“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ”
ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข
“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ
“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน
“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน
“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ”
“ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”
“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”
“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”
“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”
ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลักกล่าวตอบ
“ ตะ… แต่ ข้ามีไม่ถึงหรอก บุตรชายของข้าส่งมาข้ามีตำลึงเก็บเพียงไม่กี่ตำลึงทองเท่านั้น ” นางจางกล่าวออกมา
“ ได้ตอนนี้ท่านมีเท่าไหร่เอามาให้หมด ส่วนที่เหลือก็ผ่อนจ่ายจนกว่าจะครบ พวกท่านจะได้รู้ซึ้งเสียทีว่าอย่าได้มายุ่งวุ่นวายกับพวกข้าอีก ” เยว่อิงกล่าวออกมาอย่างไม่มีความเห็นใจ
“ ดะ ได้ ” นางจางกล่าวตอบอย่างเสียใจ
“ แต่ท่านแม่… ” สะใภ้ใหญ่รู้สึกไม่ยินยอมที่ต้องเสียเงินมากมายขนาดนั้นไป
“ เจ้ายังไม่รีบวิ่งกลับบ้านไปเอาเงินมาอีก เจ้าอยากให้พวกเราถูกจับไปเฆี่ยนตีจนตายหรืออย่างไร ห๊ะ! ”
“ จะ เจ้าค่ะ… ” พูดจบสะใภ้ใหญ่ก็รีบวิ่งกลับไปที่บ้านด้วยความร้อนลน
หลังจากที่สะใภ้ใหญ่กลับไปเอาเงินมาแล้ว ก็รีบนำเงินมายื่นให้แก่นางจาง
“ นี่เจ้าค่ะท่านแม่ ” สะใภ้กล่าว
หลังจากที่นางจางรับเงินมาแล้วก็นับได้ทั้งหมดเป็นเงิน230ตำลึงทอง แล้วยื่นให้แก่เยว่อิงด้วยความเจ็บใจ
“ ทั้งหมด 230 ตำลึงทอง ท่านหัวหน้าหมู่บ้านช่วยลงสัญญากู้ยืมเงินให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ ”
“ ได้ ” หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้ารับรอเขียนสัญญา
“ พวกท่านจะหาเงินมาจ่ายให้ข้าได้เดือนละเท่าไหร่หรือ? ” เยว่อิงเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“ ข้า ข้า… ให้ได้แค่เดือนละ 5 ตำลึงเงิน! ”
“ ข้าว่ามันน้อยไปหรือไม่? บุตรชายคนเล็กท่านส่งเงินมาให้ตกเดือนละ 65 ตำลึงเงินกระมัง ยังไม่รวมบุตรชายคนโต แต่ท่านจะจ่ายให้ข้าได้แค่เดือนละ5ตำลึงเงิน? ”
“ แล้วเจ้าจะเอาเท่าไหร่! เจ้าอยากให้พวกข้าตายกันจริงๆใช่หรือไม่ ” นางจางตะโกนโวยวายอย่างไม่ยอม
“ พวกท่านต้องจ่ายให้ข้าเดือนละ 20 ตำลึงเงิน ตกลงตามนี้ เชิญหัวหน้าหมู่บ้านจดลงไปในสัญญาได้เลยเจ้าค่ะ หากมีการขาดจ่ายเกิด3เดือน ถือว่าการจ่ายเงินตำลึงทั้งหมดเป็นโมฆะ ต้องเริ่มจ่ายใหม่ ”
ทันทีที่เยว่อิงพูดจบ หัวหน้าหมู่บ้านก็ลงมือเขียนตามลงไปในสัญญา
“ นะ… นี่ นี่ เจ้า จะฆ่าพวกข้าหรือ ” นางจางพึมพำอย่างเจ็บปวดแต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ การสูญเสียเงินจำนวนมากให้แก่นังตัวไร้ประโยชน์นี่ไม่เท่ากับการเฉือนเนื้อของนางหรือ?
หลังจากรอหัวหน้าหมู่บ้านเขียนสัญญากู้ยืมเงินเสร็จสิ้น
“ เชิญพวกเจ้าทุกคนประทับนิ้วมือลงในสัญญาได้ ”
หลังจากทุกคนประทับรายนิ้วเมือแล้ว ก็แบ่งสัญญาทั้ง3แผ่นเก็บไว้กับตัวหนึ่งแผ่น ให้เยว่อิง กับนางจางอีกคนละหนึ่งแผ่น
เมื่อเยว่อิงรับถุงเงินจากนางจาง (หลังจากที่ยื้อแย่งกับนางจางอยู่พอสมควร) แล้วก็หันมารับหนังสือสัญญากู้ยืมเงินจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้วกู่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปได้แล้วเจ้าค่ะ อย่าลืมชำระเงินให้ตรงเวลาด้วยนะเจ้าคะ ” นางยิ้มออกมาอย่างยียวน นางจางเห็นแบบนั้นก็เป็นลมทรุดฮวบลงไป สะใภ้ใหญ่ทำได้แค่ลากนางจางกลับบ้านไปด้วยความยากลำบาก
หลังจากที่จบเรื่องวุ่นวายเรียบร้อยแล้ว
“ ขอบคุณท่านหัวหน้าหมู่บ้านมากนะเจ้าคะ ” เยว่อิงหันมาขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้าน
“ ไม่เป็นไรๆ เป็นเรื่องที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว ”
เยว่อิงก็ยิ้มตอบรับ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“ วันนี้พวกข้าจะทำมื้อเย็นเลี้ยงชาวบ้าน เชิญหัวหน้าหมู่บ้านอยู่กินด้วยกันก่อนนะเจ้าคะ แล้วค่อยตักไปฝากภรรยากับบุตรชายของท่าน ”
“ ขอบใจเจ้าแทนชาวบ้านมากๆเลยนะ ” เขากล่าวขอบคุณนางอย่างจริงใจ
“ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ยังไงเราก็คนหมู่บ้านเดียวกัน ”
.
.
ลี่อินกับลี่ซือช่วยกันทำมื้อเย็นอย่างขยันขันแข็ง วันนี้พวกนางช่วยกันทำข้าวต้มหมูสับที่นายหญิงเคยสอนพวกนาง แถมยังมีเครื่องปรุงแปลกๆที่นายหญิงสอนให้พวกนางใช้ปรุงอีกด้วย หลังจากที่ทำข้าวต้มหมูสับเสร็จพวกนางก็ลองชิมดูแล้วก็ต้องตกใจเพราะมันอร่อยเหมือนที่นายหญิงเคยทำให้พวกนางกินเลย
“ ลี่ซือนี่มันอร่อยมาก! ”
หลังจากที่ลี่อินลองชิมก็ต้องกล่าวชมด้วยความตกใจ เพราะนางรู้ว่าฝีมือของลี่ซือนั้นดีกว่านางมากโขแต่ไม่คิดว่าฝีมือของนางจะอร่อยขนาดนี้
“ เจ้าพูดจริงอย่างนั้นหรือ ”
“ จริงสิ ฝีมือของเจ้าอร่อยเหมือนที่นายหญิงเคยทำเลย ”
“ ไหนข้าขอชิมบ้างว่าเจ้าพูดเยินยอข้าเกินไปหรือไม่ ” หลังจากนั้นลี่ซือลองชิมฝีมือตัวเองก็ต้องทำตาโตด้วยความตกใจ
“ เป็นอย่างไร ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่ามันอร่อยมาก! ” ลี่อินกล่าวอย่างตื่นเต้น
แต่ยังไม่ทันที่ลี่ซือจะกล่าวอะไรเยว่อิงก็เดินเข้ามาภายในห้องครัวเสียก่อน
“ มีอะไรกันหรือ ข้าได้ยินเสียงพวกเจ้าดังออกไปถึงข้างนอก ” เยว่อิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ พวกข้าแค่ตื่นเต้นเจ้าค่ะ ฝีมือการทำอาหารของลี่ซือพัฒนาขึ้นมากโขเลยเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าวเสียงตื่นเต้น
“ หืม เช่นนั้นก็ดีแล้ว ไม่เสียแรงที่ข้าสอนมากับมือ ” เยว่อิงกล่าวอย่างยินดี
“ เจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่ซือตอบรับอย่างเขินอายต่อคำชื่นชม
“ แล้วเตรียมอาหารเสร็จแล้วใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ยกออกไปกันเถอะ พวกเจ้าระวังกันด้วยนะ ”
หลังจากนั้นพวกนางก็ช่วยกันยกหม้อข้าวต้มหมูสับที่มีฝาปิดครอบอยู่ แล้วก็ชามช้อนใหม่ๆออกมาจากมิติประมาณ50เซ็ต ออกไปยังโกดัง
“ อาหารมื้อเย็นมาแล้วเจ้าค่ะ ” เยว่อิงกล่าวออกมาทันทีที่ถึงภายในโกดัง
ชาวบ้านก็รีบลุกฮือพากันมายืนล้อมกันจนแน่นขนัด
“ ข้าขอให้พวกท่านเข้าแถวให้เป็นระเบียบก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ ถึงจะเริ่มแจกอาหาร ” เยว่อิงกล่าวออกมา
ชาวบ้านทุกคนที่ได้ยินก็ต่างพากันกรูเข้าแถวอย่างสงบเรียบร้อย
“ เดี๋ยวข้ากับลี่ซือจะคอยตักอาหาร ส่วนเจ้าเฟยหลงกับลี่อินพวกเจ้าก็คอยยืนแจกอาหารแก่ชาวบ้านแล้วกัน รบกวนท่านหัวหน้าหมู่บ้านคอยดูแลความเรียบร้อยให้ด้วยนะเจ้าคะ ”
หลังจากนั้นก็เริ่มแจกอาหารมื้อเย็นกันไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน
“ หากไม่อิ่มพวกท่านทุกคนสามารถมาขอเพิ่มได้นะเจ้าคะ วันนี้คนของข้าทำมาเยอะทีเดียว ” เยว่อิงพูดจบ คนที่ไม่อิ่มก็พากันกรูเข้ามาขอเติม ส่วนคนที่กินกันอิ่มแล้วก็ต่างพากันไปยืนล้างชามตรงอ่างน้ำทางไปห้องน้ำ
“ ส่วนอาหารที่ตักแบ่งไว้ให้ภรรยา กับบุตรชายของท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าเตรียมไว้ให้แล้วนะเจ้าคะ หากท่านจะกลับก็สามารถแจ้งแก่บ่าวชายของข้าได้เลย ” เยว่อิงกล่าวบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านอย่างรวบรัด
“ ข้าขอบใจเจ้ามากนะ ข้าจะไม่ลืมน้ำใจของเจ้าเลย ”
“ อย่าคิดอันใดมากเลยเจ้าค่ะ เรื่องแค่นี้ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อันใดมาก ”
“ ถึงอย่างนั้นข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยทุกคนในหมู่บ้านจริงๆ ”
“ เจ้าค่ะ ” เยว่อิงตอบรับพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจนใจ
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
เธอคือ ‘อิงอิง’ มีอาชีพเป็นหมอในโรงพยาบาลชื่อดังของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยม และตอนนี้เธออายุได้ 30 ปีพอดิบพอดี เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาโดยตลอดเพราะเธอสูญเสียคนในครอบครัวไปนานแล้ว และเมื่อไม่กี่วันมานี้เธอได้ไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่งแต่ดันโดนพระท่านหนึ่งทักว่า ‘เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน1อาทิตย์ ซึ่งคำทักนั้นทำให้เธอนั้นช็อกเป็นอย่างมาก แต่นั่นยังไม่จบเมื่อพระท่านนั้นได้มอบแหวนโบราณมาวงหนึ่งแล้วท่านก็ได้บอกว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมกับความลำบากที่จะต้องเผชิญให้ได้ และขอให้เธอโชคดี’ ซึ่งตอนนั้นเธอนั้นช็อกจนแทบจะสิ้นสติรู้ตัวอีกทีพระท่านนั้นก็ได้หายไปเสียแล้วเฮือก!ทันทีที่ตื่นมาเธอก็นั่งเรียบเรียงเรื่องที่เธอฝันเห็นเมื่อคืนว่าใช่เรื่องจริง หรือแค่ความฝันแต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดทบทวน สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นแหวนสวมอยู่ที่นิ้วของเธอ ตั้งแต่ที่ผ่านวันเกิดอิงอิงก็เก็บเรื่องนี้มาฝันซ้ำๆ เธอจึงได้แต่พยายามที่จะทำใจแล้วลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมลิสต์ของที่จะซื้อเก็บใส่แหวนมิติไว้ซึ่งการเก็บของใส่แหวนมิตินั้นเธอก็ทดลองเก็บของต่างๆ จนเริ่มนำสิ่งของเข้าออกจากมิติคล่องบ้างแล้
" สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ดิฉันชื่อ ‘รดา’ นะคะจะเป็นคนที่มาดูแลลูกค้าเองค่ะ " พนักงานผู้หญิงที่ชื่อรดาเอ่ยทักทายเธอพร้อมกับเอ่ยแนะนะตัว" สวัสดีค่ะคุณรดา ฉันชื่ออิงอิงนะคะ ถ้างั้นเราไปกันเลยดีมั้ยคะ?"" ได้ค่ะ ลูกค้าอยากไปดูสินค้าโซนไหนก่อนเป็นพิเศษไหมคะ ฉันจะได้พาไป " พนักงานที่ชื่อรดาเอ่ยถามเธอ" ไปโซนทำอาหาร เครื่องครัวก่อนก็ได้ค่ะ " เธอเอ่ยบอกความต้องการออกไปกับพนักงาน" ได้ค่ะ " พูดจบก็เดินพาเธอไปยังโซนเครื่องครัวทันทีเมื่อมาถึงโซนเครื่องครัวแล้วเธอก็แจ้งความต้องการของเธอออกมาทันที แล้วพนักงานก็จดตาม ก่อนจะพาเธอเดินไปยังโซนต่างๆ จนครบ แทบจะทั่วทั้งห้างเลยก็ว่าได้“ฉันอยากได้ชุดเครื่องครัวอย่างดีทั้งแบบไม้ แล้วก็แบบต่างๆ อย่างละ50ชุดค่ะ แล้วก็เครื่องปรุงต่างๆ อีกอย่างละ100ลัง แป้งทุกชนิดอีกชนิดละ 100ลัง ข้าวสารต่างๆ แล้วก็ข้าวเหนียว1,000กระสอบ ผักผลไม้ต่างๆ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ไข่เป็ดต่างๆ น้ำดื่ม นม ขนมต่างๆ ที่มีในห้างทั้งหมดอืม…แล้วก็เครื่องสำอางค์ น้ำหอม สบู่ ผ้าอนามัย แปรงสีฟันยาสีฟัน พวกแชมพูครีมนวด ครีมทาผิว แล้วก็เสื้อผ้าทั้งผู้ผญิงผู้ชาย ตั้งแต่เด็กจนแก่ทุกรูปแบบ แล้วก็ผ้าต่าง
หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลยพออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกันและเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมาหญ
หลังจากที่ทำการเก็บของต่างๆ ใส่มิติเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าบ้านเพื่ออาบน้ำ แล้วก็หาข้าวกินเพราะวันนี้เธอมัวแต่วุ่นวายกับการซื้อของเตรียมตัวเลยลืมการกินข้าวไปเสียสนิทเลยพออาบน้ำกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าห้องแล้วล้มตัวลงบนที่นอนแล้วทำการเข้ามิติเพื่อทำการตรวจของที่ซื้อมาว่าขาดเหลืออะไรอีกบ้างหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดเหลือแล้ว เธอเลยคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยไปทำการซื้อพวกเครื่องประดับ หรือของทำอาหารกับของทำขนมต่างๆ เพิ่มอีกสักหน่อยอย่างไรการมีเยอะเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าขาดอิงอิงเธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานหลายปีนอกจากเป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังมีฝีมือทำอาหารแล้วก็ทำขนมอีกด้วย เพราะเวลาว่างอิงอิงมักจะเลือกทำอาหารไม่ก็ขนมหวานอยู่เสมอๆ ซึ่งไม่ว่าใครกินก็ต้องเอ่ยปากชมเรื่องฝีมือการทำอาหารแล้วก็ฝีมือการทำขนมหวานของเธอ และยังบอกอีกว่าต่อให้เธอลาออกจากการเป็นหมอมาเปิดร้านอาหารหรือร้านทำขนมหวานก็คงจะขายได้ดีไม่ต่างกันและเมื่อตรวจดูของในมิติเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอใช้พลังงานในร่างกายไปเยอะมากเกินไปจริงๆเช้าวันต่อมาหญ
หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วหน้าหนาวก็ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย และเยว่อิงก็ได้รับของรางวัลตอบแทนที่ช่วยดูแลชาวบ้านภายในหมู่บ้านจากเจ้าเมืองมาได้2-3วันที่แล้ว ซึ่งก็มีผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอย่างดีประมาณ2หีบ ทองคำเครื่องประดับอีก3หีบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของตอบแทนที่จำนวนมากโขอยู่เหมือนกันถ้าคนที่ได้รับเป็นชาวบ้านปกติทั่วไป แต่กับนางสิ่งของเท่านี้เห็นทีจะไม่เพียงพอให้เก็บเป็นสมบัติของลูกสาวนางในอนาคตตอนนี้เยว่อิงได้เริ่มสอนลี่ซือกับลี่อินทำขนมที่นางได้เลือกเอาไว้ไปขายที่ร้านที่นางคิดจะเปิดขายในอนาคต ซึ่งขนมชนิดแรกก็คือ ขนมบัวลอย ขนมกล้วยบวชชี ขนมถ้วยอัญชัญ วุ้นกะทิใบเตย ลอดช่องอัญชัญ ทับทิมกรอบ ซึ่งระยะที่อยู่ภายในบ้านตอนหน้าหนาวนางได้สอนทั้งสองคนไปจนหมด ซึ่งทั้งสอนคนก็ไม่ทำให้นางต้องผิดหวังเพราะนอกจากพวกนางจะจำสูตรได้ไวแล้วยังทำรสชาติได้ออกมาดีอีกด้วย แต่พวกนางทั้งสองทำขนมที่นางได้สอนไปสลับเมนูไปมาอยู่เป็นสัปดาห์สองสัปดาห์ โดยที่มีนาง และเฟยหลงเป็นคนช่วยกันชิม(จนเอียน)“ วันนี้ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองเสียหน่อย จะดูหาที่ทำเลเปิดร้านขนมสักหน่อยน่ะ ” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปเตร
“ พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ” เยว่อิงกล่าว“ เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ ”หลังจากถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เฟยหลงพร้อมกับชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จก็เดินเท้ากลับมาถึงบ้าน“ เจ้ากลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ” เยว่อิงเอ่ยกับเฟยหลง“ ขอรับนายหญิง ” รับปากจบ ก็เดินเข้าห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำทันที“ ส่วนพวกเจ้าไปนำตระกร้ามาเดี๋ยวข้าจะใส่ของให้พวกเจ้าไปไว้ที่โรงครัวในโกดังไว้ให้ชาวบ้านทำกินกัน ”“ เจ้าค่ะ ”หลังจากที่ลี่อินกับลี่ซือนำตระกร้ามาเรียบร้อยแล้วนางก็นำนำผักกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ ไข่ไก่ แล้วก็เนื้อใส่ตระกร้าให้พวกนางนำไปให้แก่ชาวบ้าน“ พวกเจ้าก็อย่าลืมบอกชาวบ้านให้พวกเขาคอยดูแลจัดเวรกันทำเองด้วยเล่า ”“ พวกข้าไม่ลืมเจ้าค่ะนายหญิง/เจ้าค่ะ ”พวกนางทำแบบนี้ทุกวัน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่การที่พวกนางแจกอาหารมาตลอดนั้นก็มากพอแล้ว ไหนจะเตรียมวัตถุดิบให้แก่พวกเขาประกอบอาหารอีก แค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเขาหรอก ……10 วันต่อมาหลังจากที่ชาวบ้านและเฟยหลงไปช่วยกันซ่อมแซมบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านก็พากันแยกย้ายเก
เวลาผ่านร่วงเลยไปจนถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) เยว่อิงที่นอนหลับพักผ่อนเอาแรงภายในมิติก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงได้อลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกจากมิติหลังจากที่เยว่อิงออกจากมิติเตรียมจะเข้าห้องครัว ก็เห็นลี่ซือกับลี่อินพากันนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนลูกสาว เมื่อเห็นแบบนั้นนางจึงไม่ได้ปลุกทั้งสองคนแล้วเดินผ่านเข้าไปยังห้องครัวทันที วันนี้เยว่อิงจะทำข้าวผัดไข่เมนูง่ายๆ เมื่อคิดเมนูได้แล้วจึงเรียกวัตถุดิบทุกอย่างที่ต้องใช้ออกจากมิติเมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ลงมือทำอาหารมื้อเย็นทันที ขั้นตอนแรกเลยเยว่อิงตั้งกระทะขนาดใหญ่แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม ใส่ไข่จำนวนหนึ่งลงไปยีให้พอสุก จากนั้นใส่ข้าวลงไปคลุกเคล้าพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน เมื่อเห็นว่าข้าวผัดไข่ที่เสร็จแล้วออกมาเป็นสีเหลืองทองเงาน้ำมันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายเยว่อิงจึงดับไฟแล้วพักไว้ให้หายร้อน จากนั้นเยว่อิงจึงตักใส่หม้อใบใหญ่ไว้รอลี่อินกับลี่ซือมาหิ้วออกไปแจกจ่ายชาวบ้าน“ ขอโทษเจ้าค่ะนายหญิงที่พวกเรานอนหลับยาวจนมาทำอาหารมื้อเย็นไม่ทัน ” ลี่ซือกับลี่อิน
หลังจากที่แจกอาหารมื้อเย็นจบ เยว่อิงก็ให้ลี่อินกับลี่ซือนำหม้ออะไรต่างๆไปล้างเก็บให้สะอาด ส่วนพวกชามช้อนที่ชาวบ้านใช้กินชาวบ้านต่างก็ล้างเก็บคว่ำกันเรียบร้อยหมดแล้ว“ งั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อน ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว“ ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมืดค่ำแล้ว ท่านเดินทางกลับบ้านดีๆนะเจ้าคะ ” ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมากนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้ หากปกติก็ไม่มีสิ่งใดหรอกแต่นี่ทั้งลมหนาวทั้งหิมะด้วยหลังจากหัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้าน เก็บล้างอะไรเรียบร้อยพวกนางก็เดินตรงกลับเข้าบ้านกันทันที ปล่อยให้พวกชาวบ้านได้พักผ่อนกันไป แต่เยว่อิงไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลังจากที่ชาวบ้านได้กินอิ่มนอนอุ่นกันก็พากันซาบซึ้งกันเป็นอย่างมาก เพราะแค่ให้ที่พักอาศัยแก่พวกเขาก็ถือว่าดีมากแล้วแต่นี่นางถึงกับจัดที่ทางมีที่นอนที่สบายมีอาหารแจกที่แสนจะอร่อยแก่พวกเขาอีกด้วย พวกเขาทุกคนล้วนจดจำกันเอาไว้หมดแล้ว พอหมดเรื่องเครียดไม่ต้องอยู่อย่างระแวดระวังก็ต่างพากับหลับไปอย่างสบายใจแต่กลางดึกก็มีพายุโหมกระหน่ำเสียงดังจนทุกคนพากันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงวางใจให้สบายได้เพราะตอนนี้พวกเขาได้อยู่ในที่ที่แข็งแรงปลอดภัยแ
“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นฝ่ายผิด เพราะฉะนั้นตามสัญญาเยว่อิงสามารถเรียกร้องเงินจากเจ้าได้ถึง2,000ตำลึงทอง ” ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ รวมถึงนางจางและสะใภ้ใหญ่ที่ตกใจจนเข่าทรุด นอกจากจะไม่ได้เนื้อยังต้องเสียเงินไปอีกมากโข“ ข้าไม่มี! ” นางจางตอบอย่างสิ้นสติ“หากท่านไม่มีจ่าย ข้าคงต้องไปฟ้องร้องที่ศาลแล้วกระมัง ” ทันทีที่นางจางได้ยินเยว่อิงพูดจบก็ตกใจ รีบเอ่ยอย่างลนลาน“ แต่ข้าไม่มี! เจ้ากล้าหรือ! ” นางจางกล่าวถามออกมาอย่างร้อนลน“ กล้าหรือไม่กล้า ท่านอยากลองดูหรือไม่ ” “ เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าหรือ อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นแม่ผัวของเจ้านะ ”“ ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเคยเป็นแม่ผัวของข้าหรือไม่ ในเมื่อข้าให้โอกาสพวกท่านมาหลายรอบแล้วแต่พวกท่านก็ยังไม่หยุดที่จะรังควานข้า หากครั้งนี้ข้าปล่อยพวกท่านไปอีกเห็นทีครั้งต่อไปพวกท่านคงจะมาอีกกระมัง ”“ หน็อย! เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ”“ สรุปท่านจะจ่ายหรือไม่จ่าย หากไม่จ่ายข้าก็จะไปฟ้องร้องที่ศาลเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะหากพวกท่านจะโดนเฆี่ยนตีสักกี่ครั้ง ”ทันทีที่เยว่อิงกล่าวออกมา นางจางที่ได้ยินก็สั่นกลัวละล่ำละลั
หลังจากที่เธอเตรียมทุกอย่างเสร็จก็เดินออกมาจากโกดัง“ นายหญิงมาแล้วหรือเจ้าคะ พี่ลี่อินพาคุณหนูน้อยไปนอนเล่นในห้องนั่งเล่นแล้วเจ้าคะ ” ลี่ซือกล่าวบอก“ ขอบใจพวกเจ้ามาก ” เยว่อิงพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณพวกนาง“ เฟยหลง เดี๋ยวถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพาพวกชาวบ้านมาแล้วเจ้าก็จัดแจงให้เรียบร้อยข้าเตรียมพื้นที่ต่างๆให้แล้ว หากใครไม่ฟังหรือก่อเรื่องเจ้าก็สามารถไล่ออกจากบ้านเราไปได้เลย” เยว่อิงกล่าว“ ได้ขอรับนายหญิง ” เยว่อิงทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วเดินไปห้องนั่งเล่นกับลี่ซือเพื่อไปหาลูกสาว“ แอ๊ แอ๊ ” “ คุณหนูน้อยช่างคุยยิ่งนักเจ้าค่ะ ” ลี่อินกล่าว เยว่อิงก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย“ ซินอี๋น้อยของแม่ คงอยู่แต่ในบ้านจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่ ”“ แอ้ บรู้วๆ ” บุตรสาวของเธอนอกจากจะตอบแล้วยังเป่าปากจนน้ำลายกระจาย“ เอาไว้ให้อากาศเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยแม่จะพาเจ้าออกไปข้างนอกแล้วกัน ” เนื่องจากอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไป เธอไม่อาจให้ลูกออกไปข้างนอกได้“ แอ้ๆ ”เล่นกับบุตรสาวไปได้สักพัก เยว่อิงก็เห็นว่าซาลาเปาน้อยของนางเกิดงอแงขึ้นมา เธอจึงเปิดแพมเพิสของซาลาเปาน้อยดูเมื่อเห็นว่าอึราด เธอก็รีบถอดแพมเพิส
“ คุณหนูน้อยช่างน่ารักน่าชัง แถมยังรู้ความยิ่งนักเจ้าค่ะนายหญิง ” ลี่อินกล่าว“ ใช่เจ้าค่ะนายหญิง ตั้งแต่ข้าเลี้ยงคุณหนูน้อยมานับครั้งได้เลยที่คุณหนูจะร้องไห้โยเยเหมือนเด็กๆที่อื่น ” ลี่ซือกล่าวต่อ ส่วนเฟยหลงได้แต่นั่งฟังเงียบๆ“ ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้านั่นแหละ นางช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก ตัวแค่นี้แต่รู้ความไม่ใช่น้อย ” เยว่อิงกล่าว“ แอ๊ แอ๊ ” ซาลาเปาตัวน้อยเอ่ยร้องอ้อแอ้“ หึๆ ” เยว่อิงหัวเราะขบขันหลังจากที่บ้านจางมาหาเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่นางก็ได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าก่อนที่จางฮุ่ยหมิ่นสามีเก่าของเธอจะเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร ก็มีรถม้าหรูหรามาจอดยังหน้าบ้านจาง มีหญิงสาวที่มีท่าทางร่ำรวยเดินลงมาจากรถม้าแล้วกล่าวว่านางเป็นเมียของจางฮุ่ยหมิ่น ทันทีที่นางกล่าวจบคนที่มุงดู รวมถึงคนบ้านจางก็ช็อคแทบสิ้นสติ ว่าเรื่องนี้เป็นมายังไงเหตุใดจางฮุ่ยหมิ่นถึงไปมีคุณหนูผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเมียได้ ไม่ใช่ว่าเขาก็เพิ่งจะหย่ากับเยว่อิงแล้วเขาก็เพิ่งเดินทางกลับบ้านคงเพิ่งจะทราบเรื่องหย่าด้วยซ้ำบางคนที่ได้สติก่อนก็รวบรวมข้อมูลแล้วคิดเรื่องนี่ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเรื่องนี้แปลกๆจางฮุ่ยหมิ่นบุตรชายของนางจา
“ หึ! เจ้ามันแค่แม่หม้ายท้ายหมู่บ้านอย่าติดทระนงตนไปหน่อยเลย ” นางจางกล่าววาจาร้ายกาจออก“ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าเป็นหม้ายแล้วไปเดือดร้อนอะไรพวกท่านอย่างนั้นหรือ?” “ เหอะ! เดือดร้อนหรือไม่ข้าก็เกลียดขี้หน้าคนอย่างเจ้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็อย่าได้คิดฝันหวานว่าบุตรชายของข้าจะอยากได้นางแพศยาอย่างเจ้ากลับมาเป็นเมียอีก! ” นางจางพูดอย่างดูแคลน“ ท่านคิดว่าบุตรชายของท่านดีเด่จนข้าต้องอยากได้เขากลับมาเป็นผัวหรือ? ก็ไม่ ”“ ท่านแม่ พอเถอะขอรับ ” ฮุ่ยหมิ่นรีบพูดห้ามแม่ของตัวเองเพราะกลัวว่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วภายภาคหน้าเขาจะมาง้อนางได้อย่างไรเล่า!“ น้องเล็ก จะให้ท่านแม่พอได้อย่างไร? เรื่องที่ข้าต้องมาเจ็บตัววันนี้ยังไม่ได้ค่าตอบแทนอันใดเลยนะ ” จางต้าเกินพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย“ หึ! ไม่ใช่ว่าน้องเล็กคิดอยากจะกลับมาจับนางแม่หม้ายผู้นี้หรอกกระมัง? ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมาอย่างขบขัน แต่ทั้งหมดนี้ดันเป็นเรื่องจริงที่ฮุ่ยหมิ่นคิดกระทำ“ ข้า… ข้า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ” ฮุ่ยหมิ่นพูดออกมาอย่างอ้อมแอ้ม“ พวกเจ้าพอเถอะ จะเถียงกันเพราะเหตุใด ” พอเห็นว่าเป็นท่านพ่อพูดทุกคนก็เงียบทันควัน“ เชิญพวกท่านกลับบ้านไปไ
ปัง ปัง ปัง!“ นังเยว่อิง…นังตัวไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตาย ” นางจางทุบประตูจนเจ็บมือนางก็หาได้สนใจไม่ ทำเพียงทุบประตูแล้วก็ตะโกนวายวายต่อปัง ปัง ปัง!“ ข้าบอกให้ออกมาไง มัวแต่มุดหัวอยู่ในรู ให้มันเก่งเหมือนตอนที่กล้ามาทำร้ายบุตรชายของข้ากันสิ เหอะ! ”ภายในบ้านเยว่อิง“ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนั้นถึงกล้ามาหาเรื่องพวกเราที่บ้านได้ ” เยว่อิงกล่าวถามด้วยสีหน้าสงสัย“เอ่อ… คือว่า ข้าถีบบุตรชายคนโตของพวกเขาตกรถม้าขอรับ ” เฟยหลงเอ่ยตอบเธออย่างอ้อมแอ้ม คล้ายระอายใจที่ก่อเรื่องมาให้เธอเสียได้“ ห๋า! เรื่องมันเป็นอย่างไรเจ้าเล่ามาให้ข้าฟัง ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีนิสัยทำร้ายผู้ใดก่อนอยู่แล้ว ”“ หลังจากกลับมาจากขายผักที่เมืองข้าก็บังคับรถม้าผ่านบุตรชายคนโตของนางจางพอดี พอเจ้านั่นเห็นก็วิ่งตามรถมาพร้อมกับปีนขึ้นมารถม้า ข้าก็เลยหยุดรถม้าแล้วถีบเขาลงจากรถม้าขอรับ เจ้านั่นก็เลยจะโกนด่าทอข้าตามหลังมาแต่ข้าไม่ได้สนใจรีบบังคับรถม้ากลับบ้านทันที ข้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาให้กับนายหญิงภายหลังแบบนี้… ”“ เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องคิดมาก แต่คราวหน้าคราวหลังหากคิดจะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองให้ด