ทางด้านพ่อลูกหยางเทียนฉีและหยางเฟยจินที่ดั้นด้นเข้ามาในป่าลึกตั้งแต่ยามอิ๋น ด้วยหวังว่าจะสามารถล่าสัตว์ป่าได้บ้างเพื่อที่จะนำไปขายเพื่อหาเงินเป็นทุนในการแยกบ้าน
“ท่านพ่อ พักสักหน่อยเถอะขอรับ ”
“เช่นนั้นก็นั่งพักแถวนี้เถอะ พ่อขอโทษนะที่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบากไปด้วยเป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง”
“อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ ท่านพ่อไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีหรือขอรับ หากเราใช้โอกาสนี้ขอแยกบ้านแต่เนิ่น ๆ ข้าคิดว่าท่านลุงกับท่านป้าย่อมยินดีให้เราแยกบ้าน”
“พวกเขาย่อมยินดีให้เราแยกบ้านแต่พวกเราจะต้องออกไปแต่ตัว ถ้าเกิดบ้านเรามีแต่ผู้ใหญ่ที่โตแล้วทุกคนพ่อจะไม่หนักใจเลย อย่าลืมว่ายังมีเจ้าแฝดอยู่ด้วยหากเราผลีผลามไปจะเป็นการพากันตกที่นั่งลำบากได้ ตอนนี้เราคงต้องเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า”
“ขอรับ เราคงต้องเข้าป่าให้มากหน่อย พอขายสัตว์ที่ล่ามาได้ เราสมควรจะเก็บไว้เอง ต่อไปข้าจะไม่เอาเงินที่พวกเราหามาได้อย่างยากลำบากให้กับบ้านใหญ่อีกต่อไปแล้ว”
“ท่านป้าจะยอมหรือท่านพ่อ ข้ากลัวว่าจะมีปากเสียงกันอีก วันนี้พวกเราไม่ไปทำงานในทุ่งนา ข้ากลัวว่าพวกเรากลับไปคงต้องได้ทะเลาะกันกับท่านป้าเป็นแน่”
“นางอยากพูดอะไรก็ให้นางพูดไป อยากให้พ่อไปทำงานในทุ่งนาเช่นนั้นก็เอาเงินส่วนกลางมาจ่ายค่าอาเทียนสิ”
“ท่านป้านางคงไม่ยอมหรอกขอรับ พวกเราไปดูกับเถอะขอรับจะได้นำไปขายในเมืองเสียทีเดียว”
ทางด้านฉีหลินและเยว่เล่อเมื่อเก็บผักป่าสมุนไพรป่าจนพอใจแล้วทั้งสองคนมุ่งหน้ากลับบ้านทันที วันนี้นางจะให้พ่อสามีไปคุยเรื่องแยกครัวในเมื่อยังไม่ยอมให้แยกบ้านก็ต้องแยกครัวก่อนไม่ต้องไปกินข้าวร่วมกันที่บ้านใหญ่
“วันนี้พี่จะให้ท่านพ่อไปคุยเรื่องแยกครัวพี่ไม่รู้ว่าท่านป้ามหาภัยนั่นจะว่ายังไง”
“ข้าเกรงว่าป่านนี้พี่ฮุ่ยเหม่ยคงได้แจ้นไปฟ้องป้าสะใภ้แล้วแน่ ๆ เรื่องที่พี่สะใภ้ลงมือกับนาง”
“ฟ้องก็ฟ้องสิ ไม่เห็นจะกลัวเลยหากว่าไม่ยอมแยกครัวพี่จะทุบตีคนบ้านนั้นทุกวัน หากว่าต่อไปยังไม่ยอมแยกบ้านอีกพี่จะทุบตีคนบ้านนั้นทุกวันเจ้าว่าดีหรือไม่”
“เอ่อ มันจะดีจริง ๆ หรือเจ้าคะพี่สะใภ้ ท่านไม่กลัวหัวหน้าหมู่บ้านจับส่งทางการหรือ”
“ไม่หรอก ท่านลุงเมิ่งย่อมรู้ดีว่าอะไรถูกอะไรผิด พวกเราเพียงแค่ป้องกันตัวจากการถูกรังแก พวกเราจะเป็นคนผิดได้ยังไง”
เยว่เล่อมองไปที่พี่สะใภ้ของตนเหมือนมองคนแปลกหน้าเกิดอันใดขึ้นกับพี่สะใภ้ของนางกัน ทำไมนางถึงได้กลายเป็นคนที่เอะอะก็ทุบตีผู้อื่นไปแล้ว
หรือว่าตลอดเวลาพี่สะใภ้นางโดนคนเหล่านั้นทุบตีพอมาวันหนึ่งนางก็ระเบิดความอัดอั้นนั้นออกมาทำให้กลายเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วตอนนี้พี่ใหญ่ไม่สามารถปกป้องนางได้แต่มีพี่สะใภ้นางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมารังแก
ทางด้านหยางเทียนฉีและหยางเฟยจินที่วันนี้เข้าป่าลึกเพื่อล่าสัตว์แต่ทว่าโชคไม่เข้าข้างพวกเขาเลยแม้แต่น้อย วันนี้พวกเขาจับได้เพียงกระต่ายป่า 3 ตัว และไก่ฟ้า 2 ตัวเท่านั้น หากนำไปขายแล้วคงได้เงินไม่กี่อิแปะแต่ยังดีกว่าไม่ได้เลย
“ท่านพ่อขอรับที่ท่านพ่อกับพี่สะใภ้คุยกันเรื่องขอแยกครัวท่านป้าจะยินยอมหรือขอรับ”
“นางย่อมยินยอมอยู่แล้วเพียงแต่จะไม่แบ่งอาหารให้พวกเราเท่านั้น แต่พ่อว่าจะไม่ขอแยกแค่ครัววันนี้พ่อจะต้องคุยกับท่านลุงของเจ้าให้เข้าใจ พ่อต้องการแยกบ้านหากไม่แบ่งอะไรให้เลยพ่อก็ไม่ว่าแต่จะต้องคืนที่ดินที่เป็นสินเดิมของแม่เจ้ามาด้วย”
“แล้วสินเดิมของพี่สะใภ้ที่ท่านป้าเก็บเอาไว้ล่ะขอรับ”
“อันนี้พ่อจะขอคืนด้วยเพราะสินเดิมของฉีหลินย่อมเป็นของนาง อีกอย่างฉีหลินไม่ได้เป็นสะใภ้บ้านนาง นางย่อมไม่มีสิทธิ์เก็บเอาไว้”
“ข้าว่าพวกนางไม่ยอมคืนให้แน่ ๆ ขอรับ แต่ถ้าแยกบ้านตอนนี้พี่ใหญ่คงลำบากไม่น้อยหากเราจะต้องย้ายออก”
“บ้านนี้เป็นของพ่อครึ่งหนึ่งเราสามารถอยู่ได้ เพียงแค่เราอาจจะไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารหรือที่ทำกินเท่านั้น”
“ข้าจะเข้าเมืองไปหางานทำขอรับ อย่างน้อย ๆ จะได้มีเงินซื้อข้าวซื้อยาให้พี่ใหญ่และทุกคนในบ้าน”
“พ่อผิดเองเพราะยึดติดคำสั่งเสียของท่านแม่เกินไป และพ่อไม่คิดว่าพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อแต่กลับทำกับพ่อเหมือนไม่ใช่พี่น้อง ตั้งแต่เจ้าใหญ่บาดเจ็บกลับมาและโดนบ้านใหญ่ยึดเอาเงินค่าสินไหมไปมันทำให้พ่อคิดได้ คนพวกนั้นก็เหมือนหลุมไร้ก้นที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม แล้วยังทำร้ายพี่สะใภ้ของลูกอีก นางอ่อนแอถึงเพียงนั้นจะไปกล้ามีปากเสียงกับใคร ที่ผ่านมานางถูกพวกนั้นรังแกมาเท่าไหร่”
“เราเอาพวกนี้ไปขายวันนี้เลยหรือไม่ขอรับท่านพ่อ”
“อืมเอาไปขายให้ลุงหวังในหมู่บ้านก็แล้วกัน หากเอาไปขายในเมืองก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่”
ทั้งสองคนเดินออกจากป่าและมุ่งหน้าไปบ้านของลุงหวังเพื่อขายสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ในวันนี้ส่วนไก่ฟ้าพวกเขาไม่ได้ขายทั้งหมดแต่นำกลับมาเพื่อต้มน้ำแกงให้เฟยเทียนหนึ่งตัว
กระต่าย 3 ตัวได้เพียง 60 อิแปะ ไก่ฟ้า 1ตัว 25 อิแปะ หลังจากขายกระต่ายและไก่ให้ลุงหวังแล้วทั้งสองคนเดินมุ่งหน้ากลับบ้านทันที หยางเทียนฉีคิดว่าวันนี้ตนจะต้องขอแยกบ้านให้ได้ หากยังอยู่ร่วมกันกับพี่ชายครอบครัวบ้านสองคงลืมตาอ้าปากไม่ได้
ฉีหลินที่กลับมาพร้อมกับเยว่เล่อ ที่ตอนนี้กำลังประจันหน้าอยู่กับนางหลินที่ยืนหน้าดำเป็นตับหมูเพราะลูกสาวสุดที่รักของนางมาบอกว่าโดนหวังฉีหลินทุบตีที่ท้ายหมู่บ้าน
“กลับมาก็ดีแล้ว เจ้าช่างกล้าลงมือทุบตีลูกสาวของข้า เจ้ารอดูได้เลยว่าวันนี้หากข้าไม่ลงมือจัดการเจ้าข้าคงนอนไม่หลับ พวกอกตัญญูกาฝากเช่นพวกเจ้าสมควรจะตาย ๆ ไปแล้วไม่น่าอยู่มาจนถึงวันนี้”
“เยว่เล่อ เอาผักไปให้ท่านแม่ก่อน”
“แต่ว่า พี่สะใภ้ ท่าน”
“ไม่ต้องห่วงพี่ พี่เอาตัวรอดได้ เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ข้าจะไปตามท่านแม่นะเจ้าคะ ”
“อย่าลืมเอาเก็บผักให้ดี ๆ ล่ะ”
“สั่งเสียกันพอหรือยัง เจ้ากล้าที่จะลงมือกับลูกสาวของข้า ก็อย่ามาหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
“ใครกันบอกว่าข้าลงมือกับลูกสาวของท่าน ท่านป้าท่านเห็นกับตาหรือเจ้าคะ”
“นังฉีหลินอย่ามาพูดจาเล่นลิ้นไปหน่อยเลย หากเจ้าไม่ได้ทุบตีข้า หรือเป็นข้าที่ลงมือทุบตีตัวเอง ท่านแม่ดูสิเจ้าคะหน้างาม ๆ ของข้าเสียหายหมดแล้วท่านแม่ต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้านะเจ้าคะ"
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ แม่จะไม่ยอมให้พวกมันได้รังแกลูกอีก รอพ่อกับพี่ชายของลูกกลับมาจากทุ่งนาก่อนแม่ให้สะใภ้รองไปตามแล้ว”
“ท่านป้ามีเรื่องที่จะพูดแค่นี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวนะเจ้าคะ”
“ยังไปไม่ได้ เจ้าจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ในตอนนั้นเองหยางเทียนฉีและลูกชายก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“นี่มันอะไรกันพี่สะใภ้ มีอะไรกัน”
“เจ้ามาก็ดีแล้วน้องรองลูกสะใภ้ของเจ้าลงมือทุบตีลูกสาวของข้า เจ้าบอกข้าหน่อยสิว่าจะชดใช้ยังไง”
“ลูกสะใภ้ข้าน่ะหรือจะไปทุบตีลูกสาวของท่าน นางอ่อนแอเพียงนี้แถมเมื่อวานลูกสะใภ้ของท่านยังผลักนางตกร่องเขาอีก นางจะไปมีปัญญาทุบตีใครได้ ท่านจะใส่ร้ายเกินไปแล้ว”
“น้องรอง เจ้าพูดแบบนี้ ไม่เท่ากับเจ้ากล่าวหาข้าหรือ”
“กล่าวหาหรือไม่ท่านรู้อยู่แกใจดีไม่ใช่หรือ ยังต้องให้ข้าพูดอะไรอีก ในเมื่อท่านพูดมาถึงขนาดนี้ท่านช่วยคืนสินเดิมของนางให้นางด้วย และสินเดิมของภรรยาข้าด้วยพวกข้าต้องการนำกลับมาดูแลเอง และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะทำอาหารกินเอง รบกวนท่านแบ่งส่วนอาหารที่เป็นของเราออกมาด้วย”
“จะได้ยังไงกัน เจ้าไม่เคยได้ยินคำที่ว่าพี่สะใภ้เปรียบเหมือนแม่อีกคนหรือ การที่ข้าดูแลเรื่องทุกอย่างในบ้านให้พวกเจ้าอยู่ดีกินดีนี่ยังไม่พอหรือ อกตัญญูแล้ว อกตัญญูจริง ๆทำไมข้าถึงได้เลี้ยงดูพวกหมาป่าตาขาวมาได้ตั้งหลายปี”
“หยุด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสินเดิมข้า ข้าไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของท่านแล้วท่านมีสิทธิ์อะไรมาเอาสินเดิมของข้าไปเก็บไว้ แล้วแม่สามีของข้าก็ไม่ใช่ลูกสะใภ้ท่านด้วย หากอยากเก็บก็เก็บสินเดิมของลูกสะใภ้ท่าน ตกลงท่านจะคืนหรือไม่คืน หากท่านไม่คืนข้าจะทุบตีลูกสาวของท่านเดี๋ยวนี้”
“หากเจ้ามีความสามารถก็ลองดู ”
“มีหรือไม่มี ลูกสาวของท่านรู้ดีไม่ใช่รึ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าทำอะไรกัน น้องรองเจ้ากับลูกสะใภ้ทำอะไรกันนี่ หากไม่เห็นหัวพี่สะใภ้เจ้าก็แล้วไปเถอะนี่ยังไม่เห็นหัวข้าอีกคนเจ้ายังเป็นน้องของข้าอยู่อีกหรือไม่ แล้วเจ้าหัดอบรมสั่งสอนลูกสะใภ้บ้างนะ”
“ท่านมาก็ดีแล้วพี่ใหญ่ ข้าต้องการแยกบ้านและต้องการสินเดิมของภรรยาและของลูกสะใภ้ข้าคืน”
“แล้วทำไมข้าต้องคืน ในเมื่อก่อนแยกบ้านทุกอย่างในบ้านข้าเป็นคนดูแล สินเดิมของพวกเจ้าก็ขายไปเกือบหมดเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูคนในครอบครัวยามที่เกิดภัยแล้ว แล้วจะยังเหลืออะไรอยู่อีก เข้ายังกล้ามาทวงถามอีกหรือ”
“ขายหมดหรือ ไม่ใช่ท่านเอาสินเดิมของข้าเตรียมไปเป็นสินเดิมของลูกสาวท่านหรือ ถ้าวันนี้ท่านไม่คืนของของข้าอย่าหวังว่าลูกสาวท่านจะได้แต่งงานเลย”
“มันจะมากไปแล้วนะ น้องสะใภ้ นี่เจ้าเห็นพวกข้าตายไปแล้วหรือ พวกข้ายังอยู่ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถรังแกน้องสาวของพวกข้าได้”
“เช่นนั้นหรือ ได้ในเมื่อพวกท่านต้องการแบบนี้อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้าไม่ใช่หวังฉีหลินคนเดิมที่จะยอมให้ใครมากดหัว”
“สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง จับมันเอาไว้ วันนี้ข้าจะเลาะฟันมันให้หมดปาก”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะเข้ามาจับได้ ฉีหลินก็จัดการสองสะใภ้ทั้งเตะทั้งต่อยจนหน้าของทั้งสองคนกลายเป็นหัวหมู ส่วนฮุ่ยเหม่ยกับนางหลินเองก็โดนไปไม่น้อย ฉีหลินยังไม่สาแก่ใจจัดการญาติผู้พี่ของสามีทั้งสองเสียราบคาบ
ตอนนี้หยางเทียนฉีตกใจแล้วตกใจอีก หยางเฟยจินที่ตกใจยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก นางเจียงวิ่งออกมาพร้อมลูกสาวได้แต่ยืนมองลูกสะใภ้ของตัวเองลงมือทุบตีคนบ้านใหญ่
ปากของลูกสะใภ้ก็เอ่ยถามจะคืนสินเดิมของข้ากับท่านแม่หรือไม่ จะยอมให้แยกบ้านหรือไม่ ลงมือครั้งหนึ่งก็เอ่ยปากถามครั้งหนึ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกสะใภ้ของนางกันแน่
“หยุด พอ พอได้แล้ว ข้าบอกให้หยุด” หยางฮุ่ยเหอที่ได้สติกลับมาแล้ว ตอนนี้ทั้งลูกชาย ลูกสาวรวมถึงภรรยาของเขาและลูกสะใภ้ นอนกองกันอยู่ที่พื้นหน้าตาดูไม่ได้แยกไม่ออกว่านี่หน้าคนหรือหัวหมู ท่ามกลางเสียร้องไห้ของหลาน ๆ
“น้องรอง พวกเจ้ากล้าดีจริง ๆ เพียงเพราะต้องการแยกบ้านต้องทำถึงเพียงนี้”
“หรือท่านอยากโดนทุบตีอีกคนเจ้าคะ ถึงจะยอมคืนสินเดิมของข้าและท่านแม่มา หากข้าไปแจ้งทางการแล้วล่ะก็ท่านว่าใครกันแน่ที่มีความผิด อย่าเอาความกตัญญูมากล่าวอ้าง สินเดิมของใครย่อมเป็นของคนนั้น อย่ามาทำตัวหน้าหนาเจ้าค่ะ”
“ตกลงพวกเจ้าจะเอายังไง” เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ฉีหลินพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหากนางไปแจ้งทางการแล้วล่ะก็พวกเขาต้องมีความผิดแน่ ๆ ทำไมนางถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวน้องชายของเขาที่ไม่เคยมีปากเสียงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พี่ใหญ่ คืนสินเดิมของเมียข้ากับลูกสะใภ้ข้ามา ข้าต้องการแยกบ้านส่วนที่นาข้าไม่เอาหากไม่เพราะข้าทำตามคำสั่งเสียของท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าจะยอมให้ท่านรังแกครอบครัวของข้าขนาดนี้หรือ ลูกชายข้าบาดเจ็บกลับมาพวกท่านก็เก็บเงินค่าสินไหมเอาไว้และไม่ยอมตามหมอมารักษา พวกท่านยังเป็นคนอยู่หรือไม่”
“ได้ในเมื่อเจ้าอยากแยกบ้านก็ย่อมได้แต่ข้าไม่มีอะไรจะคืนให้ มีเพียงที่ดินเชิงเขาของเมียเจ้าเท่านั้นที่เหลืออยู่ ส่วนแบ่งอาหารไม่มีทรัพย์สินทุกอย่างข้าไม่แบ่งหากเจ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องแยก หากอยากแยกบ้านก็ต้องทำตามข้อตกลงของข้า”
“ได้ แต่บ้านนี้ข้ามีสิทธิ์อยู่ เพราะเป็นบ้านที่ท่านแม่ยกให้ข้า”
“แต่ข้าไม่ให้อยู่ พวกเจ้าต้องย้ายออกไป”
“ท่านลุงหากท่านไล่เราออกจากบ้านที่ท่านย่ายกให้ท่านพ่อตอนนี้ ข้าจะทุบตีลูก ๆ ของท่านทุกวันดีหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ข้าจะจับเจ้าส่งทางการ ”
“ข้าก็จะจับท่านลุงและครอบครัวส่งทางการ นอกจากจะฮุบเอาสินเดิมของคนอื่นแล้วยังลงมือทำร้ายข้าอีกด้วย ข้าแค่ป้องกันตัวเอง ท่านคิดว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะเชื่อใคร พวกท่าน 6 คนมารุมทุบตีสตรีอ่อนแอเช่นข้าแค่คนเดียว ใครจะไปเชื่อพวกท่านกัน”
“เฟยจินไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา เขียนหนังสือแยกบ้าน”
“ขอรับท่านพ่อ”
หยางฮุ่ยเหอมองไปที่ฉีหลินด้วยความคับแค้นใจ และมองน้องชายที่เขากดขี่ข่มเหงมาหลายปีตลอดเวลาท่านแม่รักแต่น้องชายมีอะไรยกให้น้องชายก่อนในเมื่อไม่มีท่านแม่แล้วเขาจะต้องเอาคืนอย่างสาสมแต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้น้องชายที่ยอมเขามาตลอดจะลุกขึ้นมาต่อต้านเขา
ทันทีที่เฟยจินไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาเพื่อเขียนสัญญาแยกบ้าน ในตอนที่บ้านหยางเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันนั้นย่อมตกอยู่ในสายตาของชาวบ้านเมื่อหยางเฟยจินวิ่งหน้าตั้งไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ขากลับมาพร้อมหัวหน้าหมู่บ้านจึงมีชาวบ้านตามมาเป็นพยานเป็นจำนวนมาก จะกล่าวว่ามาช่วยเป็นพยานก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดหากแต่เพื่อสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเสียมากกว่าชาวบ้านหลายคนตามมาดูเพื่อสนองความต้องการของตัวเองและเพื่อให้ได้มีเรื่องนำไปซุบซิบนินทาในแต่ละวัน ในขณะที่รอหัวหน้าหมู่บ้าน หวังฉีหลินได้เริ่มมีปากเสียงกับหยางฮุ่ยเหอโดยมีพ่อสามีและน้องสาวของสามี ยืนมองอ้าปากค้าง ต่างคนต่างความคิด นี่เป็นลูกสะใภ้ตัวปลอมของเราแน่ ๆ ทำไมนางถึงได้กล้าที่จะมีปากเสียงกับพี่ชายของเขา แถมยังลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้และบรรดาลูกชายและลูกสะใภ้บ้านใหญ่อีกด้วย“ตกลงว่ายังไงเจ้าคะท่านลุง ท่านจะยอมคืนสินเดิมของท่านแม่และของข้าหรือไม่ หากไม่คืนข้าจะทุบตีภรรยาท่าน จนกว่าท่านจะยอมคืน”“หวังฉีหลิน มันจะมากไปแล้วนะ นี่เจ้าไม่เห็นหัวข้าที่เป็นผู้อาวุโสของบ้านหรืออย่างไร นอกจากเจ้าจะไม่ให้เกียรติภรรยาของข้าแล้วเจ้ายังมาลามปามข้า
บ้านใหญ่ตระกูลหยางหลังจากที่บ้านสายรองได้ทำการแยกบ้านออกไปแล้วนอกจากนี้นางหลินยังต้องคืนสินเดิมให้กับหวังฉีหลินกลับไปและยังมีที่ดินที่เป็นสินเดิมของนางฟางด้วย เรื่องนี้ทำให้นางหลินไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนพวกนี้มีความกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเรื่องสินเดิมของนางฟางนั้นถูกแม่สามีของนางนำไปใช้จ่ายจนหมดตั้งแต่สมัยแม่สามีของนางยังมีชีวิตอยู่พอหวังฉีหลินแต่งเข้ามานางจึงลอกเลียนแบบแม่สามีของตนเองโดยทำการยึดเอาสินเดิมของหวังฉีหลินมาเก็บเอาไว้โดยอ้างว่าสินเดิมของทุกคนต้องนำมาเก็บรวมกันที่บ้านใหญ่ถึงแม้ว่าหวังฉีหลินจะไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของนางก็ตาม แล้วตอนนี้นางจะทำยังเช่นไรล่ะนอกจากจะต้องคืนของแล้วนางยังต้องมาเจ็บตัวเองไม่รู้ว่านังฉีหลินถูกวิญญาณร้ายที่ไหนเข้าสิงมาถึงได้กล้าลงมือกับนางขนาดนี้ ไม่ใช่แค่นางยังมีลูกสะใภ้และลูกชายของนางด้วยต่อไปนี้คงรังแกคนพวกนั้นไม่ได้อีกแล้วแต่ด้วยนิสัยของนางหลินย่อมต้องหาโอกาสแก้แค้นอยู่แล้วแต่จะแก้แค้นสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูด้วยว่านางหลินมีความสามารถที่จะแก้แค้นหรือให้สำเร็จหรือไม่“เจ็บใจจริง ๆ แล้วแบบนี้สินเดิมของข้าล่ะท่านแม่จะทำยังไง ของก็คืนให้นังฉีหลินไปหมดแล
เช้าวันใหม่หลังจากกินมื้อเช้าแล้วครอบครัวหยางสายรองเข้าเมืองโดยอาศัยเกวียนของหัวหน้าหมู่บ้านที่จะเดินทางเข้าเมืองเพื่อนำหนังสือแยกบ้านไปยื่นให้กับทางการทำการลงบันทึก และหยางเทียนฉีเองก็ต้องยื่นขอทะเบียนบ้านใหม่และแจ้งย้ายที่อยู่ไปในเสียคราวเดียวกัน“เทียนฉีเจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะพาลูกเมียไปอยู่ที่ชายป่าหมอกทมิฬ”“ข้าคิดดีแล้วขอรับท่านลุงเมิ่ง มันอาจจะดีกว่าอยู่ที่นี่ขอรับ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้จะคิดทำอะไรอีก ที่ผ่านมาข้าทนมาพอแล้วขอรับ ทนแบกรับคำว่ากตัญญูเอาไว้บนบ่าจนลูกเมียต้องพลอยมาลำบากไปด้วย”“เจ้าคิดได้ก็ดีแล้วแต่ชายป่าหมอกทมิฬอันตรายมากนะ ข้ากลัวว่าสัตว์ป่าจะลงมาแล้วพวกเจ้าจะเป็นอันตราย”“ข้าคิดว่าจะทำกำแพงบ้านให้สูงหน่อยขอรับ”“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วข้าก็เอาใจช่วยและดีใจด้วยที่เจ้าหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้เสียที”“ขอรับ ขอบคุณท่านมาก”“พวกเจ้าพี่น้องอย่าได้เอาลุงใหญ่ของเจ้ามาเป็นเยี่ยงอย่างรู้หรือไม่ พี่น้องกันย่อมต้องรักใครปรองดองกัน”“ขอรับ ท่านลุงเมิ่ง”"เจ้าค่ะ ท่านลุงเมิ่ง"“ถึงพวกเจ้าจะย้ายไปแล้วหากมีอะไรให้ข้าช่วยก็มาบอกกับข้าได้ทุกเมื่อนะ หากมีอะไรที่ข้าช่วยได้
ครอบครัวหยางสายรองกลับมาถึงบ้านก็พบว่าหยางฮุ่ยเหม่ยกำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าประตูบ้าน ก่อนออกจากบ้านฉีหลินได้ใส่กุญแจเอาไว้โดยปกติแล้วหากไม่มีคนอยู่ในบ้าน หยางฮุ่ยเหม่ยจะใช้โอกาสที่ทุกคนทำงานอยู่ในแปลงนาเข้ามาหยิบจับและฉกฉวยเอาสิ่งของที่มีในบ้านสายรองไป นางทำเช่นนี้หลายต่อหลายครั้งและมีปากเสียงกันก็บ่อยครั้งแต่พี่ชายของเขาอ้างว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแค่หยิบของมาเล็กน้อยจะเป็นอะไรได้ อีกทั้งยังกล่าวหาว่าเขาเป็นคนใจแคบอีกด้วยฉีหลินไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ทุบตีคนให้หลุดมือไป ในเมื่อนางระบุเอาไว้ในสัญญาแยกบ้านชัดเจนแล้วแต่เหมือนว่าหยางฮุ่ยเหม่ยจะจำไม่ได้แบบนี้จะต้องมีการทุบตีเตือนสติกันเสียบ้างยังไม่ทันที่จะได้มีใครพูดอะไรหวังฉีหลินเดินเข้าไปด้านหลังของหยางฮุ่ยเหม่ยอย่างแผ่วเบา โดยที่ฮุ่ยเหม่ยไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าบ้านสายรองกลับมาแล้ว เพราะใจมัวแต่จดจ่อหาวิธีเข้าไปรื้อค้นของในบ้านจึงไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองฉีหลินยกเท้าขึ้นถีบไปที่ก้นของนาง จนทำให้นางที่ไม่ทันได้ระวังตัวล้มหน้าทิ่มพื้นลงไปทันที และก็ตามมาด้วยเสียง ตุ๊บ ตั๊บ ๆ อยู่เป็นระยะ ฮุ่ยเหม่ยทำได้แค่กรีดร้อง
หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในบ้านแล้วสองแฝดเพิ่งจะเห็นว่าในตะกร้าที่ท่านแม่ของพวกเขาสะพายอยู่นั้นมีก้อนอะไรกลม ๆ ขาว ๆ อยู่ ด้วยความสงสัยเจี้ยนเอ๋อร์จึงได้เอ่ยปากถามมารดาของตัวเองในสิ่งที่เขาสงสัยทันที“ท่านแม่ขอรับท่านแม่ อะไรอยู่ในตะกร้าของท่านแม่หรือขอรับ ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นกระต่ายหรือขอรับ”“อ่อ เจ้านี่หรือ มันชื่อเสี่ยวหลาง แม่ไปเจอมันอยู่ตัวเดียวในป่าเลยพามันกลับมาด้วย ต่อไปนี้มันจะมาอยู่กับพวกเราเป็นสมาชิกในบ้านของเรา ลูกต้องช่วยกันดูแลและห้ามรังแกมันเด็ดขาด”“ว้าว หมาล่ะ ลูกหมาล่ะ เฉิงเอ๋อร์ชอบมันที่สุดเลยขอรับท่านแม่ ”“เอาล่ะ ๆ ถ้าลูกชอบก็ดูแลมันให้ดี ๆ ล่ะ ไปอาบน้ำกันได้แล้ว”“ขอรับ เสี่ยวหลางเจ้าก็ต้องอาบน้ำด้วยนะ ถ้าเจ้าไม่อาบน้ำเจ้าต้องไปนอนนอกบ้าน” เจี้ยนเอ๋อร์“พวกเจ้ารออารองด้วย อารองไปอาบด้วยคน”“ท่านแม่เจ้าคะวันนี้ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“เฟยเทียนอาการดีขึ้นไม่น้อย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”“เจ้าค่ะท่านแม่ วันนี้ข้าคุยกับท่านพ่อแล้ว ให้ว่าจ้างช่างจากในเมืองมาช่วยสร้างบ้านให้พวกเราอยู่ชั่วคราวไปก่อน น้องรองเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเองก็ไม่วางใจหากข
หลังจากผ่านเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายไปแล้วทุกคนถึงได้เริ่มลงมือกินมื้อเช้า หลังจากจบมื้ออาหารเช้าวันนี้ฉีหลินจะเป็นคนไปเยี่ยมสามีของนางที่โรงหมอส่วนน้องชายน้องสาวทั้งสองคนจะอยู่ช่วยกันเก็บของที่จำเป็นใส่หีบ ถึงเวลาย้ายออกไปจะได้ง่ายขึ้นแม่สามีวันนี้จะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน ตอนนี้บ้านสายรองไม่จำเป็นต้องไปทำงานในแปลงนา เพราะพวกเขาไม่ได้ส่วนแบ่งที่นา ส่วนข้าวที่ปลูกไปแล้วพอถึงเวลาเก็บเกี่ยวบ้านใหญ่ก็คงจะไม่แบ่งให้พวกเขาอยู่แล้วในเมื่อไม่มีส่วนแบ่งเป็นของตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องไปลงแรงให้เปล่าประโยชน์ ลูก ๆ ของนางวันนี้ดูพวกเขาจะมีความสุขมากในบ้านมีแต่เสียงหัวเราะเพราะมีเพื่อนใหม่ถึงสามตัวเสี่ยวเฮยนั้นทำตัวเองให้เป็นเก้าอี้เพื่อให้เฉิงเอ๋อร์นั่ง ส่วนเสี่ยวหู่นั้นนอนมองเจี้ยนเอ๋อร์ขี่หลังเสี่ยวหลาง บางครั้งมันก็ให้เจี้ยนเอ๋อร์ขี่หลังมันบ้าง แต่เพราะกลัวจะมีคนเห็นว่ามันเป็นเสือมันจึงได้เพียงย่อขนาดให้เท่ากับลูกแมวและไปตามออดอ้อนแม่สามีเพื่อขอของกิน“เสี่ยวเฮยเราไปหาท่านย่าที่ห้องครัวกันเถอะ” เสียงเล็ก ๆ ของเฉิงเอ๋อร์ชวนสหายตัวใหม่เพื่อไปขอขนมท่านย่ากิน“ใช่แล้ว เสี่ยวหลางเราเองก็ไปกันเถอะ เดี๋ย
ฉีหลินออกมาคุยกับท่านหมอที่รักษาสามีของนางเพื่อแจ้งแก่ท่านหมอว่านางจะพาสามีกลับไปพักฟื้นที่บ้าน เมื่อแจ้งความประสงค์กับท่านหมอแล้ว ฉีหลินได้รับเงินจากโรงหมอคืนเป็นเงิน 30 ตำลึง เมื่อจัดการเรื่องค่าหมอค่ายาเสร็จแล้ว ฉีหลินมุ่งหน้าไปเช่าเกวียนเพื่อมารับสามีนางกลับไปรักษาตัวที่บ้านทันที ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามีของนางฟื้นตัวได้เร็วนั้นเพราะน้ำพุวิญญาณที่นางแอบนำมาผสมน้ำให้สามีดื่มอยู่เป็นประจำอีกทั้งน้ำกินน้ำใช้ที่บ้านย่อมผสมน้ำพุวิญญาณลงไปด้วย ตอนนี้แม่สามีของนางเองดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นมาจากปกติร่างกายที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ของนาง หลังจากได้ดื่มกินน้ำผสมน้ำพุวิญญาณทำให้ร่างกายของนางแข็งแรงขึ้นฉีหลินออกไปได้ไม่นาน นางก็กลับมาพร้อมเกวียนเพื่อมารับเฟยเทียนกลับบ้าน ตอนนี้เขาเดินได้แล้วแต่ไม่สามารถเดินนาน ๆ ได้ ตอนแรกเขาหมดหวังแล้วเพราะป้าสะใภ้ยึดเอาเงินไปและไม่ยอมให้หมอรักษาเขา เขาคิดว่าตัวเองคงจะกลายเป็นคนป่วยพิการนอนติดเตียง อยู่เป็นภาระลูกเมียและพ่อแม่เสียแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็สามารถมารักษาและหาหมอทัน เป็นเพราะภรรยาของเขาที่ต่อสู้เพื่อครอบครัว ในวันที่เขาเห็นน้องชายน้องสาวพาภรรยาที่บาดเจ็บก
ฉีหลินและเฟยจินกลับมาถึงบ้านทั้งสองคนนำปลาไปใส่ถังโอ่งดินใบเล็ก ๆ เอาไว้ก่อนจากนั้นฉีหลินก็นำใบบัวไปล้างให้สะอาดพักเอาไว้ ส่วนกุ้งนางกำลังคิดว่าจะทำอะไรกินดี กุ้งแม่น้ำตัวโตขนาดนี้ทำไมคนที่นี่เรียกปลาเปลือกแข็งกัน ถ้ากุ้งเรียกปลาเปลือกแข็งแล้วถ้าเป็นปูล่ะจะเรียกว่าอะไร คงไม่เรียกว่าปลากระดองแข็งหรอกใช่ไหม ฉีหลินหัวเราะคิกคักกับความคิดไร้สาระของตัวเองแต่เอาเข้าจริงคนที่นี่เรียกปูว่าปลากระดองแข็งจริง ๆ นี่คือสิ่งที่ฉีหลินรับรู้ในเวลาต่อมาฉีหลินจะทำข้าวห่อใบบัวแต่เครื่องปรุงอาจจะไม่ครบ เช่นนั้นก็มาดัดแปลงเอาตามของที่มีก็แล้วกัน นางเดินเข้าไปในครัวไม่รู้ว่าที่โลกแห่งนี้จะมีเผือกหรือยัง เพราะความทรงจำบางส่วนขาดหายนางจึงไม่แน่ใจว่ามีหรือยังถึงจะไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่มี แต่ในมิตินางมีในเมื่ออยากกินต้องได้กิน ฉีหลินเริ่มต้นด้วยการแกะกุ้งพักเอาไว้ จากนั้นก็ไปหุงข้าว นำเผือกออกมาหั่นเต๋าเอาไว้ ในห้องครัวมีแครอทพอดีนางนำมาหั่นเต๋าเอาไว้เช่นเดียวกัน“แล้วเราจะใส่กุนเชียงดีหรือไม่ ถ้าไม่ใส่ก็จะไม่อร่อยน่ะสิ แต่ถ้าใส่จะตอบคำถามทุกคนว่ายังไงดี โอ้ยย ปวดหัวจริง ๆ อึดอัดจะแย่แล้ว ใส่ ๆไปเถอะงั้นก็เรื
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่