หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคต
ตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)
“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว
“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตรียมรถมาออกมาให้ตอนนี้เลยขอรับ ” เฟยหลงกล่าวพร้อมกับรีบออกไปเตรียมรถม้าให้นาง
“ พวกเจ้าสองคนอยู่บ้านกันดีๆ ดูเจ้าซาลาเปาน้อยของข้าให้ดีเล่า ”
“ ได้เจ้าค่ะนายหญิง / เจ้าค่ะนายหญิง ” ทั้งสองเอ่ยขานรับ
“ นายหญิงขอรับ บ่าวเตรียมรถม้าเรียบร้อยแล้ว ไปเลยหรือไม่ขอรับ ” เฟยหลงบอกกล่าว และเอ่ยถามแก่เยว่อิง
“ อืม ไปกันเลยเถอะ งั้นข้าไปก่อนนะ ” หลังจากนั้นเยว่อิงก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้าที่นางสั่งให้เฟยหลงไปสั่งทำพิเศษโดยเฉพาะ
เมื่อนั่งรถมาได้ครึ่งชั่วยามก็ถึงตัวเมือง นางจึงให้เฟยหลงบังคับไปเรื่อยๆ เพื่อดูอาคารทำเลที่ปล่อยเช่า เมื่อนั่งรถม้าผ่านไปสักพักก็ได้เข้ามาตัวย่านการค้าร้านขายของตลาดที่มีคนพลุกพล่านเยว่อิงจึงให้เฟยหลงหาที่จอดรถม้าเพื่อนางจะได้เดินดูอาคาร
.
หลังจากที่เดินดูอาคาร ร้านค้าขายของต่างๆนางก็ได้เจออาคารที่ปล่อยขายอยู่ที่หนึ่งซึ่งยังถือว่ามีลักษณะที่ดีมากนางจึงตรงเข้าไปภายในอาคารทันที
“ เอ่อ… ข้าจะมาติดต่อซื้อร้านแห่งนี้น่ะเจ้าค่ะ ” เยว่อิงกล่าวกับผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในร้าน
“ โอ้ ข้าเป็นคนเฝ้าร้านแห่งนี้เป็นตัวแทนเจ้าของน่ะ ถ้าเจ้าจะติดต่อซื้อร้านแห่งนี้ก็สามารถเดินดูภายในตัวร้านก่อนได้เลย ”
“ ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่… ”
“ เรียกข้าว่า ปู่ฝูก็แล้วกัน ” ท่านปู่ฝูบอกกล่าวชื่อแก่นาง
“ ถ้าอย่างนั้นท่านปู่ฝูก็เรียกข้าว่าเยว่อิงก็ได้เจ้าค่ะ ”
“ ได้ๆ อย่างนั้นปู่จะพาเจ้าลองเดินดูภายในตัวร้านก่อนแล้วกัน ส่วนเจ้าจะตัดสินใจอย่างไรก็ค่อยมาว่ากันอีกที ” ท่านปู่ฝูกล่าวบอกกับนางอย่างเอื้อเอ็นดู
“ ได้เจ้าค่ะท่านปู่ ”
หลังจากพูดคุยกันจบ ท่านปู่ฝูก็เดินนำพาเยว่อิงสำรวจภายในและภายนอกของตัวร้านทั้งสองชั้น เมื่อเดินดูร้านไปเรื่อยๆเยว่อิงก็ยิ่งถูกใจมากกว่าเดิม ตัวร้านมีการจัดระเบียบแต่ละโซนเป็นอย่างดีแล้ว ตัวร้านยังสะอาดเพราะได้รับการดูแลแล้วมาเป็นอย่างดี
.
.
เมื่อท่านปู่ฝูพาเยว่อิงเดินดูร้านจนครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็เอ่ยกับเยว่อิงว่า
“ เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าถูกใจร้านนี้หรือไม่ ”
“ ข้าถูกใจร้านนี้เจ้าค่ะท่านปู่ แค่มองข้าก็รับรู้ได้ว่าทั้งภายในและภายนอกของร้านนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่มีส่วนไหนที่เสียหายหนักๆเลยเจ้าค่ะ จะมีก็แค่ทรุดโทรมตามกาลเวลา ” เยว่อิงกล่าวอธิบายตามความเข้าใจ เท่าที่เห็น
“ อืม เจ้าของร้านนี้จริงๆเป็นท่านพ่อของปู่เอง แต่ท่านป่วยเพราะโรคชราอย่างหนักน่ะปู่เองก็ไม่ได้อยากจะขายร้านนี้นักเพราะมันเป็นร้านที่ทั้งท่านพ่อแล้วก็ปู่รักและคอยดูแลมันมาอย่างดี ร้านแห่งนี้ถูกสร้างด้วยความรักหยาดเหงื่อของพวกเรา แต่ถ้าหากเก็บเอาไว้ก็คงจะไม่ได้ใช้สิ่งใดเลยได้แต่ตัดใจคิดว่านำมาขายให้ผู้อื่นที่สนใจคงจะเกิดประโยชน์เสียกว่า ” ท่านปู่ฝูอธิบาย
“ ท่านปู่อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าคะ ข้าสนใจร้านนี้มากหากซื้อร้านนี้ต่อท่านปู่ไปแล้วข้าจะดูแลรักษาอย่างดีเหมือนที่ท่านปู่เคยดูแลไว้อย่างดี ”
“ ปู่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ แค่เจ้าได้ใช้ประโยชน์จากร้านนี้เท่านั้นปู่ก็พอใจแล้วล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ยามซื่อ (09:00-10:59 น.) เราค่อยมาทำสัญญาซื้อขายร้านนี้ที่ว่าการจวนเจ้าเมืองก็แล้วกัน ” เมื่อพูดคุยท่านปู่ก็ได้ตกลงวันเวลาที่จะทำสัญญาซื้อขายทันที
“ ได้เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปเดินซื้อของก่อนนะเจ้าคะท่านปู่ ”
“ ได้ๆ เดินทางปลอดภัยนะเจ้า ”
“ เจ้าค่ะท่านปู่ ข้าลาเจ้าค่ะ ”
เมื่อเอ่ยลาท่านปู่จบ นางก็เดินออกจากตัวร้านไปยังตัวตลาดเพื่อดูของขายต่างๆ เพื่อจะได้ซื้อกลับไปฝากพวกบ่าวทั้งสองคน แล้วก็เฟยหลงที่รออยู่ที่รถม้าด้วย
เมื่อเยว่อิงเดินกลับมาถึงยังโซนตลาดที่มีคนพลุกพล่าน ก็เดินกวาดตามองดูร้านขายของต่างๆ แต่เท่าที่นางเห็นจะมีร้านขายพวกเครื่องประดับต่างๆเป็นหลัก พวกพืชผักผลไม้ที่สดๆแทบจะไม่มีให้นางได้เห็นเลย ถึงจะมาแต่ละร้านก็แห้งเหี่ยวเพราะผ่านกานขนส่งมาอย่างยาวนาน เยว่อิงจึงเดินไปร้านขายถังหูลู่เพราะนางอยากกินนางไม่เคยกินถังหูลู่แบบดั้งเดิมของยุคสมัยนี้มาก่อน
เมื่อเยว่อิงซื้อถึงหูลู่มาแล้วทั้งหมด10ไม้ นางก็เดินถือกิน1ไม้ แล้วก็เดินซื้อเครื่องประดับที่นางคิดว่าสวยให้ตัวเอง แล้วก็ซื้อไปฝากลี่อินและลี่ซือ ส่วนเฟยหลงนางซื้อจี้ห้อยเอวให้ หลังจากนั้นนางก็เดินไปร้านผ้าต่างๆก็ไม่เห็นว่าจะมีผ้าร้านไหนจะดีกว่าผ้าในมิติของนาง เยว่อิงจึงทำเพียงแค่เดินดูร้านต่างๆแต่ไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับไป
.
.
ยามอู่ (11:00-12:59 น.)
หลังจากที่เดินดูของต่างๆจนทั่วแล้ว เยว่อิงจึงตัดสินใจเดินกลับรถม้าเพื่อที่จะกลับบ้าน
“ นายหญิงมาแล้วหรือขอรับ ” เฟยหลงไม่ได้พูดเปล่า แต่รีบลงจากรถม้ามาช่วยนางหิ้วของ
“ อืม พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ ข้าชักจะคิดถึงเจ้าซาลาเปาตัวน้อยเสียแล้ว ”
“ ได้ขอรับ ”
หลังจากเยว่อิงขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว เฟยหลงก็นำของที่ถือแทนนางมาเก็บ แล้วปีนขึ้นไปบังคับรถม้าเตรียมกลับหมู่บ้านทันที
หลังจากที่เยว่อิงนั่งรถม้ามาได้ครึ่งชั่วยามก็ถึงหมู่บ้านหยู่เปิง ซึ่งก็คือหมู่บ้านของนางนั้นเอง เฟยหลงบังคับมาได้ไม่นานก็ถึงท้ายหมู่บ้าน
“ ลี่อิน! ลี่ซือ! เปิดประตูให้ข้าหน่อย! ” เฟยหลงตะโกนเรียก
“ นายหญิงกลับมาแล้ว ” ลี่ซือตะโกนกล่าวพร้อมกับวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้เกวียนเข้าได้
จากนั้นเฟยหลงก็บังคับเกวียนเข้าไปยังภายในรั้วบ้าน ลี่ซือรีบปิดประตูรั้วแล้ววิ่งตามเข้ามาช่วยเยว่อิงหิ้วของต่างๆเข้าบ้าน
“ ข้าซื้อถังหู่ลู่ กับเครื่องประดับมาฝากพวกเจ้าทั้งสองคนด้วย เจ้าด้วยนะเฟยหลงนำไปแบ่งกันเสีย แต่ของเจ้าน่ะเฟยหลงข้าเลือกซื้อเครื่องประดับเป็นจี้ห้อยเอวมาให้ ”
“ ขอบคุณเจ้าค่ะ/ขอบคุณเจ้าค่ะ/ขอบคุณขอรับนายหญิง ” ทั้งสามคนกล่าวขอบคุณ
“ พวกเจ้าเป็นคนของข้าข้าย่อมดูแลพวกเจ้าอย่างดีอยู่แล้ว พวกเจ้าอย่าได้คิดเป็นอะไรไป ” เยว่อิงบอกกับพวกเขาทั้งสามคนออกไป เพราะเมื่อใดที่พวกเขายังคงภักดีกับนางอยู่นางย่อมดูแลพวกเขาอย่างดีเป็นการตอบแทน แต่เมื่อใดที่พวกเขาทรยศนางก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาเอาไว้เหมือนกัน
“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะนายหญิง/บ่าวทราบขอรับ ”
ทั้งสามคนกล่าวอย่างทราบซึ้ง พร้อมกับคิดว่าจะตอบแทนนางด้วยความจงรักภักดีสืบไป
เธอคือ ‘อิงอิง’ มีอาชีพเป็นหมอในโรงพยาบาลชื่อดังของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยม และตอนนี้เธออายุได้ 30 ปีพอดิบพอดี เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาโดยตลอดเพราะเธอสูญเสียคนในครอบครัวไปนานแล้ว และเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอได้ไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งแต่ดันโดนพระท่านหนึ่งทักว่า ‘เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน1อาทิตย์ ซึ่งคำทักนั้นทำให้เธอนั้นช็อกเป็นอย่างมาก แต่นั่นยังไม่จบเมื่อพระท่านนั้นได้มอบแหวนโบราณมาวงหนึ่งแล้วท่านก็ได้บอกว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมกับความลำบากที่จะต้องเผชิญให้ได้ และขอให้เธอโชคดี’ ซึ่งตอนนั้นเธอนั้นช็อกจนแทบจะสิ้นสติรู้ตัวอีกทีพระท่านนั้นก็ได้หายไปเสียแล้วเฮือก!ทันทีที่ตื่นมาเธอก็นั่งเรียบเรียงเรื่องที่เธอฝันเห็นเมื่อคืนว่าใช่เรื่องจริง หรือแค่ความฝันแต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดทบทวน สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นแหวนสวมอยู่ที่นิ้วของเธอ ตั้งแต่ที่ผ่านวันเกิดอิงอิงก็เก็บเรื่องนี้มาฝันซ้ำๆ เธอจึงได้แต่พยายามที่จะทำใจแล้วลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมลิสต์ของที่จะซื้อเก็บใส่แหวนมิติไว้ซึ่งการเก็บของใส่แหวนมิตินั้นเธอก็ทดลองเก็บของต่างๆ จนเริ่มนำสิ่งของเข้าออกจากมิติคล่องบ้างแล้
" สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ดิฉันชื่อ ‘รดา’ นะคะจะเป็นคนที่มาดูแลลูกค้าเองค่ะ " พนักงานผู้หญิงที่ชื่อรดาเอ่ยทักทายเธอพร้อมกับเอ่ยแนะนะตัว" สวัสดีค่ะคุณรดา ฉันชื่ออิงอิงนะคะ ถ้างั้นเราไปกันเลยดีมั้ยคะ?"" ได้ค่ะ ลูกค้าอยากไปดูสินค้าโซนไหนก่อนเป็นพิเศษไหมคะ ฉันจะได้พาไป " พนักงานที่ชื่อรดาเอ่ยถามเธอ" ไปโซนทำอาหาร เครื่องครัวก่อนก็ได้ค่ะ " เธอเอ่ยบอกความต้องการออกไปกับพนักงาน" ได้ค่ะ " พูดจบก็เดินพาเธอไปยังโซนเครื่องครัวทันทีเมื่อมาถึงโซนเครื่องครัวแล้วเธอก็แจ้งความต้องการของเธอออกมาทันที แล้วพนักงานก็จดตาม ก่อนจะพาเธอเดินไปยังโซนต่างๆ จนครบ แทบจะทั่วทั้งห้างเลยก็ว่าได้“ฉันอยากได้ชุดเครื่องครัวอย่างดีทั้งแบบไม้ แล้วก็แบบต่างๆ อย่างละ50ชุดค่ะ แล้วก็เครื่องปรุงต่างๆ อีกอย่างละ100ลัง แป้งทุกชนิดอีกชนิดละ 100ลัง ข้าวสารต่างๆ แล้วก็ข้าวเหนียว1,000กระสอบ ผักผลไม้ต่างๆ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ไข่เป็ดต่างๆ น้ำดื่ม นม ขนมต่างๆ ที่มีในห้างทั้งหมดอืม…แล้วก็เครื่องสำอางค์ น้ำหอม สบู่ ผ้าอนามัย แปรงสีฟันยาสีฟัน พวกแชมพูครีมนวด ครีมทาผิว แล้วก็เสื้อผ้าทั้งผู้ผญิงผู้ชาย ตั้งแต่เด็กจนแก่ทุกรูปแบบ แล้วก็ผ้าต่าง
หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลยพออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกันและเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมาหญ
หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลยพออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกันและเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมาหญ
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เข้ามิติทันทีจัดการปลูกสมุนไพรหายากที่ทำการซื้อเมล็ดมา แล้วก็ผักผลไม้ต่างๆแบ่งปลูกเป็นแปลงๆ เมื่อทำเสร็จเธอก็ตักน้ำในแม่น้ำลำธารที่ไหลมานั่นแหละมารด พอเธอเทน้ำลงไปต้นไม้ก็โตไวจนเธอตกใจไม่คิดว่าน้ำนี้จะเป็นน้ำวิเศษแบบนี้เธอเลยปลูกนั่นปลูกนี่จนเพลิน จนลืมเวลาข้างนอกไปเสียสนิทพอเธอออกมาข้างนอกมิติก็มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าบ้านกับโกดังที่เธอสั่งทำมาส่งเรียบร้อย ไหนจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่ว่างจัดไว้ตรงพื้นที่บ้านเธอจนเต็มไปหมดนี่อีก เธอไม่อยากเสียเวลาจึงรีบจัดการนำทุกอย่างเข้ามิติทันทีแล้วรีบขับรถออกไปยังสถานที่ที่บ้านมาส่งมาถึงก็ไม่มีคนอยู่แล้วเธอจึงนำบ้านกับโกดังเข้ามิติทันที แล้วขับรถออกจากจุดนั้นเพื่อจะกลับบ้าน แต่ทว่ายังไม่ทันจะถึงบ้านเลยด้วยซ้ำเธอก็ถูกรถที่อยู่อีกฝั่งขับสวนเลนมาชนจนทำให้เธอเกิดเสียชีวิตดับอนาถคาที่!…30%40%70%ทำการโอนย้ายสำเร็จ…ปัง ปัง ปัง!“นังตัวไร้ค่า เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ นังจอมล้างผลาญ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห้ะ!” เสียงยัยแก่ที่ไหนมาบ่นเนี่ย?! แต่ยังไม่ทันที่อิงอิงจะได้ตอบอะไรออกมาก็มีความทรงจำของใครคนหนึ่งพุ่งเข้าหัวสมองเธออย
“ นี่เจ้าจะไปไหน? ข้าสั่งให้เจ้าไปทำงานบ้านไม่ใช่หรือไง แต่นี่เจ้ากล้าต่อปากต่อคำกับคนอย่างข้าเหรอ! นังตัวไร้ค่า นังคนไร้ประโยชน์!!! ” นางจางพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว นางโมโหจนอยากจะดึงทึ้งร่างของนางให้แหลกเป็นชิ้นๆเลยด้วยซ้ำ“ แม่สามี ที่ผ่านมาข้ายอมแล้วก็เชื่อฟังท่านกับพ่อสามีมาตลอด แต่เหตุใดแม่สามีถึงไม่เห็นใจข้าบ้างเล่า? ” เธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกข้างในเหมือนความรู้สึกที่ยังตกค้างของเจ้าของร่างคนเก่า“ หึ! เพราะคนอย่างเจ้ามันก็เป็นแค่อีตัวที่ไร้ประโยชน์ยังไงล่ะ ถ้าลูกชายของข้าได้แต่งงานกับคนที่ข้าหามาให้ป่านนี้บ้านจางก็คงจะสบายกันไปตั้งนานแล้ว ” “ ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่สามีก็ให้สามีเขียนใบหย่าให้กับคนไร้ประโยชน์อย่างข้าไปเถิด ข้าเองก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรไปก็ไม่มีใครเห็นค่าอยู่ดี ”“ หน็อย! ทำปากดีไปเถอะ รอลูกชายของข้ากลับมาก่อนเถอะ ข้าจะให้ลูกชายของข้าหย่าร้างกับหล่อนเสีย แต่ยังไงกว่าลูกชายข้าจะกลับมาหล่อนก็อย่าทำตัวให้มันไร้ประโยชน์นัก รีบออกไปทำงานบ้านให้เรียบร้อยเสีย ถ้าไม่ทำก็อย่าคิดว่าจะได้กินข้าว หึ! ” ทันทีที่พูดจบนางจางก็เดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เธอได้
หลังจากที่สำรวจบ้านในมิติเสร็จแล้วเธอก็เดินไปสำรวจทางโกดังต่อ ซึ่งทางด้านหน้าของโกดังสินค้าก็จะเป็นหน้าจอโฮโลแกรมบ่งบอกถึงสิ่งของวัตถุดิบที่อยู่ภายในโกดัง และทุกอย่างได้ถูกจัดเก็บเป็นโซนๆ เช่น โซนเนื้อสัตว์ หรือผัก และผลไม้เป็นต้น ซึ่งเธอคิดว่าแบบนี้ก็สะดวกไม่น้อยเลยเนื่องด้วยร่างกายนี้ที่เดินได้ไม่นานก็รู้สึกเหนื่อยหอบเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะแต่เดิมร่างนี้ขาดสารอาหารเป็นเวลานานไหนจะสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงดีอีกด้วย เธอเลยคิดว่าจะเดินไปที่ลำธารแล้วลองดื่มน้ำนั้นดูเพราะอยากจะรู้สรรพคุณว่านอกจากพืชผักที่ปลูกจะโตไวแล้ว จะช่วยรักษาร่างกายได้อย่างที่เคยได้ยินมาหรือเปล่า? ไม่รอช้าเธอก็เดินมาถึงลำธารพร้อมกับนั่งลงวักน้ำเข้าปากทันทีและผลสรุปก็คือร่างกายที่อ่อนแรงของเธอดีขึ้นมากกว่าเดิมไม่น้อยเลย อีกทั้งเธอยังรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมากด้วยโครก คราก!แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรเสียงท้องของเธอก็ร้องประท้วงออกมาเสียก่อน เธอจึงได้แต่จำใจเดินกลับเข้าบ้านเพื่อไปหาอะไรกินรองท้องเสียก่อน แล้วค่อยออกจากมิติไปทำอย่างอื่นต่อหลังจากที่เธอเตรียมตัวอะไรเรียบร้อยแล้วก็ได้ทำการออกจากมิติทันที เธอคิดว
เธอขึ้นเขามาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งก็ถือว่าเข้ามาลึกพอสมควรเลยทีเดียว เธอก็ทำการเทน้ำที่กรอกมาจากลำธารในมิติแล้วปีนขึ้นไปบนต้นใหม่ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อรอดูว่าจะมีสัตว์มาติดหรือเปล่ารอไม่นานเธอก็เห็นหมูป่าตัวใหญ่น้ำหนักประมาณเกือบ100กิโลมากินน้ำที่เธอเทไว้ เธอจึงนำธนูที่สั่งทำตอนไปตลาดออกมา แล้วเล็งไปที่หมูป่าตัวนั้นฟิ้ว! ฉึก!พอเห็นหมูป่าสิ้นใจตายเธอก็ทำการเก็บหมูป่าใส่ในมิติแล้วเดินออกจากป่าทันทีเพราะเห็นว่าเป็นเวลาเริ่มเย็นแล้ว หากช้ากว่านี้จะมืดค่ำเอาได้แล้วจะเป็นอันตรายกว่าเดิมเดินออกมาถึงทางออกป่าเธอก็นำหมูป่าออกจากมิติแล้วทำการลากกลับบ้านเพื่อตบตาคนอื่น ชาวบ้านที่อยู่ตามข้างทางก็มองด้วยสายตาตกใจ ปนอิจฉา เพราะด้วยความที่ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของพวกชาวบ้านพอดี แต่เธอก็ไม่ได้สนใจทำเพียงก้มหน้าก้มตาลากหมูป่าไปจนถึงหน้าบ้านจนได้ เธอมีอาการเหนื่อยหอบนิดหน่อย ตอนแรกเธอก็ตกใจที่ลากหมูหนักประมาณ100กิโลไหว แต่ก็เข้าใจว่าคงเป็นเพราะน้ำวิเศษในมิตินั่นแหละ!เมื่อถึงหน้าบ้านไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงนางจางวิ่งตึงตังออกมาจากตัวบ้าน“ นังอิงอิง นังตัวขี้เกียจ นี่เจ้าออกไปไหนมาห้ะ?! ทำไมเจ้าถึงไ
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด