบขายหน้าในท้องพระโรงความผิดถึงตาย ขันทีนำพวกนางไปตัดหัว”“ฝ่าบาท ข้าน้อยสมควรตายไว้ชีวิตเราทั้งสองด้วย ความจริง ความจริง”เหลือบตามองจื่อจื่อ“ฝ่าบาทแค่เพียงเรื่องเล็กน้อยทำไมต้องทรงกริ้วด้วยเพคะ”เมิ่งเม่ยก้าวขาเข้ามาข้างใน“เรื่องของฮองเฮาล้วนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า จื่อจื่อเปลี่ยนนางกำนัลคนใหม่ เจ้าสองคนถูกปลดออกจากตำแหน่งนางกำนัลแล้วกลับไปใช้ชีวิตนอกวังหลวง อย่ากลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก” เมิ่งเม่ยหน้าตึงขึ้นมาทันทีได้ยินว่าเรื่อ
“เรื่องนี้นับว่ามีเงื่อนงำไม่น้อยจะว่าไปตระกูลถังเมื่อบุตรีหายไปไม่ได้มีทีท่าว่าห่วงใยหรือส่งคนออกค้นหา ต่างกันกับตระกูลลี่ที่ส่งคนตามหาคุณหนูลี่จนพบและนำกลับไปที่ตระกูลลี่อย่างปลอดภัย เป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องโอละพ่อของแม่นาง..เมิ่งเม่ยที่ตั้งใจทำให้ไท่จือเป็นห่วง”ไม่กล้าพูดว่าเมิ่งเม่ยจงใจใส่ความลี่หลันเล่อ“ทำไมต้องทำถึงเพียงนี้แค่อยากให้ข้าห่วงใยนางทำไมต้องทำถึงเพียงนี้”จะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร หากไม่ได้เป็นเพราะเมิ่งเม่ยอิจฉาลี่หลันเล่อหรือต้องการใส่ความลี่หลันเล่อ“บางที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจคิดว่าผลที่ตามมาไม่ได้ร้ายแรงอย่างนี้ ไม่มีใครตายแค่เพียงแผน หญิงงามเจ็บตัวเพื่อเรียกร้องความสงสารจากไท่จือ” ต้าหมิงคุนหลับตาลงช้าๆ ไล่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจ เป็นเขาที่ผิด“แต่สิ่งที่นางทำกลับทำให้ข้าเข้าใจลี่หลันเล่อผิด และทำให้นางถึงแก่ความตาย”“ไท่จื่อ หญิงบอบบางเช่นคุณหนูลี่แค่เพียงอดข้าวอดน้ำก็แทบไม่อาจมีชีวิตอยู่แล้ว นี่นางจะต้องคุกเข่าตากหิมะและไอเย็นทั้งคืนแล้วยังถูกทารุณเดินทางด้วยเท้ายังด่านชายแดน แม้แต่บุรุษยังแทบไม่อาจมีชีวิตแต่นี่คุณหนูลี่ช่างบอบบางอีกทั้งใช้ชีวิ
“ท่านอาฝ่าบาทห้ามพูดถึงเรื่องตาย”ยกมือเล็กขึ้นปิดปากของต้าหมิงคุนเสีย อีกคนดึงมือออกจุมพิตที่มือซ้ำๆ“ไปได้แล้ว ป่านนี้เกี้ยวเตรียมเสร็จแล้วเจ้าอยากออกไปข้างนอกต่อไปไม่ต้องกวนใจถงหมิ่น ข้าเป็นเจ้าบ้านและสามีข้ายินดีพาเจ้าไปเอง”“ท่านอา แล้วให้อาจารย์ไปด้วยหรือไม่”“ไม่ ข้าเปลี่ยนใจแล้วอยากอยู่กับเจ้าเพียงลำพัง”หลันเล่อพยักหน้าขึ้นลง“หลันเล่อเข้าใจแล้ว ท่านอาฝ่าบาทตั้งใจทำความคุ้นเคยกับหลันเล่อเพื่อที่จะได้สนิทสนมกันใช่ไหม ”ต้าหมิงคุนอมยิ้ม“เจ้าบทจะน่ารักเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ช่างง่ายดายเสียจริงข้าบัญชาให้จื่อจื่อคอยอารักขาเราสองคนเหมือนเช่นทุกครั้ง”“แต่อาจารย์ก็เป็นองครักษ์ของหลันเล่อ”“ก็ได้ข้ายอมให้เขาไปก็ได้ ให้เขาลงเรือไปกับหานจงส่วนข้ากับเจ้านั่งเรืออีกลำ”หลันเล่อยิ้มลุกขึ้นดึงมือต้าหมิงคุนเดินออกจากห้องไปในทันที“ลงเรือ โอ้โห้ ข้าไม่เคยนั่งเรือท่านอาฝ่าบาทเร็วๆ เข้า” ถงหมิ่นยืนรอหน้าเกี้ยวใหญ่พร้อมกับหานจงจื่อจื่อประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาทจะเสด็จนอกวังเหตุใดไม่ให้จื่อจื่อคอยอารักขา”“ข้าไม่อยากให้เป็นทางการมากไปข้าตั้งใจพาฮองเฮาออกไปชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน และไหว้พระที่วัดบุปผาแด
“เจ้าจะขอพรว่าอย่างไร”ดึงมือหลันเล่อไปนั่งตรงหน้ารูปสลักพระโพธิสัตว์ เมิ่งเม่ยเดินออกไปข้างนอกขึ้นไปนั่งบนเรือรอ“หลันเล่อ อยากจะขอให้...เราสองคนมีความสุขและชาวปาเอ่อถัวกับชาวแคว้นหานมีความสุข ไร้การสู้รบและเสด็จพ่อเสด็จแม่ พี่ใหญ่ สนมลู่ฟาง อาจารย์ หานจงและท่านองครักษ์จื่อจื่อมีความสุข ไม่สิลืมท่านขุนศึกตี่หลุง อีกคนไม่ไม่ไม่แม่นางเมิ่งเม่ยด้วย”ต้าหมิงคุนยิ้มกับความน่ารักน่าเอ้นดูของหลันเล่อที่ใส่ใจทุกคน“แล้วไม่ขอพรกับเรื่องของเราบ้างหรือ”“ขอสิ หลันเล่อขอให้หลันเล่อกับท่านอา คุ้นเคยกัน แล้วก็…”“รักกันดีไหม ให้เราสองคนรักกัน”หลันเล่อยิ้มอายๆ“ก็ดี อย่างนั้นก็ดี”“เช่นนั้นเราสองคนมาขอพรพร้อมกัน”ต้าหมิงคุนปล่อยมือหลันเล่อก่อนจะยกมือขึ้นประนม ตรงหน้าหลันเล่อทำตามหลับตาลงช้าๆ ขอพรพระโพธิสัตว์ในใจพร้อมกัน ต้าหมิงคุนยกมือขอไหว้ขออภัยในคำขอก่อนหน้าในเรื่องที่เขาเคยขอเกี่ยวกับเมิ่งเม่ย“หากสิ่งที่ต้าหมิงคุนทำผิดพลาดไปหากจะลงทัณฑ์ต้าหมิงคุนน้อมรับมันด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่ขอเพียงอย่างเดียวให้ข้าได้อยู่กับหลันเล่อเคียงข้างกับนางตลอดไป”ลืมตาขึ้นช้าๆหลันเล่อยิ้มบางๆ“ท่านอา พรที่ขอจะเป็นจริ
“ท่านเป็นใคร”ถงหมิ่นถอนหายใจยาว“หลันเล่อเจ้ากำลังไม่สบาย เรากลับวังหลวงก่อนดีกว่า”“ข้าจะกลับไปที่ตระกูลลี่” …………………………………………………………………………..“ไท่จือไท่จือท่านเป็นอย่างไรบ้าง” จื่อจื่อรีบเข้ามาพยุง ต้าหมิงคุนที่สำลักน้ำ“ข้าไม่ได้เป็นอะไรแค่เพียงสำลักน้ำ”เหลือบตามองลี่หลันเล่อที่ก้าวขาลงเรือไปพร้อมกับหยางซานชิง“เมิ่งเม่ยเจ้าจงใจกลั่นแกล้งนางหรือ”เมิ่งเม่ยทรุดกายลงปล่อยหยาดน้ำตาร่วงริน“ไท่จือตีค่าเมิ่งเม่ยแค่เพียงคนต่ำช้าเช่นนี้นั้นเชียวหรือ เมิ่งเม่ยจะกลั่นแกล้งนางไปทำไมในเมื่อลี่หลันเล่อกับข้าเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ข้าขอโทษหากเจ้าคิดว่าข้ากล่าวหาเจ้า ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นแต่อยู่ๆ เรือจะแยกตัวออกจากแผ่นหินได้อย่างไรหากไม่มีใครจงใจให้เป็นช่นนั้น” เมิ่งเมิ่งยิ้มเศร้าๆ“หากไท่จือไม่พอพระทัยเมิ่งเม่ยยินดีตามไปขอโทษลี่หลันเล่อ”“ไม่ต้องเจ้าแค่ต่อไป อย่าได้ชวนนางไปไหนมาไหนด้วยก็พอ”แค่เพียงรู้สึกว่าขินอายที่ลี่หลันเล่อจุมพิตเขาที่ใต้น้ำคงไม่อาจพบหน้านางอีกสักพัก…………………………………………………………………….“ข้าคือซือฝุของเจ้าถงหมิ่น เจ้าจำเรื่องราวของเราไม่ได้หรือไร”“ซือฝ
สาวเท้าเข้าไปในตำหนัก“ขันทีปิดประตูเสียห้ามใครเข้าออก”สั่งเสียงดังลั่นใบหน้างามเรียบเฉยของหลันเล่อรบกวนจิตใจเขายิ่งนัก“นำข้ามาคุมขังไว้ที่นี่ไม่กลัวว่าเมิ่งเม่ยนางจะไม่พอใจหรือไร”ต้าหมิงคุนอมยิ้มหลันเล่อเริ่มหยั่งเชิงของ ต้าหมิงคุนว่าคิดอย่างไรกันแน่ตอนนี้นับว่าต้าหมิงคุนทั้งสีหน้าและแววตายามที่มองเมิ่งเม่ยไม่เหมือนเดิมแววตาไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งเหมือนเดิมอีกแล้ว“ข้ากับนาง ช่างเถอะเจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าจะสงบจิตใจได้ดีกว่านี้”ก้าวขาออกจากห้องไป ลี่หลันเล่อไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด“ขันทีเฝ้าที่นี่ไว้เสียห้ามให้ฮองเฮาออกมาข้างนอก”ลี่หลันเล่อเขย่าประตูแรงๆ แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้หันมองรอบกายนางกำนัลสองคนเข้ามาข้างใน มองหลันเล่อด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ“พวกเจ้าตามเมิ่งเม่ยให้ข้าที”“เอ่อ..เอ่อฮองเฮาท่านจะตามพระนางทำไมกัน”“พวกเจ้าเรียกข้าว่าฮองเฮาแต่บัญชาข้า พวกเจ้าไม่ทำให้”“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย อย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้ข้าน้อยยังไม่อยากออกจากวังหลวงข้าน้อยมีพ่อกับแม่ที่ชราและน้องที่ยังเล็กๆ ”รู้ดีว่าหากทำให้ฮองเฮาไม่พอใจเรื่องนี้จะต้องถ
“หลันเล่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าให้คนเฝ้าเจ้าไว้นางยังกล้าเข้ามา เพื่อทำร้ายเจ้า”ก้มมองใบหน้าที่ซุกอยู่บนอกกว้างหลันเล่อรีบผละออกจากอกของต้าหมิงคุน“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมีคนเฝ้าแล้วหลันเล่อ ตอนนี้สงบจิตใจได้แล้ว”ก้มมองใบหน้างาม กลายเป็นแววตาใสซื่อต้าหมิงคุน ใจอ่อนยวบ“เจ็บไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ็บ”เจ็บที่ใจ ทำไมต้องห่วงใยทำไมต้องอ่อนโยนทั้งๆที่เขาเคยรังเกียจคุณหนูลี่ยิ่งกว่าสิ่งใด ปีศาจหรือผีสางตนใดเข้าสิ่งสู่จึงเปลี่ยนท่าทีได้เพียงนี้“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่คนเดียว”“ข้าให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการเจ้าดีไหม”เอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่เพียงลำพัง”“เจ้าไม่เรียกข้าว่าท่านอาฝ่าบาทอีกแล้ว ข้าพยายามจะเข้าใจ ในตัวเจ้าในตอนนี้แต่ก็ไม่อาจเข้าใจทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเราสองคนเหมือนจะไปกันได้ดี”“เรา... ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราสองคนเคยดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนกุมมือลี่หลันเล่อไว้“หลันเล่อกลับมา เป็นเหมือนเดิมเป็นคนเดิมได้ไหมเจ้าเป็นอะไรไป”รอยยิ้มหยันที่ริมฝีปากของลี่หลันเล่อ ต้าหมิงคุนไม่ทันได้เห็นมัน“ที่ผ่านมานั้นข้าเสแสร้งฝ่าบาทเองน่าจะรู้จักข้าดี ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนเสแสร
“ฝ่าบาทพระนาง ไม่สบายหนักมาก อาการไม่สู้ดีตอนนี้หมอหลวงกำลังเร่งให้การรักษา”นางกำนัลก้มหน้าหลบตาโกหกอ้อมๆแอ้มๆ ลี่หลันเล่อก้าวเข้ามาในห้อง“หลันเล่ออาสาไปเยี่ยมนางเอง”พูดด้วยท่าทีอ่อนหวาน“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่เป็นไรข้าห่วงว่าเจ้าจะไปเยี่ยมนาง แน่ใจหรือว่ารับมือกับนางได้”“ฝ่าบาทไปด้วยดีไหม”“อืมมมม ข้าพาเจ้าไปเยี่ยมนางดีกว่า”หลันเล่อคล้องแขนเข้าไปที่แขนของต้าหมิงคุนที่ก้าวเดินตามนางกำนัลไป“ฮ่องเต้เสด็จจจจจจ” เมิ่งเม่ยซ่อนยิ้มปรับสีหน้าให้เศร้าสร้อย“แค่กๆๆๆ แค่กๆๆ ”เสียงไอดังเล็ดลอดออกมาจากที่ตำหนักขยับกายลงจากแท่นนอน เซถลาเข้าหาอ้อมแขนของต้าหมิงคุน หลันเล่อแทรกกายรับร่างเล็กของเมิ่งเม่ยไว้แต่กลับเซถลาไปด้วยกัน ต้าหมิงคุนรีบรวบเอวบางของหลันเล่อไว้ปล่อยให้เมิ่งเม่ยล่วงลงไปกองกับพื้น นางกำนัลรีบเข้ามาพยุง“เป็นอะไรไหม เจ้าร่างกายบอบบางเช่นไรจะทานน้ำหนักไหว”หลันเล่อช้อนตาขึ้นมองสายตาห่วงใยของต้าหมิงคุนที่ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า“พวกเจ้าพาพระนางไปที่แท่นนอน”เมิ่งเม่ย ปล่อยน้ำตาไหลรินสะอื้นเบาๆต้าหมิงคุนพยุงหลันเล่อนั่งบนเก้าอี้“เจ็บ” ต้าหมิงคุนคุกเข่าลงกับ
หกเดือนผ่านไป“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าบาทจะสวรรคตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าบาทงานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”น้ำตารื้นขอบตา“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลให้กับฝ่าบาทในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”“อืม ฝ่าบาทหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้”“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกทาง”เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงหมิ่นกับหานจงคอยอารักขา”จื่อจื่อประสานมือ“ขอบใจท่านองครักษ์”สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าหมิง
“ข้าไม่เคยรักเจ้าเมิ่งเม่ย”ต้าหมิงคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ไม่ไม่จริงฝ่าบาทรักข้าฝ่าบาทเลยลงทัณฑ์นาง” ต้าหมิงคุน ขยับตัวด้วยความยากลำบาก“หมอหลวง ตามหมอหลวง”หลันเล่อตะโกนลั่น“เจ้าอภัยให้ข้าแล้วใช่ไหม”“ไม่ฝ่าบาทอย่าอภัยให้นางนางเป็นคนที่ ทำร้ายเมิ่งเม่ยได้ยินไหมฝ่าบาทรักเมิ่งเม่ยฝ่าบาทจะต้องเกลียดนาง”“คนที่ข้ารักคือหลันเล่อได้ยินไหมเมิ่งเม่ย คนที่ข้ารักก่อนหน้านั้นคือลี่หลันเล่อและตอนนี้คนที่ข้ารักคือเอ่อหลันเล่อ”กระอักเลือดสดสดออกมา หลันเล่อกอดร่างเปื้อนเลือดสะอื้นไห้ เมิ่งเม่ยยิ้มหยัน“ฝ่าบาทไม่รักเจ้าได้ยินไหมเมิ่งเม่ยได้ยินไหมเจ้ามันนางแพศยา เจ้ารู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เคยรักเจ้า”เมิ่งเม่ยตะโกนดังลั่นสติเลื่อนลอย คล้ายดังคนเมา ชี้มีดไปตรงหน้าเอ่อหลันเล่อ“เจ้ากลับมาทำไม กลับมาทำไมทั้งๆ ที่ข้ากับฝ่าบาทกำลังจะลงเอยด้วยดี ฝ่าบาทกำลังจะลืมเจ้า นางมารเจ้ากลับมาทำไม”“เมิ่งเม่ยส่งมีดให้ข้า”จื่อจื่อค่อยๆ ขยับกายเข้าใกล้“ไม่พี่ใหญ่ข้าฆ่าคนที่นางรักนาง จะต้องทวงแค้นข้าเหมือนที่ผ่านมา พี่ใหญ่ข้าเกลียดนางได้ยินไหมแต่เพราะสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้า มีข้าจะต้องมีนางแล้วยังให้นางเหนือกว่าข้า
“ข้าไม่อาจทนเห็นความขัดแย้งและข้า..ข้าไม่อาจดูดายที่จะให้ท่านอาฝ่าบาทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”“หลันเล่อเจ้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายข้า คลุมตัวข้าหรือ เรามิใช่พี่น้องกันหรือไร”สายตาแสดงความผิดหวังหลันเล่อก้มหน้า“ฝ่าบาท หลันเล่อมีบางอย่างอยากจะขอ ปล่อยพี่ใหญ่ไปเสีย”ต้าหมิงคุน พยักหน้าไปมา“ข้าไม่คิดจะกล่าวโทษเขาอยู่แล้วเพียงแค่เขากลับใจ อย่างไรความสัมพันธ์สองแคว้นยังเป็นเหมือนเดิมเพราะท่านน้ายังอยู่ที่นั่นและเจ้ายังอยู่ที่นี่”“ข้ายินดีคุมตัวเขากลับปาเอ่อถัวด้วยตัวเอง”หยางซานชิงอาสา เหลือบตามองหลันเล่อด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่อาจเคียงข้างนางได้หลันเล่อทรุดกายลงข้างๆ หลันตี้“พี่ใหญ่ กลับไปที่ปาเอ่อถัวเสียเถิด”หลันตี้สะบัดมือจ้องหน้าหลันเล่อด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน“เจ้ากับข้าขาดกันตั้งแต่วันนี้ ข้าทำทุกอย่างเพื่อปาเอ่อถัวให้รุ่งเรืองแต่เจ้ากับเห็นแก่ผู้อื่น”หลันเล่อสะอื้นอย่างแรง“ข้าผิดเอง หลันเล่อไปอาจเกลียดชังได้เท่าที่ลี่หลันเล่อต้องการหลันเล่อไม่อาจ...ตัดใจจากคนที่ทำร้ายทำลายตัวเองในครั้งก่อนได้ เพราะที่หลันเล่อเห็นคือฝ่าบาทที่ใจดีที่สุด”หยางซาน
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา
“โบยนางจนกว่าข้าจะพอใจ”“ลี่…หลันเล่อเจ้าทำไมกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ ไม่เห็นแก่ความสัมพันของเราบ้างหรือ”หันหน้าหันหลังหาคนช่วยนางกำนัลที่เคยรับใช้ใกล้ชิดก็เพียงแค่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าทัดทาน“เมิ่งเม่ยแล้วเจ้าเล่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราบ้างหรือไม่ ตระกูลลี่บ้านแตก อีกทั้งความเจ็บช้ำที่ข้าได้รับเล่า กลับกันหากเจ้ามาเป็นข้าเจ้ายังจะแค่โบยข้าหรือไร”ก้าวขาออกไปในทันที“ลี่ ลี่หลันเล่อไม่เอาเจ้าจะปบ่อยให้ข้าถูกโบยแบบนี้ไม่ได้ลี่หลันเล่อกลับมาก่อน”ขันทีลงไม้ที่กลางหลังของถังเมิ่งเม่ยสุดแรง จะด้วยบุญบารมีหรือความแค้นส่วนตัวที่ก่อนหน้านั้นเมิ่งเม่ยเคยกดขี่หรืออาจเป็นเพราะ บัญชาของฮองเฮาไม่อาจรู้ได้ ซึ่งหลายคนในวังหลวงต่างรู้ดีว่าอย่าทำให้เมิ่งเม่ยโกรธ ร่างบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงหวดร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ“ลี่หลันเล่อได้โปรด ฮองเฮา อย่าทำแบบนี้ข้าทนรับความเจ็บปวดไม่ได้ ได้โปรดข้ากลัวแล้วปล่อยข้าไปลี่หลันเล่อได้โปรด”ส่งเสียงคร่ำครวญแม้ใครผ่านมาได้ยินในตอนนี้ย่อมที่จะอดสงสารเสียไม่ได้“ลี่หลันเล่อข้ากลัวแล้ว …ต่อไปข้าไม่กล้ากับเจ้าแล้ว”ร่างบางกระตุกตามแรงหวดของไม้พลองสุดท้ายก็แน่นิ่ง ลี่
“ฝ่าบาทพอได้แล้ว ที่ผ่านมาฝ่าบาทกักขังตัวเองกับคำว่าสำนึกนึกผิดต่อคุณหนูลี่อีกทั้งยังทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ จื่อจื่อไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรในเมื่อฮองเฮา ตอนนี้แม้จะไม่รู้ว่านางคือคุณหนูลี่หรือไม่ แต่ทว่าความเคียดแค้นเกลียดชังนั้น ฝ่าบาทจะทำอย่างไรให้มันหายไป”“เจ้ายิ่งพูดแบบนี้ ข้ายิ่งรู้สึกผิดที่ผ่านมาทุกข์ตรมแค่ไหนข้าไม่เคยอยากให้นางรู้ แค่เพียงข้ารู้ว่ามันยังน้อยไปกับสิ่งที่นางได้รับ จื่อจื่อขอร้องอย่าได้ไม่พอใจฮองเฮานางก็ควรจะโกรธข้าเกลียดข้าในเมื่อข้าทำกับนางไว้ไม่น้อย อีกสองวัน ส่งคนอารักขาฮองเฮากลับเผ่าปาเอ่อถัวเสียหากนางต้องการจะกลับไปที่นั่น”“ฝ่าบาท..หากส่งฮองเฮากลับไปตอนนี้ทุกอย่างที่ทำมาล้วนล้มเหลว”“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อข้าตอนนี้ไร้แรงกายแรงใจในทุกเรื่องจะอยู่หรือตายไม่ต่างกัน เรื่องของบ้านเมือง ข้าคงต้องปล่อยไปตามยถากรรมเช่นกัน”“ข้าน้อยไม่คิดว่า ฝ่าบาทจะจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตเช่นนี้”“ข้าเคยหวังมาตลอด ว่าพบนางอีกครั้งเพื่อได้ ชดใช้ให้กับนางตอนนี้ก็สาสมยิ่งแล้ว”"นางเจ็บปวดข้าเจ็บช้ำก็ถูกแล้ว นางไม่กล้าให้ข้าตายเพียงแค่อยากเห็นว่าข้าต้องเจ็บปวดเช่นนาง""ฝ่าบาท
“ข้อตกลงระหว่างเรา”หลันตี้ยกจอกสุราตรงหน้า“ข้าไม่ยอมทุกอย่างเพียงแค่หลันเล่อ ยอมที่จะเคียงข้างข้า”“หลันเล่อเป็นชาวปาเอ่อถัวทั้งตัวและหัวใจ ข้าคิดว่านางคงพอจะเข้าใจสิ่งที่ข้าและเสด็จแม่ตั้งใจมอบให้นาง”“ข้าหยางซานชิงรับรองว่าจะดูแลนางอย่างดี อีกทั้งมอบตำแหน่งฮองเฮาให้นาง”หลันตี้ยิ้มมุมปาก“รีบยกทัพเถิด”หยางซานชิงเร่งเร้า“กลัวว่าหลันเล่อจะเปลี่ยนใจหรือว่ากลัวว่าข้าจะเปลี่ยนใจกัน เสด็จพ่อกับสนมลู่ฟางบัดนี้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจมีเพียงข้าเท่านั้นที่เหล่าทหารให้ความย้ำเกรง”“เช่นนั้นจึงหายห่วง”“ข้ากับท่านยกทัพเข้าตีวังหลวงแคว้นหานเร็ววัน คนของข้าส่งข่าวหลันเล่อนาง ทำร้ายต้าหมิงคุน อาการสาหัสบอกได้ชัดว่านางยังมีความเป็นชนเผ่าปาเอ่อถัว ไม่เสียแรงที่ข้าคาดหวังในตัวนาง การไปของเราครั้งนี้ ต้าหมิงคุนจะต้องคาดไม่ถึง”“หากสามารถยึดวังหลวงแคว้นหานได้ ตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นหานข้ายกให้ท่านองค์ชายใหญ่ ขอเพียงท่านช่วยพูดกับหลันเล่อ”“แน่นอน ข้าสัญญาแค่เพียงยึดวังหลวงแคว้นหานได้”ยกจอกสุราชูขึ้นตรงหน้าหยางซานชิงยกจอกสุรากระดกลงคออย่ารวดเร็ว………………………………………………………………………….“เห็นหรือไม่ ต้าหมิงคุน ว่าส