“ช่ายค่ะ...ก็หนูไม่หิว”
“แต่ตอนนี้ลูกต้องลงไปกินมื้อเช้า เด็กน้อยจะไม่เติบโตถ้าไม่กินมื้อเช้า”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูจะไป... ตะว่า...แดดี๊ขา...แดดี๊พูดจริงนะว่าจะอยู่...เป่าเค้กวันเกิดกับหนู”
“แดดี๊ไม่เคยโกหก”
“หนูรักแดดี๊ที่สุดเลย”
“โซอี้” ชายหนุ่มรั้งมือเล็กก่อนหนูน้อยจะวิ่งออกจากห้อง โซอี้ชะงักหันกลับมาอีกครั้ง
“คะแดดี๊”
“คืนจัดงานวันเกิด แดดี๊จะให้น้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูเป็น...เอ้อ...”
“ราชินีเมร่าค่ะ” ภิณไลย์ญาแทรกขึ้นและมองเด็กหญิงทีทำหน้าตื่นด้วยความเอ็นดู โซอี้ยิ้มกว้างอวดฟันขาวเป็นระเบียบก่อนวิ่งกลับลงไปชั้นล่าง ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ พลางลูบหน้าตัวเอง ใบหน้าคร้ามเข้มที่เคยดุดันตอนนี้ผ่อนคลายลงมากกว่าเก่าโดยเฉพาะแววตาคู่นั้นที่หม่นแสงลงยามหันมาจับจ้องดวงหน้าสวยหวาน หญิงสาวหรุบตามองขาตัวเองที่มีผ้าพันไว้แน่น
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะ คุณตามไปดูโซอี้เถอะนะคะ”
“ราชินีเมร่าคือใคร” เขาทำและมีสีหน้าครุ่นคิดทำ ภิณไลย์ญามองเขาเหมือนไม่อยากเชื่อ
“คุณไม่รู้จักเธอหรอกหรือคะ เธอคือราชินีแห่งมหาสมุทรแอตแลนติสเชียวนะคะ”
“ผมรู้จักแต่โพไซดอน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องดูคอมมิคบ้างแล้วล่ะค่ะ”
“พระเจ้า...ราชินีเมร่าเป็นตัวการ์ตูนหรือนี่ ผมนึกว่าเป็นเทพปกรณัมซะอีก อืม...ผมไม่เคยรู้เลยว่าการ์ตูนจะมีอิทธิพลกับเด็กมากขนาดนี้”
“คุณคงไม่ค่อยได้ดูการ์ตูนอย่างนั้นสินะคะ”
“ผมชอบฟังนิทานมากกว่า ผมโตมากับเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพและสวรรค์ ออกจะโบราณไปหน่อยแต่ผมไม่ค่อยเอนจอยกับอนิเมชั่นสักเท่าไหร่ ฟังดูก็ตลก ทั้งที่ผมเป็นเจ้าของบริษัทส่งออกรถยนต์แต่กลับชอบเรื่องราวโบราณมากกว่าการ์ตูนสมัยใหม่”
“การ์ตูนเป็นภาพเล่าอีกมุมหนึ่งจากเรื่องโบราณค่ะ ฉันเชื่อว่าแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกัน และสำหรับโซอี้ ลูกสาวของคุณมีภาพฝันของเด็กผู้หญิงทั่วไป ชอบความงามและมีภาพในอุดมคติแบบนั้น”
นิโคลัสถอนหายใจออกมา “คุณเพิ่งมาอยู่แค่ไม่กี่วันยังรู้จักลูกสาวของผมมากกว่าผมซะอีกนะเนเน่นี่ถ้า...”
เขาชะงักคำพูดตัวเองและทำเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนพูดต่อ
“สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดของโซอี้ ผมจะสั่งเค้กช็อคโกแลตของโปรดมาให้เธอ”
“สัปดาห์หน้า...วันอะไรเหรอคะ?”
“โซอี้เกิดวันศุกร์...ทุก ๆ วันศุกร์ผมต้องส่งกิฟการ์ดเป็นฟรายเดย์มอร์นิ่งให้แม่กระต่ายน้อย มันทำให้ผมไม่เคยลืมวันเกิดของเธอ แต่ปีนี้พิเศษหน่อยที่ผมได้อยู่ดูเธอเป่าเค้ก เพราะที่ผ่านมาผมติดงานมอเตอร์โชว์ในช่วงนี้”
นิโคลัสพูดแต่ไม่ทันได้หันมองหน้าคนฟัง ภิณไลย์ญานึกสะท้อนใจตัวเองเงียบ ๆ เธอนับเวลาแล้วโซอี้เกิดวันเดียวกับเธอ ทุกปีเธอจะเตรียมอาหารอร่อย ๆ จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่บ้านกับแม่และน้องชาย เป็นวันที่เธองดรับงานทุกอย่างเพื่อมีความสุขกับครอบครัว ซึ่งปีนี้แตกต่างไปจากปีที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง
เวลาผ่านไปจบอาทิตย์กระทั่งถึงวันเกิดของโซอี้ที่นิโคลัสจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ริมชายหาดให้ลูกสาวของเขาพร้อมด้วยเค้กวันเกิดปอนด์น้อย ปักเทียนสี่เล่มตามอายุของเด็กหญิงที่แสดงอาการตื่นเต้น สำหรับภิณไลย์ญาแล้ววันนี้เธอเห็นหนูน้อยมีความสุขมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา นับแต่เธอมาอยู่ที่นี่จวบครบสัปดาห์ และสำหรับนิโคลัส เขาไม่ได้ไปไหนเลยเหมือนรอคอยให้ถึงค่ำคืนที่แสนมีความหมายของพ่อกับลูก
และนับแต่วันที่เขาทำให้โซอี้ร้องไห้ก็ดูเหมือนผู้ชายเลือดเย็นอย่างเขาอ่อนโยนลงกว่าเดิมอย่างมาก แม้ไม่ใช่สำหรับเธอแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความร้ายกาจออกมาอย่างก่อนหน้าที่เธอจะมาถึงเกาะแห่งนี้ ท่ามกลางแสงจันทร์กับลมยามค่ำที่หอบกระไอของมหาสมุทรเข้าสู่ฝั่งก็ได้ยินเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้หนูน้อยจากนิโคลัส ภิณไลย์ญาและเลลานีที่มาคอยเฝ้าดูแลเรื่องอาหารกับเครื่องดื่ม พอโซอี้เป่าเค้กแล้วก็ร้องออกมาเสียงดังว่า
“ฮ๊า...เนเน่ดูซี...นี่คือราชินีเมร่าของหนู เธอสวยม๊าก”
เด็กหญิงชี้ลงไปบนหน้าเค้กตกแต่งเป็นรูปตัวการ์ตูนที่เด็กหญิงชอบ ภิณไลย์ญาอดยิ้มไม่ได้
“ใช่ค่ะ...แดดี๊สั่งทำพิเศษให้หนูเลยนะคะ แล้วดูซีคะว่าคืนนี้หนูสวยมาก”
“เนเน่แต่งหน้าให้ไง หนูเป็นราชินีเมร่าแล้ว”
“เอ...แดดี๊อยากรู้จังเลยว่าหนูอธิษฐานขออะไรตอนหลับตาแล้วเป่าเค้ก”
นิโคลัสก้าวเข้ามาและดึงร่างเล็กไปกอดไว้ โซอี้ยิ้มกว้างก่อนตอบ
“หนูอธิษฐานว่า...ขอให้เจอ...มามี๊...อยากให้...มามี๊กลับมา”
พอได้ยินอย่างนั้นแววตาของชายหนุ่มกลับเปลี่ยนไปและดูเหมือนความเงียบเข้ามาแทนที่บรรยากาศรื่นรมชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ยิ้มให้“วันหนึ่งลูกจะเจอมามี๊...วันหนึ่งมามี๊จะกลับมาหาลูก”“หนูอยากเห็นหน้ามามี๊ม๊ากเลย...มามี๊สวยไหมคะ?”“ค่ะ...สวยมาก...สวยเหมือนลูกเลยล่ะ”“แดดี๊ก็หล่อมาก...ไม่เชื่อถามเนเน่ดูซีคะ”โซอี้ชี้นิ้วไปมาขณะร่างสูงเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ ภิณไลย์ญายิ้มให้และตอบว่า“เอ้อ...ค่ะ...ใช่ค่ะ...แดดี๊หล่อมาก”“และน่ารักที่สุดเล้ย”หนูน้อยหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ก่อนหันไปให้ความสนใจเค้กแสนสวยโดยมีเลลานีช่วยตัดแบ่งเค้กให้ จากนั้นโซอี้จึงยื่นเค้กในจานเล็ก ๆ ให้ภิณไลย์ญาพร้อมทั้งบอกว่า“หนูให้เนเน่...เป็นรางวัลที่แต่งหน้าให้หนูคืนนี้”“ขอบคุณมากค่ะ...น่ารักที่สุดเลย”ภิณไลย์ญาอดดีใจไม่ได้ที่เห็นท่าทีเป็นมิตรมากขึ้นกว่าวันแรกที่เจอของเด็กหญิงตัวน้อย เธอรับเค้กชิ้นเล็กไปและนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง คืนนี้เธอไม่ได้เป่าเค้กและไม่มีคำอวยพรวันเกิดจากแม่และน้องชาย แต่ก็ได้มาร่วมงานวันเกิดของโซอี้ซึ่งเกิดในวันเดียวกับเธอก็ทำให้หญิงสาวไม่รู้สึกว่าเงียบเหงา ถือว่าเป็นการชดเชยก็แล้วกัน ร่างน้อย
บทที่ 10 Unexpressed passion ปรารถนาที่มิอาจซ่อนเร้น“หืมม์?” เขาหันกลับมา หน้าคมคร้ามเป็นสีเข้ม คงเป็นเพราะฤทธิ์ของวอดก้า ร่างสูงพยักหน้า“คิดว่าง่วงเหมือนกัน...อืม...คงต้องไปนอนแล้วสินะ”“นิค!” ภิณไลย์ญาร้องออกมาและรีบเข้าไปประคองร่างใหญ่โตที่กำลังจะเซล้มขณะลุกขึ้น หญิงสาวดันตัวเขาให้นั่งลงที่เดิมอย่างทุลักทุเล“นิค...นี่คุณเมาหรือคะ ถ้าเมาก็ไปนอนเถอะค่ะ”“ไม่เมานี่...ผมไม่เคยเมา ดื่มแค่นี้เอง”“แต่นี่มันเกือบหมดขวดเลยนะคะ” เธอเหลือบมองขวดวอดก้าที่หมดไปเกินครึ่งแต่เมื่อหันกลับมามองนิโคลัสเขาไม่ได้ถึงกับเมาเป๋ แค่สีหน้าเข้มจัดและดูเหมือนยังประคองสติได้อยู่ เธอแค่ถอนหายใจเบาๆ“ลุกไหวไหมคะ ฉันจะพาคุณไปส่งที่ห้อง”“ผมเดินไหว...ไม่ต้องช่วยหรอก”“อย่าทำเป็นเก่งไปเลยค่ะ ถ้าฉันไม่เข้ามารับเมื่อกี๊คุณคงได้นอนริมหาดนี้แน่ๆ ตัวใหญ่เหมือนยักษ์ฉันยกคุณไม่ไหวหรอกนะคะ”“ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณช่วย ถ้ากลับห้องไม่ได้ก็นอนมันตรงนี้”“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณ”“เนเน่” นิโคลัสคว้าข้อมือของเธอไว้ทำให้ภิณไลย์ญาต้องชะงัก ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ หยัดลำตัวขึ้นทั้งที่ยังกุมมือเธอไว้ เขาจ้องหน้าเธอนิ่งก่อนถาม“โซอี้หลั
ร่างเล็กร้องออกมาเมื่อจู่ ๆ นิโคลัสก็เอนตัวทำให้เธอเสียหลักล้มลงบนเตียงพร้อม ๆ กับเขา พอรู้สึกตัวอีกทีร่างสูงใหญ่ทั้งหนาและหนักก็ทาบทับอยู่บนตัวเธอบนที่นอนหนานุ่ม ใช่แต่ภิณไลย์ญาที่ออกอาการตระหนกหากแต่ชายหนุ่มก็แสดงความรู้สึกเช่นเดียวกันออกมาทางประกายตาสีทองแดงที่เข้มขึ้นทว่านิโคลัสกลับไม่ยอมขยับตัวออกห่าง ใบหน้าคร้ามคมอยู่ใกล้ดวงหน้าแสนหวานไม่ถึงคืบ หญิงสาวนิ่งอึ้งเหมือนตัวเองก็ยังมึนงง แต่พอตั้งสติได้เธอพยายามเขยื้อนตัวพร้อมทั้งส่งเสียงว่า“นิค...คะ...คุณ...คุณมึนมากใช่ไหมคะ....ก็ถ้า...ถ้าแฮงค์มากฉันจะ...”“ผมไม่ได้เมา” เขาขัดขึ้น “วอดก้าแค่นั้นไม่ทำให้ผมถึงกับต้องคลานหรอกนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขยับตัวหน่อยซีคะ ฉันอึดอัดจะแย่ หายใจไม่ออกด้วย”“เนเน่...”คราวนี้เสียงห้าวหนักกลับแผ่วพร่า เสียงนั้นทำให้ภิณไลย์ญาเองก็หยุดชะงักและต้องสบนัยน์ตาที่ตอนนี้เป็นประกายคมกล้าขึ้นชั่ววาบ เธอรู้สึกหวั่นหวาดและเริ่มกลัวซึ่งก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเมื่อเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาราดรดบนแก้มสีกุหลาบและทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง“ทะ...ทำไมคะ...”“คุณ...สนิทกับคริสต์มากขนาดไหน?”
“ไม่...อาส์...” เสียงหวานแห้งหายและคราวนี้เธอยินยอมให้เขาจุ่มจ้วงลิ้นเข้าไปในโพรงปากลึกกว่าเดิม ภิณไลย์ญาไม่รู้เลยว่าเธออยากให้เขาทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้เธอร้อนรุ่ม กระตุ้นเร้าความปรารถนาในตัวเธอซึ่งไม่เคยเกิดกับผู้ชายคนไหน นอกเสียจาก...คริสต์...โอ...ไม่หรอก เธอไม่เคยเกิดความกระหายอยากกับใครแม้แต่กับน้องชายของเขา เธอไม่เคยอนุญาตให้คริสต์จูบ ไม่เคยให้เขาล่วงเกินมากไปกว่าการกอด และไม่เคยเกิดความปรารถนาอย่างท่วมท้นในสำนึก หากแต่บัดนี้มันเกิดขึ้นในวินาทีนี้ กับผู้ชายที่ประกาศกร้าวว่าเกลียดชังเธออย่างถึงที่สุด เกิดอะไรขึ้น เธอต้องการเขา...นิโคลัส ซาเวีย นักธุรกิจจอมอหังการ เลือดเย็นหากทว่าเสน่ห์ของเขากำลังหลอมละลายความหวั่นหวาดและเธอไม่สามารถต้านทานอำนาจราวมนต์สะกดนั้นได้ ภิณไลย์ญาเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ เธอพยายามตะเกียกตะกายทว่าความปรารถนาข้างในต่างหากที่ดึงเธอให้จมลงสู่ใจกลางมหาสมุทรแห่งห้วงเสน่หา กายแกร่งของนิโคลัสบดเบียดกับร่างนุ่ม จุดความร้อนรุ่มจนหญิงสาวกำลังยับยั้งตัวตนไม่ไหว“นิค...ไม่นะคะ...มะ...ไม่...”หญิงสาวพยายามหักห้ามทั้งเขาและตัวเธอด้วยการส่งเสียงแต่นิโคลัสก็ไม่สามารถคว
“นิค...อือ...อาส์...” เสียงแหบเบาลอดจากปากจิ้มลิ้ม เธอไม่กล้าส่งเสียงดังแม้ว่าห้องของนิโคลัสอยู่คนละฝั่งกับห้องของโซอี้ ความอับอายลึก ๆ ซ่านขึ้นมาฉับพลันแต่ก็ยังน้อยกว่าความเสียวกระสันที่กำลังครอบงำเธอกับเขาตอนนี้ ชั่ววาบของสำนึกเธอคิดถึงคริสต์ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังเอาเขามาเปรียบเทียบกับพี่ชายของเขา นิโคลัสแข็งแกร่งและดุดันทว่าก็น่าประหลาดที่เขาเร่าร้อนมากกว่าน้องชายหลายเท่า เธอกำลังหลงเสน่ห์ของเขาทั้งที่พยายามปฏิเสธมาตลอดว่าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ให้แก่เสน่ห์ร้ายกาจของผู้ชายเลือดเย็นแต่เธอกลับต้องยอมจำนนต่อรสจูบและเรือนร่างเครียดแน่นสมความเป็นชายชาตรีของนิโคลัส ซาเวียร์ คนใจหิน ร้ายกาจ และ...“นิค...อ่าส์...ไม่...” การปฏิเสธของเธอไร้ผลอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาทาบร่างลงมาและกดปากได้รูปบนปากของเธอขณะเดียวกันมือแกร่งทั้งสองเร่งร้อนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของภิณไลย์ญา เธอเหมือนนางกวางน้อยที่อ่อนแอลงในทันทีเมื่ออาภรณ์เลื่อนหลุดจากเรือนร่างคอดเว้าเหมือนนาฬิกาทรายจนเกือบหมด เสียงครางแหบเบาลอดจากปากจิ้มลิ้มเมื่อเขาซุกไซ้ลำคอและจูบบนไหล่กลมกลึงก่อนหน้าเข้มคมเลื่อนลงไปสู่จุดอ่อนไหว ครอบครองยอดเต้าเต่งตึ
“อูยยยย....ซี๊ดดด...อาส์...นิค...ซี๊ดดดด” สาบานได้ว่าเธออยากหยุดตัวเอง ไม่อยากให้เขาได้ยินเสียงครางที่ทำยังไงก็หยุดยั้งได้ยากเย็นเหลือเกิน นิโคลัสไม่ใส่ใจ ยิ่งได้ยินเสียงภิณไลย์ญาเขาก็ยิ่งจุ่มจ้วงปาดป้ายปลายลิ้นลงไปในกลีบฉ่ำหวาน จับขาเรียวของเธอแยกห่างและเกลือกกลั้วใบหน้ากับเนินสามเหลี่ยมก่อนที่เขาจะสำนึกถึงความต้องการของตัวเอง แกนกายของเขาเครียดเกร็งและเขาอยากให้ตัวเขาทรมานมากกว่านั้นอีกสักหน่อยก่อนเลื่อนปากออกและหยัดกายขึ้น เขาอยู่เหนือเธออีกครั้งและเห็นความหวาดหวั่นฉายออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายราวผลึกแก้ว ภิณไลย์ญาจ้องมองเรือนร่างสมบูรณ์แบบของเจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ นิโคลัสเต็มไปด้วยพลังดึงดูดด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่นเธอไม่ตั้งใจเลื่อนสายตาลงต่ำกว่านั้นเพื่อเห็นแก่นกายเครียดแข็งของเขาที่กำลังเหยียดขยาย เขานาบตัวเขาลงบนเธอ แนบความคัดแข็งลงตรงกลางกลีบบานฉ่ำ เบียดถูและนาบปากลงบนกลีบปากบวมช้ำ ให้เธอสัมผัสรสชาติของตัวเองจากปากรุ่มร้อนของเขา ภิณไลย์ญาอ้าปากรับแต่โดยดี รสชาติและกลิ่นเหมือนหอยทะเลลึกหอมหวานปะปนอยู่ในความชุ่มฉ่ำและลมหายใจร้อนระอุของนิโคลัส เธอกลืนหยาดชุ่มในปากของเขาที่เปียกเ
“อาส์....อืม....อือ...นิค...นิค” เธอส่งเสียงราวกับร้องขอ นิโคลัสเริ่มเร่งจังหวะรัวเร็ว เขากระแทกกระทั้นเธอ จุ่มจ้วงและทิ้งดิ่งอย่างลึกล้ำ สอดประสานแนบแน่นจนไม่อาจถอดถอนตัวตนจากความคับเกร็ง เสียงหอบหายใจของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวด้วยคาวมเสียวกระสัน ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับร่างของเธอถูกกระชากหลุดออกจากกัน ลมหายใจของเขาอัดแน่น มันคือความต้องการและระหว่างเธอกับเขาเริ่มเปียกลื่นเพราะความชุ่มฉ่ำ จังหวะของเขาเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวยอมจำนนและรู้สึกว่าเธอคือผู้พ่ายแพ้ ไม่ใช่ความยินยอมต่อร่างกายของเขานิโคลัสไม่ได้บีบบังคับทว่าเธอเองต่างหากที่ยินยอมให้เขาล่วงล้ำเข้ามาในโลกอันหฤหรรษ์และเจ็บปวดในเวลาเดียวกันของเธอ เสียงครางหอบของเธอและเขาสอดประสานในความเงียบของค่ำคืน เธอกอบกำความอวบแน่นและยาวใหญ่ตรงใจกลางเอาไว้ก่อนจังหวะลมหายใจร้อนแรงถี่รัวเหมือนจังหวะกระทั้นที่เขากระแทกแก่นชายเข้าหาเธอ แกนกายของเธอบีบรัดและทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดของนิโคลัสหดเกร็งเมื่อเขารู้สึกว่าความสุขในชั้นสุดท้ายทะลักทลายเข้าไปจนล้นระหว่างซอกขาของภิณไลย์ญาก่อนลมหายใจหน่วงเริ่มผ่อนเบาลงแต่หญิงสาวกลับรู้สึกถึง
เธอส่งเสียงเหมือนพูดกับตัวเองทั้งไม่กล้าขยับตัวราวกลัวว่าจะทำให้นิโคลัสตื่น เธอกำลังแคร์เขามากขึ้นทุกที ไม่ได้อยากมีความรู้สึกแบบนี้ ความหวงแหนที่ไม่ควรมีให้กับผู้ชายที่มองเธอเป็นแค่ทางผ่าน จริงซีนะ...เธอเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วด้วยการเอาตัวเข้าแลกกับเศษเงินของเขา ภิณไลย์ญาได้แต่นึกอย่างสิ้นหวังเพราะทุกอย่างที่ฝันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ผิดหวังมาแล้วครั้งหนึ่งกับน้องชายของเขา นับว่าเจ็บปวดที่สุด แต่เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคริสต์ แล้วกับพี่ชายของเขาเธอจะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอย่างไร หรือแค่ความฉาบฉวยที่วันหนึ่งมันจะผ่านพ้นไป กลิ่นวอดก้าที่อวลอจากลมหายใจของนิโคลัสตอกย้ำว่าเขาเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเผลอไผลของเขาหาใช่ความตั้งใจ หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตัวเองก่อนผล็อยหลับไป เป็นเวลาที่นิโคลัสค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอ เขากอดร่างน้อยไว้แน่นขณะที่ไม่สามารถตกตะกอนความคิดได้เลยว่าตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับภิณไลย์ญากันแน่บทที่ 12 Upclosed and personnel ผูกพันชั่วคราวภิณไลย์ญาตื่นแต่เช้าและเดินลงไปที่ริมหาดอันเงียบเหงา ได้ยินก็แต่เสียงคลื่นล้
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย