เธอส่งเสียงเหมือนพูดกับตัวเองทั้งไม่กล้าขยับตัวราวกลัวว่าจะทำให้นิโคลัสตื่น เธอกำลังแคร์เขามากขึ้นทุกที ไม่ได้อยากมีความรู้สึกแบบนี้ ความหวงแหนที่ไม่ควรมีให้กับผู้ชายที่มองเธอเป็นแค่ทางผ่าน จริงซีนะ...เธอเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้วด้วยการเอาตัวเข้าแลกกับเศษเงินของเขา ภิณไลย์ญาได้แต่นึกอย่างสิ้นหวังเพราะทุกอย่างที่ฝันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ผิดหวังมาแล้วครั้งหนึ่งกับน้องชายของเขา นับว่าเจ็บปวดที่สุด แต่เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคริสต์ แล้วกับพี่ชายของเขาเธอจะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอย่างไร หรือแค่ความฉาบฉวยที่วันหนึ่งมันจะผ่านพ้นไป กลิ่นวอดก้าที่อวลอจากลมหายใจของนิโคลัสตอกย้ำว่าเขาเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเผลอไผลของเขาหาใช่ความตั้งใจ หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตัวเองก่อนผล็อยหลับไป เป็นเวลาที่นิโคลัสค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอ เขากอดร่างน้อยไว้แน่นขณะที่ไม่สามารถตกตะกอนความคิดได้เลยว่าตอนนี้เขาคิดอย่างไรกับภิณไลย์ญากันแน่
บทที่ 12 Upclosed and personnel ผูกพันชั่วคราว
ภิณไลย์ญาตื่นแต่เช้าและเดินลงไปที่ริมหาดอันเงียบเหงา ได้ยินก็แต่เสียงคลื่นล้อเข้าหาฝั่งบางเบากับลมทะเลพัดหวีดหวิว เก้าอี้และโต๊ะซึ่งเป็นที่จัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ สำหรับวันเกิดของหนูน้อยเมื่อคืนยังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน หญิงสาวเดินไปหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่และหันกลับไปมองบ้านพักตากอากาศหลังออกจากห้องของนิโคลัสมาอย่างเงียบๆ ตอนเช้าตรู่ เธอกลับไปที่ห้อง อาบน้ำและสวมชุดที่มีในตู้เสื้อผ้าด้วยความคิดหลายอย่างล่องลอยในสมองอันสับสน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังวุ่นวนในสมองของเธอตลอดเวลา เธอรู้ตัวดีว่าไม่ได้เมา เพราะไม่ได้ดื่มแต่นิโคลัสอยู่ในอาการก้ำกึ่งระหว่างความมีสติกับหลงลืมตัว แต่...เธอไม่โทษเขาสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ควรต้องโทษตัวเองมากกว่าที่เผลอไผลและยินยอมให้อารมณ์พาไปทั้งที่มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย
เธอยอมอยู่ใต้ร่างของเขา ยอมให้นิโคลัสครอบครองตัวเธออย่างสมบูรณ์แม้เป็นครั้งแรกหากแต่มันคือทั้งหมดสำหรับลูกผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้สูญเสียสิ่งสำคัญให้เขาแล้วและไม่มีวันเรียกร้องให้ความสูญเสียนั้นกลับคืนมาได้ หญิงสาวทอดถอนใจและนึกอับอายความใจง่ายของตัวเอง เธอคบกับคริสต์มานานเท่าไหร่ก็ยังไม่เคยไว้วางใจให้เขาครอบครองร่างกายเหมือนที่ยินยอมพี่ชายของเขา
ตอนนี้นิโคลัสคงยิ่งสมน้ำหน้าและสะใจยิ่งกว่าที่กำราบเธอได้ด้วยอำนาจของเขา อำนาจครอบงำความรู้สึกและจิตวิญญาณของเธอที่มันสูญสิ้นไปจนหมดจากความพลั้งเผลอเพียงชั่วข้ามคืน เธอเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันเป็นของเล่นพวกเศรษฐี ทว่าตอนนี้เธอกลายเป็นดอกไม้ที่แค่ถูกเด็ดไปชื่นชมก่อนถูกขว้างทิ้งจากแจกัน หญิงสาวคิดอย่างเศร้าใจ มีบางอย่างวาบลึกอยู่ใต้บึ้งของความรู้สึก มันเป็นบางสิ่งที่กำลังหยั่งรากฝังลึกอยู่ในหัวใจดวงนั้น เธอยังนึกถึงคำพูดเมื่อคืนนี้
“ถ้าคุณหลับแล้วฉันจะรอฟังคำตอบของคุณพรุ่งนี้นะคะ”
ใช่...เธออยากรู้ว่าเขาจะปล่อยเธอกลับเมื่อไหร่ ทั้งที่อยากรู้ในเวลาเดียวกันหัวใจบอบบางก็เริ่มรวดร้าวโดยไม่มีเหตุผล แต่แล้วหญิงสาวกลับถูกดึงออกจากความคิดที่ล่องลอยเมื่อรู้สึกว่ามือของเธอถูกกระตุกเบาๆ ภิณไลย์ญาหันกลับไปมองก็ต้องประหลาดใจที่เห็นโซอี้จับมือเธอไว้และยิ้มกว้าง
“โอ...ราชินีเมร่า วันนี้ตื่นเช้ามากเลยนะคะ”
“หนูตื่นเช้าทุกวันค่ะ...เนเน่มาทำอะไรตรงนี้”
“น้ามายืนมองทะเลค่ะ ทะเลตอนเช้าสวยมาก...แล้วเลลานีไปไหนล่ะคะ”
“เลลานีก็เตรียมซีเรียลกับนมไว้ให้หนูไงล่ะ เนเน่หิวหรือยัง?”
ภิณไลย์ญายิ้มละไมและย่อตัวลงนั่งคุกเข่าคุยกับหนูน้อยในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ จ้องมองเข้าไปในประกายวาวใสของดวงตากลมโตที่จ้องมองหญิงสาวผิดไปจากวันแรกที่เจอ โซอี้ดูไว้วางใจมากขึ้นแต่เธอก็ยังสังเกตเห็นความหม่นเศร้าในแววตาน่ารักน่าเอ็นดูคู่นั้น หญิงสาวยิ้มและตอบเสียงแผ่ว
“ยังไม่หิวเลยค่ะ”
“สงสัยเนเน่จะอิ่มตั้งแต่เมื่อคืน...ใช่มะคะ”
“ค่ะ”
“เมื่อคืนสนุกม๊าก มากค่ะ เนเน่กลับไปนอนตอนไหน” เด็กน้อยถามโดยไม่รู้เลยว่าจี้เข้าที่ความรู้สึกของคนฟังให้ปวดแปลบขึ้นมา หากแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่สามารถคิดกับหนูน้อยเป็นอย่างอื่นได้มากกว่าความไม่เดียงสา บางครั้งเธอก็โทษตัวเองว่าถ้าหากไม่...พานิโคลัสกลับไปที่ห้องก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างคงเป็นเหมือนเดิมและเธอคงมองหน้าเขาได้สนิทใจมากกว่านี้ แต่แล้วเธอก็ได้ยินหนูน้อยเอ่ยขึ้นว่า
“เนเน่รู้ม๊ายว่า วันเป่าเค้กแดดี๊ไม่ได้อยู่กับหนูแบบนี้เลย”
“จริงเหรอคะ...อืม...แดดี๊คงงานยุ่งมาก”“เนเน่รู้ได้ยังงายคะว่าแดดี๊ยุ่งมาก”“ก็แดดี๊เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่มาก ๆ งานก็ต้องเยอะมากตามนะสิคะ แต่จริง ๆ แล้วแดดี๊รักและเป็นห่วงราชินีเมร่ามากเลยนะคะ”“บางครั้งแดดี๊ก็ดุมาก แดดี๊ไม่เคยพาหนูไปเที่ยวที่ไหนเลย”“แล้ว...โซอี้อยากไปไหนล่ะคะ”“หนูอยากไปเที่ยวที่ตึกหลาย ๆ ชั้น มีของเด็กเล่น มีเสื้อผ้าเยอะๆ มีขนมอร่อยๆ ด้วย”“เขาเรียกห้างสรรพสินค้า ถ้ามีโอกาสลองขอแดดี๊ไปดูสักครั้งซีคะ”พอเธอพูดจบหนูน้อยก็มีสีหน้าตกและตอบเสียงเศร้าๆ ขณะส่ายหน้าเล็ก ๆ ไปมา“แดดี๊ม่ายเคยพาหนูไปไหนเลยค่ะ หนูอยากไป...ห้างสรรพสินค้า”“แต่ลูกก็ไม่เคยบอกแดดี๊เลยนะว่าอยากไป” เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้ทั้งภิณไลย์ญาและโซอี้หันไปมองพร้อมกัน นิโคลัสก้าวเข้ามาและหยุดยืนข้าง ๆ เด็กหญิงที่เงยหน้ามองด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนที่เขาจะย่อตัวลงนั่งเพื่อพูดคุยในระดับความสูงที่เท่า ๆ กับหนูน้อย ชายหนุ่มลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายยามต้องแดดนุ่มลื่นเบา ๆ นัยน์ตาสีทองแดงเข้มบนใบหน้าคร้ามคมอ่อนโยนยามจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้า โซอี้เอียงคอและพูดว่า“แดดี๊ว่ายังงไงนะคะ”“แดดี๊พูดว่าลูกไม่เคยบอกแดดี๊เ
“ทุกอย่างไม่ได้จบเพียงแค่ที่ผมพาตัวคุณมาเก็บไว้ที่นี่เพื่อที่คริสต์มันจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านมากกว่าที่เป็นอยู่ ผมยังใช้งานคุณได้ไม่คุ้มกับที่เสียไปสามล้านดอลล่าห์เลยนะเนเน่”“แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไร”“ผมจะพาคุณกลับนิวยอร์ค คุณต้องไปอยู่คอยดูแลโซอี้ในระยะเวลาที่ผมคิดว่าน่าพอใจ”“มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรานี่...ใช่ไหมคะ?”“ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่มากจนเกินไป ผมคิดว่าหน้าที่พี่เลี้ยงของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่กับแม่ ไม่รู้จักอ้อมกอดแม่มานานเท่าไหร่ก็น่าจะเป็นเหตุผลให้คุณรู้สึกเต็มใจอยากทำหน้าที่นี้ หรือถ้าหากคุณคิดว่าโซอี้น่ารำคาญ...”“ฉันต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งของคุณอยู่แล้วนี่ไม่ใช่หรือคะ”“ก็ดีที่คุณรู้จักหน้าที่ของตัวเอง” คำพูดของเขาไม่ได้ดุเดือดร้อนแรงอย่างวันก่อนแต่ก็แฝงไว้ด้วยอำนาจสั่งการที่ทำให้คนฟังรู้สึกได้ถึงความห่างเหินต่อกันอยู่ดี ทั้งที่เธอยังสลัดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่พ้นจากสมอง แก้มเนียนร้อนผะผ่าวยามเขาจ้องมองมา เธอยังจดจำแววตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและปรารถนานั้นได้ บ้าเถอะ! เขาเป็นคนยัดเยียดหนี้ให้เธอและก่อนหน้านี้นิโคลัสชิงชังเธอ
“ตื่นเต้นมากหรือเปล่าที่จะได้ไปจากที่นี่”“ก็เล็กน้อยค่ะ ฉันคิดว่าอย่างน้อยจะได้กลับไปเยี่ยมน้องชายที่โรงพยาบาล”“อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว”“คุณรู้ได้ยังไง”“อย่าลืมสิเนเน่ว่าผมเป็นเจ้าของเงินที่จ่ายให้หมอรักษาน้องชายของคุณ”“ขอโทษนะคะ ฉันลืมไปเลยค่ะว่า...ยังเป็นหนี้คุณอยู่อีกมาก” ภิณไลย์ญาหันหลังให้แต่เขากลับดึงมือเรียวและบังคับให้เธอหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง“และอีกนานด้วย” เขากดเสียงต่ำ “คุณกำลังวางแผนอยู่ใช่ไหมว่าหลังจากพ้นชีวิตผมไปจะกลับไปเป็นพริตตี้เหมือนเดิม”“นั่นมันงานของฉัน”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “งานเหรอ?”“จริง ๆ แล้วฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณก็ได้กระมังว่าอยากจะวางแผนอะไรต่อไปในอนาคต”“แล้วคิดว่าอนาคตของคุณมันจะสิ้นสุดตรงไหนกัน ผมว่าคงไม่มีเอเยนซี่ที่ไหนอยากรับพริตตี้หน้าเก่าเสื่อมความนิยมและไม่เป็นที่สนใจของใครอีกต่อไปแล้วหรอกนะ”“ฉันไม่ใช่ดารานะคะนิค ไม่จำเป็นต้องทำคะแนนนิยม งานก็คืองาน”“คุณมีสิทธิ์วางแผนอะไรก็ได้ในอนาคต แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่...ยังอยู่ในจินตนาการที่คงจะยังอีกนานเลยทีเดียว”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”รอยยิ้มดุดันกระตุกขึ้นบนมุมปากก่อนแขนหนากระหวัดร่างน้อย
“ใช่...เราตกลงกันแล้ว แต่ผมอยากเปลี่ยนสัญญาระหว่างเราใหม่ ผมสามารถทำได้ในฐานะเจ้าหนี้”“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ยุติธรรมกับลูกหนี้เลยนะคะ ถ้าหากว่าคุณพร้อมจะฉีกสัญญาเก่าได้ตลอดเวลา”“ผมไม่ได้ฉีกสัญญา แต่ต้องการเพิ่มรายละเอียดลงไป”“มากแค่ไหนกันคะ หวังว่าคงเป็นข้อเสนอที่ควรจะเห็นใจลูกหนี้ที่ถูกบังคับอย่างฉันบ้าง”“เรื่องประชดประชันนี่คุณถนัดจริงนะ...โอเค...ผมจะคุยเรื่องสัญญาระหว่างเรา คุยไปด้วย อาบน้ำไปด้วย”ภิณไลย์ญาไม่ทันอ้าปากประท้วงนิโคลัสก็เปิดน้ำฝักบัวสาดซ่าลงมา พร้อมกันนั้นที่เขาประกบปากปิดปากของเธอแนบแน่น บดเบียดจนหญิงสาวสำลักทั้งลมหายใจและน้ำที่ไหลซึมเข้าไปในปาก หากดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจ ยังเบียดร่างใหญ่เข้าหา เขาดูดดุนลิ้นของเธอ หญิงสาวสั่นสะท้าน เหมือนถูกต้อนจนมุม แล้วเขาก็ทรมานด้วยการยั่วยุอารมณ์จนประสาททุกส่วนของร่างเล็กไหวระริก เมื่อปากได้รูปเลื่อนออกเล็กน้อยเธอจึงรีบถามเสียงพร่า“นะ...ไหนว่า...จะพูดเรื่องสัญญาล่ะคะ”“ใช่...ผมจะพูด...แต่...รายละเอียดมันเยอะมาก...นาทีเดียวคงไม่พอ”“นิค...คุณแกล้งฉันอีกแล้วนะคะ”“ไม่เลย” เขาลิ้มเลียกลีบปากนุ่มฉ่ำน้ำ เขายั่วเย้าเธอและตัวเขาเองก็เริ
“ผมควรต้องให้ความสำคัญกับพี่ชายก่อนเรื่องอื่น ๆ อย่าลืมสิว่านิคเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของซาเวียร์ กรุ๊ป...โอเค...ผมมีเรื่องต้องทำความตกลงกับเขาก่อนวางแผนเรื่องครอบครัว”“ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”“คุณไม่เข้าใจหรอกลาริสา มันเป็นเรื่องครอบครัวของผม”“แต่ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณนะคริส”“ภรรยาควรรับฟังความเห็นและเคารพการตัดสินใจของสามี” คริสผุดลุกขึ้น ท่าทีของเขาทำให้ลาริสาถึงกับนิ่วหน้า“ฉันรับฟังความคิดเห็นและเชื่อคุณมาตลอดค่ะคริส...ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณที่ไม่ยอมสร้างเรือนหอและแยกตัวออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูลซาเวียร์ทั้งที่คุณอายุขนาดนี้แล้วแต่ควรมีอิสระในการใช้ชีวิตครอบครัวของตัวเองโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของใคร”“คุณกำลังจะบอกว่านิคควบคุมชีวิตผมอย่างนั้นเหรอ?”คริสสีหน้าจริงจังแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงเคาะประตูก็ดังขัดการสนทนาเสียก่อนแม่บ้านวัยกลางคนเปิดประตูและก้าวเข้ามาก่อนรายงานกับเขาว่า“คุณคริสคะคุณนิโคลัสกลับมาแล้วค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้นคริสจึงขยับลุกขึ้นและเอ่ยถามกลับไปว่า“นิคกลับมาคนเดียวเหรอครับป้าเจนนี่”“คุณนิคพาคุณหนูโซอี้กลับมาด้วยค่ะ”คำตอบของแม่บ้านทำให้สีหน้าอันชาเฉย
คริสต์พูดกับพี่ชายของเขาหากทว่าสายตาคู่นั้นกลับจ้องมองไปที่ภิณไลย์ญาซึ่งในเวลานั้นเธอหลบตามองต่ำราวกับว่าไม่อยากสบตากับใครแม้แต่คนเดียวในวงสนทนาที่ทำให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นส่วนเกินของครอบครัวนี้ ครอบครัวของมหาเศรษฐีและมันทำให้คนต่ำต้อยเช่นเธอยิ่งดูตัวเล็กไปถนัดใจ ตอนแรกภิณไลย์ญาคิดว่านิโคลัสจะพาเธอกับโซอี้ไปที่บ้านพักส่วนตัวของเขาที่ไหนสักแห่งแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่คฤหาสน์ของตระกูลซาเวียร์และทำให้เธอต้องกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้ข้องแวะกับชีวิตของเขาอีกแล้ว นิโคลัสกำลังคิดอะไรอยู่เธอไม่รู้และไม่อาจหยั่งเห็นไปถึงจินตนาการของเขา แต่เท่าที่รู้ตอนนี้เธอเหมือนสิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้ามาท่ามกลางวงสังคมของคนมีเงิน ภิณไลย์ญาเริ่มอึดอัดจนเผลอบีบมือของโซอี้แน่นขึ้นและทำให้เด็กหญิงรู้สึกได้ โซอี้เงยหน้ามองคนข้าง ๆ แต่ก่อนที่เด็กหญิงจะอ้าปากถามก็ได้ยินเสียงคริสเอ่ยขึ้นว่า“โซอี้...สวัสดีจ้ะ เป็นยังไงบ้าง...จำอาคริสได้ไหม?”คริสก้าวเข้าไปและนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งในช่วงเวลานั้นเองภิณไลย์ญาก็รีบปล่อยมือจากเด็กหญิงและขยับไปยืนห่างจากนั้นสองถึงสามก้าว โซอี้จ้องมองค
“ก็ตามใจแกนะ แต่ที่ฉันเสนอเพราะอยากจะให้อะไรที่มันพิเศษเพื่อเป็นของขวัญสำหรับการแต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ของน้องชายคนเดียวที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ”นิโคลัสปรายยิ้มกับคริสทั้งที่เขาก็เห็นว่าสีหน้าของน้องชายตอนนี้ไม่สู้จะดีนัก นิโคลัสยังสังเกตเห็นว่าแววตาของคริสที่มองไปยังภิณไลย์ญานั้นยังเต็มไปด้วยความห่วงหาและลึกซึ้งซึ่งมันเป็นสิ่งรบกวนจิตใจของเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเช่นกันสักครู่แม่บ้านวัยกลางคนก็เดินเข้ามาและเอ่ยว่า“คุณนิคคะ ห้องที่ให้ดิฉันจัดไว้สำหรับคุณหนูโซอี้ดิฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ จะให้ดิฉันถ้าคุณหนูโซอี้ไปที่ห้องเลยหรือเปล่าคะ”นิโคลัสพยักหน้าและตอบว่า“เดี๋ยวพาโซอี้ไปที่ห้องที่ฉันให้จัดเตรียมเอาไว้ แล้วก็พาเนเน่ไปที่ห้องของเธอที่ฉันให้จัดเตรียมไว้ให้ด้วย”พอเขาพูดจบเด็กหญิงตัวเล็กก็กระตุกมือร่างสูงและบอกว่า“แดดี๊ขา...แล้วแดดี๊จะไปกับหนูหรือเปล่าคะ”“เดี๋ยวแดดี๊จะตามไปนะ ลูกไปกับป้าเจนนี่ก่อน”โซอี้พยักหน้าหงึก ๆ แต่ก่อนที่แม่บ้านจะพาเด็กหญิงออกไปนิโคลัสก็หันไปยังลาริสาและเอ่ยขึ้นว่า“ลาริสา นี่คือโซอี้ลูกสาวของผมและพี่เลี้ยงของโซอี้เรียกเธอว่าเนเน่”“สวัสดีจ๊ะโซอี้...
“แต่ผมสงสัยว่าทำไมเนเน่ถึงได้ยอมมากับพี่ได้ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าจะต้องเจอผม”“แล้วมันจะสำคัญอะไร ไม่ว่าเธอจะได้เจอหรือไม่ได้เจอกับแกถึงยังไงตอนนี้เนเน่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาคบกับแกได้เหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว อย่าลืมสิคริส ตอนนี้แกมีครอบครัวแล้วนะ แกแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงที่คู่ควรกับแกแล้ว”“แต่พี่ก็รู้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความต้องการของผม พี่ก็รู้ดีว่าที่ผมต้องแต่งงานกับลาริสามันด้วยเหตุผลอะไร”“แต่แกก็แต่งงานกับเธอแล้วคริส ตอนนี้ก็ถือว่าแกเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว ไม่ได้อยู่ในสถานะของหนุ่มน้อยที่อยากจะควงใครไปไหนมาไหนหรืออยากจะไปจีบผู้หญิงที่แกพอใจเหมือนอย่างเมื่อก่อนได้อีก แกมีภาระที่จะต้องรับผิดชอบและคำว่าครอบครัวมันก็ยิ่งใหญ่มาก มันคือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่จะแสดงภาวะผู้นำออกมา และอย่าลืมว่าแกอยู่ในตระกูลซาเวียร์ ตระกูลของเราเป็นตระกูลที่ใครก็รู้จักในแวดวงของนักธุรกิจ แกต้องวางตัวเป็นบุคคลที่น่านับถือด้วยการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่แกจะต้องรับผิดชอบยังไงล่ะ”“มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่ สำหรับผมแล้วสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตขอ
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย