“นิคเข้าไปทำอะไรในห้องของเนเน่ดึกดื่นแบบนี้หรือว่า...”
เธอนื่งนึกก่อนดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างเพราะฉุกใจคิดอะไรออก ผู้ชายเข้าไปในห้องผู้หญิงตอนดึกตื่นแบบนี้มันต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ ๆ หรือว่า....นิคกับเนเน่จะแอบมีอะไรกัน คงจะใช่กระมังก็ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นพวกพริตตี้มาก่อน
“หึ!...พวกนางแบบพวกนี้คงละทิ้งนิสัยเดิม ๆ ไม่ได้หรอกแต่ไม่น่าเชื่อเลยว่านิคจะเผลอใจไปกับผู้หญิงแบบนี้ได้ แต่ก็นั่นแหละนะเนเน่สวยอย่างกับอะไร คงต้องดูกันต่อไปแล้วล่ะว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง คริสจะรู้หรือเปล่านะว่าพี่ชายของเขาแอบเข้ามาหาพี่เลี้ยงเด็กตอนกลางดึกแบบนี้”
ลาริสาพูดกับตัวเองก่อนเธอจะค่อยๆถอยหลังและเดินกลับไปที่ห้องทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โซอี้...แต่งตัวเสร็จหรือยังลูก?”
นิโคลัสเอ่ยถามขณะเปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้องของเด็กหญิงตัวน้อย ภายในห้องนั้นแม่บ้านป้าเจนนี่กำลังยืนมองภิณไลย์ญาแต่งตัวให้กับโซอี้ซึ่งวันนี้เด็กน้อยอยู่ในชุดกระโปรงแสนสวย เป็นผ้าชีฟองประดับด้วยลูกปัดและระบายดูเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยและเมื่อเห็นนิโคลัสเดินเข้ามาภิณไลย์ญาก็ผละห่างไปยืนข้างๆแม่บ้านวัยกลางคนปล่อยให้พ่อกับลูกคุยกันนิโคลัสก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าและคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กหญิงตัวเล็กในชุดแต่งกายสวยงาม
“ลูกสาวของแดดี๊สวยมาก ๆ เลยค่ะ แดดี๊เกือบจำไม่ได้เลยนะ”
“จริงเหรอคะ....หนูสวยมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ”
“ใช่...ลูกสาวของดาดี้สวยที่สุดอยู่แล้ว”
“daddy น่ารักที่สุดเลยหนูจะให้รางวัลแด่ดีนะ”
“เอ...แดดี๊จะได้อะไรจ๊ะ”
“นี่ไงคะจุ๊บ 1 ที”
โซอี้เข้าไปกอดนิโคลัสและจูบแก้มของเขาแต่เขากลับจูบตอบเด็กหญิงทั้งบนแก้มริมฝีปากปลายจมูกและบนหน้าผากก่อนพูดด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“แดดี๊ให้รางวัลกลับไปเป็นจุ๊บเช่นเดียวกันจ้ะลูก”
“แดดี๊ขา...แดดี๊บอกว่าวันนี้จะพาหนูไปงานมอเตอร์โชว์ ที่งานนั้นสนุกไหมคะ”
“จริง ๆ แล้วมันน่าจะเป็นงานที่เหมาะกับเด็กผู้ชายมากกว่าแต่ว่าเด็กผู้หญิงเห็นแล้วก็จะว้าวเหมือนกันเพราะว่ามันจะมีรถสวยๆเป็นรถระดับ super car”
“รถสวย ๆ เหรอคะ น่าสนใจจัง”
“และแดดี๊ก็มีรางวัลที่จะให้เด็กน้อยที่น่ารักและทำตัวดี ๆอย่างโซอี้ ถ้าลูกชอบรถคันไหนก็บอกแดดี๊ได้เลยนะ แดดี๊จะจัดให้”
“หนูไม่อยากได้รถ หนูยังขับรถไม่ได้เลยค่ะ แดดี๊ไม่ต้องจัดให้หนูก็ได้ แค่แดดี๊อยู่กับหนูทุกวันหนูก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว”
คำพูดไร้เดียงสาถ้าว่ากลั่นมาจากความรู้สึกอันแสนบริสุทธิ์นั้นทำให้ทั้งนิโคลัส ภิณไลย์ญาและแม้แต่ป้าเจนนี่ต่างนิ่งอึ้งไปตามกัน แม่บ้านวัยกลางคนหันมาสบตากับภิณไลย์ญาประกายตาคู่นั้นแสดงถึงความรักและเอ็นดูหนูน้อยตัวเล็กที่เข้ามาเป็นสีสันในคฤหาสน์ซาเวียร์ซึ่งนับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว โซอี้เป็นเด็กช่างพูดชอบฉอเลาะนิโคลัส และมันเป็นภาพที่สร้างความสุขให้กับคนอื่น ๆ ในบ้านด้วยรวมถึงคริส แต่ก็นั่นแหละมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจสำหรับทุกคนเพราะป้าเจนนี่สังเกตเห็นว่าลาริสาเป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยเข้าใกล้ลูกสาวของนิโคลัสมากสักเท่าไหร่ หากแต่หนูน้อยก็ยังได้รับความรักและคำชื่นชมจากคนอื่น ๆ โดยเฉพาะคริสที่มักเสนอตัวพาโซอี้ไปไหนต่อไหน เขาทำราวกับว่าเป็นพ่อแท้ ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยเลยทีเดียว
สักครู่นิโคลัสก็ดึงร่างของโซอี้เข้ามากอดเขาแนบแก้มสากระคายกับแก้มนุ่มนิ่มและกระซิบเสียงแผ่ว
“แดดี๊จะไม่ไปไหนหรอก แดดี๊รักลูกมากนะและโซอี้ก็เป็นเด็กดี แดดี๊ถึงได้อยากจะให้ของรางวัลสำหรับลูกสาวที่แดดี๊รักมากที่สุดในโลก แล้ววันนี้ที่อยากพาหนูไปที่งานมอเตอร์โชว์ก็เพราะว่าอยากให้ทุกคนได้รู้จักลูกสาวที่สวยและน่ารักของแดดี๊คนนี้ยังไงกันล่ะจ๊ะ”
“คุณนิดคะ คุณหนูซูอี้แต่งตัวเสร็จแล้วเดี๋ยวป้าจะพาไปกินอะไรที่ห้องอาหารก่อนนะคะ”
ป้าเจนนี่เอ่ยขึ้น นิโคลัสหันไปพยักหน้า แม่บ้านจึงจูงมือโซอี้ออกไปจากห้องนั้น ร่างสูงสง่ายืดลำตัวขึ้น เขาหันกลับไปยังภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธอสวมเสื้อผ้าเป็นชุดกระโปรงสีเรียบ ๆมันดูแตกต่างไปจากอดีตพริตตี้ที่เคยแต่งตัวสวยงามและชุดอวดสัดส่วนโค้งเว้าในงานมอเตอร์โชว์ซึ่งงานครั้งนี้ที่จัดขึ้นนับว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศและเขาเองเป็นผู้จัดรายใหญ่ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัทรถทั่วทั้งยุโรปที่นำยนตกรรมใหม่ ๆ มาร่วมแสดง แต่ก่อนที่ภิณไลย์ญาจะเดินตามโซอี้และป้าเจนนี่ออกไปก็ต้องชะงักเมื่อนิโคลัสดึงแขนของเธอเอาไว้ เธอพูดเสียงสั่นเล็กน้อย
“ฉันจะไปดูแลให้โซอี้กินมื้อเช้าค่ะ”
นิโคลัสปล่อยมือจากแขนของเธอ เขาล้วงมือทั้งสองลงในกระเป๋ากางเกงและยืนอยู่ตรงหน้าภิณไลย์ญาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย วันนี้เขาดูหล่อเหลาคมเข้มอยู่ในชุดสูทภูมิฐานซึ่งก็เป็นภาพชินตาของภิณไลย์ญาเมื่อกลับมาอยู่ในเมืองหลวงแตกต่างจากตอนที่อยู่ฮาวาย เขามักสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ดูสบาย ๆ มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเขาเป็นถึงประธานบริหารซาเวียร์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทใหญ่โต นิโคลัสคงแต่งตัวแบบปอน ๆ อย่างคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้ในเวลาที่เขาอยู่ท่ามกลางแวดวงนักธุรกิจในเมืองหลวงแบบนี้ ขณะนั้นเขาถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า“วันนี้เป็นการจัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งใหญ่ ผมจะพาโซอี้ไปเพื่อจะได้เป็นการเปิดตัวกับพวกเพื่อน ๆ และหุ้นส่วนว่าผมมีลูกสาว”“ฉันคิดว่าโซอี้คงไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอกค่ะเพราะจริง ๆแล้วเธอเป็นเด็กที่น่ารักแล้วก็ช่างพูดมาก ตอนนี้ลูกสาวของคุณเริ่มปรับตัวในสังคมใหม่ได้แล้ว”“และคุณก็ต้องคอยดูแลลูกสาวของผมในงานนี้ด้วย”“ฉันรู้หน้าที่ของตัวเอง ฉันไม่ลืมหรอกค่ะว่าจะต้องทำอะไรและปฏิบัติตัวยังไงตามคำสั่งของคุณ”“ผมว่านี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาประชดประชันกันแบบนี้ ผมไม่ได้หาเรื่องคุณหรอกนะเนเน่ เพียงแต่ผมอยากจะให้คุณเ
“ฉันจะไปดูโซอี้ค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะวันนี้ฉันจะดูแลลูกสาวของคุณอย่างดี”พูดจบก็รีบเดินออกไปปล่อยให้นิโคลัสยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นกับความรู้สึกสับสน ชายหนุ่มไล้นิ้วบนปากเปียกฉ่ำของตัวเองราวกับมันยังกำซาบในรสหวานละมุนจากกลีบปากสวย ยิ่งนับวันทุกเรื่องราวและทุกกิริยาท่าทางของภิณไลย์ญา ท่าทีของเธอเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามากขึ้นทุกที เขาไม่เข้าใจตัวเองแม้พยายามเตือนสติว่าอย่าทำอะไรบ้าดีเดือดไปมากกว่านี้แต่ดูเหมือนยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ให้แตะต้องเธอด้วยความเร่าร้อนเช่นนี้ได้ยากเย็นเหลือเกิน หลังจากนั้นสักครู่นิโคลัสก็เดินตามลงไปยังห้องอาหารซึ่งเมื่อเขาเดินออกไปจากห้องนั้นลาริสาก็ขยับออกมาจากมุมหนึ่งซึ่งอยู่อีกด้านหากก็มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน เธอแทบกลั้นใจกับภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่ มันเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีแล้วว่านิโคลัสกับภิณไลย์ญาแอบมีอะไรพิเศษต่อกันจริง ๆ“คริส...นี่คุณจะรู้หรือเปล่านะว่าพี่ชายของคุณแอบมากินอยู่กับพี่เลี้ยงเด็กในบ้าน เป็นเรื่องที่แย่มากที่สุด นักธุรกิจชื่อดังอย่างนิโคลัส ซาเวียร์แอบมามีอะไรกับอดีตพริตตี้แบบนี้น่ะเหรอน่าเกลียดท
“นั่นไงสาวสวยที่เดินตามหลังคุณนิโคลัส ซาเวียร์โต้โผใหญ่จัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ยังไงล่ะ”“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ นั่นมันพริตตี้สาวเนเน่ ตัวโชว์เบอร์ 1 ของรถเบนท์ลี เลยนะ...เอ...แล้วทำไมมาเดินตามหลังคุณนิโคลัส แล้วนั่นเขาอุ้มเด็กผู้หญิง นั่นลูกสาวของเขาเหรอ หน้าตาน่ารักดีนะ”“ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่าเป็นลูกสาวของเขาหรือเปล่า แต่ที่ฉันกำลังสงสัยก็คือทำไมเนเน่ถึงได้เดินตามหลังคุณนิโคลัส ซาเวียร์ต้อย ๆ”“เธอสงสัยอะไรเหรอแองจี้ ดูทำหน้าเขาสิทำเหมือนกับว่าเธอกำลังไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง”“สดาร์...เธอคงไม่เคยรู้สินะว่าประวัติของแม่เนเน่เนี่ยหล่อนเฟี๊ยตขนาดไหน”“หล่อนเป็นยังไงเหรอแองจี้ ฉันก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไรหรอกรู้แต่ว่าเนเน่น่ะเป็นพริตตี้เบอร์ 1ของงานมอเตอร์โชว์ปีที่ผ่าน ๆ มาเลยเชียวนะ”“เรื่องนั้นน่ะใคร ๆ ก็รู้แต่เรื่องที่เธอยังไม่เคยรู้น่ะ ก็เนเน่เคยควงอยู่กับน้องชายของคุณนิโคลัส ตอนนั้นเป็นข่าวดังมากเลยนะ ในแวดวงของพวกพริตตี้มีแต่คนอิจฉาเจ้าหล่อนกันทั้งนั้นแหละว่าถ้าเกิดจับพลัดจับผลูได้แต่งงานกับน้องชายของคุณนิโคลัสจริง ๆ ก็ยิ่งกว่าหนูตกถังข้าวสาร ก็ครอบครัวของเนเน่ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยอะไรมากนัก แม่หล
คั่วน้องชายไม่สำเร็จก็หันมาคั่วกับพี่ชายอีก เธอคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อขจัดผู้หญิงคนนั้นให้พ้นจากทางชีวิตไม่ใช่ปล่อยให้มาเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ทำให้เธอไม่สบายใจอยู่แบบนี้นิโคลัสพาโซอี้กลับมายังคฤหาสน์ซาเวียร์ในสภาพที่เด็กหญิงตัวน้อยหลับติดอกของเขาและมีภิณไลย์ญาติดตามเขากลับมาหลังจากอยู่ที่งานมอเตอร์โชว์จนกระทั่งดึก เขาอุ้มโซอี้ขึ้นไปที่ห้องนอนของเธอบนชั้น 2 ของคฤหาสน์อันโอ่อ่าภิณไลย์ญาตามไปช่วยดูแลจัดที่นอนและห่มผ้าให้เด็กหญิงตัวเล็กที่นอนหลับไหลเพราะตลอดทั้งวันโซอี้มีความสุขและสนุกสนานกับการชมยานยนต์รุ่นใหม่ เด็กหญิงวิ่งขึ้นไปนั่งบนรถหรูและซุปเปอร์คาร์คันโนูนทีคันนี้ทีด้วยความตื่นตาตื่นใจและมีความสุขอย่างที่สุดภิณไลย์ญาคอยติดตามเฝ้าดูโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าวันนี้เด็กน้อยมีความสุขและรื่นเริงมากกว่าเวลาอยู่บ้าน หนูน้อยคงจะตื่นเต้นกับการได้เห็นอะไรแปลกตาใหม่ ๆ แม้ว่าหลายครั้งที่โซอี้ยังไม่ค่อยยอมพูดจากับคนแปลกหน้าที่นิโคลัสแนะนำตัวว่าเด็กหญิงเป็นลูกสาวของเขาให้คนเหล่านั้นได้รู้จัก แต่แม่หนูก็ดูจะเริ่มคุ้นชินกับการอยู่ท่ามกลางผู้คนมาก ๆ และรู้จักปรับตัวแม้ยังพูดไม่ค่อยเก่งก็ตามหลังจากเห็น
เขาก้มหน้าลงไปหา จ้วงลิ้นเข้าไปในปากของเธออีกครั้งคราวนี้นิโคลัสดั้นแผ่นหลังของเธอให้อกนุ่มบดเบียดกับอกกว้างเครียดแน่นของเขาอย่างแนบแน่น มันยิ่งทำให้ภิณไลย์ญาปั่นป่วน ความรัญจวนเร่งเร้าอารมณ์หวามของเธอราวกับว่าเขากำลังปลดโซ่พันธนาการความต้องการในส่วนลึกที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเธอกำลังตอบสนองต่ออารมณ์และทุกสัมผัสจากมหาเศรษฐีหนุ่มผู้เยือกเย็นซึ่งเธอเคยตั้งปณิธานว่าจะไม่ยินยอมเขาอย่างเด็ดขาดหากทว่าตอนนี้ร่างกายของเธอกลับทรยศและเป็นปฏิปักษ์ต่อความคิดที่จะผลักไสเขาออกไป จูบของเขาเนิ่นนานและมันทำให้ความซาบซ่านเล่นจากปากของเธอลามไหลไปทั่วทั้งร่าง ภิณไลย์ญาเผลอโอบแขนเรียวรัดลำคอของเขาเอาไว้ มือของเธอกดต้นคอด้านหลังของเขาเพื่อให้นิโคลัสกดริมฝีปากบนปากของเธอแน่นมากยิ่งขึ้นนี่เธอทำอะไรลงไป...เธอกำลังเสนอให้เขาสนองเธออย่างนั้นหรือ ภิณไลย์ญาไม่อาจหักห้ามตัวเองได้เลยและมันสายเกินไปเสียแล้วที่เธอจะหยุดยั้งตัวเองขณะที่นิโคลัสด้านร่างนั้นเข้าไปในห้องและปิดประตูลง ประตูห้องของพี่ภิณไลย์ญาปิดลงแล้วหากแต่เบื้องนอกที่มุมหนึ่งของอีกฝั่งบันได ลาริสาขยับออกมา ในมือของเธอมีโทรศัพท์มือถือที่กดบันทึกภาพที่
แทนคำตอบลาริสาก็ยกมือถือของเธอขึ้นมาเปิดโหมดคลิปวีดีโอแล้วเปิดคลิป ๆ หนึ่งยื่นให้กับคริส เขารับมือถือของเธอและก้มลงดูชั่วครู่ นัยน์ตาคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ท่าทีตกใจของเขาอยู่ในสายตาของลาริสา เธอสังเกตเห็นว่าท่าทางของคริสจะตกใจกับภาพที่เห็นในมือถือไม่น้อยเลยทีเดียวคริสวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหลังจากที่เขาดูคลิปจบแล้วลาริสายกยิ้มมุมปากอย่างจะเหยียดหยัน“คุณคงเห็นแล้วสินะคะว่าเกิดอะไรขึ้น คงจะเห็นแล้วว่าภาพในคลิปนั้นน่ะมันชัดเจนมากขนาดไหน”“ใช่ผมเห็นแล้ว” เขาตอบสั้น ๆ แต่สีหน้าท่าทางของคริสดูไม่ดีเลย ลาริสาพูดต่อไปอีกว่า“ถ้าคุณเห็นและก็รู้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นในบ้านคุณจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้น่ะเหรอคะ”“เรื่องอะไรเหรอ?”“ก็เรื่องที่แม่อดีตพริตตี้สาวแต่อยู่ในคราบของพี่เลี้ยงเด็กมาแอบมีอะไรกับพี่ชายของคุณในบ้าน รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น”“ผมเข้าใจ มันอาจเป็นความสัมพันธ์ลับ ๆ แต่ว่านิคก็ยังไม่มีเมีย เขามีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น...ผมหมายถึงการที่เขาจะชอบหรือมีอะไรกับผู้หญิงสักคนนี่ไม่ใช่เหรอ”“แต่ฉันมองว่ามันไม่เหมาะสม อย่าลืมสิคะว่าเนเน่มาจากการเป็นนางแบบให้ค่ายรถยนต์ ฉันได้ยินมาว่
ตอนแรกเขาคิดว่าจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติและรักษาระยะห่างระหว่างตัวเขากับแฟนเก่า คริสพยายามเตือนตัวเองว่าเขาแต่งงานแล้วมีภรรยาที่คนในสังคมต่างรู้และยอมรับ แต่เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้คริสเริ่มไม่สบายใจ เขาคิดถึงคำพูดที่ภิณไลย์ญาเคยบอกไว้ว่าเธอกู้เงินจากพี่ชายของเขาถึง 3 ล้านดอลลาร์เพื่อรักษาน้องชายทั้งก่อนหน้านี้นิโคลัสเคยแสดงท่าทีไม่ชอบภิณไลย์ญามาก่อน เขาพยายามกีดกันเธอออกจากชีวิตของน้องชายด้วยซ้ำ หรือว่านิโคลัสจะบีบบังคับจิตใจให้ภิณไลย์ญาเอาตัวเข้าแลกกับเงินจำนวนนั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งสงสัยเขารู้ดีว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ภิณไลย์ญาไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย ขนาดคบกับเขามานานแม้เขาแสดงความรักกับเธอมากเท่าไหร่แต่เธอก็จะไม่ยอมเผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้เขาควรจะต้องพูดกับพี่ชายให้รู้เรื่องเพราะไม่อย่างนั้นแล้วมันก็จะเป็นเรื่องรบกวนจิตใจของเขาตลอดเวลาคริสเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานอันโอ่โถงของพี่ชายซึ่งเป็นห้องทำงานที่ใหญ่กว่าของเขาหลายเท่าอยู่อีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์ซาเวียร์และเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีใครผ่านเข้ามา นั่นเป็นเพราะนิโคลัสไม่ชอบให้ใครเข้ามารบกวนเขา
คริสพูด ประกายตาของนิโคลัสแสดงความไม่เข้าใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ก้มลงดูโทรศัพท์และเมื่อเขาเปิดหน้าจอในตาคมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมือถือขณะนี้เป็นคลิปแอบถ่ายเขากับภิณไลย์ญา มันเป็นคลิปสั้น ๆ เขาดูจบแล้วจึงกดปิดแต่มือแกร่งก็ยังคุมโทรศัพท์เอาไว้มั่น คริสเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของพี่ชายทั้งสีหน้าและแววตาของเขาแสดงออกทั้งความไม่แน่ใจผิดหวังและสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน“ผมว่าคงไม่มีหลักฐานอะไรที่มันจะช่วยยืนยันการกระทำของคนคนหนึ่งได้ชัดเจนมากเท่ากับหลักฐานที่เป็นคลิปวีดีโอหรอกนะครับ พี่คิดว่าอย่างนั้นไหม”“แกไปเอาคลิปนี้มาจากไหน”“ผมได้มาจากไหนมันไม่สำคัญหรอกครับ และพี่ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาต้นตอแต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือช่วยบอกผมทีว่าเรื่องนี้น่ะมันเกิดขึ้นนานหรือยัง”ในคำถามนั้นฟังดูคาดคั้น สีหน้าของนิโคลัสแปรเปลี่ยนเป็นเข้มเครียด นัยน์ตาของเขาเริ่มขุ่นและในเวลาเดียวกันสีหน้าของคริสก็ไม่ต่างจากพี่ชาย เขาคบกรามแน่นและค้ำยันแขนลงบนโต๊ะจ้องหน้านิโคลัสด้วยแววตาเอาจริงเอาจัง“คงจะนานแล้วสินะครับ แต่ผมไม่นึกเลยว่าจะต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ เรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโ
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย