“เรื่องนี้นับว่ามีเงื่อนงำไม่น้อยจะว่าไปตระกูลถังเมื่อบุตรีหายไปไม่ได้มีทีท่าว่าห่วงใยหรือส่งคนออกค้นหา ต่างกันกับตระกูลลี่ที่ส่งคนตามหาคุณหนูลี่จนพบและนำกลับไปที่ตระกูลลี่อย่างปลอดภัย เป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องโอละพ่อของแม่นาง..เมิ่งเม่ยที่ตั้งใจทำให้ไท่จือเป็นห่วง”ไม่กล้าพูดว่าเมิ่งเม่ยจงใจใส่ความลี่หลันเล่อ“ทำไมต้องทำถึงเพียงนี้แค่อยากให้ข้าห่วงใยนางทำไมต้องทำถึงเพียงนี้”จะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร หากไม่ได้เป็นเพราะเมิ่งเม่ยอิจฉาลี่หลันเล่อหรือต้องการใส่ความลี่หลันเล่อ“บางที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจคิดว่าผลที่ตามมาไม่ได้ร้ายแรงอย่างนี้ ไม่มีใครตายแค่เพียงแผน หญิงงามเจ็บตัวเพื่อเรียกร้องความสงสารจากไท่จือ” ต้าหมิงคุนหลับตาลงช้าๆ ไล่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจ เป็นเขาที่ผิด“แต่สิ่งที่นางทำกลับทำให้ข้าเข้าใจลี่หลันเล่อผิด และทำให้นางถึงแก่ความตาย”“ไท่จื่อ หญิงบอบบางเช่นคุณหนูลี่แค่เพียงอดข้าวอดน้ำก็แทบไม่อาจมีชีวิตอยู่แล้ว นี่นางจะต้องคุกเข่าตากหิมะและไอเย็นทั้งคืนแล้วยังถูกทารุณเดินทางด้วยเท้ายังด่านชายแดน แม้แต่บุรุษยังแทบไม่อาจมีชีวิตแต่นี่คุณหนูลี่ช่างบอบบางอีกทั้งใช้ชีวิ
“ท่านอาฝ่าบาทห้ามพูดถึงเรื่องตาย”ยกมือเล็กขึ้นปิดปากของต้าหมิงคุนเสีย อีกคนดึงมือออกจุมพิตที่มือซ้ำๆ“ไปได้แล้ว ป่านนี้เกี้ยวเตรียมเสร็จแล้วเจ้าอยากออกไปข้างนอกต่อไปไม่ต้องกวนใจถงหมิ่น ข้าเป็นเจ้าบ้านและสามีข้ายินดีพาเจ้าไปเอง”“ท่านอา แล้วให้อาจารย์ไปด้วยหรือไม่”“ไม่ ข้าเปลี่ยนใจแล้วอยากอยู่กับเจ้าเพียงลำพัง”หลันเล่อพยักหน้าขึ้นลง“หลันเล่อเข้าใจแล้ว ท่านอาฝ่าบาทตั้งใจทำความคุ้นเคยกับหลันเล่อเพื่อที่จะได้สนิทสนมกันใช่ไหม ”ต้าหมิงคุนอมยิ้ม“เจ้าบทจะน่ารักเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ช่างง่ายดายเสียจริงข้าบัญชาให้จื่อจื่อคอยอารักขาเราสองคนเหมือนเช่นทุกครั้ง”“แต่อาจารย์ก็เป็นองครักษ์ของหลันเล่อ”“ก็ได้ข้ายอมให้เขาไปก็ได้ ให้เขาลงเรือไปกับหานจงส่วนข้ากับเจ้านั่งเรืออีกลำ”หลันเล่อยิ้มลุกขึ้นดึงมือต้าหมิงคุนเดินออกจากห้องไปในทันที“ลงเรือ โอ้โห้ ข้าไม่เคยนั่งเรือท่านอาฝ่าบาทเร็วๆ เข้า” ถงหมิ่นยืนรอหน้าเกี้ยวใหญ่พร้อมกับหานจงจื่อจื่อประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาทจะเสด็จนอกวังเหตุใดไม่ให้จื่อจื่อคอยอารักขา”“ข้าไม่อยากให้เป็นทางการมากไปข้าตั้งใจพาฮองเฮาออกไปชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน และไหว้พระที่วัดบุปผาแด
“เจ้าจะขอพรว่าอย่างไร”ดึงมือหลันเล่อไปนั่งตรงหน้ารูปสลักพระโพธิสัตว์ เมิ่งเม่ยเดินออกไปข้างนอกขึ้นไปนั่งบนเรือรอ“หลันเล่อ อยากจะขอให้...เราสองคนมีความสุขและชาวปาเอ่อถัวกับชาวแคว้นหานมีความสุข ไร้การสู้รบและเสด็จพ่อเสด็จแม่ พี่ใหญ่ สนมลู่ฟาง อาจารย์ หานจงและท่านองครักษ์จื่อจื่อมีความสุข ไม่สิลืมท่านขุนศึกตี่หลุง อีกคนไม่ไม่ไม่แม่นางเมิ่งเม่ยด้วย”ต้าหมิงคุนยิ้มกับความน่ารักน่าเอ้นดูของหลันเล่อที่ใส่ใจทุกคน“แล้วไม่ขอพรกับเรื่องของเราบ้างหรือ”“ขอสิ หลันเล่อขอให้หลันเล่อกับท่านอา คุ้นเคยกัน แล้วก็…”“รักกันดีไหม ให้เราสองคนรักกัน”หลันเล่อยิ้มอายๆ“ก็ดี อย่างนั้นก็ดี”“เช่นนั้นเราสองคนมาขอพรพร้อมกัน”ต้าหมิงคุนปล่อยมือหลันเล่อก่อนจะยกมือขึ้นประนม ตรงหน้าหลันเล่อทำตามหลับตาลงช้าๆ ขอพรพระโพธิสัตว์ในใจพร้อมกัน ต้าหมิงคุนยกมือขอไหว้ขออภัยในคำขอก่อนหน้าในเรื่องที่เขาเคยขอเกี่ยวกับเมิ่งเม่ย“หากสิ่งที่ต้าหมิงคุนทำผิดพลาดไปหากจะลงทัณฑ์ต้าหมิงคุนน้อมรับมันด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่ขอเพียงอย่างเดียวให้ข้าได้อยู่กับหลันเล่อเคียงข้างกับนางตลอดไป”ลืมตาขึ้นช้าๆหลันเล่อยิ้มบางๆ“ท่านอา พรที่ขอจะเป็นจริ
“ท่านเป็นใคร”ถงหมิ่นถอนหายใจยาว“หลันเล่อเจ้ากำลังไม่สบาย เรากลับวังหลวงก่อนดีกว่า”“ข้าจะกลับไปที่ตระกูลลี่” …………………………………………………………………………..“ไท่จือไท่จือท่านเป็นอย่างไรบ้าง” จื่อจื่อรีบเข้ามาพยุง ต้าหมิงคุนที่สำลักน้ำ“ข้าไม่ได้เป็นอะไรแค่เพียงสำลักน้ำ”เหลือบตามองลี่หลันเล่อที่ก้าวขาลงเรือไปพร้อมกับหยางซานชิง“เมิ่งเม่ยเจ้าจงใจกลั่นแกล้งนางหรือ”เมิ่งเม่ยทรุดกายลงปล่อยหยาดน้ำตาร่วงริน“ไท่จือตีค่าเมิ่งเม่ยแค่เพียงคนต่ำช้าเช่นนี้นั้นเชียวหรือ เมิ่งเม่ยจะกลั่นแกล้งนางไปทำไมในเมื่อลี่หลันเล่อกับข้าเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ข้าขอโทษหากเจ้าคิดว่าข้ากล่าวหาเจ้า ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นแต่อยู่ๆ เรือจะแยกตัวออกจากแผ่นหินได้อย่างไรหากไม่มีใครจงใจให้เป็นช่นนั้น” เมิ่งเมิ่งยิ้มเศร้าๆ“หากไท่จือไม่พอพระทัยเมิ่งเม่ยยินดีตามไปขอโทษลี่หลันเล่อ”“ไม่ต้องเจ้าแค่ต่อไป อย่าได้ชวนนางไปไหนมาไหนด้วยก็พอ”แค่เพียงรู้สึกว่าขินอายที่ลี่หลันเล่อจุมพิตเขาที่ใต้น้ำคงไม่อาจพบหน้านางอีกสักพัก…………………………………………………………………….“ข้าคือซือฝุของเจ้าถงหมิ่น เจ้าจำเรื่องราวของเราไม่ได้หรือไร”“ซือฝ
สาวเท้าเข้าไปในตำหนัก“ขันทีปิดประตูเสียห้ามใครเข้าออก”สั่งเสียงดังลั่นใบหน้างามเรียบเฉยของหลันเล่อรบกวนจิตใจเขายิ่งนัก“นำข้ามาคุมขังไว้ที่นี่ไม่กลัวว่าเมิ่งเม่ยนางจะไม่พอใจหรือไร”ต้าหมิงคุนอมยิ้มหลันเล่อเริ่มหยั่งเชิงของ ต้าหมิงคุนว่าคิดอย่างไรกันแน่ตอนนี้นับว่าต้าหมิงคุนทั้งสีหน้าและแววตายามที่มองเมิ่งเม่ยไม่เหมือนเดิมแววตาไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งเหมือนเดิมอีกแล้ว“ข้ากับนาง ช่างเถอะเจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าจะสงบจิตใจได้ดีกว่านี้”ก้าวขาออกจากห้องไป ลี่หลันเล่อไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด“ขันทีเฝ้าที่นี่ไว้เสียห้ามให้ฮองเฮาออกมาข้างนอก”ลี่หลันเล่อเขย่าประตูแรงๆ แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้หันมองรอบกายนางกำนัลสองคนเข้ามาข้างใน มองหลันเล่อด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ“พวกเจ้าตามเมิ่งเม่ยให้ข้าที”“เอ่อ..เอ่อฮองเฮาท่านจะตามพระนางทำไมกัน”“พวกเจ้าเรียกข้าว่าฮองเฮาแต่บัญชาข้า พวกเจ้าไม่ทำให้”“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย อย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้ข้าน้อยยังไม่อยากออกจากวังหลวงข้าน้อยมีพ่อกับแม่ที่ชราและน้องที่ยังเล็กๆ ”รู้ดีว่าหากทำให้ฮองเฮาไม่พอใจเรื่องนี้จะต้องถ
“หลันเล่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าให้คนเฝ้าเจ้าไว้นางยังกล้าเข้ามา เพื่อทำร้ายเจ้า”ก้มมองใบหน้าที่ซุกอยู่บนอกกว้างหลันเล่อรีบผละออกจากอกของต้าหมิงคุน“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมีคนเฝ้าแล้วหลันเล่อ ตอนนี้สงบจิตใจได้แล้ว”ก้มมองใบหน้างาม กลายเป็นแววตาใสซื่อต้าหมิงคุน ใจอ่อนยวบ“เจ็บไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ็บ”เจ็บที่ใจ ทำไมต้องห่วงใยทำไมต้องอ่อนโยนทั้งๆที่เขาเคยรังเกียจคุณหนูลี่ยิ่งกว่าสิ่งใด ปีศาจหรือผีสางตนใดเข้าสิ่งสู่จึงเปลี่ยนท่าทีได้เพียงนี้“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่คนเดียว”“ข้าให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการเจ้าดีไหม”เอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่เพียงลำพัง”“เจ้าไม่เรียกข้าว่าท่านอาฝ่าบาทอีกแล้ว ข้าพยายามจะเข้าใจ ในตัวเจ้าในตอนนี้แต่ก็ไม่อาจเข้าใจทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเราสองคนเหมือนจะไปกันได้ดี”“เรา... ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราสองคนเคยดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนกุมมือลี่หลันเล่อไว้“หลันเล่อกลับมา เป็นเหมือนเดิมเป็นคนเดิมได้ไหมเจ้าเป็นอะไรไป”รอยยิ้มหยันที่ริมฝีปากของลี่หลันเล่อ ต้าหมิงคุนไม่ทันได้เห็นมัน“ที่ผ่านมานั้นข้าเสแสร้งฝ่าบาทเองน่าจะรู้จักข้าดี ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนเสแสร
“ฝ่าบาทพระนาง ไม่สบายหนักมาก อาการไม่สู้ดีตอนนี้หมอหลวงกำลังเร่งให้การรักษา”นางกำนัลก้มหน้าหลบตาโกหกอ้อมๆแอ้มๆ ลี่หลันเล่อก้าวเข้ามาในห้อง“หลันเล่ออาสาไปเยี่ยมนางเอง”พูดด้วยท่าทีอ่อนหวาน“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่เป็นไรข้าห่วงว่าเจ้าจะไปเยี่ยมนาง แน่ใจหรือว่ารับมือกับนางได้”“ฝ่าบาทไปด้วยดีไหม”“อืมมมม ข้าพาเจ้าไปเยี่ยมนางดีกว่า”หลันเล่อคล้องแขนเข้าไปที่แขนของต้าหมิงคุนที่ก้าวเดินตามนางกำนัลไป“ฮ่องเต้เสด็จจจจจจ” เมิ่งเม่ยซ่อนยิ้มปรับสีหน้าให้เศร้าสร้อย“แค่กๆๆๆ แค่กๆๆ ”เสียงไอดังเล็ดลอดออกมาจากที่ตำหนักขยับกายลงจากแท่นนอน เซถลาเข้าหาอ้อมแขนของต้าหมิงคุน หลันเล่อแทรกกายรับร่างเล็กของเมิ่งเม่ยไว้แต่กลับเซถลาไปด้วยกัน ต้าหมิงคุนรีบรวบเอวบางของหลันเล่อไว้ปล่อยให้เมิ่งเม่ยล่วงลงไปกองกับพื้น นางกำนัลรีบเข้ามาพยุง“เป็นอะไรไหม เจ้าร่างกายบอบบางเช่นไรจะทานน้ำหนักไหว”หลันเล่อช้อนตาขึ้นมองสายตาห่วงใยของต้าหมิงคุนที่ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า“พวกเจ้าพาพระนางไปที่แท่นนอน”เมิ่งเม่ย ปล่อยน้ำตาไหลรินสะอื้นเบาๆต้าหมิงคุนพยุงหลันเล่อนั่งบนเก้าอี้“เจ็บ” ต้าหมิงคุนคุกเข่าลงกับ
ดึงมือหยางซานชิง ให้ก้าวเดินตามไปบนทางทอดยาวด้วยรอยยิ้มกว้างกว่ากว้างหวังจะให้ต้าหมิงคุนได้เห็นว่า ลี่หลันเล่อไม่ได้เสียใจ ที่ไม่ได้เดินเคียงข้างต้าหมิงคุนในวันขึ้นปีใหม่นี้อย่างที่ตั้งใจ“ไปกันเถอะ”ต้าหมิงคุนยิ้มหยัน กับท่าทีสุขสมของลี่หลันเล่อจริงอย่างที่เขาคิดนางไม่เกี่ยงว่าจะเป็นไท่จือแคว้นหานหรือไท่จือแคว้นใต้นางก็พร้อมจะไปไหนมาไหนด้วย ต่างจากเมิ่งเม่ยที่มีเขาเพียงคนเดียวเสียงพลุถูกจุดพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้าแสง สีแดง ฟ้า เหลือง ม่วง น้ำเงินงดงามบนฟากฟ้า“ข้าไปซื้อน้ำตาลก้อนให้เจ้าดีไหม”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหยางซานชิงล้วงหยิบเหรียญทองในอกเสื้อมากำไว้“เจ้าอยู่ที่นี่ชมพลุรอข้า พอข้ามาเจ้าก็จะได้กินน้ำตาลก้อนพร้อมกับชมพลุยิ่งทำให้เพิ่มรอยยิ้ม หมู่นี้ข้าไม่เห็นเจ้ายิ้มเสียนาน”หยางซานชิงถอยหลังยิ้มให้ลี่หลันเล่อ ไปตลอดทาง ต้าหมิงคุนเดินเลี่ยงออกห่างจากเมิ่งเม่ย เมื่อเห็นว่าลี่หลันเล่อยืนอยู่เพียงลำพัง ตั้งใจไปถากถางนางเสียหน่อย“ไม่น่านัดแนะกับไท่จือแคว้นใต้นี่เอง จึงไม่เดินร่วมทางกับข้าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก”ลี่หลันเล่อหันมองคนพูดขยับตัวถอยห่างแต่ต้าหมิงคุนกลับมีทางที่ผ่อนคลาย“ไท่จือ