“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ดิฉันจะนำมันไปปรับปรุงและใช้กับวิธีการเลี้ยงโซอี้ค่ะ”
พูดจบภิณไลย์ญาก็เดินออกไป ขณะที่คริสกำลังจะหันหลังให้ลาริสาก็เข้าไปดึงแขนของเขา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ จะรีบไปไหนล่ะคะคริส”
“ผมจะไปห้องทำงาน มีงานที่บริษัทผมต้องจัดการให้นิคให้เรียบร้อยในวันนี้”
“งานคุณนี่มันสำคัญมากเหลือเกินนะคะมันจะสำคัญมากกว่าเรื่องของเราเกินไปแล้วนะ”
“ลาริสา...คุณต้องเข้าใจสิว่าตอนนี้ผมอยู่ในฐานะลูกจ้างของพี่ชาย ถึงแม้ว่าผมจะมีตำแหน่งเป็นรองประธานบริหารแต่ผมก็ยังต้องกินเงินเดือนที่นิคเป็นคนจัดการให้ผมทุกเดือน”
“ก็ไม่ได้ว่าคุณเรื่องนั้นหรอกค่ะเพียงแต่ฉันแค่อยากรู้ว่าเมื่อเช้าคุณไปไหนมา”
“ผมออกไปธุระข้างนอก”
“แล้วคุณก็กลับมาพร้อมกับเนเน่”
“บังเอิญผมไปเจอเธอที่โรงพยาบาล”
“คุณไปทำธุระที่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่...เพื่อนผมไม่สบายผมก็เลยไปเยี่ยมเพื่อนของผมที่โรงพยาบาลแล้วพอดีได้พบกับเธอ ตอนนี้น้องชายของเนเน่พักรักษาตัวเพราะเขาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต้องเข้ารับการผ่าตัด ผมเจอกับเธอก็เลยกลับมาพร้อมกันนี่ไง”
“แล้วนี่คุณซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ”
ลาริสาพูดขณะก้มลงมองถุงหิ้วกระดาษในมือของคริสซึ่งเขาเองก้มลงมองก่อนหันมาพูดกับเธอว่า
“มันเป็นของเด็ก ๆ น่ะ ผมตั้งใจซื้อมาฝากโซอี้”
“คุณคงจะแวะไปซื้อของฝากโซอี้กับเนเน่อย่างนั้นสินะคะ”
“ใช่...ผมเองเป็นคนขอคำแนะนำจากเธอว่าจะซื้อของฝากอะไรให้กับโซอี้เพราะผมไม่รู้ว่าแกชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร”
“ดูท่าทางคุณจะรักเด็กคนนั้นมากนะคะ แต่ฉันเข้าใจว่าโซอี้เป็นลูกของนิคซึ่งเขาก็เป็นพี่ชายของคุณ”
“โซอี้ไม่มีแม่และนิคก็ไม่ได้เลี้ยงดูใกล้ชิดลูกสาวของเขามากสักเท่าไหร่ ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่ทำให้โซอี้อบอุ่นและมีความสุขมากที่สุด ผมขอร้องนะลาริสา ทีหลังคุณอย่าพูดอะไรที่มันกระทบกระเทือนใจของเด็ก โซอี้ยังเล็กมาก ก็อย่างที่เนเน่พูดนั่นแหละ เธอยังไม่เข้าใจความหมายของผู้ใหญ่เด็กไม่ได้มีความคิดซับซ้อนเหมือนคนที่โตแล้ว แกเข้าใจเพียงแค่คำพูดที่เราสื่อสารออกไป ผมเลยอยากจะพูดให้กำลังใจเพราะเด็กไม่รู้หรอกว่าเขาจะต้องปรับปรุงตัวเองยังไง ผมคิดว่าการชื่นชมและการให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
“นี่คุณกำลังจะว่าฉันน่ะทำไม่ถูกที่พูดกับโซอี้ตรง ๆ ว่าของที่เธอทำน่ะมันไม่น่ากิน”
“ผมว่าผู้ใหญ่มีความคิดที่ซับซ้อนมากกว่าเด็กเพราะฉะนั้นแล้วเราเองจะต้องมีวิธีการกลั่นกรองความคิดก่อนที่จะพูดอะไรออกไปผมไม่ได้ว่าคุณผิดหรอกแค่อยากจะบอกคุณเท่านั้นว่าตอนนี้โซอี้มาอยู่กับเราเธอต้องการกำลังใจต้องการความอบอุ่นและอ้อมกอดไม่ใช่คำสั่งสอนซึ่งผมคิดว่าเธอจะเรียนรู้มันจากการเข้าโรงเรียนในเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ผมขอตัวก่อนผมต้องรีบไปทำงาน”
คริสกล่าวจบก็เดินจากไป เป็นการตัดบทที่นุ่มนวลหากแต่ลาริสาก็ยิ่งไม่พอใจกับลักษณะท่าทางของสามี เธอไม่พอใจเขานับตั้งแต่ก่อนงานแต่ง คริสมักแสดงท่าทีที่เหมือนไม่แยแสและไม่ยี่หระต่อการแต่งงานระหว่างเธอกับเขาที่เกิดขึ้นแม้ตัวเธอจะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเธอกับคริสไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบปกตินะ นั่นเพราะนิโคลัสพี่ชายของเขาเป็นคนเข้ามาพูดคุยกับพ่อแม่ของเธอเรื่องที่จะให้เธอคบหากับน้องชายซึ่งในเวลานั้นเธอเองก็รู้สึกดีใจเพราะคริสเป็นผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันถึงเขาก่อนที่จะเริ่มคบหากันด้วยซ้ำ
เขาเป็นหนุ่มผู้หล่อเหลา เป็นน้องชายคนเดียวของนิโคลัสซาเวียร์และเป็นทายาทของมหาเศรษฐีตระกูลซาเวียร์ซึ่งถือได้ว่าคริสเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ เขาหล่อรวยและเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั้งในแวดวงธุรกิจแวดวงนางแบบซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้ยินข่าวว่าเขาคบหากับผู้หญิงซึ่งเป็นพวกพริตตี้แต่ลาริสาไม่รู้รายละเอียดมากนักและเธอไม่คิดจะใส่ใจเพราะเธอรู้ว่าเขาเลิกคบกับผู้หญิงคนนั้นแล้วและสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคริสก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและเป็นสิ่งพิเศษสำหรับเธอ
ไม่ใช่เขาแค่หล่อและรวยเท่านั้นแต่คริสยังเป็นผู้ชายที่มีท่าทางสุภาพอ่อนโยนและอบอุ่น หากทว่าเธอก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติท่าทางก็เฉื่อยชาลงก่อนงานแต่งเขาไม่ได้ใส่ใจเธอมากเท่าที่ควร มันทำให้เราริสารู้สึกราวกับว่าเขายังมีอะไรติดค้างในใจและเธอกำลังสงสัยว่าเขาอาจจะกำลังคิดถึงผู้หญิงที่เขาเคยคบมาก่อนหน้านี้ ลาริสาได้จะเก็บงำความเคลือบแคลงไว้ในใจแต่หากว่าคริสยังเป็นอยู่เช่นนี้เธอก็คงต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
คฤหาสน์ซาเวียร์เวลา 21:00 น
ภิณไลย์ญาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของโซอี้ก็เห็นว่าเด็กหญิงยังนั่งอยู่บนเตียงขณะที่ป้าเจนนี่เดินสวนกลับออกไปและก่อนออกไปจากห้องนั้นป้าเจนนี่ก็พูดกับเธอว่า“คุณเนเน่มาพอดีเลย โซอี้ยังไม่หลับเลยล่ะค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าเจนนี่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะนะคะเดี๋ยวหนูจะอยู่เป็นเพื่อนโซอี้เอง”ป้าเจนนี่พยักน่ารักก่อนเดินออกไปจากห้องนั้น ภิณไลย์ญาจึงเดินเข้าไปหาเด็กหญิงซึ่งอยู่ในชุดนอน ดูเหมือนโซอี้เตรียมตัวจะนอนแล้วแต่ก็ยังนั่งหลังพิงหมอน เมื่อเห็นภิณไลย์ญาเดินเข้ามาหนูน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า“อย่าถามหนูนะว่าทำไมยังไม่นอน”“น้าเนเน่ยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะคะ”ภิณไลย์ญากล่าวยิ้ม ๆ แล้วนั่งลงข้าง ๆ เด็กหญิง โซอี้หันมายังเธอและปุ้ยปาก“หนูรู้ว่าน้าเนเน่กำลังจะถามหนู”“โอเคค่ะน้าเนเน่ก็กำลังจะถามนั่นแหละว่าทำไมหนูยังไม่นอน”“หนูรอแดดี๊ค่ะ ทำไมแดดี๊ยังไม่กลับมา วันนี้ทั้งวันหนูก็ยังไม่เห็นหน้า daddy เลย”“แดดดี้ติดธุระกระมังคะ นอนเถอะนะคะ เด็ก ๆ นอนดึกมันจะไม่ดีนะรู้ไหม”“แต่ตอนหนูอยู่ฮาวายหนูนอนดึกทุกคืนค่ะ”“หนูทำอะไรถึงได้นอนดึกล่ะคะ”“หนูก็นั่งวาดรูปนั่งเล่นตุ๊กตา”“แต่หนูมาอยู่ที่นี่หนูต้องปรับเวลาการนอ
ว่าแล้วเขาก็ดึงโซอี้เข้ามาไว้ในอ้อมแขน คริสกอดเด็กหญิงตัวน้อยและจูบเรือนผมสีแดงมะฮอกกานีนั้นอย่างอ่อนโยน ท่าทีของเขาทะนุถนอมโซอี้ทั้งประกายตาฉายความอบอุ่นและลึกซึ้งออกมามันทำให้ภิณไลย์ญารู้สึกสะท้อนในอกเธอเข้าใจว่าคริสก็คงอยากเปิดเผยตัวเองถ้าไม่ติดที่ว่าเขายังไม่แน่ใจเรื่องของลาริวิสาซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดว่าเธออาจรับไม่ได้กับเรื่องนี้เพราะท่าทางภรรยาของเขาเริ่มแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจกับการมาอยู่ที่นี่ของโซอี้ ท่าทางลาริสาไม่ใส่ใจความรู้สึกของเด็กน้อยแล้วถ้าหากเธอรู้ความจริงว่าโซอี้เป็นลูกของคริสก็คงจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอนหลังจากนั่งพูดคุยและอยู่เป็นเพื่อนหลังจากนั้นประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงโซอี้จึงหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มและของเล่นของเด็กหญิงตัวน้อยที่คริสตั้งใจซื้อมาฝากวางอยู่ข้าง ๆ ตัว เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงหลับแล้วทั้งคริสต์และภรรยาก็ออกมาข้างนอกคริสปิดประตูห้องอย่างเบามือก่อนหันไปพูดกับภิณไลย์ญาว่า“ขอบคุณมากนะเนเน่”“ขอบคุณฉันเรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่คุณช่วยดูแลโซอี้ยังไงล่ะ”ภิณไลย์ญาถอนหายใจก่อนพูดว่า“คงไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะคริส เพราะที่ฉันต้องเข้ามาดูแลโซอี้ตอนนี้มันเป็นเพราะฉ
“นิค!”“ไง...เพิ่งกลับมาถึงห้องตัวเองเหรอ?” เขาถามเสียงแข็งก่อนที่จะก้าวเข้ามาแล้วปิดประตูลง ภิณไลย์ญาได้ยินเสียงเขาล็อคลูกบิดประตู เธอก้าวถอยหลังและจ้องหน้านิโคลัส“ใช่ค่ะ...ฉันเพิ่งกลับมาถึงห้องและฉันกำลังจะนอนแล้วด้วย”“แน่ใจเหรอว่าคุณง่วงจริง ๆ” เขาไม่ถามเปล่าแต่ยังก้าวเข้าหาและประชิดร่างบางที่ถอยหลังไปอีกแต่ไม่ทันมือหนาหนักของนิโคลัสที่คว้ามือเรียวบางเอาไว้และบีบจนแน่น“เอ๊ะ!...ก็นี่มันดึกแล้วฉันก็ต้องง่วงแล้วสิคะ ว่าแต่คุณเถอะนิค คุณควรจะกลับไปที่ห้องของคุณ”“ผมมีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องไหนก็ได้ที่ผมอยากเข้า นี่มันบ้านของผม”“ฉันรู้ค่ะว่านี่คือบ้านของคุณ แต่อย่าลืมสิคะว่าที่นี่ไม่ใช่ฮาวายนะคะ และที่นี่ก็มีใครอยู่บ้าง”“ก็มีผม มีโซอี้ ลาริสา และ...คนที่ทำให้คุณตื่นเต้นจนอยู่แทบไม่สุข ต้องหาโอกาสได้พูดคุยได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเวลาลับตาคน”“คุณหมายถึงใคร”เธอถามแต่นิโคลัสกลับแสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการดึงร่างนั้นเซเข้าไปชนอกกว้าง“ก็ใครกันล่ะที่ทำให้คุณมีความสุขได้ขนาดนี้ คุณคงดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้มาใกล้ชิด ได้เห็นหน้า ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่
“ปล่อยฉันนะ! ฉันจะกลับบ้าน...ฉันไม่อยากอยู่กับคนใจร้าย ไม่อยากอยู่กับคนใจต่ำอย่างคุณ!”“คุณมันสูงส่งแค่ไหนกัน!” เขาคำรามลั่นด้วยความเคียดแค้น “ชีวิตของคุณมันก็ได้แค่นี้ แค่ที่เป็นของเล่นให้คนรวย ถ้าคิดว่าแน่จริงทำไมไม่ปฏิเสธผมตั้งแต่แรก คุณยอมรับข้อเสนอแล้วขายวิญญาณให้กับความพอใจของผม รู้ไว้ด้วยว่าคุณมันก็มีค่าแค่เอาพรหมจารีมาแลกกับเศษเงินของมหาเศรษฐีก็เท่านั้น!”ภิณไลย์ญาอ้าปากจะตอบโต้แต่ไม่ทันปากร้อนของนิโคลัสที่ฉกวูบลงมาประกบปิดปากเธอไว้แน่น เขากดทับบนตัวเธอ มือแกร่งบีบข้อมือบางทั้งสองโดยไม่สนใจว่ามันทำให้ภิณไลย์ญาเจ็บร้าวจนแทบขาดใจ เธอหายใจขัดและแทบทนไม่ไหวกับความหยาบเถื่อนที่นิโคลัสยัดเยียดมันให้เธอ เหมือนเธอจมหายเข้าไปในหุบมืดอีกครั้ง เขาเหยียบย่ำเธอด้วยคำพูดไม่พอแต่ยังทำร้ายและข่มเหงร่างกายของเธออย่างโหดร้ายไม่ปราณี ร่างกายของเธอเหมือนถูกบีบอัดอย่างรุนแรงจากอารมณ์ร้อนของเขา มันแตกต่างจากตอนอยู่ฮาวายราวฟ้ากับเหว เวลาเดือนกว่า ๆ ที่เธออยู่กับนิโคลัสในบ้านโดดเดี่ยวบนเกาะทำให้เธอเริ่มไว้วางใจว่าเขาจะไม่โหดร้ายกับเธออีก ที่แท้มันคือกับดัก เขาหลอกล่อเธอด้วยความชิดใกล้ทั้งที่เธอควรสำน
“ปล่อยฉัน! เสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องของคุณ”“นี่คุณไล่ผมเหรอ...เหอะ...นึกว่าอยากให้เอาอีกรอบ”“ออกไปนะ...ออกไป...ฮือๆๆๆๆ” ภิณไลย์ญาปล่อยโฮออกมา คงไม่มีครั้งไหนเจ็บช้ำและร้าวรานหัวใจมากไปกว่าครั้งนี้อีกแล้ว เขาเหยียดหยามแล้วยังซ้ำให้เธอเจ็บเจียนตายด้วยการข่มเหงร่างกาย นิโคลัสเป็นยิ่งกว่าวาตานในคราบเทพบุตร เธอซุกหน้ากับอกกว้างและร้องออกมาอย่างหมดหนทาง นาทีนั้นเองที่เขารู้สึกถึงแรงสั่นไหวในหัวใจเมื่อร่างเล็กหอบสะอื้นอยู่กับอกของเขา ภิณไลย์ญาก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธอไม่มีทางสู้เขาได้ไม่ว่าจะทางไหน เขาเสียอีกที่ฉีกกระชากหัวใจของเธอและเหยียบย่ำซ้ำ ๆ โดยไร้เหตุผล ใช่...เขากำลังทำในสิ่งที่ปราศจากเหตุผล แค่รู้ว่าเธอไปโรงพยาบาลและกลับมาพร้อมคริสจากคำรายงานของคนสนิทที่ให้เฝ้าติดตามเธอก็ทำให้เขาถึงกับสติขาด เขาหมดความยับยั้งตัวเองและทำร้ายเธอทั้งด้วยคำพูดกับการกระทำ นิโคลัสพยายามกลบเกลื่อนการกระทำบ้าคลั่งและขาดสติ เขาเริ่มควบคุมความคิดและสำนึกของตัวเองได้ยากเย็นเมื่อเป็นเรื่องของภิณไลย์ญา นี่เขาอยากกีดกันเธอออกจากชีวิตน้องชายหรือไม่พอใจที่เห็นเธออยู่ใกล้ชิดกับคริสกันแน่ นิโคลัสเผลอกอดเธอไ
“นิคเข้าไปทำอะไรในห้องของเนเน่ดึกดื่นแบบนี้หรือว่า...”เธอนื่งนึกก่อนดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างเพราะฉุกใจคิดอะไรออก ผู้ชายเข้าไปในห้องผู้หญิงตอนดึกตื่นแบบนี้มันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ ๆ หรือว่า....นิคกับเนเน่จะแอบมีอะไรกัน คงจะใช่กระมังก็ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นพวกพริตตี้มาก่อน“หึ!...พวกนางแบบพวกนี้คงละทิ้งนิสัยเดิม ๆ ไม่ได้หรอกแต่ไม่น่าเชื่อเลยว่านิคจะเผลอใจไปกับผู้หญิงแบบนี้ได้ แต่ก็นั่นแหละนะเนเน่สวยอย่างกับอะไร คงต้องดูกันต่อไปแล้วล่ะว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง คริสจะรู้หรือเปล่านะว่าพี่ชายของเขาแอบเข้ามาหาพี่เลี้ยงเด็กตอนกลางดึกแบบนี้”ลาริสาพูดกับตัวเองก่อนเธอจะค่อยๆถอยหลังและเดินกลับไปที่ห้องทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น“โซอี้...แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก?”นิโคลัสเอ่ยถามขณะเปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้องของเด็กหญิงตัวน้อย ภายในห้องนั้นแม่บ้านป้าเจนนี่กำลังยืนมองภิณไลย์ญาแต่งตัวให้กับโซอี้ซึ่งวันนี้เด็กน้อยอยู่ในชุดกระโปรงแสนสวย เป็นผ้าชีฟองประดับด้วยลูกปัดและระบายดูเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยและเมื่อเห็นนิโคลัสเดินเข้ามาภิณไลย์ญาก็ผละห่างไปยืนข้างๆแม่บ้านวัยกลางคนปล่อยให้พ่อกับลูก
นิโคลัสปล่อยมือจากแขนของเธอ เขาล้วงมือทั้งสองลงในกระเป๋ากางเกงและยืนอยู่ตรงหน้าภิณไลย์ญาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย วันนี้เขาดูหล่อเหลาคมเข้มอยู่ในชุดสูทภูมิฐานซึ่งก็เป็นภาพชินตาของภิณไลย์ญาเมื่อกลับมาอยู่ในเมืองหลวงแตกต่างจากตอนที่อยู่ฮาวาย เขามักสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ดูสบาย ๆ มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเขาเป็นถึงประธานบริหารซาเวียร์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทใหญ่โต นิโคลัสคงแต่งตัวแบบปอน ๆ อย่างคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้ในเวลาที่เขาอยู่ท่ามกลางแวดวงนักธุรกิจในเมืองหลวงแบบนี้ ขณะนั้นเขาถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า“วันนี้เป็นการจัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งใหญ่ ผมจะพาโซอี้ไปเพื่อจะได้เป็นการเปิดตัวกับพวกเพื่อน ๆ และหุ้นส่วนว่าผมมีลูกสาว”“ฉันคิดว่าโซอี้คงไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอกค่ะเพราะจริง ๆแล้วเธอเป็นเด็กที่น่ารักแล้วก็ช่างพูดมาก ตอนนี้ลูกสาวของคุณเริ่มปรับตัวในสังคมใหม่ได้แล้ว”“และคุณก็ต้องคอยดูแลลูกสาวของผมในงานนี้ด้วย”“ฉันรู้หน้าที่ของตัวเอง ฉันไม่ลืมหรอกค่ะว่าจะต้องทำอะไรและปฏิบัติตัวยังไงตามคำสั่งของคุณ”“ผมว่านี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาประชดประชันกันแบบนี้ ผมไม่ได้หาเรื่องคุณหรอกนะเนเน่ เพียงแต่ผมอยากจะให้คุณเ
“ฉันจะไปดูโซอี้ค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะวันนี้ฉันจะดูแลลูกสาวของคุณอย่างดี”พูดจบก็รีบเดินออกไปปล่อยให้นิโคลัสยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นกับความรู้สึกสับสน ชายหนุ่มไล้นิ้วบนปากเปียกฉ่ำของตัวเองราวกับมันยังกำซาบในรสหวานละมุนจากกลีบปากสวย ยิ่งนับวันทุกเรื่องราวและทุกกิริยาท่าทางของภิณไลย์ญา ท่าทีของเธอเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามากขึ้นทุกที เขาไม่เข้าใจตัวเองแม้พยายามเตือนสติว่าอย่าทำอะไรบ้าดีเดือดไปมากกว่านี้แต่ดูเหมือนยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ให้แตะต้องเธอด้วยความเร่าร้อนเช่นนี้ได้ยากเย็นเหลือเกิน หลังจากนั้นสักครู่นิโคลัสก็เดินตามลงไปยังห้องอาหารซึ่งเมื่อเขาเดินออกไปจากห้องนั้นลาริสาก็ขยับออกมาจากมุมหนึ่งซึ่งอยู่อีกด้านหากก็มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน เธอแทบกลั้นใจกับภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่ มันเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีแล้วว่านิโคลัสกับภิณไลย์ญาแอบมีอะไรพิเศษต่อกันจริง ๆ“คริส...นี่คุณจะรู้หรือเปล่านะว่าพี่ชายของคุณแอบมากินอยู่กับพี่เลี้ยงเด็กในบ้าน เป็นเรื่องที่แย่มากที่สุด นักธุรกิจชื่อดังอย่างนิโคลัส ซาเวียร์แอบมามีอะไรกับอดีตพริตตี้แบบนี้น่ะเหรอน่าเกลียดท
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย