เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติ
หลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติ
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน
“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อินรูัสึกผิด
“ ไม่เป็นอันใดหรอก พวกเจ้าอย่าคิดมากไป วันนี้พวกเราก็เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว แค่อาหารเย็นมื้อเดียวข้าทำได้สบายมาก ” เยว่อิงกล่าวออกมาเพื่อให้พวกนางสบายใจ
“ เจ้าค่ะนายหญิง ”
“ เดี๋ยวพวกเจ้าช่วยข้ายกอาหารมื้อเย็นออกไปแจกจ่ายชาวบ้านก็พอ ส่วนยาของพวกชาวบ้านที่บาดเจ็บข้าก็จัดเป็นชุดๆแยกไว้ให้หมดแล้ว ”
“ เจ้าค่ะนายหญิง แต่ว่าอาหารมื้อเย็นนี้นายหญิงทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ ” ลี่ซือถามอย่างสงสัย
“ ข้าทำข้าวผัดไข่น่ะ พวกเจ้าก็ตักแบ่งไปกินกันสิ ”
“ จริงหรือเจ้าค่ะ ” ลี่ซือถามออกมาอย่างตื่นเต้นเพราะอยากกินมาก
“ แล้วข้าจะไปโกหกเจ้าด้วยเหตุอันใดเล่า หากจะกินพวกเจ้าก็รีบกินเสีย ไปเรียกเฟยหลงมากินด้วย แล้วค่อยนำอาหารออกไปแจกให้ชาวบ้าน ”
หลังจากพูดจบเยว่อิงก็นตักข้าวผัดไข่ใส่จานให้ตัวเองแล้วนำไปนั่งกินที่โต๊ะอาหาร เพราะตั้งแต่มื้อเช้านางก็ยังไม่ได้กินสิ่งใดเข้าไปเลย
“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะนายหญิง ”
หลังจากที่ลี่ซือลี่อิน และเฟยหลงพากันกินข้าวเย็นอิ่มแล้ว ก็ช่วยกันยกหม้ออาหารออกไปยังโกดังเพื่อไปแจกให้พวกชาวบ้าน
“ มาจ้า อาหารมื้อเย็นของพวกท่านมาแล้ว ข้าขอให้พวกท่านเข้าแถวทุกอย่างเหมือนเดิมนะเจ้าคะ ” ลี่ซือตะโกนบอกชาวบ้าน
จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันแจกอาหารเย็นแก่ชาวบ้านจนเสร็จ
.
.
1 สัปดาห์ผ่านไป
นี่ก็1สัปดาห์แล้วที่ชาวบ้านมาอยู่อาศัยภายในบ้านของพวกนางหลังจากที่เกิดพายุหิมะ ตอนนี้พายุหิมะก็หมดลงไปแล้วแต่ยังมีเพียงแค่อากาศที่หนาวเย็น ตอนนี้พวกชาวบ้านกับเฟยหลงก็ออกไปซ่อมแซมบ้านที่พังให้พอพ้นหน้าหนาวนี้ไปได้ เมื่อหน้าหนาวหมดลงก็หาเงินมาซ่อมแซมกันเอง
“ นายหญิงเจ้าคะ เข้าบ้านเถอะเจ้าค่ะข้างนอกอากาศหนาว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ” ลี่อินกล่าวเรียกเยว่อิงที่ยืนเหม่ออยู่ข้างนอกตัวบ้าน
“ อืม ” เยว่อิงพยักหน้ารับ แล้วก็เดินนำเข้าบ้าน
ทันทีที่เข้าตัวบ้านเยว่อิงที่เดินนำลี่อินก็เดินเข้าห้องบุตรสาว ที่มีลี่ซือเอาซาลาเปาตัวน้อยนอนหลับอยู่
“ ซาลาเปาน้อยหลับแล้วหรือลี่ซือ ” เยว่อิงเอ่ยถาม
“ หลับไปเมื่อสักครู่นี้เองเจ้าค่ะ นายหญิงมีอะไรหรือเจ้าคะ ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็เพียงแค่ถามดู ”
“ เจ้าค่ะ ”
“ ไหนๆตอนนี้ซาลาเปาตัวน้อยก็หลับไปแล้ว พวกเรามาหาอะไรทำกันดีกว่า ”
“ อะไรหรือเจ้าคะนายหญิง ” ลี่อินเอ่ยถาม
“ อืม… ทำเกี๊ยวน้ำกุ้งดีหรือไม่ ข้าเบื่อที่จะอยู่เฉยๆเสียแล้ว ” เยว่อิงเอ่ยพร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“ ดีเจ้าค่ะ/ดีมากเลยเจ้าค่ะ ” ลี่ซือกับลี่อินรีบกล่าว เพราะพวกนางก็เบื่อที่จะอยู่เฉยๆเหมือนกัน
“ เช่นนั้นพวกเราก็ไปห้องครัวกันเถอะ ”
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องเด็กน้อย แต่ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้เด็กน้อยด้วยเพราะกลัวจะไปรบกวนการนอนของเด็กน้อยในห้อง
เมื่อทั้งสามคนเข้ามายังห้องครัวแล้ว วัตถุดิบทุกอย่างเยว่อิงนำออกมาจากมิติเมื่อเตรียมของทุกอย่างครบแล้ว พวกนางจึงช่วยกันนำกุ้งไปแกะแล้วล้างให้สะอาดให้เรียบร้อย เตรียมไว้ หมักกุ้งด้วย ซอสหอยนางรม น้ำมันงา และพริกไทย คลุกให้เข้ากัน จากนั้น นำแผ่นเกี๊ยวมาห่อกุ้ง ทำการตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำเกี๊ยวกุ้ง ที่พวกนางช่วยกันห่อไว้แล้วลงไปต้มจนสุก เมื่อเกี๊ยวลอยขึ้นมา ปล่อยไว้ประมาณ 1-2 นาที
ตักขึ้นเกี๊ยวกุ้งที่สุกแล้วใส่กะละมังสแตนเลส แล้วใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่เกี๊ยวติดกัน ส่วนการต้มน้ำซุปนั้นเยว่อิงทำการตั้งหม้อใส่น้ำสะอาด ใส่เกลือนิดหน่อย ซุปหมูก้อน รากผักชี แครอท แล้วต้มให้เดือด
หลังจากไม่นานพวกนางก็ช่วยกันทำจนเสร็จกลิ่นหอมโชยไปทั่วห้องครัว
“ อื้อหือ น่ากินมากเลยเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่ซือพูดพร้อมกับกลืนน้ำลายดังอึก
“ ใช่เจ้าค่ะ ข้าชักอยากลิ้มลองเกี๊ยวน้ำที่พวกเราช่วยกันทำแล้วเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าวพร้อมกับจ้องเกี๊ยวน้ำไม่วางตา
“ ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นก็ตักใส่ถามแล้วไปนั่งกินกันเลยเถอะ ” หลังจากนั้นพวกนางก็ตั๊กเกี๊ยวคนละ6-7ตัวใส่ชาม แล้วตักน้ำซุปใส่ชามตามด้วยผักที่ต้มไว้พร้อมกับใส่กระเทียมเจียว พริกไทย โรยหน้าด้วยผักชี แล้วเลือกปรุงรสตามใจของใครของมัน
ส่วนเกี๊ยวน้ำกุ้งนี้พวกนางก็ช่วยกันห่อไว้เต็มหม้อ เพราะต้องแบ่งให้พวกชาวบ้านกินด้วย เนื่องจากตอนนี้บ้านของชาวบ้านบางส่วนยังเสร็จเพียงไม่กี่หลังจึงยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ยังคงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของนางอยู่
เมื่อทั้งสามคนกินเกี๊ยวน้ำกุ้งเสร็จแล้ว ลี่ซือกับลี่อินก็ช่วยกันยกไว้ที่โกดัง ส่วนเยว่อิงก็เข้าไปยังห้องนั่งเล่นหาแล้วนำหนังสือที่นางเคยซื้อไว้ออกมานั่งอ่านคร่าเวลา
อ่านหนังสือไปได้ประมาณครึ่งเล่ม พวกลี่อินลี่ซือก็เดินกลับเข้ามายังตัวบ้าน
“ นายหญิงกำลังอ่านสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวถามพร้อมทำสีหน้าสงสัย
“ แล้วเจ้าจะไปกวนนายหญิงทำไมเล่าลี่ซือ เจ้าไม่เห็นหรือว่านายหญิงกำลังตั้งใจอ่านสิ่งนั้นอยู่ ”
“ ไม่เป็นอันใดหรอก พวกเจ้าไม่ต้องทะเลาะกัน ” เยว่อิงกล่าวห้ามทัพ
“ ข้าขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่เสียมารยาท ” ลี่ซือกล่าวอย่างสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไปเมื่อครู่
“ หากเจ้ารู้ว่าผิดแล้วรู้จักขอโทษก็ดีแล้ว แต่ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก แค่ไม่ทำอีกก็พอรู้หรือไม่ ” เยว่อิงเอ่ยพร้อมกับสอนนางไปในตัว
“ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายหญิง ”
“ แล้วนี่พวกเจ้าแจกข้าวให้ชาวบ้านเสร็จแล้วหรือ ”
“ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ส่วนพวกที่ไปซ่อมบ้านด้านนอกพวกข้าก็แบ่งแล้วนำไปให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว
“ เช่นนั้นก็ดีแล้ว แต่เดี๋ยววันนี้พวกเจ้านำผัก เนื้อ แล้วก็ไข่ ไปไว้ที่โรงครัวด้านหน้าโกดังแล้ว ให้พวกชาวบ้านจัดการเลือกคนคอยทำอาหารในแต่ละวันกินกันเองก็พอ ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องทำแล้ว ”
“ ทำไมหรือเจ้าคะ ” ลี่ซือถาม
“ เพราะที่ผ่านมาพวกเราทำเยอะแล้วอย่างไรเล่า พวกเราคอยแต่ดูแลทำนู้นทำนี่ให้แก่พวกเขาพวกเขาอาจจะเคยตัวกับความเคยชินนี้ก็ได้ ดังนั้น ให้พวกชาวบ้านได้ดูแลกันเองบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพียงแต่พวกเรายังเป็นคนคอยดูแลพวกวัตถุดิบอาหารให้พวกเขา ” เยว่อิงอธิบาย
“ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ/เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ” พวกนางเอ่ยตอบ
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
เธอคือ ‘อิงอิง’ มีอาชีพเป็นหมอในโรงพยาบาลชื่อดังของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยม และตอนนี้เธออายุได้ 30 ปีพอดิบพอดี เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาโดยตลอดเพราะเธอสูญเสียคนในครอบครัวไปนานแล้ว และเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอได้ไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งแต่ดันโดนพระท่านหนึ่งทักว่า ‘เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน1อาทิตย์ ซึ่งคำทักนั้นทำให้เธอนั้นช็อกเป็นอย่างมาก แต่นั่นยังไม่จบเมื่อพระท่านนั้นได้มอบแหวนโบราณมาวงหนึ่งแล้วท่านก็ได้บอกว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมกับความลำบากที่จะต้องเผชิญให้ได้ และขอให้เธอโชคดี’ ซึ่งตอนนั้นเธอนั้นช็อกจนแทบจะสิ้นสติรู้ตัวอีกทีพระท่านนั้นก็ได้หายไปเสียแล้วเฮือก!ทันทีที่ตื่นมาเธอก็นั่งเรียบเรียงเรื่องที่เธอฝันเห็นเมื่อคืนว่าใช่เรื่องจริง หรือแค่ความฝันแต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดทบทวน สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นแหวนสวมอยู่ที่นิ้วของเธอ ตั้งแต่ที่ผ่านวันเกิดอิงอิงก็เก็บเรื่องนี้มาฝันซ้ำๆ เธอจึงได้แต่พยายามที่จะทำใจแล้วลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมลิสต์ของที่จะซื้อเก็บใส่แหวนมิติไว้ซึ่งการเก็บของใส่แหวนมิตินั้นเธอก็ทดลองเก็บของต่างๆ จนเริ่มนำสิ่งของเข้าออกจากมิติคล่องบ้างแล้
" สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ดิฉันชื่อ ‘รดา’ นะคะจะเป็นคนที่มาดูแลลูกค้าเองค่ะ " พนักงานผู้หญิงที่ชื่อรดาเอ่ยทักทายเธอพร้อมกับเอ่ยแนะนะตัว" สวัสดีค่ะคุณรดา ฉันชื่ออิงอิงนะคะ ถ้างั้นเราไปกันเลยดีมั้ยคะ?"" ได้ค่ะ ลูกค้าอยากไปดูสินค้าโซนไหนก่อนเป็นพิเศษไหมคะ ฉันจะได้พาไป " พนักงานที่ชื่อรดาเอ่ยถามเธอ" ไปโซนทำอาหาร เครื่องครัวก่อนก็ได้ค่ะ " เธอเอ่ยบอกความต้องการออกไปกับพนักงาน" ได้ค่ะ " พูดจบก็เดินพาเธอไปยังโซนเครื่องครัวทันทีเมื่อมาถึงโซนเครื่องครัวแล้วเธอก็แจ้งความต้องการของเธอออกมาทันที แล้วพนักงานก็จดตาม ก่อนจะพาเธอเดินไปยังโซนต่างๆ จนครบ แทบจะทั่วทั้งห้างเลยก็ว่าได้“ฉันอยากได้ชุดเครื่องครัวอย่างดีทั้งแบบไม้ แล้วก็แบบต่างๆ อย่างละ50ชุดค่ะ แล้วก็เครื่องปรุงต่างๆ อีกอย่างละ100ลัง แป้งทุกชนิดอีกชนิดละ 100ลัง ข้าวสารต่างๆ แล้วก็ข้าวเหนียว1,000กระสอบ ผักผลไม้ต่างๆ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ไข่เป็ดต่างๆ น้ำดื่ม นม ขนมต่างๆ ที่มีในห้างทั้งหมดอืม…แล้วก็เครื่องสำอางค์ น้ำหอม สบู่ ผ้าอนามัย แปรงสีฟันยาสีฟัน พวกแชมพูครีมนวด ครีมทาผิว แล้วก็เสื้อผ้าทั้งผู้ผญิงผู้ชาย ตั้งแต่เด็กจนแก่ทุกรูปแบบ แล้วก็ผ้าต่าง
หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลยพออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกันและเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมาหญ
หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลยพออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกันและเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมาหญ
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เข้ามิติทันทีจัดการปลูกสมุนไพรหายากที่ทำการซื้อเมล็ดมา แล้วก็ผักผลไม้ต่างๆแบ่งปลูกเป็นแปลงๆ เมื่อทำเสร็จเธอก็ตักน้ำในแม่น้ำลำธารที่ไหลมานั่นแหละมารด พอเธอเทน้ำลงไปต้นไม้ก็โตไวจนเธอตกใจไม่คิดว่าน้ำนี้จะเป็นน้ำวิเศษแบบนี้เธอเลยปลูกนั่นปลูกนี่จนเพลิน จนลืมเวลาข้างนอกไปเสียสนิทพอเธอออกมาข้างนอกมิติก็มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าบ้านกับโกดังที่เธอสั่งทำมาส่งเรียบร้อย ไหนจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่ว่างจัดไว้ตรงพื้นที่บ้านเธอจนเต็มไปหมดนี่อีก เธอไม่อยากเสียเวลาจึงรีบจัดการนำทุกอย่างเข้ามิติทันทีแล้วรีบขับรถออกไปยังสถานที่ที่บ้านมาส่งมาถึงก็ไม่มีคนอยู่แล้วเธอจึงนำบ้านกับโกดังเข้ามิติทันที แล้วขับรถออกจากจุดนั้นเพื่อจะกลับบ้าน แต่ทว่ายังไม่ทันจะถึงบ้านเลยด้วยซ้ำเธอก็ถูกรถที่อยู่อีกฝั่งขับสวนเลนมาชนจนทำให้เธอเกิดเสียชีวิตดับอนาถคาที่!…30%40%70%ทำการโอนย้ายสำเร็จ…ปัง ปัง ปัง!“นังตัวไร้ค่า เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ นังจอมล้างผลาญ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห้ะ!” เสียงยัยแก่ที่ไหนมาบ่นเนี่ย?! แต่ยังไม่ทันที่อิงอิงจะได้ตอบอะไรออกมาก็มีความทรงจำของใครคนหนึ่งพุ่งเข้าหัวสมองเธออย
“ นี่เจ้าจะไปไหน? ข้าสั่งให้เจ้าไปทำงานบ้านไม่ใช่หรือไง แต่นี่เจ้ากล้าต่อปากต่อคำกับคนอย่างข้าเหรอ! นังตัวไร้ค่า นังคนไร้ประโยชน์!!! ” นางจางพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว นางโมโหจนอยากจะดึงทึ้งร่างของนางให้แหลกเป็นชิ้นๆเลยด้วยซ้ำ“ แม่สามี ที่ผ่านมาข้ายอมแล้วก็เชื่อฟังท่านกับพ่อสามีมาตลอด แต่เหตุใดแม่สามีถึงไม่เห็นใจข้าบ้างเล่า? ” เธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกข้างในเหมือนความรู้สึกที่ยังตกค้างของเจ้าของร่างคนเก่า“ หึ! เพราะคนอย่างเจ้ามันก็เป็นแค่อีตัวที่ไร้ประโยชน์ยังไงล่ะ ถ้าลูกชายของข้าได้แต่งงานกับคนที่ข้าหามาให้ป่านนี้บ้านจางก็คงจะสบายกันไปตั้งนานแล้ว ” “ ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่สามีก็ให้สามีเขียนใบหย่าให้กับคนไร้ประโยชน์อย่างข้าไปเถิด ข้าเองก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรไปก็ไม่มีใครเห็นค่าอยู่ดี ”“ หน็อย! ทำปากดีไปเถอะ รอลูกชายของข้ากลับมาก่อนเถอะ ข้าจะให้ลูกชายของข้าหย่าร้างกับหล่อนเสีย แต่ยังไงกว่าลูกชายข้าจะกลับมาหล่อนก็อย่าทำตัวให้มันไร้ประโยชน์นัก รีบออกไปทำงานบ้านให้เรียบร้อยเสีย ถ้าไม่ทำก็อย่าคิดว่าจะได้กินข้าว หึ! ” ทันทีที่พูดจบนางจางก็เดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เธอได้
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด