“หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของผมกับทาเทียน่าก็ดำเนินไปในระยะเวลาที่เรียกว่ามันรวดเร็วมาก ๆ ผมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอและดูเหมือนว่านิคก็จะรู้เรื่องนี้ด้วยจนกระทั่งวันหนึ่งทาเทียน่าเข้ามาบอกผมว่าเธอท้องและมันเป็นเรื่องที่ทำให้พี่ชายของผมตกใจ ผมเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเอง ตอนนั้นผมยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ตอนแรกนึกคิดว่าถ้าผมเรียนจบแล้วก็จะได้ออกมาใช้ชีวิตครอบครัวถึงแม้ว่าเขาอยากจะให้ผมเรียนต่อก็ตาม ผมรู้สึกดีใจนะ ตั้งความหวังว่าเรียนจบก็จะเป็นเวลาที่ทาเทียน่าคลอดลูกพอดี ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะโอเคแล้วสำหรับครอบครัวซาเวียร์เพราะพวกเราก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้อง ผมรู้ว่านิคเป็นห่วงและรักผมมากแค่ไหนแต่ตอนนั้นผมเองที่ไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าผมยังอ่อนต่อโลกมากแต่ก็ไม่นึกว่าการที่ผมเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีเงินมหาศาลมันกลับไม่ได้ช่วยอะไรผมในเรื่องของประสบการณ์ชีวิตเลย”
“มันก็เป็นเรื่องที่คาดเดาต่อไปได้ใช่ไหมคะว่าทาเทียน่าคลอดลูก แล้วตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนซะล่ะคะ”
“ใช่...ทาเทียน่าคลอดลูก แต่หลังจากนั้นเธอไม่ยอมพาลูกมาอยู่กับผมที่คฤหาสน์ซาเวียร์ ตอนแรกผมไม่เข้าใจหรอกจนกระทั่งเธอยื่นข้อเสนอให้ผม เธอบอกว่าจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ต้องการลูก แต่ถ้าผมอยากจะได้โซอี้มาอยู่ในความปกครองของผมโดยที่ไม่ต้องขึ้นศาลเพื่อต่อสู้ขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูผมจะต้องจ่ายเงินให้เธอ 20 ล้านดอลลาร์”
บทที่ 19
“ว่ายังไงนะคะ!... 20 ล้านดอลลาร์ นี่ทาเทียน่ายอมเอาลูกของเธอแลกกับเงิน 20 ล้านดอลลาร์อย่างนั้นเหรอคะ”
เขาพยักหน้า ถึงตอนนี้ภิณไลย์ญาก็เห็นแววตาคู่นั้นเข้มเครียดขึ้นมา
“ใช่...เธอต้องการเงินแลกกับที่ผมจะมีสิทธิ์เลี้ยงดูโซอี้ตอนแรกผมหมดกำลังใจเพราะในเวลานั้นถึงแม้ว่าผมจะเป็นทายาทของตระกูลมหาเศรษฐีแต่ผมก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินจากกองมรดกและคนที่เข้ามาดูแลและจัดการให้ผมทุกอย่างก็คือนิค เขายินดีให้เงินจำนวนที่ทาเทียน่าต้องการเพื่อแลกกับการที่จะได้เลี้ยงดูและดูแลโซอี้ แต่ว่าก็มีข้อแม้อย่างหนึ่งนั่นก็คือเขาจะขอเป็นคนดูแลและรับผิดชอบโซอี้ในฐานะพ่อของลูก นิคพาโซอี้ไปอยู่ที่ฮาวาย เขาไม่ต้องการให้โซอี้อยู่ที่นี่เพราะเขาไม่อยากให้ลูกต้องรับรู้และเจ็บปวดกับการกระทำของคนเป็นแม่ซึ่งหลังจากทาเทียน่าได้รับเงินไปแล้วเธอก็หายหน้าไปและผมก็ติดต่อเธอไม่ได้อีกจนกระทั่งถึงทุกวันนี้”
“นี่หรือเปล่าคะที่เป็นสาเหตุให้นิคไม่อยากให้คุณคบกับฉันตั้งแต่แรก”
“มันก็ควรจะเป็นเหตุผลสำคัญนั่นแหละ เขาไม่ให้ผมไปช่วยงานหรือแม้แต่ไปร่วมที่งานมอเตอร์โชว์หลังจากนั้นแต่เผอิญวันที่ผมได้เจอคุณมันเป็นวันที่ผมโทรติดต่อกับเขาไม่ได้และผมก็มีธุระด่วนผมเลยต้องไปหาเขาด้วยตัวเองที่ห้องจัดงานและทำให้ผมได้เจอคุณครั้งแรกยังไงล่ะเนเน่”
“คริสคะ...ถ้าคุณอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับก็ไม่จำเป็นต้องบอกฉันก็ได้นะคะ”
“ที่ผมอยากบอกคุณเพราะผมเห็นว่าคุณต้องเข้ามาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและดูแลโซอี้ ผมแค่อยากให้คุณเข้าใจว่าถ้าหากคุณเห็นว่าผมแสดงออกว่าผมรักโซอี้มากจนเกินไปคุณก็จะได้รู้ว่านั่นเป็นเพราะผมอยากจะทำหน้าที่ที่ผมแทบจะไม่ได้ทำมันเลยจนกระทั่งลูกใกล้จะเข้าโรงเรียนอยู่แล้ว”
“เรื่องนี้คุณจะบอกภรรยาของคุณหรือเปล่า”
“ผมยังต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ไว้กับนิคว่าผมจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครได้รับรู้ ที่สำคัญผมคิดว่าลาริสาอาจจะรู้สึกแปลก ๆ ถ้ารู้ว่าโซอี้เป็นลูกของผม”
“เธออาจจะรักโซอี้มากกว่าที่คุณคิดก็ได้ค่ะ”
“ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะรับได้ไหม บางทีผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้ขี้ขลาด เป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ผมไม่ได้ดูแลโซอี้มาตั้งแต่เธอลืมตาดูโลก รู้ไหมเนเน่ว่าครั้งแรกที่ผมได้พบกับโซอี้อีกครั้งหลังจากที่นิคพาเธอไปอยู่ฮาวายผมก็รู้สึกว่าอยากจะทำหน้าที่ที่ผมไม่เคยได้ทำมาตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ผมอยากจะทำมันให้ดีที่สุด”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะคะคริส นิคทำหน้าที่แทนคุณได้อย่างดีที่สุดแล้ว”
“คุณรู้ได้ยังไงเนเน่ในเมื่อคุณเพิ่งมาเป็นพี่เลี้ยงของโซอี้ได้แค่ไม่กี่วัน”
ถึงเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่จากการที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับนิโคลัสก็ทำให้เธอแน่ใจได้ว่าพี่ชายของคริสดูแลโซอี้ด้วยความรักและจิตวิญญาณของเขา เธอถอนหายใจก่อนตอบว่า
“นิคเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคุณนะคะ ฉันคิดว่าลูกของคุณก็เหมือนกับลูกของเขา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดลึกซึ้งทางสายเลือดค่ะ”
“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากทำหน้าที่ของผม คุณอาจจะไม่เข้าใจหรอกเนเน่ว่าความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อแต่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจังน่ะมันก็เป็นความทุกข์ทรมานมากเหมือนกัน”“ฉันสัญญานะคะคริสว่าฉันจะดูแลโซอี้อย่างดีที่สุดถึงแม้ว่าฉันจะมีเวลาได้อยู่กับลูกสาวของคุณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก่อนที่โซอี้จะเข้าโรงเรียน”“ขอบคุณมากนะเนเน่ ผมรู้สึกโล่งยังไงก็ไม่รู้ที่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณ อย่างน้อยคุณก็จะได้ไม่ต้องสงสัยยังไงล่ะเวลาที่เห็นผมกอดและแสดงความรักกับลูกสาวของผม รู้ไหมว่าผมกลัวจะมีใครเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้”“เอาเป็นว่าฉันเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นและเข้าใจความรู้สึกของคุณก็แล้วกัน แต่ว่าตอนนี้ฉันว่ามันควรจะถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปดูแลโซอี้ได้แล้วล่ะค่ะ”“ผมจะไปส่งคุณนะ”“ไม่เหมาะกระมังคะ ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้ค่ะ”“ที่ผมอยากจะไปส่งคุณน่ะก็เพราะว่าผมอยากจะขอคำปรึกษาจากคุณอีกนิดนึง”“เรื่องอะไรเหรอคะ”“ผมอยากซื้อของไปฝากโซอี้แต่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เธอดีผมไม่รู้ว่าโซอี้อยากจะกินอะไรหรือเปล่า พวกขนมอย่างเช่นโดนัท ขนมเค้กคัพเค้กสีสวย ๆ หรืออาจจะเป็นของเล่น”ภิณไลย์ญาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอ
“ว๊าว...มันอร่อยมาก...ฝีมือของหนูสุดยอดมาก ๆ”“จริงหราคะ...น้าเนเน่...มานี่สิคะ มาชิมแซนด์วิชของหนู”โซอี้โบกไม้โบกมือเรียกภิณไลย์ญาให้เข้าไปหาพร้อมทั้งยื่นแซนด์วิชที่เมื่อหญิงสาวก้มลงดูก็เห็นว่าขนมปังวางซ้อนกันแบบไม่เป็นระเบียบ ไข่ ผักและเนื้อฉ่ำซอสทะลักออกมา ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มแต่ยังไม่ทันหยิบเข้าปากก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นว่า“มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้นี่เอง...มีประชุมอะไรกันเหรอคะ?” ลาริสาเดินเข้ามาทำให้ทุกคนหยุดชะงัก โดยเฉพาะคริส ท่าทีของเขาเหมือนตกใจและมันรบกวนความรู้สึกของคนเป็นภรรยาที่สังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของสามีนับตั้งแต่มี คนอื่น เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ลาริสาก็ยังยิ้มให้กับทุกคนแม้เป็นรอยยิ้มที่ภิณไลย์ญาก็รู้สึกได้ว่ามันค้านกับสายตาที่ฉายอะไรบางอย่างออกมา สักครู่คริสก็เอ่ยว่า“ผมมาลองชิมแซนด์วิชของโซอี้ เธอทำอร่อยมาก”“จริงเหรอคะ...เอ...ถ้าคุณน้าลาริสาอยากลองชิมด้วยจะได้มั้ยคะ?”“ได้ซีคะ” โซอี้พยักหน้าและยื่นแซนด์วิชอีกอันให้ลาริสา ประกายตาของเด็กน้อยราวกับเปี่ยมล้นด้วยความภาคภูมิในผลงานของตัวเอง ลาริสาจ้องมองของในมือแล้วพูดว่า“อืม...คุณน้าลาริสาว่า...ซอสมันเยิ้มเกินไ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ดิฉันจะนำมันไปปรับปรุงและใช้กับวิธีการเลี้ยงโซอี้ค่ะ”พูดจบภิณไลย์ญาก็เดินออกไป ขณะที่คริสกำลังจะหันหลังให้ลาริสาก็เข้าไปดึงแขนของเขา“เดี๋ยวก่อนค่ะ จะรีบไปไหนล่ะคะคริส”“ผมจะไปห้องทำงาน มีงานที่บริษัทผมต้องจัดการให้นิคให้เรียบร้อยในวันนี้”“งานคุณนี่มันสำคัญมากเหลือเกินนะคะมันจะสำคัญมากกว่าเรื่องของเราเกินไปแล้วนะ”“ลาริสา...คุณต้องเข้าใจสิว่าตอนนี้ผมอยู่ในฐานะลูกจ้างของพี่ชาย ถึงแม้ว่าผมจะมีตำแหน่งเป็นรองประธานบริหารแต่ผมก็ยังต้องกินเงินเดือนที่นิคเป็นคนจัดการให้ผมทุกเดือน”“ก็ไม่ได้ว่าคุณเรื่องนั้นหรอกค่ะเพียงแต่ฉันแค่อยากรู้ว่าเมื่อเช้าคุณไปไหนมา”“ผมออกไปธุระข้างนอก”“แล้วคุณก็กลับมาพร้อมกับเนเน่” “บังเอิญผมไปเจอเธอที่โรงพยาบาล”“คุณไปทำธุระที่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่...เพื่อนผมไม่สบายผมก็เลยไปเยี่ยมเพื่อนของผมที่โรงพยาบาลแล้วพอดีได้พบกับเธอ ตอนนี้น้องชายของเนเน่พักรักษาตัวเพราะเขาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต้องเข้ารับการผ่าตัด ผมเจอกับเธอก็เลยกลับมาพร้อมกันนี่ไง”“แล้วนี่คุณซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ”ลาริสาพูดขณะก้มลงมองถุงหิ้วกระดาษในมือของคริสซึ่งเขาเองก้มล
ภิณไลย์ญาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของโซอี้ก็เห็นว่าเด็กหญิงยังนั่งอยู่บนเตียงขณะที่ป้าเจนนี่เดินสวนกลับออกไปและก่อนออกไปจากห้องนั้นป้าเจนนี่ก็พูดกับเธอว่า“คุณเนเน่มาพอดีเลย โซอี้ยังไม่หลับเลยล่ะค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าเจนนี่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะคะเดี๋ยวหนูจะอยู่เป็นเพื่อนโซอี้เอง”ป้าเจนนี่พยักน่ารักก่อนเดินออกไปจากห้องนั้น ภิณไลย์ญาจึงเดินเข้าไปหาเด็กหญิงซึ่งอยู่ในชุดนอน ดูเหมือนโซอี้เตรียมตัวจะนอนแล้วแต่ก็ยังนั่งหลังพิงหมอน เมื่อเห็นภิณไลย์ญาเดินเข้ามาหนูน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า“อย่าถามหนูนะว่าทำไมยังไม่นอน”“น้าเนเน่ยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะคะ”ภิณไลย์ญากล่าวยิ้ม ๆ แล้วนั่งลงข้าง ๆ เด็กหญิง โซอี้หันมายังเธอและปุ้ยปาก“หนูรู้ว่าน้าเนเน่กำลังจะถามหนู”“โอเคค่ะน้าเนเน่ก็กำลังจะถามนั่นแหละว่าทำไมหนูยังไม่นอน”“หนูรอแดดี๊ค่ะ ทำไมแดดี๊ยังไม่กลับมา วันนี้ทั้งวันหนูก็ยังไม่เห็นหน้า daddy เลย”“แดดดี้ติดธุระกระมังคะ นอนเถอะนะคะ เด็ก ๆ นอนดึกมันจะไม่ดีนะรู้ไหม”“แต่ตอนหนูอยู่ฮาวายหนูนอนดึกทุกคืนค่ะ”“หนูทำอะไรถึงได้นอนดึกล่ะคะ”“หนูก็นั่งวาดรูปนั่งเล่นตุ๊กตา”“แต่หนูมาอยู่ที่นี่หนูต้องปรับเวลาการนอ
ว่าแล้วเขาก็ดึงโซอี้เข้ามาไว้ในอ้อมแขน คริสกอดเด็กหญิงตัวน้อยและจูบเรือนผมสีแดงมะฮอกกานีนั้นอย่างอ่อนโยน ท่าทีของเขาทะนุถนอมโซอี้ทั้งประกายตาฉายความอบอุ่นและลึกซึ้งออกมามันทำให้ภิณไลย์ญารู้สึกสะท้อนในอกเธอเข้าใจว่าคริสก็คงอยากเปิดเผยตัวเองถ้าไม่ติดที่ว่าเขายังไม่แน่ใจเรื่องของลาริวิสาซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดว่าเธออาจรับไม่ได้กับเรื่องนี้เพราะท่าทางภรรยาของเขาเริ่มแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจกับการมาอยู่ที่นี่ของโซอี้ ท่าทางลาริสาไม่ใส่ใจความรู้สึกของเด็กน้อยแล้วถ้าหากเธอรู้ความจริงว่าโซอี้เป็นลูกของคริสก็คงจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอนหลังจากนั่งพูดคุยและอยู่เป็นเพื่อนหลังจากนั้นประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงโซอี้จึงหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มและของเล่นของเด็กหญิงตัวน้อยที่คริสตั้งใจซื้อมาฝากวางอยู่ข้าง ๆ ตัว เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงหลับแล้วทั้งคริสต์และภรรยาก็ออกมาข้างนอกคริสปิดประตูห้องอย่างเบามือก่อนหันไปพูดกับภิณไลย์ญาว่า“ขอบคุณมากนะเนเน่”“ขอบคุณฉันเรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่คุณช่วยดูแลโซอี้ยังไงล่ะ”ภิณไลย์ญาถอนหายใจก่อนพูดว่า“คงไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะคริส เพราะที่ฉันต้องเข้ามาดูแลโซอี้ตอนนี้มันเป็นเพราะฉ
“นิค!”“ไง...เพิ่งกลับมาถึงห้องตัวเองเหรอ?” เขาถามเสียงแข็งก่อนที่จะก้าวเข้ามาแล้วปิดประตูลง ภิณไลย์ญาได้ยินเสียงเขาล็อคลูกบิดประตู เธอก้าวถอยหลังและจ้องหน้านิโคลัส“ใช่ค่ะ...ฉันเพิ่งกลับมาถึงห้องและฉันกำลังจะนอนแล้วด้วย”“แน่ใจเหรอว่าคุณง่วงจริง ๆ” เขาไม่ถามเปล่าแต่ยังก้าวเข้าหาและประชิดร่างบางที่ถอยหลังไปอีกแต่ไม่ทันมือหนาหนักของนิโคลัสที่คว้ามือเรียวบางเอาไว้และบีบจนแน่น“เอ๊ะ!...ก็นี่มันดึกแล้วฉันก็ต้องง่วงแล้วสิคะ ว่าแต่คุณเถอะนิค คุณควรจะกลับไปที่ห้องของคุณ”“ผมมีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องไหนก็ได้ที่ผมอยากเข้า นี่มันบ้านของผม”“ฉันรู้ค่ะว่านี่คือบ้านของคุณ แต่อย่าลืมสิคะว่าที่นี่ไม่ใช่ฮาวายนะคะ และที่นี่ก็มีใครอยู่บ้าง”“ก็มีผม มีโซอี้ ลาริสา และ...คนที่ทำให้คุณตื่นเต้นจนอยู่แทบไม่สุข ต้องหาโอกาสได้พูดคุยได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเวลาลับตาคน”“คุณหมายถึงใคร”เธอถามแต่นิโคลัสกลับแสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการดึงร่างนั้นเซเข้าไปชนอกกว้าง“ก็ใครกันล่ะที่ทำให้คุณมีความสุขได้ขนาดนี้ คุณคงดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาใกล้ชิด ได้เห็นหน้า ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่
