บทที่7
น้ำตาที่ไร้ค่า
เช้านี้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าเขายังนอนหลับอยู่ข้างๆเธอ สาวตัวเล็กร่างบาง ค่อยขยับตัวออกจาก มือหนาที่โอบกอดเธอไว้ เพราะไม่อยากทำให้เขาตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ” คนตัวใหญ่ถามตามหลังเมื่อเห็นคนนอนข้างๆกับลุกไปเข้าห้องน้ำ
“ลลิลขอโทษที่ทำให้คุณตื่นเลย” หญิงสาวเดินกลับมานั่งข้างเขาบนเตียง
“ไม่หรอก ผมตื่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลุก เพราะกลัวจะทำให้คุณตื่น เห็นกำลังนอนกรนสบายเลย”
ลลิลเผลอตัวยกฝ่ามือขึ้นมาตีแขน คนที่หาว่าเธอนอนกรน จนคนถูกตีร้อง เพราะทั้งเจ็บและตกใจ ที่ถูกคนตัวเล็กแต่มือหนักตีเข้าเต็มแรง
“เรื่องอะไรมาตีแบบนี้นี่ ไปเลยไปอาบน้ำแต่งตัว ทำกับข้าวให้กินด้วย” ชายหนุ่มออกคำสั่ง
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังอาบน้ำ เธอก็คิดถึงคำพูดของติณห์ เขาเปลี่ยนคำแทนตัวเองจากฉัน เป็นผม มันทำให้หญิงสาวรู้สึกสนิทสนมกับเขามากขึ้น
ในเมื่อไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ บิดาของเธอจะหาเงินหลายล้านมาไถ่เธอได้ เธอก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขที่สุดดีกว่า
ตั้งแต่วันที่พ่อของเธอ มาส่งเธอที่บ่อน เขาก็ไม่เคยติดต่อเธอมาอีกเลย หญิงสาวบอกกับตัวเองว่า พ่อคงละอายที่ไม่สามารถหาเงินมาช่วยเธอได้ ถึงได้ไม่กล้าโทรมา
เมื่อลลิลออกจากห้องน้ำ เธอก็รีบจัดการทำกับข้าว เท่าที่พอจะทำเป็น เมื่อติณห์อาบน้ำเสร็จจะได้กินข้าวเช้าได้เลย วันนี้เป็นอีกวัน ที่หญิงสาวไม่ต้องกินข้าวเช้าคนเดียว หลังจากเมื่อวาน มีป้าช่วยมากินเป็นเพื่อน
“ทำกับข้าวเป็นหลายอย่างเหมือนกันนะ แบบนี้ค่อยคุ้มต้นคุ้มดอกที่เสียไปหน่อย” คนพูดไม่คิดแต่คนฟังเจ็บแปลบที่หัวใจ
“ลองกินก่อน อาจจะไม่อร่อยก็ได้ค่ะ” จากที่สดใสน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อยลง
“อร่อยใช้ได้เลย” ติณห์ออกปากชมหลังจากลองชิมกับข้าวครบทุกอย่าง
“เดี๋ยววันนี้จะพาไปเดินซื้อของนะ มาอยู่ที่นี่ไม่รู้ต้องอยู่อีกนานแค่ไหน กระเป๋าใบเดียวหิ้วมา คงมีของที่จำเป็นไม่ครบ” ติณห์พูดไปกินไปอย่างอร่อย
นี่อาจเป็นการกินข้าวที่บ้าน แบบมีกับข้าวทำเองมากมายแบบนี้ ปกติเขากับกิตต์ขจรผู้เป็นพ่อ กินแต่อาหารนอกบ้าน หรือถ้าเกิดหิวขึ้นมาจริงๆ ป้าช่วยก็ทำแค่ผัดกระเพราไข่ดาว ให้กินประทังไปก่อน
“แต่....” หญิงสาวอ่ำอึ้งไม่กล้าพูด
“มีอะไร ไม่อยากไปเหรอ” ติณห์ละสายตาจากอาหารตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ทำท่ากล้าๆกลัว
“ไม่ใช่ๆ ลิลอยากไป แต่...ลิลไม่มีเงินค่ะ” คนพูดหลบสายตาเพราะความอาย
“ผมเป็นคนชวน ผมก็ต้องออกให้ ไม่ต้องกลัว ไม่เอาไปคิดเพิ่มกับหนี้ของพ่อเธอแน่นอน” อีกครั้งที่คนพูดไม่ทันได้ระวัง
ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นที่ราคาไม่แพงมากนัก อยู่ใกล้ๆกับประตูทางเข้า ลลิลจึงขอแวะดูก่อน เพราะเห็นมีป้ายลดราคาอยู่ จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินของคนที่พามามากเกินไป
ติณห์เดินจับดูเสื้อผ้าแต่ละตัว เขาไม่ชอบเสื้อผ้าแบบนี้ มันดูเหมือนๆกันหมด เนื้อผ้าก็ไม่ดี การตัดเย้บก็ดูง่าย ใส่ครั้งสองครั้งก็คงซีด เขาจึงดึงแขนหญิงสาวออกจากร้าน
“ทำไมล่ะคะ ร้านนี้ถูกดี ” หญิงสาวยังไม่ทันได้เลือกเลย
“ถูกล่ะใช่ แต่ดียังไม่ใช่ ขึ้นไปดูข้างบนดีกว่า ผมเคยเดินผ่าน มีร้านเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่หลายร้าน” คนตัวใหญ่หงุดหงิดที่หญิงสาวทำท่าจะเลือกเสื้อผ้าไม่ถูกใจ
“ข้างบนนี้มีแต่เสื้อผ้ายี่ห้อดัง ตัวนึงก็หลายพัน ซื้อข้างล่างได้ตั้งหลายตัว” เมื่อขึ้นมาชั้นบน หญิงสาวมองไปมีแต่เสื้อผ้าแบรนด์ดัง เธอไม่อยากซื้อเสื้อผ้าราคาแพงมากมายอะไร
“เงินก็เงินคนอื่น จะต้องมาคิดอะไร เอาเป็นว่า ผมสั่งให้ซื้อร้านที่อยู่ชั้นนี้เท่านั้น” คนจ่ายเงินออกคำสั่ง
เมื่อมารู้จะหาเหตุผลอะไรมาสู้ หญิงสาวจึงปิดปากเงียบเดินเลือกเสื้อผ้าไป แต่ด้วยราคาที่แพง กว่าจะเลือกได้แต่ละตัวก็นานแสนนาน จนคนจ่ายเงินเริ่มหิวน้ำ
“เลือกไปก่อนนะ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำร้านข้างๆก่อน” ติณห์เดินไปหาร้านน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด
“แก็วตาจะเอาตัวไหนก็เลือกเอา พี่มีเงินจ่ายได้สบาย แต่งตัวดีๆกับเขาบ้าง ลำบากเพื่อพี่มามากแล้ว”
เสียงที่แสนจะคุ้นหู ดังมาอีกฝากของราวผ้า ลลิลจำเสียงนี้ได้ดี เพราะเธอได้ยินมันมาตั้งแต่เกิด นั่นเสียงพ่อของเธอ แล้วแก้วตาคือใครกัน
หญิงสาวค่อยเดินแอบตัวตามราวผ้า อ้อมไปข้างหลัง เพื่อต้องเห็นเจ้าของเสียงและคนที่เป้นเจ้าของชื่อแก็วตา ภาพที่เธอเห็น มันทำให้หัวใจเธอหล่นลงไปถึงพื้น พ่อของเธอเดินโอบเอวหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้น อีกมือก็เดินจูงเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบขวบ
ลลิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้เป็นพ่อ ในขณะที่เขาอยู่ห่างเธอแค่ไม่กี่เมตร เสียงโทรศัพท์ดัง ทัตเทพหยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง แต่เขาเพียงแค่หยิบขึ้นมาดูและตัดสายทิ้ง อย่างไม่สนใจ
ลลิลตัดสินใจ จะเดินเข้าไปถามบิดาให้รู้เรื่องกันไปเลย แต่เธอถูกมือหนาดึงแขนเธอไว้ และทำท่าให้เธอรู้ว่า ไม่ใช่เวลาที่เธอจะเข้าไปถามความจริง
“อย่าทำอะไร ที่ตัวเองจะต้องเสียใจ กลับบ้านไป ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง”
ติณห์จัดการจ่ายเงิน คว้าถุงเสื้อแล้วรีบพาหญิงสาวออกจากร้าน ก่อนที่ทัตเทพจะมาเจอคนทั้งคู่เข้า ความจริงติณห์เองรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เขายังไม่รู้ว่าควรต้องบอกเรื่องทั้งหมดกับหญิงสาวไหม แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เขาคงต้องเล่าทุกเรื่องที่รู้มา
“อย่าเพิ่งถามอะไรผมตอนนี้ ถึงบ้าน เราค่อยคุยกัน” ติณห์หันมาบอกทันที่ ที่ประตูทั้งสองฝั่งถุกปิดลง
“ทำไมถึงบอกตอนนี้ไม่ได้คะ” ลลิลหันไปมองคนข้างๆด้วยใบหน้าที่อาบน้ำตา
“เชื่อผม อย่างไรเดี๋ยวคุณก็ได้รู้ความจริง” ชายหนุ่มไม่กล้าบอกเหตุผลที่แท้จริง
ติณห์กลัวว่าถ้าเขาบอกความจริงทั้งหมดกับลลิลตอนนี้ หญิงสาวอาจจะไม่ยอมกลับบ้านไปกับเขา เพราะเธอคงไม่ยอมไปเป็นนางบำเรอให้ใคร เพื่อพ่อที่ไม่เคยคิดถึงเธอเลย
“เล่าได้หรือยังคะ” ลลิลวางถุงเสื้อผ้าลงบนพื้น นั่งลงที่โซฟาอย่างใจร้อน
“ได้แล้ว แต่ต้องสัญญานะ ว่าจะค่อยๆคิด ไม่ทำอะไรตามอารมณ์” ชายหนุ่มนั่งข้างๆอย่างเอาใจ
“ค่ะ ลิลสัญญา”
“ผู้หญิงคนที่เธอเห็นชื่อแก้วตา เป็นภรรยาใหม่ของพ่อเธอ ที่อยู่กันมาเป็นสิบปีแล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือน้องสาวของเธอ” ชายหนุ่มรีบคว้ามือลลิลมาจับไว้แน่น
“คุณรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่” หญิงสาวกำมือแน่น
“ผมเพิ่งรู้เมื่อวาน เพราะพ่อของคุณมายืมเงินที่บ่อนของผมเพิ่มไป และหายหน้าไปหลายวัน ผมเลยส่งคนไปตาม ก็เลยรู้ว่าน้องสาวของคุณป่วยเป็นโรคหัวใจ ส่วนพ่อของคุณก็ไปเฝ้า”
“และลิลล่ะ พ่อเคยห่วงลิลบ้างไหม คุณรู้ไหมฉันแกล้งโทรไปหาพ่อ เพื่อดูว่าพ่อจะรับไหม แต่กลับถูกตัดสายทิ้ง และจนป่านนี้พ่อก็ยังไม่โทรกลับมา”
สองมือขาวทาบลงใบหน้า ร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง เธอไม่มีอะไรต้องอายแล้ว วันนี้น้ำตาของเธอมันไร้ค่าสิ้นดี แม่ก็มาจากไป พ่อคนเดียวที่เธอรักที่สุดในชีวิต กลับแอบไปมีครอบครัวใหม่ ไม่สนใจว่าเธอจะทุกข์หรือสุขอย่างไร เหมือนหลอกใช้เธอเพื่อมาขัดดอก แล้วตัวเองก็ไปมีความสุขพร้อมหน้าครอบครัวกัน
“ลิลจะกลับบ้าน คุณก็ไปตามเอาเงินคืนจากพ่อเองแล้วกัน” หญิงสาวทำท่าจะลุกจากที่นั่งแต่ถูกมือหนาคว้าเอวมากอดไว้แน่น
“ไหนสัญญาแล้วว่าจะตั้งสติ แบบนี้เขาเรียกใช้อารมณ์” คนตัวใหญ่เสียงดังใส่
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ให้ฉันโง่เป็นตัวขัดดอกให้พ่ออยู่เหรอ” น้ำตาไหลอาบแก็มคนพูด
“คุณจะกลับไปอยู่ตรงไหน คุณจะทนได้ไหม ที่ต้องเห็นพ่อคุณมีครอบครัวใหม่ กับการที่คุณอยู่ตรงนี้ แกล้งโง่ต่อไป แล้วเอาทุกอย่างที่เป็นของคุณคืน”ชายหนุ่มเตือนสติ
“อยู่ในฐานะนางบำเรอขัดดอกของคุณน่ะเหรอ” ลลิลมองหน้าชายหนุ่มที่กอดตัวเธอไว้
“ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร คุณก็เป็นของผมแล้ว และผมก็ดูแลปกป้องคุณได้ แต่ถ้าคุณก็ก้าวออกไปจากที่นี่ บ้านของคุณจะถูกยึด และพ่อของคุณก็ต้องเลือกที่จะไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของเขาแน่นอน”
“ชีวิตผู้หญิงที่ชื่อลลิลมันดูไร้ค่า ไร้ราคา จริงๆ แม้แต่พ่อแท้ๆ ยังเห็นเป็นแค่เครื่องมือเลย”
จากที่เป็นฝ่ายถูกกอด ความอ่อนแอในหัวใจ ทำให้หญิงสาวหันมาสวมกอดชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆเลื่อนศีรษะลงมานอนแนบตักที่อบอุ่นที่สุดในเวลานี้
“คุณไม่ใช่คนโง่ ลลิลคุณเป็นคนกตัญญู ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี คนดีทุกคนมีค่า พ่อของคุณต่างหากที่ไม่มีค่า ผมขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ แต่คุณต้องมีสติ อย่าใช้อารมณ์ อย่างน้อย ตอนนี้น้องสาวของคุณก็ป่วยอยู่ โรคที่เป็นก็รักษาไม่หาย ต้องดูแลกันไปทั้งชีวิต เขาเป็นเด็กเขาไม่เกี่ยว ค่อยๆคิด”
มือหนาลูบผมยาวดำขลับ ที่นอนร้องไห้หนุนตักเขาอยู่ อย่างสงสาร เขารู้สึกผิดที่ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ทุกเรื่องเป็นแบบนี้ แต่พ่อของเธอทำกับพ่อของเขาก่อน แต่ในความเป็นจริง ลลิลไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
“หลับตา ปล่อยให้เวลาช่วยหาคำตอบ วันนี้คุณอยู่ที่นี่ คุณมีผม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร คุณก็อยู่ตรงนี้แล้ว”
ติณห์ไม่สามารถให้ฐานะของลลิลมากไปกว่านี้ได้ ถึงแม้ว่าหัวใจของเขา มันกลัวจะสูญเสียเธอไปแค่ไหน แต่ความแค้นในตัวทัตเทพ มันเป็นเส้นบางๆที่มาขวางกั้นความรู้สึกบางอย่างไว้ เขาได้แต่หวัง ว่าวันหนึ่งจะมีอะไรมาทำลายเส้นบางๆเส้นนั้นไปจากหัวใจเขาได้
“ชีวิตคนทุกคนมีปัญหากันทั้งนั้น ใครอ่อนแอก็แพ้ไป แม่คุณจะเสียใจแค่ไหน ถ้าเห็นคุณไม่มีความสุขแบบนี้ ถึงคุณจะเป็นนางบำเรอผม แต่คุณก็ได้บำเรอทั้งตัวและหัวใจเลยนะ อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ทำตัวเองให้มีค่าจะดีกว่า ผมเตือนสติคุณถึงแม้บางเรื่องผมก็ทำไม่ได้เสียเอง”
กว่าจะรู้ตัว ว่าเหมือนตัวเองกำลังสารภาพรักออกไปอย่างไม่รู้ตัว ก็พูดไปจนหมดแล้ว แต่โชคดีที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนตักเขา หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“เฮ้อ...เกือบไป” ติณห์โล่งใจ ที่คำพูดของเขาไม่มีใครได้ยิน
บทที่8ผิดหรือที่แค้น คืนนี้เป็นอีกคืน ทีทั้งคู่หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน โดยที่ไม่มีความสัมพันธ์แบบชู้สาวเกิดขึ้น มันมีแต่ความห่วงใย และความอบอุ่นที่มอบให้กัน เมื่อวานติณห์เองก็หมดเรี่ยวแรงไปกับการตามแก้แค้นแทนบิดา เขาไล่รายชื่อลูกหนี้ที่คิดว่า มีส่วนในการจ้างมือปืนมายิงพ่อของเขา นอกจากทัตเทพแล้ว ยังนักธุรกิจ และชาวบ้านฐานะปานกลาง อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งวิธีการแก็แค้นก็ถูกเลือกวิธีที่ต่างกันไป สองคนที่โดนจัดการไปเมื่อวาน ชายหนุ่มรู้ว่าทั้งสองมีหน้ามีตาในสังคม และก็ต่างก็ภรรยามากด้วยกันทั้งคู่ เพราะอาศัยบารมีของครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่ ติณห์ได้ทำการปล่อยคลิปวิดีโอ ที่ทั้งสองคนมาขอยืมเงินของเขา โดยชายหนุ่มไม่ลืมที่จะกันตัวเอง เขาให้คนทั้งสองพูดว่า จะยืมไปเพื่อเอาเงินไปเลี้ยงดูบรรดาเมียเด็กๆ ระเบิดครอบครัวก้อนใหญ่ ถูกส่งผ่านโลกโซเชี่ยลเพียงไม่ถึงชั่วโมง เรื่องราวก็ถูกแชร์ออกไป บรรดาเมียทั้งหลายต่างพากันหัวร้อน จัดการสามีของตัวเองแบบจัดหนัก เมื่อเรื่องราวความอื้อฉาวของประธานบริษัทถูกพูดถึง อย่างสนุกปาก ลูกค้าต่างไม่ให้กา
บทที่9การเดินทางของความรู้สึก จากวันแรกที่ลลิลได้รับหน้าที่ดูแลกิตต์ขจร มาถึงวันนี้ก็เกือบจะครบหนึ่งเดือนแล้ว ทั้งสองคนสนิทกันมาก ความสดใส น่ารัก และเป็นเด็กที่กตัญญู ทำให้คนป่วยอยากได้ลลิลเป็นลูกอีกคน ไม่ว่าจะในฐานะลูกสะใภ้หรือลูกสาวก็ได้ทั้งสองอย่าง “ติณห์พ่อรักและเอ็นดูหนูลลิลมาก ถ้าลูกไม่คิดจะจริงจังกับเธอ ก็ปล่อยเธอจาสถานะที่เธอเป็นอยู่เสีย และรับเธอเข้ามาเป็นน้องสาวของลูกซะ” ผู้เป็นพ่อทั้งรักทั้งสงสาร “จริงจังไหม คงไม่มั้งครับ เพราะพ่อก็รู้ว่าเธอเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร ส่วนที่พ่อจะให้ผมรับเธอมาเป็นน้องสาว คงไม่ได้ ผมนอนกับเธอแล้วนะ อยุ่ดีจะให้มาเป็นพี่น้องกัน” “ถ้าเป็นพี่น้องมันยาก ลูกก็ให้เธอเป็นเมียเสียสิ พ่ออยากมีหลาน พ่อจะอยู่อีกสักกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ก็ยังไม่รู้ ลูกไม่คิดจะมีครอบครัวมีหลานให้พ่อสักคนเหรอ” ก่อนหน้านี้กิตต์ขจรไม่คิดจะพูดเรื่องการมีครอบครัวกับลูกชาย เพราะเขามองไม่เห็นทาง แต่ตอนนี้ ติณห์มีผู้หญิงข้างกาย และเธอก็แสนจะน่ารัก ผู้เป็นพ่ออยากมีหลานเต็มที่แล้ว “เรื่องนี้มันก็ไม่ได้อยู่ที่ผมค
บทที่1หัวใจที่แตกสลาย “ผมยังไม่มีจริงๆ ครับ ถ้าหาได้เมื่อไหร่ ผมจะรีบเอามาใช้ให้เลย” ชายวัยกลางคนพนมมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นลูก “ก็พูดแบบนี้ทุกราย ไม่มีปัญญาใช้หนี้ แต่! เสือกมีปัญญาลงขันจ้างมือปืนมายิงพ่อกู” คนพูดชี้หน้า จ้องตาแบบหมายจะเอาถึงชีวิต “ผมไม่เกี่ยว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย ท่านมีพระคุณ เมตตาผมมาตั้งหลายครั้ง ผมจะทำกับผู้มีพระคุณแบบนั้นได้อย่างไรกัน” คนพูดมือไม้สั่นรนราน “ก็ถ้ามึงไม่เกี่ยว แล้วใครเกี่ยว พ่อกูใจดีกับพวกมึง ไม่มีเงิน ก็ให้กู้ แต่พวกมึงเสือกไปเล่นเสียกันเอง ยืมแล้วมันก็ต้องใช้ พอทวงพวกมึงก็หาว่าใจร้าย มึงอย่านึกว่ากูโง่นะ” เท้าใหญ่ถีบเก็าอี้ที่อยู่ใกล้ๆชายที่ยืนพนมมือด้วยความกลัว กลิ้งระเนะนาด เสียงดังโครมคราม คนข้างนอกห้องที่กำลังมุ่งมั่นกับการพนันต่างพากันหันมาดู “ถ้าภายในหนึ่งเดือนมึงหาต้นมาคืนกูไม่ได้ มึงก็เอาลูกสาวคนสวยของมึง มาเป็นนางบำเรอขัดดอกกูแล้วกัน ” รอยยิ้มแบบสะใจปรากฏบนใบหน้าที่ดุร้ายของคนพูด “เอ่อ....” ลูกหนี้รุ่นพ่อพูดไม่ออก “ถ้าทำไม่ได้ มึงก็บอกลูกสาวคนส
ก่อนกลับบ้าน เขาก็เพิ่งโดนเล่นงานจนหมดศักดิ์ศรี หวังจะได้มาพัก คิดหาทางออกที่บ้าน กลับต้องมาโดนเมียด่า เพราะรู้ความจริง ที่เขามีเมียอีกคนและอยู่ด้วยกันมานานเป็นสิบปี จนมีลุก ทัตเทพทนไม่ไหวแล้ว เขาขับรถออกมา คืนนี้คงต้องหาโรงแรมนอนพักใจสักคืน “แม่คะ ลลิลกลับมาแล้ว ทำแม่ไม่เปิดไฟเลย ” กัณต์ชนิตลูกสาวคนเดียวของเกสรา กลับจากทำงานวันแรกของเธอ “แม่คะ แม่ได้ยอนลิลไหมคะ” บ้านทั้งหลังเงียบสนิท ไม่มีไฟสักดวงในบ้านถูกเปิด หญิงสาวสัมผัสได้ ว่ามีอะไรบ้างอย่างเกิดขึ้นที่บ้านแน่ๆ เธอรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนของมารดาทันที ภาพที่เธอเห็น โดยที่ไม่ต้องเปิดประตูเสียด้วยซ้ำ ลลิลขาอ่อนทรุดตัวลงอย่างหมดแรง “แม่......” หญิงสาวตะโกนสุดเสียง ภาพเกสราน้ำลายฟูมปาก นอนตาค้างอยู่ข้างเตียงนอน ลลิลเขย่าตัวมารดา แนบหูกับหน้าอกด้วยความหมายว่าหัวใจของแม่เธอจะยังเต้นอยู่ แต่มันไร้วี่แวว มารดาของเธอจากไปแล้ว หญิงสาวตั้งสติโทรหาตำรวจ และโทรหาทัตเทพผู้เป็นบิดา เวลานี้ เธอไม่สามารถทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ จึงได้แต่นอนกอดศพมารดา ร้องไห้ รอจนกว่าทุกคนจะมาถึงบ้านขอ
เขาต้องทุกข์ที่เห็นกิตต์ขจร พ่อของเขาต้องทุกข์ทรมาน ดังนันเขาก็อยากเห็นคนที่เป็นต้นเหตุตายทั้งเป็น ถ้าทัตเทพยอมให้ลูกสาวของเขามาเป็นนางบำเรอเขา คนเป็นพ่อมันคงเหมือนถูกย่ำยีหัวใจ แค่คิดเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความสะใจที่เป็นฝ่ายได้แก็แค้น“ผมไม่ลืมหรอก สบายใจได้” สีหน้ากับคำตอบสวนทางกันสิ้นดีเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เงินตั้งสิบล้าน เขาจะไปหาจากที่ไหนมาได้ จากตอนแรกมีเงินที่ได้จาการตายของเกสราก็เพียงแค่ล้านเดียว และตอนนี้มันก็เหลือแค่ไม่กี่หมื่นกริ๊งๆสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ช่วยดึงชายกลางคน ให้เดินออกมาจากวงของการพนัน เพื่อมารับโทรศัพท์ภรรยาของเขาอีกคน“พี่เทพ พี่หายไปเลยตั้งแต่เมียพี่ตาย” เสียงหญิงสาวที่อายุมากกว่าลลิลเพียงไม่กี่ปี ต่อว่าดังมาจากปลายสาย“จะให้พี่ไปหาเรากับลูก ให้ความแตกเหรอ ถ้าลลิลเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมา พี่จะไม่ได้อะไรเลยนะ เพราะพี่กับเกสราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน บ้านก็เป็นชื่อของเขา เงินในบัญชีอีก”“แต่ตอนนี้ยายหนู เข้าโรงพยาบาล ” เสียงปลายสายดูอ่อนลง“ลูกเป็นอะไร” ทัตเทพตกใจ เพราะเขามีลูกแค่เพียงคนเดียว“ก็โรคหัวใจที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดนั่นแหละ หมอบอกค่าใช้จ่ายอาจจะถึงแส
บทที่2ทวงบุญคุณ “คุณพ่อทำไมกลับดึกจังคะ ลลิลโทรไปคุณพ่อก็ไม่ยอมรับสาย ” ลูกสาวคนสวยนั่งรอกินข้าวกับพ่อจนดึก “งานที่บริษัทกำลังยุ่ง สินค้าหาให้ลูกค้าไม่ได้ตามกำหนด พ่อโดนค่าปรับหลายแสนเลย แต่ก่อนพ่อเคยมีเงินของแม่คอยช่วยอยู่ ตอนนี้เป็นชื่อของลลิล พ่อก็ไม่อยากรบกวน” เลี้ยงมากับมือ ทำไมทัตเทพจะไม่รู้จักนิสัยลูกสาวนอกสายเลือดคนนี้ ถ้าเขาขอตรงๆก็ได้ แต่ถ้าใช้ลูกเกรงใจแบบนี้ มีเท่าไหร่ให้หมด “พ่อเอาบัตรเอทีเอ็มของคุณแม่ที่อยู่กับลลิลไปใช้เลยค่ะ ในนั้นมีอยู่หลายแสน น่าจะพอช่วยค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับลูกค้าได้” เป็นอย่างที่ทัตเทพคิด “มันจะดีเหรอ พ่อไม่อยากเอาของลูกเลย แต่ตอนนี้เราแย่จริงๆ และ.....”คนพูดลากเสียงให้ดูน่าสงสัย “และอะไรคะพ่อ ยังมีอะไรที่พ่อยังไม่ได้บอก บอกมาเถอะค่ะ ลลิลยินดีช่วยพ่อทุกอย่าง เราเหลือกันแค่สองคนแล้ว ถ้าลลิลไม่ช่วยพ่อ ก็ไม่รู้จะไปช่วยใครแล้วค่ะ” หญิงสาวเอื้อมือมาจับมือหนาที่เริ่มเหี่ยวย่นด้วยอายุที่มากขึ้น มองตาคนตรงหน้าอย่างทั้งรัก เคารพ และเทิดทูน ลลิลยังจำทุกเรื่องที่มาเล่าว่าพ่อร
“ติณห์ พ่ออยากให้ลูกล้มเลิกความคิดที่จะแก็แค้น แค้นกันไปแค้นกันมา มันไม่ทางจบ” กิตต์ขจรพูดกับลูกชาย ที่มานั่งคุยกับเขาข้างเตียง “ผมว่าพ่อปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่า พ่อไม่ต้องไปคิดถึง รักษาร่างกายให้กับมาเป็นเหมือนเดิมดีกว่าครับพ่อ” ชายหนุ่มไม่สนใจในสิ่งที่บิดาพูดด้วยความกังวล “ร่างกายคงต้องใช้เวลาอีกนาน แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ ทำร้ายคนอื่นเขามามาก ก็จะได้ชดใช้คืนก็ครั้งนี้แหละ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างมองโลกในแง่ดี “เวลามาอ้อนวอนอยากได้เงินจากเรา ก็พูดได้สารพัด พอถึงเวลาใช้คืน กลับบ่ายเบี่ยง พ่อให้โอกาสทุกคน พวกมันต่างหาก แทนที่จะคิดถึงบุญคุณที่พ่อช่วย มันกลับแว้งกัดเป็นงูเห่า คนพวกนี้ต่างหาก ที่จะต้องรับเวรกรรมของมัน” ทุกวันที่ติณห์ มานั่งคุยกับกิตต์ขจร ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ความจริงแล้วหมอบอกว่าร่างกายส่วนบนของเขายังคงใช้การได้ปกติ แต่ยิ่งนานวันคนแก่ที่หมดกำลังใจ ก็เอาแต่นอน จนร่างกายส่วนบนเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แขนขารีบลงทุกวัน โชคดี ที่มีพยาบาลพิเศษหมุนเวียนกันมาดูแล เขาถึงได้ไม่เป็นแผลเตียง “พ่อคงเปลี่ยนความคิดลูกไม
“คุณพยาบาลได้ยินที่เรื่องเมื่อกี้แล้วใช่ไหม” คนไข้เข้าเรื่องเพราะอยากระบาย“ค่ะ ฉันได้ยิน”“ทำอย่างไร ผมถึงจะหยุดทุกอย่างได้” น้ำตาคลอแก็ม ที่เหี่ยวย่น ซีดเซียว“เราไม่สามารถจัดการทุกเรื่อง ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราได้ ถึงคุณจะไม่เป็นแบบนี้ คุณก็ไม่สามารถทำทุกอย่างให้เป็นอย่างใจหวังได้ ถ้าหยุดไม่ได้ ก็ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกรรมของมัน บางที มันอาจจะไม่ได้เลวร้าย อย่างที่คุณคิดไว้ก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวผู้เรียนจิตวิทยามาพูดด้วยรอยยิ้ม“กินยาแล้ว ค่อยๆปล่อยวาง หลับตาเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาค่ะ”กำลังในการที่อยากจะมีชีวิตอยู่ ลดน้อยลงไปทุกวัน โชคดีที่ทุกครั้งที่ท้อ เขายังมีคนที่คอยรับฟัง และพูดให้กำลังใจเสมอ ในยามที่หมดจากงานบ้าน ป้าช่วย แม่บ้านของที่นี่ ก็จะมานั่งอ่านหนังสือธรรมมะให้คนป่วยได้พอชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาบ้างตั้งแต่กิตต์ขจรออกจากโรงพยาบาล เขาก็ขอให้ลูกชาย พาเขามาอยู่บ้านสวนที่เขาซื้อไว้ที่ชานเมือง ส่วนบ้านหลังใหญ่ในเมืองหลวง ติณห์ก็ใช้นอนในวันที่เขาไม่ได้มาหาพ่อบ้านสวนหลังนี้ มีขนาดเล็กทันทีถ้าเทียบกับคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ติณห์ดูแลอยู่ แต่ในความเป็นจริง
บทที่9การเดินทางของความรู้สึก จากวันแรกที่ลลิลได้รับหน้าที่ดูแลกิตต์ขจร มาถึงวันนี้ก็เกือบจะครบหนึ่งเดือนแล้ว ทั้งสองคนสนิทกันมาก ความสดใส น่ารัก และเป็นเด็กที่กตัญญู ทำให้คนป่วยอยากได้ลลิลเป็นลูกอีกคน ไม่ว่าจะในฐานะลูกสะใภ้หรือลูกสาวก็ได้ทั้งสองอย่าง “ติณห์พ่อรักและเอ็นดูหนูลลิลมาก ถ้าลูกไม่คิดจะจริงจังกับเธอ ก็ปล่อยเธอจาสถานะที่เธอเป็นอยู่เสีย และรับเธอเข้ามาเป็นน้องสาวของลูกซะ” ผู้เป็นพ่อทั้งรักทั้งสงสาร “จริงจังไหม คงไม่มั้งครับ เพราะพ่อก็รู้ว่าเธอเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร ส่วนที่พ่อจะให้ผมรับเธอมาเป็นน้องสาว คงไม่ได้ ผมนอนกับเธอแล้วนะ อยุ่ดีจะให้มาเป็นพี่น้องกัน” “ถ้าเป็นพี่น้องมันยาก ลูกก็ให้เธอเป็นเมียเสียสิ พ่ออยากมีหลาน พ่อจะอยู่อีกสักกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ก็ยังไม่รู้ ลูกไม่คิดจะมีครอบครัวมีหลานให้พ่อสักคนเหรอ” ก่อนหน้านี้กิตต์ขจรไม่คิดจะพูดเรื่องการมีครอบครัวกับลูกชาย เพราะเขามองไม่เห็นทาง แต่ตอนนี้ ติณห์มีผู้หญิงข้างกาย และเธอก็แสนจะน่ารัก ผู้เป็นพ่ออยากมีหลานเต็มที่แล้ว “เรื่องนี้มันก็ไม่ได้อยู่ที่ผมค
บทที่8ผิดหรือที่แค้น คืนนี้เป็นอีกคืน ทีทั้งคู่หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน โดยที่ไม่มีความสัมพันธ์แบบชู้สาวเกิดขึ้น มันมีแต่ความห่วงใย และความอบอุ่นที่มอบให้กัน เมื่อวานติณห์เองก็หมดเรี่ยวแรงไปกับการตามแก้แค้นแทนบิดา เขาไล่รายชื่อลูกหนี้ที่คิดว่า มีส่วนในการจ้างมือปืนมายิงพ่อของเขา นอกจากทัตเทพแล้ว ยังนักธุรกิจ และชาวบ้านฐานะปานกลาง อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งวิธีการแก็แค้นก็ถูกเลือกวิธีที่ต่างกันไป สองคนที่โดนจัดการไปเมื่อวาน ชายหนุ่มรู้ว่าทั้งสองมีหน้ามีตาในสังคม และก็ต่างก็ภรรยามากด้วยกันทั้งคู่ เพราะอาศัยบารมีของครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่ ติณห์ได้ทำการปล่อยคลิปวิดีโอ ที่ทั้งสองคนมาขอยืมเงินของเขา โดยชายหนุ่มไม่ลืมที่จะกันตัวเอง เขาให้คนทั้งสองพูดว่า จะยืมไปเพื่อเอาเงินไปเลี้ยงดูบรรดาเมียเด็กๆ ระเบิดครอบครัวก้อนใหญ่ ถูกส่งผ่านโลกโซเชี่ยลเพียงไม่ถึงชั่วโมง เรื่องราวก็ถูกแชร์ออกไป บรรดาเมียทั้งหลายต่างพากันหัวร้อน จัดการสามีของตัวเองแบบจัดหนัก เมื่อเรื่องราวความอื้อฉาวของประธานบริษัทถูกพูดถึง อย่างสนุกปาก ลูกค้าต่างไม่ให้กา
บทที่7น้ำตาที่ไร้ค่า เช้านี้หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าเขายังนอนหลับอยู่ข้างๆเธอ สาวตัวเล็กร่างบาง ค่อยขยับตัวออกจาก มือหนาที่โอบกอดเธอไว้ เพราะไม่อยากทำให้เขาตื่น “ตื่นแล้วเหรอ” คนตัวใหญ่ถามตามหลังเมื่อเห็นคนนอนข้างๆกับลุกไปเข้าห้องน้ำ “ลลิลขอโทษที่ทำให้คุณตื่นเลย” หญิงสาวเดินกลับมานั่งข้างเขาบนเตียง “ไม่หรอก ผมตื่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลุก เพราะกลัวจะทำให้คุณตื่น เห็นกำลังนอนกรนสบายเลย” ลลิลเผลอตัวยกฝ่ามือขึ้นมาตีแขน คนที่หาว่าเธอนอนกรน จนคนถูกตีร้อง เพราะทั้งเจ็บและตกใจ ที่ถูกคนตัวเล็กแต่มือหนักตีเข้าเต็มแรง “เรื่องอะไรมาตีแบบนี้นี่ ไปเลยไปอาบน้ำแต่งตัว ทำกับข้าวให้กินด้วย” ชายหนุ่มออกคำสั่ง ระหว่างที่หญิงสาวกำลังอาบน้ำ เธอก็คิดถึงคำพูดของติณห์ เขาเปลี่ยนคำแทนตัวเองจากฉัน เป็นผม มันทำให้หญิงสาวรู้สึกสนิทสนมกับเขามากขึ้น ในเมื่อไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ บิดาของเธอจะหาเงินหลายล้านมาไถ่เธอได้ เธอก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขที่สุดดีกว่า ตั้งแต่วันที่พ่อของเธอ มาส่งเธอที่บ่อน เขาก็ไม
บทที่6นางบำเรอในกรงทอง “ทำไมจะต้องไปนอนห่างฉันแบบนั้น” ติณห์ถามเมื่อหันไปเห็นอีกฝ่าย นอนอยู่ห่างจากเขาจนเกือบล่วงลงไปข้างเตียง “คุณติณห์จะได้นอนสบายไงคะ” หญิงสาวตอบโดยไม่ยอมหันหน้ามามองคนถาม “อย่าทำเหมือนไม่เคย เมื่อคืนเธอก็รู้ ว่าหน้าที่ของเธอมันคืออะไร จะขยับตัวมาเอง หรือให้ไปอุ้มมา” คนพูดทำเสียงขู่ ลลิลพาร่างบางของเธอ ค่อยๆเข้ามานอนใกล้กับชายหนุ่มร่างใหญ่ ที่เมื่อคืนเขาได้สร้างความเสียวซ่านแต่มันแฝงไปด้วยความเจ็บด้วย “ไม่ชอบเหรอเมื่อคืน” คนตัวหนาถามตรง “ลิลเจ็บค่ะ” ถึงจะอายแต่หญิงสาวอยากให้เขารู้ว่าเธอเจ็บ “มันเป็นครั้งแรก มันก็ไม่แปลกจะเจ็บแบบนี้ เดี๋ยวผ่านไปหลายๆครั้ง เธอก็จะไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว แต่จะรู้สึกเสียวซ่านอย่างเดียว” สิ้นคำพูดมือหนาก็เอื้อมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียงให้ดับลง ปากหนาหยักก็ซุกไซ้ลงบนคอยาวระหง มือหนาบีบเคล้นเล่นยอดประทุม ที่ชี้ตัวชูช่อรอสัมผัส ชายหนุ่มคว้ามือของหญิงสาวให้จับสัมผัส กับท่อนความเป็นชายของเขา ก่อนที่ติณห์จะประกบลงบนปากบาง พาชิวหาไล่วนเวียนตวั
บทที่5คืนแรกของการเสียสาว “อย่าเอาความเป็นตัวคุณ มาวัดว่าคนอื่นจะเป็นแบบคุณนะ” หญิงสาวจ้องตา “อะไรนะ! เธอพูดว่าอะไร” ชายหนุ่มถามกลับด้วยแววตาคล้ายเสือที่จเองจะกินเหยื่อ ลลิลนึกอยากจะพูดอีกสักหนึ่งรอบ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะติณห์อาศัยจังหวะที่เธอเผลอ จู่โจมจนกายสาว สั่นสะท้านและอ่อนระทวย สมองพร่าเบลอว่างเปล่า มีเสียงครางกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากปากอิ่ม “คุณติณห์” ลลิลเผลอเรียกชื่อเขาเสียงหลง ขณะที่มือน้อยก็เริ่มลูบไล้ตามแผ่นหลังแกร่งใต้เสื้อกร้ามสีขาว ดวงหน้าหวานเชิดสูง ยามใบหน้าคมซุกไซ้ต่ำลงมาดูดเม้มที่ไหปลาร้า จนเป้นรอยแดงช้ำ จากนั้นมือหนาก็จัดการถอดชุดนอนของเธอออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสื้อในตัวสวย จนกายสาวหวาบหวิวสะท้าน ชายหนุ่มไม่รอให้เธอมีสติกลับคืน เขาเร่งรุกเร้าฝ่ามือร้อน เคล้นคลึงความอวบใหญ่ของเนินอกหญิงสาวที่เปลือยเปล่านั้นอย่างหมั่นเขี้ยว “อยากร้อง ก็ร้อง ฉันชอบให้เธอส่งเสียง” ติณห์กระซิบชิดทรวงอกงาม ปลายลิ้นสัมผัสแผ่วๆบนยอดอกที่ชูช่อ เพื่อให้คนตัวเล็กสะดุ้งเสียว ก่อนจะพลิ้วสะบัดรัวเร็วจนกายบางแอ่นอก
บทที่4คืนแรกในบ้านหลังใหม่ “ตื่นได้แล้วคุณ” ชายหนุ่มเอื้อมือไปสัมผัสที่แขนเล็ก ของหญิงสาวที่กำลังหลับ ลลิลค่อยๆลืมตาช้าๆ เธอยังไม่อยากตื่นเลย อยากนอนต่อไปยาวๆ หรือหลับไปตลอดกาลเลยก็ได้ แต่นั่นมันก็แค่ความคิด ความจริงคือเธอต้องตื่นและลงจากรถ เพื่อไปยังที่อยู่ใหม่ ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตแบบติดคุกอยู่ที่นี่ “เดินตามมา” แทนที่จะพาเดินเข้าประตูหน้าบ้านตามปกติ แต่ติณห์กลับพาหญิงสาวผู้มาใหม่ เดินอ้อมสวนย่อมหน้าบ้าน ไปยังประตูอีกบาน ที่ทำให้ส่วนนี้ดูแยกออกส่วนของบ้านทางประตูแรกที่ผ่านมา “ตรงส่วนนี้เป็นที่อยู่ของเธอ ส่วนประตูแรกที่เธอเดินผ่านมา เป็นพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวฉัน ไว้อยู่ที่นี่ไปสักพัก ฉันจะพาเธอเข้าไปที่นั่นเอง” เจ้าของบ้านอธิบาย “ในนี้มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวและห้องรับแขก ในตู้เย็นจะมีคนซื้อของมาคอยเติมให้ อยากได้อะไรก็บอกเขาไป รวมถึงของใช้ส่วนตัว เพราะฉันไม่อนุญาตให้เธอออกไปไหน” ชายหนุ่มเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว “นี่ห้องนอนของเธอ” ประตูสีขาวถูกเปิดออก ข้างในถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม “เ
“คืนพรุ่งนี้ที่บ่อน บอกลูกสาวแกด้วยว่า นางบำเรอจะต้องอยู่ในที่ ที่ฉันจัดไว้ให้ เธอจะไม่ได้ออกไปไหนถ้าฉันไม่อนุญาต” เจ้าหนี้บอกเงื่อนไข “ทำไมต้องขนาดนั้นครับ นั่นมันติดคุกแล้ว” ทัตเทพทักท้วง “ฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าแกกับลูกสาวจะไม่ทำอะไรที่เป็นการหักหลังฉัน แต่ถ้าไม่เอาก็ได้นะ ก็ไปหาเงินมาใช้หนี้ให้หมดทั้งต้นทั้งดอก ” คนพูดตะคอกเสียง “ได้ครับๆ แต่ผมขออะไรหน่อย ช่วยบอกลูกสาวผม ว่าหนี้ทั้งหมดแม่เขาเป็นคนมายืม ผมขอแค่นี้แหละ” ทัตเทพขอร้อง “นี่ชั่วขนาดไปหลอกลูกเลยเหรอ ได้สิ ไม่ต้องกังวล ว่าลูกสาวจะรู้ความจริงที่แสนเลวของพ่อหรอก” ติณห์ด่าอย่างเต็มปาก เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ทัตเทพจึงบอกข้อตกลงต่างๆให้ลลิลรู้ตัว และเตรียมตัว ที่จะต้องไปอยู่ในตำแหน่งนางบำเรอตั้งแต่คืนพรุ่งนี้ “พ่อมันเลวจริงๆ ที่หาเงินไม่ได้” ทัตเทพตบหน้าตัวเอง “ไม่เอาค่ะพ่อ อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้ ลลิลเต็มใจ พ่ออยู่คนเดียวแล้วดูแลตัวเองนะคะ มีเงินเมื่อไหร่ค่อยไปไถ่ตัวลูกออกมา ลูกอยู่ที่นั่นก็จะดูแลตัวเองให้ดี พ่อไม่ต้องคิดมากนะ”หญิงสา
“คุณพยาบาลได้ยินที่เรื่องเมื่อกี้แล้วใช่ไหม” คนไข้เข้าเรื่องเพราะอยากระบาย“ค่ะ ฉันได้ยิน”“ทำอย่างไร ผมถึงจะหยุดทุกอย่างได้” น้ำตาคลอแก็ม ที่เหี่ยวย่น ซีดเซียว“เราไม่สามารถจัดการทุกเรื่อง ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราได้ ถึงคุณจะไม่เป็นแบบนี้ คุณก็ไม่สามารถทำทุกอย่างให้เป็นอย่างใจหวังได้ ถ้าหยุดไม่ได้ ก็ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกรรมของมัน บางที มันอาจจะไม่ได้เลวร้าย อย่างที่คุณคิดไว้ก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวผู้เรียนจิตวิทยามาพูดด้วยรอยยิ้ม“กินยาแล้ว ค่อยๆปล่อยวาง หลับตาเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาค่ะ”กำลังในการที่อยากจะมีชีวิตอยู่ ลดน้อยลงไปทุกวัน โชคดีที่ทุกครั้งที่ท้อ เขายังมีคนที่คอยรับฟัง และพูดให้กำลังใจเสมอ ในยามที่หมดจากงานบ้าน ป้าช่วย แม่บ้านของที่นี่ ก็จะมานั่งอ่านหนังสือธรรมมะให้คนป่วยได้พอชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาบ้างตั้งแต่กิตต์ขจรออกจากโรงพยาบาล เขาก็ขอให้ลูกชาย พาเขามาอยู่บ้านสวนที่เขาซื้อไว้ที่ชานเมือง ส่วนบ้านหลังใหญ่ในเมืองหลวง ติณห์ก็ใช้นอนในวันที่เขาไม่ได้มาหาพ่อบ้านสวนหลังนี้ มีขนาดเล็กทันทีถ้าเทียบกับคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ติณห์ดูแลอยู่ แต่ในความเป็นจริง
“ติณห์ พ่ออยากให้ลูกล้มเลิกความคิดที่จะแก็แค้น แค้นกันไปแค้นกันมา มันไม่ทางจบ” กิตต์ขจรพูดกับลูกชาย ที่มานั่งคุยกับเขาข้างเตียง “ผมว่าพ่อปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่า พ่อไม่ต้องไปคิดถึง รักษาร่างกายให้กับมาเป็นเหมือนเดิมดีกว่าครับพ่อ” ชายหนุ่มไม่สนใจในสิ่งที่บิดาพูดด้วยความกังวล “ร่างกายคงต้องใช้เวลาอีกนาน แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ ทำร้ายคนอื่นเขามามาก ก็จะได้ชดใช้คืนก็ครั้งนี้แหละ” ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างมองโลกในแง่ดี “เวลามาอ้อนวอนอยากได้เงินจากเรา ก็พูดได้สารพัด พอถึงเวลาใช้คืน กลับบ่ายเบี่ยง พ่อให้โอกาสทุกคน พวกมันต่างหาก แทนที่จะคิดถึงบุญคุณที่พ่อช่วย มันกลับแว้งกัดเป็นงูเห่า คนพวกนี้ต่างหาก ที่จะต้องรับเวรกรรมของมัน” ทุกวันที่ติณห์ มานั่งคุยกับกิตต์ขจร ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ความจริงแล้วหมอบอกว่าร่างกายส่วนบนของเขายังคงใช้การได้ปกติ แต่ยิ่งนานวันคนแก่ที่หมดกำลังใจ ก็เอาแต่นอน จนร่างกายส่วนบนเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แขนขารีบลงทุกวัน โชคดี ที่มีพยาบาลพิเศษหมุนเวียนกันมาดูแล เขาถึงได้ไม่เป็นแผลเตียง “พ่อคงเปลี่ยนความคิดลูกไม