นิโคลัสยืนอยู่ที่ประตูห้อง เขาจ้องมาที่ภิณไลย์ญาซึ่งต้องหยุดชะงักและโซอี้ซึ่งมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงสืบเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าทั้งสอง ปื้นคิ้วหนาเหนือดวงตาสีบรูเน็ตเข้มขมวดเข้าหากัน
“เนเน่...คุณทำอะไร”
“อ้อ...เอ้อ...ฉันแต่งหน้าให้โซอี้...ฉันแค่...อ๊ะ!”
หญิงสาวร้องตกใจเมื่อจู่ ๆ นิโคลัสก็ฉวยพาเล็ตลิปสติกในมือของเธอเขวี้ยงไปอีกทางก่อนหันไปทางเด็กหญิง ร่างสูงย่อตัวลงและจับไหล่บอบบางของหนูน้อย
“โซอี้...แดดี๊เตือนลูกแล้วใช่ไหม แดดี๊บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้ลูกแต่งหน้าแต่งตาแบบนี้”
“แดดี๊...”
โซอี้เม้มปากเข้าหากันแน่น เห็นได้ชัดว่าหนูน้อยหน้าตื่น ออกอาการตกใจและตัวสั่น ภิณไลย์ญาเองก็ตระหนกต่อท่าทีของนิโคลัสไม่แพ้กัน
“นิค...อย่าว่าอะไรโซอี้เลยนะคะ เรื่องนี้ฉันผิดเอง ฉันเองที่...”
“นี่แหละคือสิ่งที่ผมไม่ชอบ!”
เขาลั่นเสียง นั่นเองทำให้เด็กหญิงถึงกับน้ำตาไหลแต่กลับไม่มีเสียงร้องลอดออกมาจากปากหนูน้อย ภิณไลย์ญานั่งนิ่ง เธอเองเริ่มชินแล้วกับอารมณ์ร้อนร้ายของนิโคลัสแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเดือดดาลนัก ตอนนี้คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือโซอี้เพราะเธอเห็นเด็กหญิงหน้าซีดหากก็น่าแปลกใจที่ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา มีแต่แววตาไร้เดียงสาแดงก่ำคู่นั้นที่เหลือบแลกล่องพาเล็ตแตกกระจายบนพื้นก่อนเลื่อนกลับมามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าคร้ามเข้มเครียดจัด เขาเค้นเสียงต่ำๆ
“จำไว้นะโซอี้ คราวหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีก ในเมื่อแดดี๊บอกลูกแล้วว่าไม่ชอบลูกอย่าทำมันอีก”
“หนู...ไม่รักแดดี๊แล้ว”
“โซอี้...”
เสียงเขาเบาลงฉับพลัน เป็นวินาทีที่ภิณไลย์ญาได้เห็นสีหน้าสำนึกผิดของนิโคลัสเป็นครั้งแรก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดสั่นเครือของหนูน้อย แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
“นิค...อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วนะคะ”
เลลานียืนอยู่ที่ประตูห้อง ร่างสูงจึงพูดว่า
“เลลานี...พาโซอี้ไปทานอาหารก่อน เดี๋ยวผมตามไป”
เขาลุกขึ้นและปล่อยให้หนูน้อยวิ่งไปหาแม่บ้าน นิโคลัสยังกล่าวสำทับอีกว่า
“เลลานี...ช่วยเช็ดลิปสติกออกจากหน้าของโซอี้ด้วย”
“อ้อ...ค่ะๆ”
แม่บ้านรับปากอย่างงงก่อนจูงมือเด็กหญิงออกไป จากนั้นนิโคลัสก็ออกไปจากห้องนั้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ภิณไลย์ญาไม่รีรอที่จะรีบตามออกไป ร่างเล็กวิ่งตามร่างสูงใหญ่ที่เดินออกจากบ้านและมุ่งตรงลงไปยังชายหาด หญิงสาวตัดสินใจวิ่งไปขวางหน้าเขาไว้
“นิค...เราต้องคุยกันก่อนนะคะ”
“ผมไม่มีอะไรคุยกับคุณ”
“แต่ฉันอยากคุย”
ภิณไลย์ญาขวางร่างใหญ่ที่กำลังจะเดินไปข้างหน้า เธอจับแขนหนาทั้งสองของเขาไว้
“ทำไมคุณต้องโกรธโซอี้มากขนาดนั้น รู้ไหมคะว่าแกน่าสงสารขนาดไหน”
“ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟัง นี่มันเป็นเรื่องระหว่างพ่อลูก”
“อย่าบอกว่าคุณไม่เห็นลูกสาวของคุณร้องไห้นะคะนิค!”
ร่างเล็กตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงคลื่นและทำให้นิโคลัสชะงักงัน ใบหน้าของเขายังเคียดขึ้งและคราวนี้เขาจับไหล่ของเธอไว้บ้าง
“นั่นเป็นบทเรียนที่โซอี้ต้องเข้าใจ มันจะเป็นไรไปถ้าเด็กคนหนึ่งแค่ร้องไห้เพราะถูกทำโทษ”
“ถ้าคุณมีเหตุผลมากพอลูกสาวของคุณจะไม่ร้องไห้”
“อย่าทำเป็นรู้ดีได้มั้ย คุณมันคนนอก!”
นิโคลัสสวนกลับและลืมตัวเหวี่ยงร่างเล็กจนล้มคะมำลงบนพื้น เขาก้าวไปได้เพียงสองสามก้าวก็ต้องหยุดชะงักและหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียงครางของภิณไลย์ญาขณะเธอทรงตัวลุกนั่งแต่ดูเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้น
“เนเน่...”
ร่างสูงใหญ่เดินกลับไปดูก็ต้องตระหนกเมื่อเห็นขาของเธอโชกเลือด ข้าง ๆ ภิณไลย์ญาเป็นตอไม้แหลมชันโผล่ขึ้นมาจากผืนทราย มันครูดขาหญิงสาวจนเป็นแผลยาวเลือดอาบ เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอย...โอย...”
“เนเน่...ให้ตาย!”
นิโคลัสสบถออกมาก่อนเข้าไปประคองร่างเล็กที่ใช้มือจับขาอาบรอยเลือดแดงเถือก
“นิค...ฉันเจ็บ”
ภิณไลย์ญานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดและทำให้นิโคลัสตกใจเพราะนึกไม่ถึงว่าเขาจะลืมตัวทำให้เธอบาดเจ็บได้ขนาดนี้ ร่างสูงรีบช้อนตัวเธอขึ้นและอุ้มกลับไปที่บ้าน เลลานีเดินออกมาที่ระเบียงพอดีเมื่อเห็นก็ร้องออกมาว่า
“นิค! เกิดอะไรขึ้นคะนั่น ทำไมขาของคุณเนเน่เลือดออกมากอย่างนั้น”
“เธอล้มลง...เอ้อ...ผมทำให้เธอล้มเอง...ช่วยไปหยิบสำลีกับยาใส่แผลมาให้หน่อย แล้วโทรเรียกหมอมาให้ผมด้วย”
นิโคลัสพาร่างบอบบางของภิณไลย์ญาเข้าไปด้านในและวางเธอลงบนเก้าอี้รับแขก ชายหนุ่มก้มลงดูขาเรียวที่เลือดยังไหล เขาจับขาของเธอแผ่วเบา รู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาชั่ววูบก่อนเลลานีจะกลับเข้ามาพร้อมวางสำลีและยาใส่แผลบนโต๊ะ“นิค...เดี๋ยวฉันจะโทรไปตามคุณหมอนะคะ”“ให้เร็วเลยนะ...เอ้อ...แล้วโซอี้ล่ะ...โซอี้อยู่ที่ไหน?”“เธอกลับไปที่ห้องแล้วค่ะ...นิค...วันนี้ไม่รู้ว่าทำไมโซอี้ไม่ยอมทานอาหาร นั่งเงียบ พอฉันถามเธอก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องเลยค่ะ”เลลานีรายงานตามจริง ภิณไลย์ญาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เหลือบมองใบหน้าของนิโคลัสที่เริ่มเคร่งเครียด เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดสั้นๆ “โทรเรียกหมอก่อนเถอะเลลานี”“นิค”ภิณไลย์ญาเรียกเขาเสียงแผ่วเมื่อแม่บ้านวิ่งไปโทรศัพท์เรียกหมอ ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวที่ใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูจัด เขาขบกรามเบาๆ“มีอะไร”“คุณไปดูลูกก่อนก็ได้นะคะ ฉันไม่เป็นอะไรมาก”“คุณร้องว่าเจ็บนี่ไม่ใช่หรือ แผลก็...ไม่ใช่น้อยๆ”“แต่โซอี้สำคัญกว่าฉันนะคะ”ภิณไลย์ญาแตะแขนหนาขณะเขาก้มหน้าอยู่ใกล้ ๆ มีบางอย่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดแม้รู้ว่าคนเลือดเย็นอย่างนิโคลัสไม่เคยแยแสต่ออะไรทั้งสิ้น หากท่าท
เสียงแหลมเล็กดังออกมา นิโคลัสหมอบลงและเรียกลูกสาวของเขา“ออกมาเถอะ...โซอี้”“ไม่ๆๆ...หนูไม่อยากเห็นหน้าแดดี๊...แดดี๊ใจร้ายมาก...มากๆๆๆๆ...อือๆๆๆๆ”“ราชินีเมร่า”เสียงที่ดังแทรกเข้ามาทำให้นิโคลัสชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นภิณไลย์ญาเดินกะเผลกเข้ามาและทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ร่างเล็กค่อย ๆ เอนร่างตะแคงตัวและเห็นภาพที่ทำให้หัวใจของเธอดิ่งวูบ โซอี้น้อยนอนกอดตุ๊กตาหมีตัวเล็กนอนคว่ำร้องไห้อยู่ใต้เตียง หญิงสาวยื่นมือออกไปและพูดด้วยเสียงนุ่มนวล“ราชินีเมร่า...น้าเนเน่มาแล้วนะคะ...ออกมาหาน้าเนเน่นะคะ...รู้ไหมคะว่าเมื่อกี๊น้าเนเน่เห็นแดดี๊ร้องไห้ด้วย”“จริงหราเนเน่...แดดี๊ร้องไห้จริงๆ หรา”บทที่ 9 Enclosing in the passion หัวใจที่ใกล้ชิด โซอี้ถามและดูเหมือนว่าลดเสียงสะอื้นลงเล็กน้อย ภิณไลย์ญาพยักหน้าและยังพยายามเอื้อมมือออกไปแต่เด็กหญิงยังอิดออด “แดดี๊ใจร้าย แดดี๊จาร้องได้ไง” “แดดี๊เสียใจไงคะ...ออกมาเถอะนะคะ แดดี๊บอกว่า...สำนึกผิดแล้วและจะไม่ดุโซอี้แล้วนะคะ...โอ...แย่ละค่ะ แดดี๊ร้องไห้อีกแล้ว” “แดดี๊...” โซอี้ร้องเสียงแหลมเล็กก่อนค่อย ๆ เล
“ช่ายค่ะ...ก็หนูไม่หิว”“แต่ตอนนี้ลูกต้องลงไปกินมื้อเช้า เด็กน้อยจะไม่เติบโตถ้าไม่กินมื้อเช้า”“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูจะไป... ตะว่า...แดดี๊ขา...แดดี๊พูดจริงนะว่าจะอยู่...เป่าเค้กวันเกิดกับหนู”“แดดี๊ไม่เคยโกหก”“หนูรักแดดี๊ที่สุดเลย”“โซอี้” ชายหนุ่มรั้งมือเล็กก่อนหนูน้อยจะวิ่งออกจากห้อง โซอี้ชะงักหันกลับมาอีกครั้ง“คะแดดี๊”“คืนจัดงานวันเกิด แดดี๊จะให้น้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูเป็น...เอ้อ...”“ราชินีเมร่าค่ะ” ภิณไลย์ญาแทรกขึ้นและมองเด็กหญิงทีทำหน้าตื่นด้วยความเอ็นดู โซอี้ยิ้มกว้างอวดฟันขาวเป็นระเบียบก่อนวิ่งกลับลงไปชั้นล่าง ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ พลางลูบหน้าตัวเอง ใบหน้าคร้ามเข้มที่เคยดุดันตอนนี้ผ่อนคลายลงมากกว่าเก่าโดยเฉพาะแววตาคู่นั้นที่หม่นแสงลงยามหันมาจับจ้องดวงหน้าสวยหวาน หญิงสาวหรุบตามองขาตัวเองที่มีผ้าพันไว้แน่น“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ คุณตามไปดูโซอี้เถอะนะคะ”“ราชินีเมร่าคือใคร” เขาทำและมีสีหน้าครุ่นคิดทำ ภิณไลย์ญามองเขาเหมือนไม่อยากเชื่อ“คุณไม่รู้จักเธอหรอกหรือคะ เธอคือราชินีแห่งมหาสมุทรแอตแลนติสเชียวนะคะ”“ผมรู้จักแต่โพไซดอน”“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องดูคอมมิคบ้างแล้วล่ะค่ะ”“พระเจ้า..
พอได้ยินอย่างนั้นแววตาของชายหนุ่มกลับเปลี่ยนไปและดูเหมือนความเงียบเข้ามาแทนที่บรรยากาศรื่นรมชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ยิ้มให้“วันหนึ่งลูกจะเจอมามี๊...วันหนึ่งมามี๊จะกลับมาหาลูก”“หนูอยากเห็นหน้ามามี๊ม๊ากเลย...มามี๊สวยไหมคะ?”“ค่ะ...สวยมาก...สวยเหมือนลูกเลยล่ะ”“แดดี๊ก็หล่อมาก...ไม่เชื่อถามเนเน่ดูซีคะ”โซอี้ชี้นิ้วไปมาขณะร่างสูงเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ ภิณไลย์ญายิ้มให้และตอบว่า“เอ้อ...ค่ะ...ใช่ค่ะ...แดดี๊หล่อมาก”“และน่ารักที่สุดเล้ย”หนูน้อยหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ก่อนหันไปให้ความสนใจเค้กแสนสวยโดยมีเลลานีช่วยตัดแบ่งเค้กให้ จากนั้นโซอี้จึงยื่นเค้กในจานเล็ก ๆ ให้ภิณไลย์ญาพร้อมทั้งบอกว่า“หนูให้เนเน่...เป็นรางวัลที่แต่งหน้าให้หนูคืนนี้”“ขอบคุณมากค่ะ...น่ารักที่สุดเลย”ภิณไลย์ญาอดดีใจไม่ได้ที่เห็นท่าทีเป็นมิตรมากขึ้นกว่าวันแรกที่เจอของเด็กหญิงตัวน้อย เธอรับเค้กชิ้นเล็กไปและนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง คืนนี้เธอไม่ได้เป่าเค้กและไม่มีคำอวยพรวันเกิดจากแม่และน้องชาย แต่ก็ได้มาร่วมงานวันเกิดของโซอี้ซึ่งเกิดในวันเดียวกับเธอก็ทำให้หญิงสาวไม่รู้สึกว่าเงียบเหงา ถือว่าเป็นการชดเชยก็แล้วกัน ร่างน้อย
บทที่ 10 Unexpressed passion ปรารถนาที่มิอาจซ่อนเร้น“หืมม์?” เขาหันกลับมา หน้าคมคร้ามเป็นสีเข้ม คงเป็นเพราะฤทธิ์ของวอดก้า ร่างสูงพยักหน้า“คิดว่าง่วงเหมือนกัน...อืม...คงต้องไปนอนแล้วสินะ”“นิค!” ภิณไลย์ญาร้องออกมาและรีบเข้าไปประคองร่างใหญ่โตที่กำลังจะเซล้มขณะลุกขึ้น หญิงสาวดันตัวเขาให้นั่งลงที่เดิมอย่างทุลักทุเล“นิค...นี่คุณเมาหรือคะ ถ้าเมาก็ไปนอนเถอะค่ะ”“ไม่เมานี่...ผมไม่เคยเมา ดื่มแค่นี้เอง”“แต่นี่มันเกือบหมดขวดเลยนะคะ” เธอเหลือบมองขวดวอดก้าที่หมดไปเกินครึ่งแต่เมื่อหันกลับมามองนิโคลัสเขาไม่ได้ถึงกับเมาเป๋ แค่สีหน้าเข้มจัดและดูเหมือนยังประคองสติได้อยู่ เธอแค่ถอนหายใจเบาๆ“ลุกไหวไหมคะ ฉันจะพาคุณไปส่งที่ห้อง”“ผมเดินไหว...ไม่ต้องช่วยหรอก”“อย่าทำเป็นเก่งไปเลยค่ะ ถ้าฉันไม่เข้ามารับเมื่อกี๊คุณคงได้นอนริมหาดนี้แน่ๆ ตัวใหญ่เหมือนยักษ์ฉันยกคุณไม่ไหวหรอกนะคะ”“ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณช่วย ถ้ากลับห้องไม่ได้ก็นอนมันตรงนี้”“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณ”“เนเน่” นิโคลัสคว้าข้อมือของเธอไว้ทำให้ภิณไลย์ญาต้องชะงัก ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ หยัดลำตัวขึ้นทั้งที่ยังกุมมือเธอไว้ เขาจ้องหน้าเธอนิ่งก่อนถาม“โซอี้หลั
ร่างเล็กร้องออกมาเมื่อจู่ ๆ นิโคลัสก็เอนตัวทำให้เธอเสียหลักล้มลงบนเตียงพร้อม ๆ กับเขา พอรู้สึกตัวอีกทีร่างสูงใหญ่ทั้งหนาและหนักก็ทาบทับอยู่บนตัวเธอบนที่นอนหนานุ่ม ใช่แต่ภิณไลย์ญาที่ออกอาการตระหนกหากแต่ชายหนุ่มก็แสดงความรู้สึกเช่นเดียวกันออกมาทางประกายตาสีทองแดงที่เข้มขึ้นทว่านิโคลัสกลับไม่ยอมขยับตัวออกห่าง ใบหน้าคร้ามคมอยู่ใกล้ดวงหน้าแสนหวานไม่ถึงคืบ หญิงสาวนิ่งอึ้งเหมือนตัวเองก็ยังมึนงง แต่พอตั้งสติได้เธอพยายามเขยื้อนตัวพร้อมทั้งส่งเสียงว่า“นิค...คะ...คุณ...คุณมึนมากใช่ไหมคะ....ก็ถ้า...ถ้าแฮงค์มากฉันจะ...”“ผมไม่ได้เมา” เขาขัดขึ้น “วอดก้าแค่นั้นไม่ทำให้ผมถึงกับต้องคลานหรอกนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขยับตัวหน่อยซีคะ ฉันอึดอัดจะแย่ หายใจไม่ออกด้วย”“เนเน่...”คราวนี้เสียงห้าวหนักกลับแผ่วพร่า เสียงนั้นทำให้ภิณไลย์ญาเองก็หยุดชะงักและต้องสบนัยน์ตาที่ตอนนี้เป็นประกายคมกล้าขึ้นชั่ววาบ เธอรู้สึกหวั่นหวาดและเริ่มกลัวซึ่งก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเมื่อเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาราดรดบนแก้มสีกุหลาบและทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง“ทะ...ทำไมคะ...”“คุณ...สนิทกับคริสต์มากขนาดไหน?”
“ไม่...อาส์...” เสียงหวานแห้งหายและคราวนี้เธอยินยอมให้เขาจุ่มจ้วงลิ้นเข้าไปในโพรงปากลึกกว่าเดิม ภิณไลย์ญาไม่รู้เลยว่าเธออยากให้เขาทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้เธอร้อนรุ่ม กระตุ้นเร้าความปรารถนาในตัวเธอซึ่งไม่เคยเกิดกับผู้ชายคนไหน นอกเสียจาก...คริสต์...โอ...ไม่หรอก เธอไม่เคยเกิดความกระหายอยากกับใครแม้แต่กับน้องชายของเขา เธอไม่เคยอนุญาตให้คริสต์จูบ ไม่เคยให้เขาล่วงเกินมากไปกว่าการกอด และไม่เคยเกิดความปรารถนาอย่างท่วมท้นในสำนึก หากแต่บัดนี้มันเกิดขึ้นในวินาทีนี้ กับผู้ชายที่ประกาศกร้าวว่าเกลียดชังเธออย่างถึงที่สุด เกิดอะไรขึ้น เธอต้องการเขา...นิโคลัส ซาเวีย นักธุรกิจจอมอหังการ เลือดเย็นหากทว่าเสน่ห์ของเขากำลังหลอมละลายความหวั่นหวาดและเธอไม่สามารถต้านทานอำนาจราวมนต์สะกดนั้นได้ ภิณไลย์ญาเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ เธอพยายามตะเกียกตะกายทว่าความปรารถนาข้างในต่างหากที่ดึงเธอให้จมลงสู่ใจกลางมหาสมุทรแห่งห้วงเสน่หา กายแกร่งของนิโคลัสบดเบียดกับร่างนุ่ม จุดความร้อนรุ่มจนหญิงสาวกำลังยับยั้งตัวตนไม่ไหว“นิค...ไม่นะคะ...มะ...ไม่...”หญิงสาวพยายามหักห้ามทั้งเขาและตัวเธอด้วยการส่งเสียงแต่นิโคลัสก็ไม่สามารถคว
“นิค...อือ...อาส์...” เสียงแหบเบาลอดจากปากจิ้มลิ้ม เธอไม่กล้าส่งเสียงดังแม้ว่าห้องของนิโคลัสอยู่คนละฝั่งกับห้องของโซอี้ ความอับอายลึก ๆ ซ่านขึ้นมาฉับพลันแต่ก็ยังน้อยกว่าความเสียวกระสันที่กำลังครอบงำเธอกับเขาตอนนี้ ชั่ววาบของสำนึกเธอคิดถึงคริสต์ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังเอาเขามาเปรียบเทียบกับพี่ชายของเขา นิโคลัสแข็งแกร่งและดุดันทว่าก็น่าประหลาดที่เขาเร่าร้อนมากกว่าน้องชายหลายเท่า เธอกำลังหลงเสน่ห์ของเขาทั้งที่พยายามปฏิเสธมาตลอดว่าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ให้แก่เสน่ห์ร้ายกาจของผู้ชายเลือดเย็นแต่เธอกลับต้องยอมจำนนต่อรสจูบและเรือนร่างเครียดแน่นสมความเป็นชายชาตรีของนิโคลัส ซาเวียร์ คนใจหิน ร้ายกาจ และ...“นิค...อ่าส์...ไม่...” การปฏิเสธของเธอไร้ผลอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาทาบร่างลงมาและกดปากได้รูปบนปากของเธอขณะเดียวกันมือแกร่งทั้งสองเร่งร้อนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของภิณไลย์ญา เธอเหมือนนางกวางน้อยที่อ่อนแอลงในทันทีเมื่ออาภรณ์เลื่อนหลุดจากเรือนร่างคอดเว้าเหมือนนาฬิกาทรายจนเกือบหมด เสียงครางแหบเบาลอดจากปากจิ้มลิ้มเมื่อเขาซุกไซ้ลำคอและจูบบนไหล่กลมกลึงก่อนหน้าเข้มคมเลื่อนลงไปสู่จุดอ่อนไหว ครอบครองยอดเต้าเต่งตึ
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย