“ขอบคุณมากนะครับคุณพยาบาล ถ้ายังไงเดี๋ยวผมกลับพี่ชายของผมจะตามไปดูเนเน่ที่บ้านของเธอและถ้าหากว่าเธอมีอาการไม่สบายขึ้นมาอีกผมจะพาเธอกลับมารักษาที่โรงพยาบาลครับ”
“ค่ะถ้ายังไงก็ขอให้ดูแลเธอให้ดี ๆ ก็แล้วกันนะคะ ดิฉันจะรีบแจ้งกลับไปที่คุณหมอเจ้าของไข้ว่าญาติจะตามไปดูเธอที่บ้าน เจอกับเคสนี้พวกเราทั้งตกใจและก็เป็นห่วงคนไข้มากค่ะ”
นางพยาบาลสาวกล่าวก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองซึ่งในขณะนั้นคริสต์ก็หันกลับไปยังพี่ชายของเขาที่ตอนนี้ยืนนิ่ง เขาเห็นใบหน้าของนิโคลัสดูเยือกเย็นราวกับรูปสลักหินหากแต่ประกายตาคู่นั้นกลับฉายความกังวลออกมา พี่ชายของเขานิ่งงันกับคำบอกกล่าวของนางพยาบาลซึ่งเขาคิดว่านิโคลัสได้ยินและคงซึมซับทุกคำพูดเหล่านั้นลงไปถึงใต้บึ้งของหัวใจเขาก็เป็นคนแบบนี้ แข็งนอกแต่อ่อนในซึ่งก็มีเพียงน้องชายคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดี สักครู่คริสจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ
“นิค...เรากลับกันก่อนเถอะ ผมว่าสิ่งที่เราต้องทำหลังจากนี้ก็คือตามไปดูว่าเนเน่กลับไปที่บ้านของเธอจริงไหม”
“เธอท้อง...คริส...แกได้ยินไหม นางพยาบาลบอกว่าเธอท้อง...หรือว่า...แกคงรู้แล้วใช่ไหม”
คริสไม่ตอบแต่จูงมือพี่ชายของเขาที่ยังนิ่งอึ้งและเหมือนมึนงงกับเรื่องราวที่รับรู้ซึ่งเขาเองไม่เคยเห็นนิโคลัสเป็นแบบนี้มาก่อน พี่ชายของเขาคงทั้งตกใจและถึงกับผงะงันไปเลยทีเดียว ก็แน่ล่ะ...มันไม่ใช่แค่เรื่องที่น่าเป็นห่วงแต่มันยังน่าตระหนกถ้าหากใคร ๆ ตกอยู่ในสภาวะการเดียวกันกับพี่ชายของเขาตอนนี้ เมื่อต้องมารับรู้เรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
คริสดึงมือนิโคลัสให้เดินตามเขาออกมาที่รถสปอร์ตคันหรูซึ่งจอดอยู่ที่บริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาลหลังจากเข้าไปนั่งในรถแล้วทั้งคู่ต่างก็นิ่งเงียบกันไปเป็นเวลาชั่วครู่ใหญ่ ๆที่สุดแล้วคริสถอนหายใจและกล่าวออกมาว่า
“เนเน่ท้องและผมก็ทราบเรื่องนี้จากหมอที่รักษาเธอ มันออกจะ...น่าตกใจ แต่ผมคิดว่าผมเคยเจอเรื่องเซอไพรซ์แบบนี้มาหลายครั้ง”
“หมอก็คงบอกเธอแล้วสินะ”
“ผมยังไม่ได้คุยกับเนเน่ แต่คิดว่าเธอคงรู้แล้วล่ะครับ หลังจากทราบอาการของเธอจากหมอผมตั้งใจจะเข้าไปเยี่ยมแต่เห็นว่าเธอยังหลับอยู่ก็เลยพาโซอี้กลับก่อน”
“โซอี้มาด้วยอย่างนั้นเหรอ”
“แกเป็นห่วงคุณน้าเนเน่ของแกมากครับ ถึงขนาดไปจัดที่นอนไว้รอเนเน่ โซอี้คิดว่าคุณหมอจะให้เธอกลับพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป...นิค...วันนี้พี่ไม่ได้ไปเบลเยี่ยมใช่ไหม?”
คริสถามและเห็นเสี้ยวหน้าราวรูปปั้นสลักเสลาขณะ นิโคลัสนั่งหลังพวงมาลัยทว่านัยน์ตาเข้มจ้องมองไปเบื้องหน้า พี่ชายของเขาหันกลับมาและตอบว่า
“ใช่...ฉันยกเลิกนัดหมายที่จะไปเบลเยี่ยม”
“พี่รู้ใช่มั้ยว่าเนเน่ไม่สบาย”
นิโคลัสพยักหน้า “ขอโทษนะคริส จริง ๆ แล้วฉันให้คนคอยรายงานว่าที่บ้านมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รู้ว่าเนเน่เข้าโรงพยาบาล”
“ฉันรู้”
คริสถึงกับถอนใจ “ที่ทำแบบนี้เพราะพี่เป็นห่วงเธออย่างนั้นใช่ไหม”
“ไม่...เอ้อ...ไม่ใช่แกหรอกเหรอที่เป็นห่วงเธอมากกว่าฉัน”
“ถามตัวเองดีกว่านิคว่าคนที่เป็นห่วงเธอมากที่สุดเป็นใคร หรือถ้ายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ผมจะพาพี่ไปพบคำตอบเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“แกจะไปไหน”
“กลับบ้านครับ” นิโคลัสไม่แสดงความคิดเห็นทั้งก็ไม่คัดค้านใด ๆ ท่าทีของเขานิ่งและสงบลงซึ่งอาจเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น คริสไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาในลักษณะแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนว่านิโคลัสกำลังจมอยู่ในความครุ่นคิดของตัวเอง เขาดูไม่ค่อยมั่นใจ ปกติแล้วคริสจะเห็นพี่ชายเป็นคนเยือกเย็นลุ่มลึกและทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเสมอแต่ตอนนี้เขามองเห็นความลังเลไม่แน่ใจฉายชัดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น บางทีอะไร ๆ อาจเปลี่ยนแปลงไปจนหมดแล้วหลังจากที่พี่ชายของเขาได้พบกับภิณไลย์ญาก็เป็นได้
คริสและนิโคลัสกลับมายังคฤหาสน์ซาเวียร์ เวลานั้นก็จวน 3 ทุ่มแล้วและเมื่อเข้าไปข้างในก็มีแต่ความเงียบเหงาทั้งสองหยุดยืนที่ห้องรับแขกกระทั่งนิโคลัสเอ่ยถามคริสว่า
“ไหนล่ะที่แกบอกว่าอยากจะบอกอะไรกับฉันน่ะคริส”
“ตามผมมานี่สิครับ”
คริสเดินนำพี่ชายของเขาขึ้นไปยังชั้น 2 และตรงไปยังห้องของภิณไลย์ญา เขาเปิดประตูอย่างเบามือ ภายในห้องนั้นแสงไฟยังส่องสว่าง นิโคลัสที่เดินตามหลังมาต้องผงะนิ่งเมื่อเห็นว่ามีใครนอนอยู่บนเตียง
“โซอี้...ทำไมถึงมานอนที่ห้องนี้ได้ล่ะ”
นิโคลัสตั้งคำถามแต่ก็เหมือนเขาพูดกับตัวเองมากกว่าเพราะเสียงนั้นเบาแต่คริสก็ยังได้ยินเขาหันกลับมาและจ้องหน้าพี่ชายนิ่ง
“บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบสำหรับพี่...เรื่องของเนเน่”คริสพูดไม่ทันจบประโยคก็ได้ยินเสียงของโซอี้ที่งัวเงียตื่นขึ้น เด็กหญิงขยับลุกขึ้นนั่งและยีตาด้วยหลังมือเล็กแต่เมื่อลืมตาตื่นและเห็นว่าใครเข้ามาในห้องหนูน้อยก็ร้องขึ้นว่า“อาคริส...แดดี๊...แดดี๊กลับมาแล้วหรอคะ”นิโคลัสรีบเข้าไปหาเด็กหญิง เขานั่งลงและกอดร่างเล็กเอาไว้พร้อมทั้งลูบเรือนผมนุ่มละมุนสีมะฮอกกานีและจูบบนหน้าผาก เปลือกตาและริมฝีปากเล็กเบา ๆ“daddy กลับมาแล้ว”บทที่ 31“ไหนอาคริสบอกว่าอีก 2-3 วัน daddy ถึงจะกลับมาล่ะคะ”“daddy เป็นคนเลื่อนหมายกำหนดการทุกอย่างออกไปเองจ้ะลูก แล้วทำไมลูกถึงได้มานอนอยู่ห้องของคุณน้าเนเน่เหรอจ๊ะ ทำไมถึงไม่นอนห้องของตัวเองล่ะ”“หนูมาจัดห้องให้คุณน้าเนเน่ค่ะ daddy รู้ไหมคะว่าคุณน้าเนเน่อยู่ที่โรงพยาบาล คุณน้าเนเน่ไม่สบายมากค่ะ”“แดดี๊รู้แล้ว daddy ไปเยี่ยมคุณน้าเนเน่ที่โรงพยาบาลด้วยแล้วนะ”“อาคริสบอกว่าอีก 2-3 วันคุณน้าเนเน่จะหายและออกจากโรงพยาบาลหนูก็เลยมาจัดห้องเอาไว้รอคุณน้าเนเน่ค่ะแด๊ดดี้ขาดาดี้อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ”“ทำไมล่ะจ๊ะมีอะไรอย่างนั้นหรอ”“ก็คุณน้าเนเน่ไม่สบายนิคะ ถ้าคุณน้าเนเน่กลับมาเห็นแดดี๊
“ลาริสาคงต้องการอิสระในการใช้ชีวิตครอบครัวซึ่งฉันก็รู้ดี ฉันก็พยายามทำทุกอย่างแม้แต่การสร้างเรือนหอหลังใหม่ให้แกได้มีชีวิตครอบครัวอยู่อย่างอิสระยังไงล่ะ”“ตอนนี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะครับ ผมรู้ดีว่าเรื่องระหว่างผมกับลาริสาคงไม่สามารถที่จะสานต่อไปได้อีก ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงแล้วแม้แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีต่อกัน เธอรังเกียจที่ผมเคยผิดพลาดเรื่องความรักในอดีตและโซอี้ก็คือผลพวงจากสิ่งนั้น แต่พี่รู้ไหมครับว่าสำหรับผมแล้วตอนนี้ลูกเท่านั้นที่เป็นปัจจุบันและเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุด”“แกพูดเหมือนไม่ได้ใยดีเธอ อย่างน้อยลาริสาก็เป็นภรรยาของแกถูกต้องตามกฎหมาย”“ผมคิดว่าถึงตอนนี้เธอคงไม่ได้สนใจเรื่องของทะเบียนสมรสแล้วล่ะครับ ลาริสาต้องการอิสระในชีวิตมากกว่าจะมาจมปลักกับคนที่เธอไม่มีความสุขจะอยู่ด้วยและผมก็ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะผมจำต้องยอมจำนนหรอกนะครับแต่ผมต้องทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ผมคิดว่าผมโตมากแล้วและผมก็มีอิสระที่จะตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ ผมอยากบอกพี่ว่าผมจะขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูโซอี้กลับคืนมา ผมจะเลี้ยงดูเธอในฐานะของพ่อคนนึงและจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด”คำร้อง
คำตอบของน้องชายก็ทำให้นิโคลัสนิ่งอึ้งไปอีก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเพิ่งได้รับรู้เกี่ยวกับภิณไลย์ญาก็ตอนนี้โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายของเขากับเธอ ผู้หญิงที่นิโคลัสคิดเอาเองมาตลอดว่าไม่ได้แตกต่างจากพวกนางแบบหรือพริตตี้สาวสวยที่มักจะตื่นเต้นเมื่อเวลาที่มีมหาเศรษฐีนำเสนอความสะดวกสบายและทรัพย์สินเงินทองให้ เขาแสร้งมองไปทางอื่นหากแต่คริสก็จับสังเกตและรู้สึกได้ว่าพี่ชายของเขาคิดอะไรอยู่“นิค...และอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากจะช่วยเธอก็เพราะว่าผมรู้สึกผิดที่ต้องเป็นฝ่ายหลีกห่างจากเธอก่อน ผมแต่งงานและมีชีวิตที่ดีทั้ง ๆ ที่ผมเคยให้ความหวังกับเนเน่ว่าจะสร้างชีวิตครอบครัวที่สวยงามกับเธออีกครั้ง แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมรู้ดีว่าเธอเองก็พยายามที่จะตัดใจแต่ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างผมกับเธอน่ะมันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว...นิค...ผมเองก็อยากจะถามพี่ว่า...เนเน่...ท้องกับพี่ใช่ไหม?”นิโคลัสไม่ตอบแต่สีหน้าของเขาแสดงความเครียดออกมาแทนคำพูดนับล้านที่คริสเองคิดว่ามันกำลังอัดอั้นอยู่ในความนึกคิดของพี่ชาย แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไปนิโคลัสก็เอ่ยตัดบทขึ้น“ใช่...เธอท้องกับฉันและฉันก็คงจะปัดความรับผิดชอบของตัวเองไม่ได้ก
หนี้ของจอมอสูรที่เธอไม่ได้ก่อมันขึ้นมาหากแต่เธอต้องใช้ทั้งชีวิตและวิญญาณเข้าแลกเพื่อยื้อลมหายใจของใครอีกคนที่เธอรักมาก ขณะนั้นเองวรรษมนก็หยุดงานในมือลงและหันมาทางบุตรสาวซึ่งหญิงวัยกลางคนที่อุตส่าห์หอบเอาลูกสาวและลูกชายมาจากเมืองไทยเพื่อตั้งใจว่าจะมาทำงานในต่างแดนตามคำชักชวนของเพื่อนตั้งแต่ภิณไลย์ญาและพิชญ์ยังเล็กเพราะเลิกรากับสามี ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อครอบครัวหากแต่อนาคตการทำงานของเธอในนิวยอร์คกลับไม่รุ่งเรืองและสดใส เธอเป็นได้แค่แม่บ้านที่รับจ้างทำความสะอาดตามบ้านทั่ว ๆ ไปทั้งไม่สามารถผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้นได้ แต่โชคดีทั้งลูกชายและลูกสาวเติบโตมาท่ามกลางความช่วยเหลือของคนที่อยู่ร่วมอพาร์ทเม้นท์เดียวกันคนที่มีสถานะใกล้เคียงกันและทั้งภิณไลย์ญากับพิชญ์ก็เป็นลูกที่ดีไม่เคยทำให้เธอต้องผิดหวังหรือเสียใจแม้อนาคตทางการศึกษาของทั้งคู่จะหยุดอยู่แค่การไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยและต้องทำงานเพื่อช่วยเหลือแม่ที่มีเพียงคนเดียวและมีโรคประจำตัวไปทำงานอย่างแต่ก่อนไม่ได้“แม่แบ่งยาเอาไว้ในตลับนี่หมดแล้ว พิชญ์ก็เพิ่งตื่น แม่เพิ่งเอาข้าวไปให้น้องกินเมื่อกี้”วรรษมนกล่าวพลางยื่นตล
“จริงเหรอเนเน่ งานที่ลูกบอกแม่ว่าลูกไปทำที่ฮาวายนั่นน่ะนะก็คืองานเลี้ยงเด็กเหรอ”“ค่ะแม่”ภิณไลย์ญารับคำอย่างเสียมิได้เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะในเวลานี้ทั้งประหลาดใจ แปลกใจและความรู้สึกตกใจมีมากกว่าอะไรทั้งหมด นิโคลัสตามหาเธอพบแล้วถึงแม้ว่าเขาจะมาพร้อมกับโซอี้แต่จุดประสงค์อันแท้จริงคงไม่ใช่แค่พาเด็กหญิงมาหาเธอเป็นแน่ เขาคงไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าเงินของเขาที่ยอมทุ่มให้กับเธอในฐานะของเจ้าหนี้“โซอี้หนูทักทายคุณป้าคุณแม่ของน้าเนเน่หรือยังคะ”นิโคลัสบอกเด็กหญิงที่กำลังลิงโลดใจและกอดภิณไลย์ญาเอาไว้แนบแน่น โซอี้ผละจากหญิงสาวและหันไปกล่าวทักทายกับวรรษมนว่า“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณป้า คุณป้าเป็นคุณแม่ของคุณน้าเนเน่เหรอคะ”“ใช่แล้วล่ะจ้ะ หนูชื่อโซอี้เหรอ หนูน่ารักมากเลยนะ ป้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกสาวของป้าน่ะเป็นพี่เลี้ยงให้กับหนูโซอี้”“คุณน้าเนเน่ไปอยู่กับหนูที่ฮาวายตั้งหลายวันค่ะแล้วก็ตามมาอยู่กับหนูที่บ้านของแดดี๊ด้วย คุณน้าเนเน่สวยใจดีและน่ารักที่สุดเลยค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญคุณนิโคลัสกับหนูโซอี้เข้ามานั่งข้างในก่อนนะคะ แต่ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่ห้องพักที่นี่ออกจะเล็กไปสักหน่อย”บทท
“คุณแม่ของโซอี้ไปอยู่ต่างประเทศนานแล้วครับ และเธอก็ไม่ได้กลับมาอีกแล้ว”“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ดิฉันถามเรื่องนี้พอดีเห็นว่าหนูโซอี้น่ารักมากก็เลยสงสัยว่าคุณแม่ของหนูโซอี้จะเป็นยังไง”“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ว่าตอนนี้โซอี้ดีใจมากที่ได้เจอกับเนเน่หลังจากที่เธอไม่สบายแล้วก็ขอผมกลับมาอยู่ที่บ้าน”“ใช่แล้วล่ะค่ะคุณนิโคลัส เนเน่ไม่ค่อยสบายจริง ๆ ดิฉันยังคิดเลยว่าเป็นเพราะทำงานหนักหรือเปล่า เพราะตั้งแต่กลับมาหนนี้หน้าตาก็ซูบลงและก็ต้องกินยาบำรุง ดิฉันพยายามบอกว่าให้เขาพักผ่อนแต่เห็นบอกว่าอีก 2 อาทิตย์จะกลับไปรับงานจากเอเจนซี่ก็ไม่รู้ว่างานจะเป็นยังไงบ้างเพราะเนเน่เป็นพี่เลี้ยงให้หนูโซอี้ไม่ได้รับงานมาตั้ง 2-3 เดือน ดิฉันก็กลัวว่าเอเจนซี่ที่จ้างงานเขายังจะจ้างอยู่อีกหรือเปล่า”“แม่คะ เดี๋ยวหนูจะเอายาไปให้พิชญ์นะคะ”ภิณไลย์ญาตัดบทเสียก่อนหากแต่เธอยังไม่ทันได้ก้าวขานิโคลัสก็เอ่ยขึ้นว่า“เนเน่จะเอายาไปให้ใครอย่างนั้นเหรอ”“อ๋อ...เขาจะเอายาไปให้น้องชายของเขาค่ะ พิชญ์ ลูกชายคนเล็กของดิฉัน เมื่อ 3-4 เดือนก่อนประสบอุบัติเหตุและต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาล หมอเพิ่งให้เขากลับมาฟื้นฟูสภาพร่างกายที
“อย่าคิดอะไรมากเลย ที่ผมช่วยเหลือพี่สาวของคุณก็เพราะว่าเนเน่เป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวผมและผมคิดว่าเธอทำงานเพื่อที่จะแลกกับสิ่งที่ผมเองก็อยากจะช่วยเหลือครอบครัวคุณ มันเป็นการตอบแทนกันและกัน”“ผมไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณยังไง คุณช่วยชีวิตของผมเอาไว้ถ้าผมหายดีแล้วผมจะรีบกลับไปทำงานและก็จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่พี่สาวของผม วันหนึ่งผมคงได้ตอบแทนคุณบ้าง”“พี่เอายามาให้แล้วนะพิชญ์ อย่าลืมกินตามเวลาด้วยล่ะ”ภิณไลย์ญากล่าวแทรกขึ้น พิชญ์หันมาพยักหน้ารับ“ครับพี่...ผมก็ต้องขอบคุณพี่มากพี่อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อผม ช่วงนี้แม่บอกว่าพี่ยังไม่มีงานและต้องมารับภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านอีก ผมจะรีบหาย จะได้รีบกลับไปทำงานแล้วมาช่วยพี่นะครับ”ภิณไลย์ญาไม่พูดอะไร เธอได้ยินแต่ยิ้มกับน้องชายซึ่งภาพนั้นอยู่ในสายตาของนิโคลัสตลอดเวลา มีบางสิ่งบางอย่างพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจของเขานั่นคือความสำนึกผิด ความหยาบร้ายและสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอมันกัดกินใจของเขาและกร่อนความรู้สึกของผู้ชายแสนเย็นชาอย่างนิโคลัสให้จมดิ่ง ที่ผ่านมาเขาคิดว่าเงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ เคยคิดที่จะขจัดผู้หญิงคนหนึ่งออกจากชีวิตของน้องชายหากทว่าเขากลับต้อ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย