“ผมควรต้องให้ความสำคัญกับพี่ชายก่อนเรื่องอื่น ๆ อย่าลืมสิว่านิคเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของซาเวียร์ กรุ๊ป...โอเค...ผมมีเรื่องต้องทำความตกลงกับเขาก่อนวางแผนเรื่องครอบครัว”
“ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”
“คุณไม่เข้าใจหรอกลาริสา มันเป็นเรื่องครอบครัวของผม”
“แต่ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณนะคริส”
“ภรรยาควรรับฟังความเห็นและเคารพการตัดสินใจของสามี” คริสผุดลุกขึ้น ท่าทีของเขาทำให้ลาริสาถึงกับนิ่วหน้า
“ฉันรับฟังความคิดเห็นและเชื่อคุณมาตลอดค่ะคริส...ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณที่ไม่ยอมสร้างเรือนหอและแยกตัวออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูลซาเวียร์ทั้งที่คุณอายุขนาดนี้แล้วแต่ควรมีอิสระในการใช้ชีวิตครอบครัวของตัวเองโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของใคร”
“คุณกำลังจะบอกว่านิคควบคุมชีวิตผมอย่างนั้นเหรอ?”
คริสสีหน้าจริงจังแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเสียงเคาะประตูก็ดังขัดการสนทนาเสียก่อนแม่บ้านวัยกลางคนเปิดประตูและก้าวเข้ามาก่อนรายงานกับเขาว่า
“คุณคริสคะคุณนิโคลัสกลับมาแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นคริสจึงขยับลุกขึ้นและเอ่ยถามกลับไปว่า
“นิคกลับมาคนเดียวเหรอครับป้าเจนนี่”
“คุณนิคพาคุณหนูโซอี้กลับมาด้วยค่ะ”
คำตอบของแม่บ้านทำให้สีหน้าอันชาเฉยของคริสเมื่อครู่มีบางอย่างเป็นประกายวาบขึ้นซึ่งลลิสาสังเกตเห็นว่าท่าทางของเขาตื่นเต้นและมันทำให้เธอแปลกใจเล็ก ๆ กระทั่งเมื่อแม่บ้านกลับออกไปแล้วแล้วริสาจึงหันมาถามเขาว่า
“ใครกันคะโซอี้”
“ลูกสาวของนิค”
“เขามีลูกแล้วเหรอคะ?...ก็ไหนว่านิคยังเป็นโสดแล้วเขาไปมีลูกตอนไหนกัน”
“ผมต้องรีบออกไปพบเขาก่อน มีเรื่องที่ผมอยากคุยกับเขาเยอะเลย”
คริสตัดบทและเดินออกไปจากห้องนั้นปล่อยให้ลาลิสายืนอยู่ด้วยความมึนงงชั่วครู่ก่อนที่เธอจะเดินตามออกไปและเมื่อออกไปถึงห้องรับแขก ที่นั่นนิโคลัสอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุราว 4 ขวบหากทว่าลาริสาก็ต้องพบกับความประหลาดใจมากกว่านั้นเพราะนิโคลัสไม่ได้มาพร้อมกับเด็กผู้หญิงเพียง 2 คนแต่มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ชื่อโซอี้ทั้งสองจับมือกันราวกับมีความสนิทสนมซึ่งถ้าหากไม่บอกว่านิโคลัสยังเป็นโสดก็อาจจะคิดว่าผู้หญิงหน้าตาสวยซึ่งลาริสารู้สึกคุ้นหน้าเป็นภรรยาพี่ชายของคริส
ขณะนั้นคริสเองก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ตอนแรกเขาตื่นเต้นที่จะได้พบกับโซอี้ เด็กผู้หญิงตัวน้อยซึ่งเขาเฝ้ารอคอยที่จะได้เจอแม่หนูมานานนับปีหลังจากที่เขาได้เห็นโซอี้หลังคลอดเพียงไม่กี่เดือน แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือนิโคลัสไม่ได้พาโซอี้มาเพียงลำพังแต่ยังมีใครอีกคนหนึ่งที่ติดตามมาด้วยซึ่งเขานึกไปไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่เขาคุ้นเคยและกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตัดใจจากเธอได้อย่างเด็ดขาดเลย เขาชะงักนิ่งและจ้องมองภิณไลย์ญาซึ่งในเวลานั้นยืนอยู่เคียงข้างโซอี้ทั้งยังจับมือหนูน้อยเอาไว้แนบแน่น
คริสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แล้วเสียงของนิโคลัสก็กระชากสติของเขาที่กำลังมึนงงให้กลับคืนมา
“ว่ายังไงคริส...นี่ฉันนึกว่าแกไปฮันนีมูนกับเมียของแกแล้วซะอีก”
“แผนการฮันนีมูนของเราน่ะถูกพักไว้ก่อนค่ะนิค”
ลาริสาเป็นฝ่ายตอบและก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่เคียงข้าง คริส คำตอบของเธอก็ทำให้นิโคลัสย่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“อ้าว...ทำไมล่ะ? อันที่จริงฉันเองที่เป็นคนจัดการจองตั๋วเครื่องบินให้แกกับลาริสาไปฮันนีมูนด้วยกันที่มัลดีฟ ช่วงเวลานี้ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนและมีความสุขของคนที่เป็นสามีภรรยากันนี่ไม่ใช่เหรอ”
“คริสต์เขารอคุณกลับมาค่ะนิค เขาเพิ่งยกเลิกแผนการไปฮันนีมูนเมื่อวานนี้เอง เขาบอกว่าเขามีธุระที่จะต้องพูดคุยกับคุณน่ะคะ”
“ครับพี่...ผมเป็นคนยกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมดเอง ก็แค่เลื่อนการฮันนีมูนออกไปเพราะผมมีภาระงานที่ต้องทำมากกว่านั้น”
คริสต์พูดกับพี่ชายของเขาหากทว่าสายตาคู่นั้นกลับจ้องมองไปที่ภิณไลย์ญาซึ่งในเวลานั้นเธอหลบตามองต่ำราวกับว่าไม่อยากสบตากับใครแม้แต่คนเดียวในวงสนทนาที่ทำให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นส่วนเกินของครอบครัวนี้ ครอบครัวของมหาเศรษฐีและมันทำให้คนต่ำต้อยเช่นเธอยิ่งดูตัวเล็กไปถนัดใจ ตอนแรกภิณไลย์ญาคิดว่านิโคลัสจะพาเธอกับโซอี้ไปที่บ้านพักส่วนตัวของเขาที่ไหนสักแห่งแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่คฤหาสน์ของตระกูลซาเวียร์และทำให้เธอต้องกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้ข้องแวะกับชีวิตของเขาอีกแล้ว นิโคลัสกำลังคิดอะไรอยู่เธอไม่รู้และไม่อาจหยั่งเห็นไปถึงจินตนาการของเขา แต่เท่าที่รู้ตอนนี้เธอเหมือนสิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้ามาท่ามกลางวงสังคมของคนมีเงิน ภิณไลย์ญาเริ่มอึดอัดจนเผลอบีบมือของโซอี้แน่นขึ้นและทำให้เด็กหญิงรู้สึกได้ โซอี้เงยหน้ามองคนข้าง ๆ แต่ก่อนที่เด็กหญิงจะอ้าปากถามก็ได้ยินเสียงคริสเอ่ยขึ้นว่า“โซอี้...สวัสดีจ้ะ เป็นยังไงบ้าง...จำอาคริสได้ไหม?”คริสก้าวเข้าไปและนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งในช่วงเวลานั้นเองภิณไลย์ญาก็รีบปล่อยมือจากเด็กหญิงและขยับไปยืนห่างจากนั้นสองถึงสามก้าว โซอี้จ้องมองค
“ก็ตามใจแกนะ แต่ที่ฉันเสนอเพราะอยากจะให้อะไรที่มันพิเศษเพื่อเป็นของขวัญสำหรับการแต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ของน้องชายคนเดียวที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ”นิโคลัสปรายยิ้มกับคริสทั้งที่เขาก็เห็นว่าสีหน้าของน้องชายตอนนี้ไม่สู้จะดีนัก นิโคลัสยังสังเกตเห็นว่าแววตาของคริสที่มองไปยังภิณไลย์ญานั้นยังเต็มไปด้วยความห่วงหาและลึกซึ้งซึ่งมันเป็นสิ่งรบกวนจิตใจของเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเช่นกันสักครู่แม่บ้านวัยกลางคนก็เดินเข้ามาและเอ่ยว่า“คุณนิคคะ ห้องที่ให้ดิฉันจัดไว้สำหรับคุณหนูโซอี้ดิฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ จะให้ดิฉันถ้าคุณหนูโซอี้ไปที่ห้องเลยหรือเปล่าคะ”นิโคลัสพยักหน้าและตอบว่า“เดี๋ยวพาโซอี้ไปที่ห้องที่ฉันให้จัดเตรียมเอาไว้ แล้วก็พาเนเน่ไปที่ห้องของเธอที่ฉันให้จัดเตรียมไว้ให้ด้วย”พอเขาพูดจบเด็กหญิงตัวเล็กก็กระตุกมือร่างสูงและบอกว่า“แดดี๊ขา...แล้วแดดี๊จะไปกับหนูหรือเปล่าคะ”“เดี๋ยวแดดี๊จะตามไปนะ ลูกไปกับป้าเจนนี่ก่อน”โซอี้พยักหน้าหงึก ๆ แต่ก่อนที่แม่บ้านจะพาเด็กหญิงออกไปนิโคลัสก็หันไปยังลาริสาและเอ่ยขึ้นว่า“ลาริสา นี่คือโซอี้ลูกสาวของผมและพี่เลี้ยงของโซอี้เรียกเธอว่าเนเน่”“สวัสดีจ๊ะโซอี้...
“แต่ผมสงสัยว่าทำไมเนเน่ถึงได้ยอมมากับพี่ได้ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าจะต้องเจอผม”“แล้วมันจะสำคัญอะไร ไม่ว่าเธอจะได้เจอหรือไม่ได้เจอกับแกถึงยังไงตอนนี้เนเน่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาคบกับแกได้เหมือนอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว อย่าลืมสิคริส ตอนนี้แกมีครอบครัวแล้วนะ แกแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงที่คู่ควรกับแกแล้ว”“แต่พี่ก็รู้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความต้องการของผม พี่ก็รู้ดีว่าที่ผมต้องแต่งงานกับลาริสามันด้วยเหตุผลอะไร”“แต่แกก็แต่งงานกับเธอแล้วคริส ตอนนี้ก็ถือว่าแกเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว ไม่ได้อยู่ในสถานะของหนุ่มน้อยที่อยากจะควงใครไปไหนมาไหนหรืออยากจะไปจีบผู้หญิงที่แกพอใจเหมือนอย่างเมื่อก่อนได้อีก แกมีภาระที่จะต้องรับผิดชอบและคำว่าครอบครัวมันก็ยิ่งใหญ่มาก มันคือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่จะแสดงภาวะผู้นำออกมา และอย่าลืมว่าแกอยู่ในตระกูลซาเวียร์ ตระกูลของเราเป็นตระกูลที่ใครก็รู้จักในแวดวงของนักธุรกิจ แกต้องวางตัวเป็นบุคคลที่น่านับถือด้วยการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่แกจะต้องรับผิดชอบยังไงล่ะ”“มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่ สำหรับผมแล้วสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตขอ
“เนเน่”เสียงคุ้นหูนั้นทำให้เธอต้องหันกลับไปและต้องผงะงันเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา เธออุทานออกมาเบา ๆ ว่า“คริส”“เนเน่...คุณกำลังจะไปไหนนะ”“ฉันกำลังจะกลับไปที่บ้าน...เอ้อ...บ้านของคุณไงคะ ฉันต้องรีบกลับไปอยู่กับโซอี้ค่ะ”“ตอนนี้โซอี้อยู่กับป้าเจนนี่ แล้วนี่คุณคงมาเยี่ยมน้องชายของคุณสินะ ผมรู้มาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง”“คิดอาการดีขึ้นแล้วค่ะหมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมแต่ฉันคิดว่าหลังจากนี้อีกสักประมาณ 2-3 สัปดาห์ฉันค่อยกลับมาใหม่คุณหมอคงจะอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แล้วว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรอคะ”คริสรอยยิ้มก่อนตอบว่า“ผมไม่ได้มาทำอะไรหรอก ไม่ได้มาหาใครด้วย ผมเห็นคุณออกมาจากบ้านตั้งแต่ตอนเช้าก็เลยตามคุณมา”“ตามฉันมาเหรอคะ?...คุณตามฉันมาทำไม”“ผมแค่อยากรู้ว่าคุณจะไปไหน”“ฉันไปไหนไกลไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่ามีภาระหน้าที่ที่ฉันจะต้องทำนั่นคือการดูแลโซอี้”“จริง ๆ แล้วผมไม่ได้แค่อยากรู้ว่าคุณไปไหนแต่ผมอยากคุยกับคุณน่ะ”“เราเจอกันทุกวันอยู่แล้วค่ะ และเราก็คุยกันได้ที่บ้านของคุณ”“ที่นั่นไม่ใช่บ้านของผมหรอกนะ เป็นบ้านพี่ชายของผมต่างหาก”“มันก็ไม่ได้แตกต่างกันหรอก
คริสพาเธอมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ชายทะเลมันไม่ใช่ร้านที่หรูหราอะไรแต่บรรยากาศทำให้ภิณไลย์ญารู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่เธอเริ่มมีความกดดันที่ได้พบกับเขาเป็นครั้งแรกตามลำพังอีกครั้งหลังจากที่คริสแต่งงานกับลาริสา เมื่อไปถึงเขาก็เลือกนั่งโต๊ะในพื้นที่ซึ่งมีความเป็นส่วนตัว คริสสั่งเครื่องดื่ม สำหรับเขาเป็นเอสเพรสโซ่และสั่งน้ำส้มคั้นมาให้ภิณไลย์ญา มันทำให้เธอฉุกใจคิดได้ว่าคริสยังคงจดจำได้ว่าเธอชอบดื่มอะไร มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาหากก็เพียงชั่ววาบใต้สำนึก เธอต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่าตอนนี้แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีกับเขาเหมือนอย่างเมื่อก่อนหรือไม่ก็ตามหากแต่ภิณไลย์ญาก็ต้องกลืนเก็บความคิดเหล่านั้นเอาไว้ในส่วนลึก เธอจะแสดงออกให้เขาเห็นไม่ได้ว่าความรู้สึกเก่า ๆ ที่ยังมีต่อคริสก็ยังคงติดค้างอยู่ในความทรงจำอันล้ำลึก เธอไม่ได้ลืมเขาเสียทีเดียวซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งในเมื่อครั้งหนึ่งเธอกับเขาเคยรักกันแม้ว่าตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วจนเกือบหมดก็ตาม“ว่ายังไงล่ะคะคริส คุณมีอะไรที่เกี่ยวกับโซอี้อยากจะบอกกับฉัน”ภิณไลย์ญาตั้งคำถามขณะคริสต์ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย ท่าทีของเขาผ่อนคลายล
“สามล้านดอลลาร์ค่ะ มันเป็นเงินที่มากพอสำหรับการช่วยชีวิตน้องชายของฉันและฉันก็คิดถูกที่กู้เงินจำนวนนั้นมาจากพี่ชายของคุณเพราะว่าตอนนี้พิชญ์ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว และมันเป็นสิ่งที่ฉันคาดหวังจะให้มันเป็นแบบนั้น”“สามล้านดอลลาร์?” คริสเสียงสูง “นี่มันไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลยนะ คุณต้องรับงานมากเท่าไหร่กัน ไม่สิ...ต้องรับงานทั้งปีหรืออีก 2-3 ปีคุณก็คงจะเก็บเงินใช้หนี้ไม่หมด”“ฉันก็เลยต้องมาเป็นพี่เลี้ยงของโซอี้นี่ไงล่ะคะ ถือว่าเป็นการทำงานชดใช้หนี้ซึ่งมันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”“เงินเดือนพี่เลี้ยงมันจะสักเท่าไหร่กัน”“ฉันไม่ได้คิดออกมาเป็นตัวเงินที่ชัดเจนหรอกค่ะ คิดเพียงแต่ว่าทุกวันนี้ฉันต้องทำงานใช้หนี้หนี้ที่ฉันเอาไปแลกกับชีวิตของน้องชายซึ่งมันก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว”“และนี่คือความจริงที่คุณบอกผมอย่างนั้นสินะ”“ฉันไม่ได้โกหกคุณหรอกค่ะ นี่ไงคะความจริง ในเมื่อคุณอยากรู้ฉันก็จะบอกให้คุณได้รับรู้ว่าพี่ชายของคุณเป็นคนที่ไม่ไว้วางใจใครง่าย ๆ เหมือนอย่างที่คุณคิดนั่นล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะต้องปิดบังว่าการที่ฉันต้องเข้ามาดูแลลูกของนิคมันก็เกิดจากการที่ฉันมาชดใช้หนี้ให้เขา
“หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของผมกับทาเทียน่าก็ดำเนินไปในระยะเวลาที่เรียกว่ามันรวดเร็วมาก ๆ ผมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอและดูเหมือนว่านิคก็จะรู้เรื่องนี้ด้วยจนกระทั่งวันหนึ่งทาเทียน่าเข้ามาบอกผมว่าเธอท้องและมันเป็นเรื่องที่ทำให้พี่ชายของผมตกใจ ผมเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเอง ตอนนั้นผมยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ตอนแรกนึกคิดว่าถ้าผมเรียนจบแล้วก็จะได้ออกมาใช้ชีวิตครอบครัวถึงแม้ว่าเขาอยากจะให้ผมเรียนต่อก็ตาม ผมรู้สึกดีใจนะ ตั้งความหวังว่าเรียนจบก็จะเป็นเวลาที่ทาเทียน่าคลอดลูกพอดี ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะโอเคแล้วสำหรับครอบครัวซาเวียร์เพราะพวกเราก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้อง ผมรู้ว่านิคเป็นห่วงและรักผมมากแค่ไหนแต่ตอนนั้นผมเองที่ไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าผมยังอ่อนต่อโลกมากแต่ก็ไม่นึกว่าการที่ผมเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีเงินมหาศาลมันกลับไม่ได้ช่วยอะไรผมในเรื่องของประสบการณ์ชีวิตเลย”“มันก็เป็นเรื่องที่คาดเดาต่อไปได้ใช่ไหมคะว่าทาเทียน่าคลอดลูก แล้วตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนซะล่ะคะ”“ใช่...ทาเทียน่าคลอดลูก แต่หลังจากนั้นเธอไม่ยอมพาลูกมาอยู่กับผมที่คฤหาสน์ซาเวียร์ ตอนแรกผมไม่เข้าใจหรอกจนกระทั่งเธอยื่นข้อเสนอให้ผม เธอบอก
“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากทำหน้าที่ของผม คุณอาจจะไม่เข้าใจหรอกเนเน่ว่าความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อแต่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจังน่ะมันก็เป็นความทุกข์ทรมานมากเหมือนกัน”“ฉันสัญญานะคะคริสว่าฉันจะดูแลโซอี้อย่างดีที่สุดถึงแม้ว่าฉันจะมีเวลาได้อยู่กับลูกสาวของคุณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก่อนที่โซอี้จะเข้าโรงเรียน”“ขอบคุณมากนะเนเน่ ผมรู้สึกโล่งยังไงก็ไม่รู้ที่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณ อย่างน้อยคุณก็จะได้ไม่ต้องสงสัยยังไงล่ะเวลาที่เห็นผมกอดและแสดงความรักกับลูกสาวของผม รู้ไหมว่าผมกลัวจะมีใครเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้”“เอาเป็นว่าฉันเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นและเข้าใจความรู้สึกของคุณก็แล้วกัน แต่ว่าตอนนี้ฉันว่ามันควรจะถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปดูแลโซอี้ได้แล้วล่ะค่ะ”“ผมจะไปส่งคุณนะ”“ไม่เหมาะกระมังคะ ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้ค่ะ”“ที่ผมอยากจะไปส่งคุณน่ะก็เพราะว่าผมอยากจะขอคำปรึกษาจากคุณอีกนิดนึง”“เรื่องอะไรเหรอคะ”“ผมอยากซื้อของไปฝากโซอี้แต่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เธอดีผมไม่รู้ว่าโซอี้อยากจะกินอะไรหรือเปล่า พวกขนมอย่างเช่นโดนัท ขนมเค้กคัพเค้กสีสวย ๆ หรืออาจจะเป็นของเล่น”ภิณไลย์ญาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอ
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย