เมิ่งเม่ยยิ้ม“บางทีข้าก็สับสนในเมื่อเห็นๆ ว่าไท่จือ..กอดจูบเจ้าหลายครั้ง”“หลายเดือนมานี้ ข้ากับไท่จือบาดหมางกันเรื่อยมา ที่เจ้าเห็นว่าข้ากับไท่จือใกล้ชิดกัน นั่นเป็นเพียงอารมณ์โกรธของไท่จือเขาจะทำร้ายข้าก็คงไม่กล้า เช่นนั้นที่เห็นเขากอดจูบคงแค่อยากให้ข้าอาย เจ้าอย่าได้เก็บไปคิดมาก เจ้ากำลังจะแต่งกับไท่จือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งแล้ว อย่าให้เรื่องของข้ามาทำให้เรื่องน่ายินดีนี้จบลง ข้าไม่ไปจึงดีเจ้าจะได้ มีเวลาใกล้ชิดไท่จือมากหน่อย”“หากอยากให้ข้าสบายใจเจ้าจะต้องไปดื่มชาในวันพรุ่งนี้กับข้า คุณหนูลี่ข้าอยากให้เจ้ากับไท่จือ เลิกบาดหมางกันเสียที”ลี่หลันเล่อถอนหายใจ“เจ้าต้องรับปากข้าว่าเจ้าจะไปดื่มชาที่ตำหนักบูรพากับข้าในวันพรุ่งนี้”ลี่หลันเล่อพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้เกี้ยวของตำหนักบูรพาเคลื่อนมาที่หน้าบ้านตระกูลลี่ เมิ่งเม่ยก้าวขาลงจากเกี้ยว ด้วยอาภรณ์สีฟ้าใสในมือเมื่อวาน สีฟ้าช่างเหมาะกับใบหน้างดงามและท่าทีอ่อนหวานของเมิ่งเม่ยเสียจริง“ไปกันเถอะ”เมิ่งเม่ยเอ่ยปากชวนอีกครั้งลี่หลันเล่อ ก้าวเดินออกมานอกห้อง“เจ้าจะไม่ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์หน่อยหรือ พวกจ้าไปหยิบอาภรณ์ตัวใหม่มาเปลี่ยนให้กับคุณห
“คุณหนู แล้วคุณหนูจะอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน ข้าน้อยส่งคนคุ้มกัน”“ดีมาก ข้าจะอยู่จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย จนกว่ากำหนดวันเสกสมรสจะผ่านไป”ยิ้มมุมปาก“ขอรับ”“ไปได้แล้ว แล้วอย่าลืมส่งคนไปที่ตระกูลลี่แจ้งข่าวกับลี่หลันเล่อ ว่าข้าพลัดหลงกับพวกเจ้า”“ขอรับ”เมิ่งเม่ยก้าวข้าขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวตามเดิม“ทำไมพวกเจ้าไม่ตามไปคุ้มกันคุณหนู ส่งคนค้นหาตัวคุณหนูให้พบ” ใต้เท้าลี่ตวาดดังลั่น“นายท่านคุณหนูถังบอกกับพวกเราว่า ไม่จำเป็นต้องติดตามคุณหนูเพราะคนของบ้านถังก็เกินพอแล้ว”“เจ้าวางใจผู้อื่นให้คุ้มกันคุณหนูหรือไร”คนคุ้มกันคุกเข่าลงตรงหน้า“ใต้เท้าฝ่าบาทให้ท่านเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้”ขันทีประสานมือ ใต้เท้าลี่ขมวดคิ้ว“ข้ากำลังจะไปเดี๋ยวนี้”วังหลวง“ลี่หลันเต๋อ มีคนถวายฎีกากับข้าเรื่องที่เจ้าเรียกรับสินบนกับพ่อค้าจากแคว้นใต้เพื่อแลกกับการได้ทำการค้าในแคว้นหาน มีสิ่งใดจะแก้ต่างหรือไม่”ใต้เท้าลี่ยิ้มมุมปากทรุดกายลงกับพื้น“ข้าน้อยไร้หนทางแก้ต่าง”มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งไม่แก้ต่างยอมรับผิดสละตำแหน่งขุนนางกรมคลังเสีย เพื่อแลกกับสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต“ลี่หลันเต๋อบอกมาเบี้ยหวัดที่ได้มันน้อยไปหรือไรจึงเปลี
“ข้อตกลงระหว่างเรา”หลันตี้ยกจอกสุราตรงหน้า“ข้าไม่ยอมทุกอย่างเพียงแค่หลันเล่อ ยอมที่จะเคียงข้างข้า”“หลันเล่อเป็นชาวปาเอ่อถัวทั้งตัวและหัวใจ ข้าคิดว่านางคงพอจะเข้าใจสิ่งที่ข้าและเสด็จแม่ตั้งใจมอบให้นาง”“ข้าหยางซานชิงรับรองว่าจะดูแลนางอย่างดี อีกทั้งมอบตำแหน่งฮองเฮาให้นาง”หลันตี้ยิ้มมุมปาก“รีบยกทัพเถิด”หยางซานชิงเร่งเร้า“กลัวว่าหลันเล่อจะเปลี่ยนใจหรือว่ากลัวว่าข้าจะเปลี่ยนใจกัน เสด็จพ่อกับสนมลู่ฟางบัดนี้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจมีเพียงข้าเท่านั้นที่เหล่าทหารให้ความย้ำเกรง”“เช่นนั้นจึงหายห่วง”“ข้ากับท่านยกทัพเข้าตีวังหลวงแคว้นหานเร็ววัน