“เจ้าจะขอพรว่าอย่างไร”ดึงมือหลันเล่อไปนั่งตรงหน้ารูปสลักพระโพธิสัตว์ เมิ่งเม่ยเดินออกไปข้างนอกขึ้นไปนั่งบนเรือรอ“หลันเล่อ อยากจะขอให้...เราสองคนมีความสุขและชาวปาเอ่อถัวกับชาวแคว้นหานมีความสุข ไร้การสู้รบและเสด็จพ่อเสด็จแม่ พี่ใหญ่ สนมลู่ฟาง อาจารย์ หานจงและท่านองครักษ์จื่อจื่อมีความสุข ไม่สิลืมท่านขุนศึกตี่หลุง อีกคนไม่ไม่ไม่แม่นางเมิ่งเม่ยด้วย”ต้าหมิงคุนยิ้มกับความน่ารักน่าเอ้นดูของหลันเล่อที่ใส่ใจทุกคน“แล้วไม่ขอพรกับเรื่องของเราบ้างหรือ”“ขอสิ หลันเล่อขอให้หลันเล่อกับท่านอา คุ้นเคยกัน แล้วก็…”“รักกันดีไหม ให้เราสองคนรักกัน”หลันเล่อยิ้มอายๆ“ก็ดี อย่างนั้นก็ดี”“เช่นนั้นเราสองคนมาขอพรพร้อมกัน”ต้าหมิงคุนปล่อยมือหลันเล่อก่อนจะยกมือขึ้นประนม ตรงหน้าหลันเล่อทำตามหลับตาลงช้าๆ ขอพรพระโพธิสัตว์ในใจพร้อมกัน ต้าหมิงคุนยกมือขอไหว้ขออภัยในคำขอก่อนหน้าในเรื่องที่เขาเคยขอเกี่ยวกับเมิ่งเม่ย“หากสิ่งที่ต้าหมิงคุนทำผิดพลาดไปหากจะลงทัณฑ์ต้าหมิงคุนน้อมรับมันด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่ขอเพียงอย่างเดียวให้ข้าได้อยู่กับหลันเล่อเคียงข้างกับนางตลอดไป”ลืมตาขึ้นช้าๆหลันเล่อยิ้มบางๆ“ท่านอา พรที่ขอจะเป็นจริ
“ท่านเป็นใคร”ถงหมิ่นถอนหายใจยาว“หลันเล่อเจ้ากำลังไม่สบาย เรากลับวังหลวงก่อนดีกว่า”“ข้าจะกลับไปที่ตระกูลลี่” …………………………………………………………………………..“ไท่จือไท่จือท่านเป็นอย่างไรบ้าง” จื่อจื่อรีบเข้ามาพยุง ต้าหมิงคุนที่สำลักน้ำ“ข้าไม่ได้เป็นอะไรแค่เพียงสำลักน้ำ”เหลือบตามองลี่หลันเล่อที่ก้าวขาลงเรือไปพร้อมกับหยางซานชิง“เมิ่งเม่ยเจ้าจงใจกลั่นแกล้งนางหรือ”เมิ่งเม่ยทรุดกายลงปล่อยหยาดน้ำตาร่วงริน“ไท่จือตีค่าเมิ่งเม่ยแค่เพียงคนต่ำช้าเช่นนี้นั้นเชียวหรือ เมิ่งเม่ยจะกลั่นแกล้งนางไปทำไมในเมื่อลี่หลันเล่อกับข้าเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ข้าขอโทษหากเจ้าคิดว่าข้ากล่าวหาเจ้า ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นแต่อยู่ๆ เรือจะแยกตัวออกจากแผ่นหินได้อย่างไรหากไม่มีใครจงใจให้เป็นช่นนั้น” เมิ่งเมิ่งยิ้มเศร้าๆ“หากไท่จือไม่พอพระทัยเมิ่งเม่ยยินดีตามไปขอโทษลี่หลันเล่อ”“ไม่ต้องเจ้าแค่ต่อไป อย่าได้ชวนนางไปไหนมาไหนด้วยก็พอ”แค่เพียงรู้สึกว่าขินอายที่ลี่หลันเล่อจุมพิตเขาที่ใต้น้ำคงไม่อาจพบหน้านางอีกสักพัก…………………………………………………………………….“ข้าคือซือฝุของเจ้าถงหมิ่น เจ้าจำเรื่องราวของเราไม่ได้หรือไร”“ซือฝ
สาวเท้าเข้าไปในตำหนัก“ขันทีปิดประตูเสียห้ามใครเข้าออก”สั่งเสียงดังลั่นใบหน้างามเรียบเฉยของหลันเล่อรบกวนจิตใจเขายิ่งนัก“นำข้ามาคุมขังไว้ที่นี่ไม่กลัวว่าเมิ่งเม่ยนางจะไม่พอใจหรือไร”ต้าหมิงคุนอมยิ้มหลันเล่อเริ่มหยั่งเชิงของ ต้าหมิงคุนว่าคิดอย่างไรกันแน่ตอนนี้นับว่าต้าหมิงคุนทั้งสีหน้าและแววตายามที่มองเมิ่งเม่ยไม่เหมือนเดิมแววตาไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งเหมือนเดิมอีกแล้ว“ข้ากับนาง ช่างเถอะเจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าจะสงบจิตใจได้ดีกว่านี้”ก้าวขาออกจากห้องไป ลี่หลันเล่อไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด“ขันทีเฝ้าที่นี่ไว้เสียห้ามให้ฮองเฮาออกมาข้างนอก”ลี่หลันเล่อเขย่าประตูแรงๆ แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้หันมองรอบกายนางกำนัลสองคนเข้ามาข้างใน มองหลันเล่อด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ“พวกเจ้าตามเมิ่งเม่ยให้ข้าที”“เอ่อ..เอ่อฮองเฮาท่านจะตามพระนางทำไมกัน”“พวกเจ้าเรียกข้าว่าฮองเฮาแต่บัญชาข้า พวกเจ้าไม่ทำให้”“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย อย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้ข้าน้อยยังไม่อยากออกจากวังหลวงข้าน้อยมีพ่อกับแม่ที่ชราและน้องที่ยังเล็กๆ ”รู้ดีว่าหากทำให้ฮองเฮาไม่พอใจเรื่องนี้จะต้องถ
“หลันเล่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าให้คนเฝ้าเจ้าไว้นางยังกล้าเข้ามา เพื่อทำร้ายเจ้า”ก้มมองใบหน้าที่ซุกอยู่บนอกกว้างหลันเล่อรีบผละออกจากอกของต้าหมิงคุน“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมีคนเฝ้าแล้วหลันเล่อ ตอนนี้สงบจิตใจได้แล้ว”ก้มมองใบหน้างาม กลายเป็นแววตาใสซื่อต้าหมิงคุน ใจอ่อนยวบ“เจ็บไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ็บ”เจ็บที่ใจ ทำไมต้องห่วงใยทำไมต้องอ่อนโยนทั้งๆที่เขาเคยรังเกียจคุณหนูลี่ยิ่งกว่าสิ่งใด ปีศาจหรือผีสางตนใดเข้าสิ่งสู่จึงเปลี่ยนท่าทีได้เพียงนี้“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่คนเดียว”“ข้าให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการเจ้าดีไหม”เอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย“ฝ่าบาทไปเสียข้าอยากอยู่เพียงลำพัง”“เจ้าไม่เรียกข้าว่าท่านอาฝ่าบาทอีกแล้ว ข้าพยายามจะเข้าใจ ในตัวเจ้าในตอนนี้แต่ก็ไม่อาจเข้าใจทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเราสองคนเหมือนจะไปกันได้ดี”“เรา... ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราสองคนเคยดีต่อกัน”ต้าหมิงคุนกุมมือลี่หลันเล่อไว้“หลันเล่อกลับมา เป็นเหมือนเดิมเป็นคนเดิมได้ไหมเจ้าเป็นอะไรไป”รอยยิ้มหยันที่ริมฝีปากของลี่หลันเล่อ ต้าหมิงคุนไม่ทันได้เห็นมัน“ที่ผ่านมานั้นข้าเสแสร้งฝ่าบาทเองน่าจะรู้จักข้าดี ทุกอย่างที่ข้าทำล้วนเสแสร
“ฝ่าบาทพระนาง ไม่สบายหนักมาก อาการไม่สู้ดีตอนนี้หมอหลวงกำลังเร่งให้การรักษา”นางกำนัลก้มหน้าหลบตาโกหกอ้อมๆแอ้มๆ ลี่หลันเล่อก้าวเข้ามาในห้อง“หลันเล่ออาสาไปเยี่ยมนางเอง”พูดด้วยท่าทีอ่อนหวาน“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่เป็นไรข้าห่วงว่าเจ้าจะไปเยี่ยมนาง แน่ใจหรือว่ารับมือกับนางได้”“ฝ่าบาทไปด้วยดีไหม”“อืมมมม ข้าพาเจ้าไปเยี่ยมนางดีกว่า”หลันเล่อคล้องแขนเข้าไปที่แขนของต้าหมิงคุนที่ก้าวเดินตามนางกำนัลไป“ฮ่องเต้เสด็จจจจจจ” เมิ่งเม่ยซ่อนยิ้มปรับสีหน้าให้เศร้าสร้อย“แค่กๆๆๆ แค่กๆๆ ”เสียงไอดังเล็ดลอดออกมาจากที่ตำหนักขยับกายลงจากแท่นนอน เซถลาเข้าหาอ้อมแขนของต้าหมิงคุน หลันเล่อแทรกกายรับร่างเล็กของเมิ่งเม่ยไว้แต่กลับเซถลาไปด้วยกัน ต้าหมิงคุนรีบรวบเอวบางของหลันเล่อไว้ปล่อยให้เมิ่งเม่ยล่วงลงไปกองกับพื้น นางกำนัลรีบเข้ามาพยุง“เป็นอะไรไหม เจ้าร่างกายบอบบางเช่นไรจะทานน้ำหนักไหว”หลันเล่อช้อนตาขึ้นมองสายตาห่วงใยของต้าหมิงคุนที่ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า“พวกเจ้าพาพระนางไปที่แท่นนอน”เมิ่งเม่ย ปล่อยน้ำตาไหลรินสะอื้นเบาๆต้าหมิงคุนพยุงหลันเล่อนั่งบนเก้าอี้“เจ็บ” ต้าหมิงคุนคุกเข่าลงกับ
ดึงมือหยางซานชิง ให้ก้าวเดินตามไปบนทางทอดยาวด้วยรอยยิ้มกว้างกว่ากว้างหวังจะให้ต้าหมิงคุนได้เห็นว่า ลี่หลันเล่อไม่ได้เสียใจ ที่ไม่ได้เดินเคียงข้างต้าหมิงคุนในวันขึ้นปีใหม่นี้อย่างที่ตั้งใจ“ไปกันเถอะ”ต้าหมิงคุนยิ้มหยัน กับท่าทีสุขสมของลี่หลันเล่อจริงอย่างที่เขาคิดนางไม่เกี่ยงว่าจะเป็นไท่จือแคว้นหานหรือไท่จือแคว้นใต้นางก็พร้อมจะไปไหนมาไหนด้วย ต่างจากเมิ่งเม่ยที่มีเขาเพียงคนเดียวเสียงพลุถูกจุดพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้าแสง สีแดง ฟ้า เหลือง ม่วง น้ำเงินงดงามบนฟากฟ้า“ข้าไปซื้อน้ำตาลก้อนให้เจ้าดีไหม”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหยางซานชิงล้วงหยิบเหรียญทองในอกเสื้อมากำไว้“เจ้าอยู่ที่นี่ชมพลุรอข้า พอข้ามาเจ้าก็จะได้กินน้ำตาลก้อนพร้อมกับชมพลุยิ่งทำให้เพิ่มรอยยิ้ม หมู่นี้ข้าไม่เห็นเจ้ายิ้มเสียนาน”หยางซานชิงถอยหลังยิ้มให้ลี่หลันเล่อ ไปตลอดทาง ต้าหมิงคุนเดินเลี่ยงออกห่างจากเมิ่งเม่ย เมื่อเห็นว่าลี่หลันเล่อยืนอยู่เพียงลำพัง ตั้งใจไปถากถางนางเสียหน่อย“ไม่น่านัดแนะกับไท่จือแคว้นใต้นี่เอง จึงไม่เดินร่วมทางกับข้าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก”ลี่หลันเล่อหันมองคนพูดขยับตัวถอยห่างแต่ต้าหมิงคุนกลับมีทางที่ผ่อนคลาย“ไท่จือ
พูดให้หยางซานชิงได้คิด18ปีก่อน“ไท่จือฝ่าบาทให้คนตามตัวไท่จือกลับวังหลวงแคว้นใต้โดยเร็ว”“วันๆ เที่ยวเล่นสนุกสนาน ข้าใจดีไม่บังคับเจ้าก็เที่ยวเล่นแคว้นหานจนพอใจแล้วยังไม่พอยังคิดพิเรนทร์ให้ข้าสู่ขอบุตรีขุนนางแคว้นหาน หยางซานชิงเอ๊ยหยางซานชิงบุตรีขุนนางแคว้นใต้ของเรามากมายส่งเสริมฐานะให้เจ้าได้ยิ่งใหญ่กลับทำเรื่องที่ทำให้ข้าหนักใจ”หยางซานชิงก้มหน้า“ลูกรักนางลูกพึงใจในตัวนาง”“เรื่องรักใคร่ เช่นไรจึงกล้าพูดเจ้าสูงส่งเพียงนี้ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องรักใคร่เมื่อนั่งบัลลังก์จะต้องการใครคนใดเมื่อไหร่ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยความรัก”หยางซานชิงก้มหน้า“บัญชาออกไปเตรียมการแต่งตั้งหยางซานชิงไท่จือขึ้นเป็น ฮ่องเต้ต่อจากข้าในอีกสามวันที่จะถึงนี้”หยางซานชิงนั่งนิ่งดุจหุ่น ตู้กู้กระตุกชายเสื้อให้โค้งคำนับ หยางซานชิงปัดมือตู้กู้ก้มหัวลงไม่กล่าวคำใดผุดลุกขึ้นเดินออกจากท้องพระโรงไปด้วยโทสะ“ไท่จือคุณหนูลี่ คุณหนูลี่ตอนนี้ นางถูกขับออกจากเขตวังหลวงแล้วยังถูกพ่อค้าทาสจับตัวเพื่อส่งขายเป็นทาส”หยางซานชิงตาเบิกโพลง เมื่อองครักษ์ของเขาที่สั่งให้รั้งอยู่ที่แคว้นหานรีบนำเรื่องสำคัญมาบอกกล่าว“ใครกันทำกับนางแบ
“ไท่จือ อย่าเพิ่งเชื่อความพูดของพ่อค้าทาสจอมปลิ้นปล้อนบางทีอาจพูดเพื่อให้คนที่ตามหาพวกทาสที่ถูกจับตัวถอดใจเราควรลองหาแม่นางลี่ให้พบ”“ไปกันเถิดเช่นนั้นอย่ารอช้า”กระโดดขึ้นบนหลังม้า พาม้าทะยานออกจากตรงนั้นไปในทันที“ลี่หลันเล่อรอข้าก่อน ข้ากำลังมาหาเจ้าแล้ว”“ไท่จือเรามาช้าไป แม่นางลี่ ไม่มีลมหายใจแล้ว”หยางซานชิงกำหมัดแน่นกัดฟันจนรู้สึกเจ็บ“ไม่ไม่ไม่ม่ายยยยยยย……นางจะต้องไม่ตาย นางจะต้องไม่ทิ้งข้าไป ข้าตั้งใจมาช่วยนางแม่นางลี่เจ้าฟื้นขึ้นมาสิ แม่นางลี่ ลี่หลันเล่อเจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้…เจ้าจะทิ้งข้าไปไม่ได้…”น้ำตาที่ไหลรินหาใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความอาดรู และเสียใจอย่างที่สุดฮ่องเต้แคว้นใต้ทุบกำปั้นลงบนบัลลังก์เสียงดังลั่น“หยางซานชิงไม่ยอมแยกแยะ ป่านนี้ยังเที่ยวเล่นสนุกสนานเห็นเรื่องของหญิงงามสำคัญกว่าตำแหน่งฮ่องเต้ ดีหากไม่อยากนั่งบัลลังก์ข้าก็ไม่ยกมันให้เสียก็เท่านั้น บัญชาออกไปยกเลิกพิธีการสถาปนาหยางซานชิงไท่จือขึ้นนั่งตำแหน่งฮ่องเต้”……………………………………………………………………………วังหลวงแคว้นใต้เสื้อคลุมมังกรถูกตวัดขึ้นสวมบนร่างสูงของหยางซานชิง เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังลั่นท้องพระโรง ตราประทับของฮ่