“ปล่อยฉันนะ! ฉันจะกลับบ้าน...ฉันไม่อยากอยู่กับคนใจร้าย ไม่อยากอยู่กับคนใจต่ำอย่างคุณ!”“คุณมันสูงส่งแค่ไหนกัน!” เขาคำรามลั่นด้วยความเคียดแค้น “ชีวิตของคุณมันก็ได้แค่นี้ แค่ที่เป็นของเล่นให้คนรวย ถ้าคิดว่าแน่จริงทำไมไม่ปฏิเสธผมตั้งแต่แรก คุณยอมรับข้อเสนอแล้วขายวิญญาณให้กับความพอใจของผม รู้ไว้ด้วยว่าคุณมันก็มีค่าแค่เอาพรหมจารีมาแลกกับเศษเงินของมหาเศรษฐีก็เท่านั้น!”ภิณไลย์ญาอ้าปากจะตอบโต้แต่ไม่ทันปากร้อนของนิโคลัสที่ฉกวูบลงมาประกบปิดปากเธอไว้แน่น เขากดทับบนตัวเธอ มือแกร่งบีบข้อมือบางทั้งสองโดยไม่สนใจว่ามันทำให้ภิณไลย์ญาเจ็บร้าวจนแทบขาดใจ เธอหายใจขัดและแทบทนไม่ไหวกับความหยาบเถื่อนที่นิโคลัสยัดเยียดมันให้เธอ เหมือนเธอจมหายเข้าไปในหุบมืดอีกครั้ง เขาเหยียบย่ำเธอด้วยคำพูดไม่พอแต่ยังทำร้ายและข่มเหงร่างกายของเธออย่างโหดร้ายไม่ปราณี ร่างกายของเธอเหมือนถูกบีบอัดอย่างรุนแรงจากอารมณ์ร้อนของเขา มันแตกต่างจากตอนอยู่ฮาวายราวฟ้ากับเหว เวลาเดือนกว่า ๆ ที่เธออยู่กับนิโคลัสในบ้านโดดเดี่ยวบนเกาะทำให้เธอเริ่มไว้วางใจว่าเขาจะไม่โหดร้ายกับเธออีก ที่แท้มันคือกับดัก เขาหลอกล่อเธอด้วยความชิดใกล้ทั้งที่เธอควรสำน
“ปล่อยฉัน! เสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องของคุณ”“นี่คุณไล่ผมเหรอ...เหอะ...นึกว่าอยากให้เอาอีกรอบ”“ออกไปนะ...ออกไป...ฮือๆๆๆๆ” ภิณไลย์ญาปล่อยโฮออกมา คงไม่มีครั้งไหนเจ็บช้ำและร้าวรานหัวใจมากไปกว่าครั้งนี้อีกแล้ว เขาเหยียดหยามแล้วยังซ้ำให้เธอเจ็บเจียนตายด้วยการข่มเหงร่างกาย นิโคลัสเป็นยิ่งกว่าวาตานในคราบเทพบุตร เธอซุกหน้ากับอกกว้างและร้องออกมาอย่างหมดหนทาง นาทีนั้นเองที่เขารู้สึกถึงแรงสั่นไหวในหัวใจเมื่อร่างเล็กหอบสะอื้นอยู่กับอกของเขา ภิณไลย์ญาก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธอไม่มีทางสู้เขาได้ไม่ว่าจะทางไหน เขาเสียอีกที่ฉีกกระชากหัวใจของเธอและเหยียบย่ำซ้ำ ๆ โดยไร้เหตุผล ใช่...เขากำลังทำในสิ่งที่ปราศจากเหตุผล แค่รู้ว่าเธอไปโรงพยาบาลและกลับมาพร้อมคริสจากคำรายงานของคนสนิทที่ให้เฝ้าติดตามเธอก็ทำให้เขาถึงกับสติขาด เขาหมดความยับยั้งตัวเองและทำร้ายเธอทั้งด้วยคำพูดกับการกระทำ นิโคลัสพยายามกลบเกลื่อนการกระทำบ้าคลั่งและขาดสติ เขาเริ่มควบคุมความคิดและสำนึกของตัวเองได้ยากเย็นเมื่อเป็นเรื่องของภิณไลย์ญา นี่เขาอยากกีดกันเธอออกจากชีวิตน้องชายหรือไม่พอใจที่เห็นเธออยู่ใกล้ชิดกับคริสกันแน่ นิโคลัสเผลอกอดเธอไ
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย