สาวเท้าเข้าไปในตำหนัก“ขันทีปิดประตูเสียห้ามใครเข้าออก”สั่งเสียงดังลั่นใบหน้างามเรียบเฉยของหลันเล่อรบกวนจิตใจเขายิ่งนัก“นำข้ามาคุมขังไว้ที่นี่ไม่กลัวว่าเมิ่งเม่ยนางจะไม่พอใจหรือไร”ต้าหมิงคุนอมยิ้มหลันเล่อเริ่มหยั่งเชิงของ ต้าหมิงคุนว่าคิดอย่างไรกันแน่ตอนนี้นับว่าต้าหมิงคุนทั้งสีหน้าและแววตายามที่มองเมิ่งเม่ยไม่เหมือนเดิมแววตาไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งเหมือนเดิมอีกแล้ว“ข้ากับนาง ช่างเถอะเจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าจะสงบจิตใจได้ดีกว่านี้”ก้าวขาออกจากห้องไป ลี่หลันเล่อไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด“ขันทีเฝ้าที่นี่ไว้เสียห้ามให้ฮองเฮาออกมาข้างนอก”ลี่หลันเล่อเขย่าประตูแรงๆ แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้หันมองรอบกายนางกำนัลสองคนเข้ามาข้างใน มองหลันเล่อด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ“พวกเจ้าตามเมิ่งเม่ยให้ข้าที”“เอ่อ..เอ่อฮองเฮาท่านจะตามพระนางทำไมกัน”“พวกเจ้าเรียกข้าว่าฮองเฮาแต่บัญชาข้า พวกเจ้าไม่ทำให้”“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย อย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้ข้าน้อยยังไม่อยากออกจากวังหลวงข้าน้อยมีพ่อกับแม่ที่ชราและน้องที่ยังเล็กๆ ”รู้ดีว่าหากทำให้ฮองเฮาไม่พอใจเรื่องนี้จะต้องถ
“หลันเล่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าให้คนเฝ้าเจ้าไว้นางยังกล้าเข้ามา เพื่อทำร้ายเจ้า”ก้มมองใบหน้าที่ซุกอยู่บนอกกว้างหลันเล่อรีบผละออกจากอกของต้าหมิงคุน“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมีคนเฝ้าแล้วหลันเล่อ ตอนนี้สงบจิตใจได้แล้ว”ก้มมองใบหน้างาม กลายเป็นแววตาใสซื่อต้าหมิงคุน ใจอ่อนยวบ“เจ็บไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ็บ”เจ็บที่ใจ ทำไมต้องห่วงใยทำไมต้องอ่อนโยนทั้งๆที่เขาเคยรังเกียจคุณหนูลี่ยิ่งกว่าสิ่งใด ปีศาจหรือผีสางตนใดเข้าสิ่งสู่จึงเปลี่ยนท่าทีได้เพียงนี้“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่คนเดียว”“ข้าให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการเจ้าดีไหม”เอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่เพียงลำพัง”“เจ้าไม่เรียกข้าว่าท่านอาฝ่าบาทอีกแล้ว ข้าพยายามจะเข้าใจ ในตัวเจ้าในตอนนี้แต่ก็ไม่อาจเข้าใจทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเราสองคนเหมือนจะไปกันได้ดี”“เรา... ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราสองคนเคยดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนกุมมือลี่หลันเล่อไว้“หลันเล่อกลับมา เป็นเหมือนเดิมเป็นคนเดิมได้ไหมเจ้าเป็นอะไรไป”รอยยิ้มหยันที่ริมฝีปากของลี่หลันเล่อ ต้าหมิงคุนไม่ทันได้เห็นมัน“ที่ผ่านมานั้นข้าเสแสร้งฝ่าบาทเองน่าจะรู้จักข้าดี ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนเสแสร
“ฝ่าบาทพระนาง ไม่สบายหนักมาก อาการไม่สู้ดีตอนนี้หมอหลวงกำลังเร่งให้การรักษา”นางกำนัลก้มหน้าหลบตาโกหกอ้อมๆแอ้มๆ ลี่หลันเล่อก้าวเข้ามาในห้อง“หลันเล่ออาสาไปเยี่ยมนางเอง”พูดด้วยท่าทีอ่อนหวาน“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่เป็นไรข้าห่วงว่าเจ้าจะไปเยี่ยมนาง แน่ใจหรือว่ารับมือกับนางได้”“ฝ่าบาทไปด้วยดีไหม”“อืมมมม ข้าพาเจ้าไปเยี่ยมนางดีกว่า”หลันเล่อคล้องแขนเข้าไปที่แขนของต้าหมิงคุนที่ก้าวเดินตามนางกำนัลไป“ฮ่องเต้เสด็จจจจจจ” เมิ่งเม่ยซ่อนยิ้มปรับสีหน้าให้เศร้าสร้อย“แค่กๆๆๆ แค่กๆๆ ”เสียงไอดังเล็ดลอดออกมาจากที่ตำหนักขยับกายลงจากแท่นนอน เซถลาเข้าหาอ้อมแขนของต้าหมิงคุน หลันเล่อแทรกกายรับร่างเล็กของเมิ่งเม่ยไว้แต่กลับเซถลาไปด้วยกัน ต้าหมิงคุนรีบรวบเอวบางของหลันเล่อไว้ปล่อยให้เมิ่งเม่ยล่วงลงไปกองกับพื้น นางกำนัลรีบเข้ามาพยุง“เป็นอะไรไหม เจ้าร่างกายบอบบางเช่นไรจะทานน้ำหนักไหว”หลันเล่อช้อนตาขึ้นมองสายตาห่วงใยของต้าหมิงคุนที่ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า“พวกเจ้าพาพระนางไปที่แท่นนอน”เมิ่งเม่ย ปล่อยน้ำตาไหลรินสะอื้นเบาๆต้าหมิงคุนพยุงหลันเล่อนั่งบนเก้าอี้“เจ็บ” ต้าหมิงคุนคุกเข่าลงกับ
ดึงมือหยางซานชิง ให้ก้าวเดินตามไปบนทางทอดยาวด้วยรอยยิ้มกว้างกว่ากว้างหวังจะให้ต้าหมิงคุนได้เห็นว่า ลี่หลันเล่อไม่ได้เสียใจ ที่ไม่ได้เดินเคียงข้างต้าหมิงคุนในวันขึ้นปีใหม่นี้อย่างที่ตั้งใจ“ไปกันเถอะ”ต้าหมิงคุนยิ้มหยัน กับท่าทีสุขสมของลี่หลันเล่อจริงอย่างที่เขาคิดนางไม่เกี่ยงว่าจะเป็นไท่จือแคว้นหานหรือไท่จือแคว้นใต้นางก็พร้อมจะไปไหนมาไหนด้วย ต่างจากเมิ่งเม่ยที่มีเขาเพียงคนเดียวเสียงพลุถูกจุดพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้าแสง สีแดง ฟ้า เหลือง ม่วง น้ำเงินงดงามบนฟากฟ้า“ข้าไปซื้อน้ำตาลก้อนให้เจ้าดีไหม”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหยางซานชิงล้วงหยิบเหรียญทองในอกเสื้อมากำไว้“เจ้าอยู่ที่นี่ชมพลุรอข้า พอข้ามาเจ้าก็จะได้กินน้ำตาลก้อนพร้อมกับชมพลุยิ่งทำให้เพิ่มรอยยิ้ม หมู่นี้ข้าไม่เห็นเจ้ายิ้มเสียนาน”หยางซานชิงถอยหลังยิ้มให้ลี่หลันเล่อ ไปตลอดทาง ต้าหมิงคุนเดินเลี่ยงออกห่างจากเมิ่งเม่ย เมื่อเห็นว่าลี่หลันเล่อยืนอยู่เพียงลำพัง ตั้งใจไปถากถางนางเสียหน่อย“ไม่น่านัดแนะกับไท่จือแคว้นใต้นี่เอง จึงไม่เดินร่วมทางกับข้าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก”ลี่หลันเล่อหันมองคนพูดขยับตัวถอยห่างแต่ต้าหมิงคุนกลับมีทางที่ผ่อนคลาย“ไท่จือ
พูดให้หยางซานชิงได้คิด18ปีก่อน“ไท่จือฝ่าบาทให้คนตามตัวไท่จือกลับวังหลวงแคว้นใต้โดยเร็ว”“วันๆ เที่ยวเล่นสนุกสนาน ข้าใจดีไม่บังคับเจ้าก็เที่ยวเล่นแคว้นหานจนพอใจแล้วยังไม่พอยังคิดพิเรนทร์ให้ข้าสู่ขอบุตรีขุนนางแคว้นหาน หยางซานชิงเอ๊ยหยางซานชิงบุตรีขุนนางแคว้นใต้ของเรามากมายส่งเสริมฐานะให้เจ้าได้ยิ่งใหญ่กลับทำเรื่องที่ทำให้ข้าหนักใจ”หยางซานชิงก้มหน้า“ลูกรักนางลูกพึงใจในตัวนาง”“เรื่องรักใคร่ เช่นไรจึงกล้าพูดเจ้าสูงส่งเพียงนี้ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องรักใคร่เมื่อนั่งบัลลังก์จะต้องการใครคนใดเมื่อไหร่ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยความรัก”หยางซานชิงก้มหน้า“บัญชาออกไปเตรียมการแต่งตั้งหยางซานชิงไท่จือขึ้นเป็น ฮ่องเต้ต่อจากข้าในอีกสามวันที่จะถึงนี้”หยางซานชิงนั่งนิ่งดุจหุ่น ตู้กู้กระตุกชายเสื้อให้โค้งคำนับ หยางซานชิงปัดมือตู้กู้ก้มหัวลงไม่กล่าวคำใดผุดลุกขึ้นเดินออกจากท้องพระโรงไปด้วยโทสะ“ไท่จือคุณหนูลี่ คุณหนูลี่ตอนนี้ นางถูกขับออกจากเขตวังหลวงแล้วยังถูกพ่อค้าทาสจับตัวเพื่อส่งขายเป็นทาส”หยางซานชิงตาเบิกโพลง เมื่อองครักษ์ของเขาที่สั่งให้รั้งอยู่ที่แคว้นหานรีบนำเรื่องสำคัญมาบอกกล่าว“ใครกันทำกับนางแบ
“ไท่จือ อย่าเพิ่งเชื่อความพูดของพ่อค้าทาสจอมปลิ้นปล้อนบางทีอาจพูดเพื่อให้คนที่ตามหาพวกทาสที่ถูกจับตัวถอดใจเราควรลองหาแม่นางลี่ให้พบ”“ไปกันเถิดเช่นนั้นอย่ารอช้า”กระโดดขึ้นบนหลังม้า พาม้าทะยานออกจากตรงนั้นไปในทันที“ลี่หลันเล่อรอข้าก่อน ข้ากำลังมาหาเจ้าแล้ว”“ไท่จือเรามาช้าไป แม่นางลี่ ไม่มีลมหายใจแล้ว”หยางซานชิงกำหมัดแน่นกัดฟันจนรู้สึกเจ็บ“ไม่ไม่ไม่ม่ายยยยยยย……นางจะต้องไม่ตาย นางจะต้องไม่ทิ้งข้าไป ข้าตั้งใจมาช่วยนางแม่นางลี่เจ้าฟื้นขึ้นมาสิ แม่นางลี่ ลี่หลันเล่อเจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้…เจ้าจะทิ้งข้าไปไม่ได้…”น้ำตาที่ไหลรินหาใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความอาดรู และเสียใจอย่างที่สุดฮ่องเต้แคว้นใต้ทุบกำปั้นลงบนบัลลังก์เสียงดังลั่น“หยางซานชิงไม่ยอมแยกแยะ ป่านนี้ยังเที่ยวเล่นสนุกสนานเห็นเรื่องของหญิงงามสำคัญกว่าตำแหน่งฮ่องเต้ ดีหากไม่อยากนั่งบัลลังก์ข้าก็ไม่ยกมันให้เสียก็เท่านั้น บัญชาออกไปยกเลิกพิธีการสถาปนาหยางซานชิงไท่จือขึ้นนั่งตำแหน่งฮ่องเต้”……………………………………………………………………………วังหลวงแคว้นใต้เสื้อคลุมมังกรถูกตวัดขึ้นสวมบนร่างสูงของหยางซานชิง เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังลั่นท้องพระโรง ตราประทับของฮ่
ต้าหมิงคุนยอมรับผิดเพราะไม่อยากให้ลี่หลันเล่อต้องอยู่กับความแค้นเคือง ลี่หลันเล่อหลับตาไล่ความเจ็บช้ำ เข้าใจว่าต้าหมิงคุนพยายามจะปกป้องเมิ่งเม่ยกลัวว่าลี่หลันเล่อจะทำร้ายเมิ่งเม่ย“ไม่ว่า เรื่องราวจะผ่านไปนานแค่ไหนฝ่าบาทก็ยังปกป้องนาง มองข้าเพียงคนที่ร้ายกาจเช่นเดิม”ต้าหมิงคุน เงยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตา“ลี่หลันเล่อตลอดเวลาสิบแปดปีข้ารู้สึกผิดกับเจ้ามาตลอด ข้าเฝ้ารอคอยให้เจ้ากลับมาเพื่อข้าจะได้ขอโทษเจ้า ลี่หลันเล่อข้าไม่อยากให้เจ้าต้องระทมทุกข์อีกต่อไป ขอเพียงเจ้ามีความสุขแม้ชีวิตข้าก็ให้เจ้าได้” มีดสั้นที่หลันตี้มอบให้ ถูกดึงออกมาตรงหน้า“ฆ่าข้าเสียหากมันจะทำให้เจ้าหายแค้น”ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับลี่หลันเล่อ“ฝ่าบาทคิดว่าเพียงแค่ชีวิตของฝ่าบาทจะพอลบล้างสิ่งที่ลี่หลันเล่อต้องพบเจอหรือไร”ลดมือที่ถือมีดลงข้างลำตัว“แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร เจ้าจึงจะพอใจ” ลี่หลันเล่อสะอื้นเบาๆสับสนในใจจะทำอย่างไร จะฆ่าหรือก็ง่ายดายเกินไปจะเกลียดหรือก็ไม่อาจเกลียด ในเมื่อหัวใจกลับไม่อาจสลัดเขาออกไปได้ ต้าหมิงคุนขยับเข้าหา“ที่ข้าประสงค์ในตอนนี้คือ..อยากเห็นท่านทั้งสอง ต้องพบกับความเจ็บปวด เช่นเดียวกับข้
เมิ่งเม่ยยิ้ม“บางทีข้าก็สับสนในเมื่อเห็นๆ ว่าไท่จือ..กอดจูบเจ้าหลายครั้ง”“หลายเดือนมานี้ ข้ากับไท่จือบาดหมางกันเรื่อยมา ที่เจ้าเห็นว่าข้ากับไท่จือใกล้ชิดกัน นั่นเป็นเพียงอารมณ์โกรธของไท่จือเขาจะทำร้ายข้าก็คงไม่กล้า เช่นนั้นที่เห็นเขากอดจูบคงแค่อยากให้ข้าอาย เจ้าอย่าได้เก็บไปคิดมาก เจ้ากำลังจะแต่งกับไท่จือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งแล้ว อย่าให้เรื่องของข้ามาทำให้เรื่องน่ายินดีนี้จบลง ข้าไม่ไปจึงดีเจ้าจะได้ มีเวลาใกล้ชิดไท่จือมากหน่อย”“หากอยากให้ข้าสบายใจเจ้าจะต้องไปดื่มชาในวันพรุ่งนี้กับข้า คุณหนูลี่ข้าอยากให้เจ้ากับไท่จือ เลิกบาดหมางกันเสียที”ลี่หลันเล่อถอนหายใจ“เจ้าต้องรับปากข้าว่าเจ้าจะไปดื่มชาที่ตำหนักบูรพากับข้าในวันพรุ่งนี้”ลี่หลันเล่อพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้เกี้ยวของตำหนักบูรพาเคลื่อนมาที่หน้าบ้านตระกูลลี่ เมิ่งเม่ยก้าวขาลงจากเกี้ยว ด้วยอาภรณ์สีฟ้าใสในมือเมื่อวาน สีฟ้าช่างเหมาะกับใบหน้างดงามและท่าทีอ่อนหวานของเมิ่งเม่ยเสียจริง“ไปกันเถอะ”เมิ่งเม่ยเอ่ยปากชวนอีกครั้งลี่หลันเล่อ ก้าวเดินออกมานอกห้อง“เจ้าจะไม่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์หน่อยหรือ พวกจ้าไปหยิบอาภรณ์ตัวใหม่มาเปลี่ยนให้กับคุณห