คนของข้าส่งข่าวหลันเล่อนาง ทำร้ายต้าหมิงคุน อาการสาหัสบอกได้ชัดว่านางยังมีความเป็นชนเผ่าปาเอ่อถัว ไม่เสียแรงที่ข้าคาดหวังในตัวนาง การไปของเราครั้งนี้ ต้าหมิงคุนจะต้องคาดไม่ถึง”“หากสามารถยึดวังหลวงแคว้นหานได้ ตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นหานข้ายกให้ท่านองค์ชายใหญ่ ขอเพียงท่านช่วยพูดกับหลันเล่อ”“แน่นอน ข้าสัญญาแค่เพียงยึดวังหลวงแคว้นหานได้”ยกจอกสุราชูขึ้นตรงหน้าหยางซานชิงยกจอกสุรากระดกลงคออย่ารวดเร็ว………………………………………………………………………….“เห็นหรือไม่ ต้าหมิงคุน ว่าส
“ฝ่าบาทพอได้แล้ว ที่ผ่านมาฝ่าบาทกักขังตัวเองกับคำว่าสำนึกนึกผิดต่อคุณหนูลี่อีกทั้งยังทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ จื่อจื่อไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรในเมื่อฮองเฮา ตอนนี้แม้จะไม่รู้ว่านางคือคุณหนูลี่หรือไม่ แต่ทว่าความเคียดแค้นเกลียดชังนั้น ฝ่าบาทจะทำอย่างไรให้มันหายไป”“เจ้ายิ่งพูดแบบนี้ ข้ายิ่งรู้สึกผิดที่ผ่านมาทุกข์ตรมแค่ไหนข้าไม่เคยอยากให้นางรู้ แค่เพียงข้ารู้ว่ามันยังน้อยไปกับสิ่งที่นางได้รับ จื่อจื่อขอร้องอย่าได้ไม่พอใจฮองเฮานางก็ควรจะโกรธข้าเกลียดข้าในเมื่อข้าทำกับนางไว้ไม่น้อย อีกสองวัน ส่งคนอารักขาฮองเฮากลับเผ่าปาเอ่อถัวเสียหากนางต้องการจะกลับไปที่นั่น”“ฝ่าบาท..หากส่งฮองเฮากลับไปตอนนี้ทุกอย่างที่ทำมาล้วนล้มเหลว”“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อข้าตอนนี้ไร้แรงกายแรงใจในทุกเรื่องจะอยู่หรือตายไม่ต่างกัน เรื่องของบ้านเมือง ข้าคงต้องปล่อยไปตามยถากรรมเช่นกัน”“ข้าน้อยไม่คิดว่า ฝ่าบาทจะจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตเช่นนี้”“ข้าเคยหวังมาตลอด ว่าพบนางอีกครั้งเพื่อได้ ชดใช้ให้กับนางตอนนี้ก็สาสมยิ่งแล้ว”"นางเจ็บปวดข้าเจ็บช้ำก็ถูกแล้ว นางไม่กล้าให้ข้าตายเพียงแค่อยากเห็นว่าข้าต้องเจ็บปวดเช่นนาง""ฝ่าบาท
“โบยนางจนกว่าข้าจะพอใจ”“ลี่…หลันเล่อเจ้าทำไมกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ ไม่เห็นแก่ความสัมพันของเราบ้างหรือ”หันหน้าหันหลังหาคนช่วยนางกำนัลที่เคยรับใช้ใกล้ชิดก็เพียงแค่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าทัดทาน“เมิ่งเม่ยแล้วเจ้าเล่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราบ้างหรือไม่ ตระกูลลี่บ้านแตก อีกทั้งความเจ็บช้ำที่ข้าได้รับเล่า กลับกันหากเจ้ามาเป็นข้าเจ้ายังจะแค่โบยข้าหรือไร”ก้าวขาออกไปในทันที“ลี่ ลี่หลันเล่อไม่เอาเจ้าจะปบ่อยให้ข้าถูกโบยแบบนี้ไม่ได้ลี่หลันเล่อกลับมาก่อน”ขันทีลงไม้ที่กลางหลังของถังเมิ่งเม่ยสุดแรง จะด้วยบุญบารมีหรือความแค้นส่วนตัวที่ก่อนหน้านั้นเมิ่งเม่ยเคยกดขี่หรืออาจเป็นเพราะ บัญชาของฮองเฮาไม่อาจรู้ได้ ซึ่งหลายคนในวังหลวงต่างรู้ดีว่าอย่าทำให้เมิ่งเม่ยโกรธ ร่างบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงหวดร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ“ลี่หลันเล่อได้โปรด ฮองเฮา อย่าทำแบบนี้ข้าทนรับความเจ็บปวดไม่ได้ ได้โปรดข้ากลัวแล้วปล่อยข้าไปลี่หลันเล่อได้โปรด”ส่งเสียงคร่ำครวญแม้ใครผ่านมาได้ยินในตอนนี้ย่อมที่จะอดสงสารเสียไม่ได้“ลี่หลันเล่อข้ากลัวแล้ว …ต่อไปข้าไม่กล้ากับเจ้าแล้ว”ร่างบางกระตุกตามแรงหวดของไม้พลองสุดท้ายก็แน่นิ่ง ลี่
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