หลังเมิ่งเซ่อออกไป อาหารดี ๆ ที่วางอยู่เต็มโต๊ะทั้งหมดก็ตกเป็นของเวินเหลียงและฟู่ซือฝานในใจเวินเหลียงแอบผุดความดีใจน้อย ๆ ออกมานิดหน่อย ดีใจที่เมิ่งเซ่อกลับไปแล้ว ไม่ต้องคอยเผชิญหน้าเขาอยู่ตลอดฟู่ซือฝานเองก็ดีใจสุด ๆ เธอกินเนื้ออย่างเบิกบานใจกินจนข้างปากเธอมันแผลบไปหมด บนมือน้อย ๆ ก็เต็มไปด้วยคราบน้ำซุปจากการปอกเปลือกกุ้ง เธอเงยหน้าพูดกับเวินเหลียงว่า “ป้าสะใภ้คะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลากินข้าวเที่ยงเหรอคะ? เขาดูยุ่งจังเลย”“เขาต้องทำงานหาเงินนะ”“แต่ไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนป้าสะใภ้ ป้าสะใภ้จะไม่เหงาแย่เหรอคะ? คุณลุงของหนูมีทั้งเงินมีทั้งเวลา...”เวินเหลียงยัดกุ้งตัวโตเข้าไปในปากเธอตัวหนึ่ง “ขนาดกินอยู่ยังอุดปากเธอเอาไว้ไม่ได้เลย”“อื้อ ๆ” ฟู่ซือฝานล้วงกุ้งตัวโตที่อยู่ในปากออกมา แล้วพูดกระซิบขึ้นว่า “ก็มันจริงนี่”“เธอกินอาหารมื้อใหญ่ที่เขาเลี้ยงอยู่นะ...”“ใจหนูอยู่ข้างคุณลุง” ฟู่ซือฝานพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจังว่า “ก็แค่ข้าวมื้อเดียว จะซื้อตัวหนูได้ยังไง? หมูตุ๋นน้ำแดงนี่ก็อร่อยดี”เวินเหลียง “...”ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที เวินเหลียงเปิดโทรศัพท์ แล้วส่งข้อความไปให้เมิ่งเซ่อ “ถึงบร
แม่เจ้าหนักจริง ๆโดยเฉพาะตอนนี้เป็นฤดูหนาว ยิ่งใส่เสื้อผ้าหนาเข้าไปอีกเวินเหลียงอุ้มฟู่ซือฝานเดินหน้าไปได้ไม่กี่ก้าว ที่แขนก็เริ่มล้าขึ้นมา เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกเริ่มไหลลงมาช้า ๆเวินเหลียงอุ้มตัวเธอให้ขึ้นมา ก่อนจะสาวเท้าอย่างรวดเร็ว พลางตะโกนเรียก “ป้าหวังคะ ออกมาหน่อยค่ะ...”ขณะเกือบจะถึงประตูห้องรับแขกแล้ว ป้าหวังก็รีบออกมาอย่างรวดเร็ว เธอรับฟู่ซือฝานที่อยู่ในอ้อมอกเวินเหลียงซึ่งใกล้จะหล่นลงมาแล้วเอาไว้เวินเหลียงช่วยเอามือรองขึ้นไปด้านบนฟู่ซือฝานตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เธอขยี้ตา เมื่อเห็นว่าคนที่อุ้มตัวเองอยู่คือป้าหวัง เธอก็มองไปรอบ ๆ ครั้นเห็นเวินเหลียงเธอก็ยื่นมือไปทางเวินเหลียง พร้อมเรียกด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความง่วงยังไม่ตื่นดี “ป้าสะใภ้”เวินเหลียงกุมมือของเธอเอาไว้ แล้วเดินตามขึ้นไปชั้นบนอยู่ข้าง ๆ ป้าหวัง “ป้าอยู่นี่”ฟู่ซือฝานหลับตาลงแล้วนอนต่อป้าหวังวางฟู่ซือฝานลงไปบนเตียง ช่วยเธอถอดรองเท้า เสื้อนวมปุยฝ้ายด้านนอก และกางเกงผ้านวมออก จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้เธอฟู่ซือฝานลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะคว้าเงาร่างของเวินเหลียงที่อยู่ข้างเตียงเอาไว้ “ป้าสะใภ้คะ ป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มือของฟู่เจิงก็อดไม่ได้ที่จะออกแรง เส้นเลือดหลังมือกระตุกขึ้นมา นัยน์ตาทั้งสองยิ่งเคร่งขรึมลงขึ้นเรื่อย ๆ จ้องเวินเหลียงราวกับเหยี่ยว ในขณะเดียวกันก็เดือดดาลจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาแล้ว พร้อมทั้งมีความรู้สึกขมขื่นอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ความรู้สึกกลัดกลุ้มเจ็บปวดราวกับเชื้อราที่ขึ้นในหน้าฝน มันค่อย ๆ ผุดขึ้นมาเมื่อเวินเหลียงเห็นว่าสายตาของฟู่เจิงเริ่มดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็เสียวสันหลังวาบ ก่อนจะออกแรงสลัดพันธนาการของเขาออก “ฟู่เจิง คุณจะทำอะไรน่ะ? คุณทำฉันเจ็บแล้วนะ!”ฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง กดความเดือดพล่านไม่สมดุลนั่นลงไปในคอ เขาปล่อยมือเวินเหลียงออก “เธอไม่ได้ชอบโจวอวี่ เธอไม่ได้ชอบโจวอวี่มาตั้งแต่แรกใช่ไหม?”เวินเหลียงบีบข้อมือของตัวเอง พลางกลอกตาขาวใส่ฟู่เจิงทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป “ฉันจะชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”ฟู่เจิงยืนอยู่ที่เดิม มองเงาเบื้องหลังของเวินเหลียงด้วยนัยน์ตาถมึงทึงเขาเดาถูกจริง ๆ ด้วยเดิมทีแล้วคนที่เธอชอบไม่ใช่โจวอวี่!แต่เธอเองก็ไม่มีทางไปชอบเมิ่งเซ่อแน่สำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และต้องมาสูญเ
หลังกินข้าวเสร็จ ฟู่ซือฝานก็กอดตุ๊กตาเสือขาวไปนั่งดูการ์ตูนบนโซฟาฟู่เจิงถือโทรศัพท์พลางเดินลงจากบันไดไปชั้นล่าง “ฝานฝาน วิดีโอคอลจากแกรนมาของเธอ”ฟู่ซือฝานรับโทรศัพท์มาอย่างประหลาดใจ มองฟู่ชิงเยว่ที่อยู่ในหน้าจอ พลางทำปากจู๋จูบไปสองที “แกรนมา! กุดอีฟนิ่งค่ะ!”เมื่อฟู่ชิงเยว่เห็นว่าฟู่ซือฝานอารมณ์ดีมีชีวิตชีวา เธอก็เบาใจลง “ฝานฝาน อยู่ที่เมืองเจียงเฉิงเป็นยังไงบ้าง?”“หนูชอบเมืองเจียงเฉิงมาก ๆ เลยค่ะ!”“ก็พอจะดูออกอยู่นะ สองวันนี้คุณลุงเธอพาเธอไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาบ้างล่ะ?”ฟู่ซือฝานแก้ไขให้ถูกต้องด้วยทีท่าจริงจัง “เป็นป้าสะใภ้ต่างหากค่ะ ป้าสะใภ้พาหนูไปหลายที่มาก ๆ ดูสิคะ!”เธอชูตุ๊กตาเสือขาวไปหน้ากล้อง “นี่เป็นตุ๊กตาที่ป้าสะใภ้ซื้อให้หนูที่สวนสัตว์ ตั้งสามตัวแน่ะ! น่ารักสุด ๆ ไปเลย!”สีหน้าของฟู่ชิงเยว่เคร่งขรึม “ป้าสะใภ้? เวินเหลียง? คุณลุงของเธอหย่ากับเวินเหลียงแล้วไม่ใช่เหรอ?”ฟู่ซือฝานรู้ว่าฟู่ชิงเยว่ไม่ชอบเวินเหลียง จึงอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณลุงยุ่งมาก ๆ ก็เลยให้ป้าสะใภ้พาหนูไปเที่ยว แกรนมาคะ หนูชอบไปเที่ยวเล่นกับป้าสะใภ้ค่ะ!”นัยน์ตาของฟู่ชิงเยว่ประกายความไม่พ
ฟู่เจิงโยนโทรศัพท์ไปไว้ข้าง ๆ ก่อนจะตบไหล่ด้านหลังฟู่ซือฝานเบา ๆ “ฝานฝาน ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ...”ฟู่ซือฝานพาดตัวอยู่ในอ้อมอกของฟู่เจิง ร้องไห้ฮือ ๆ พลางสะอึกสะอื้นฟู่เจิงไม่รู้ว่าควรปลอบยังไงดี เขาจึงเอาแต่ตบหลังของเธอเบา ๆ ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูจากบนโต๊ะมาให้เธอสองแผ่นอย่างอ่อนโยนและเบามือ รอเธอค่อย ๆ สงบลงฟู่ซือฝานเช็ดน้ำตาไปพลางเปล่งเสียงฮือ ๆ ออกมาจากในลำคอไม่หยุด“ฝานฝานไม่ร้องนะ เธอชอบใครก็ไปเล่นกับคนนั้นได้เลย หืม? ไม่ต้องไปฟังแกรนมาของเธอนะ”ฟู่ซือฝานพิงอยู่บนไหล่ของฟู่เจิง ขอบตาแดงระเรื่อ บนขนตายังมีน้ำตาติดอยู่ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสะอึกสะอื้นอยู่หน่อย ๆ “คุณลุง ทำไมคุณย่าถึงไม่ชอบป้าสะใภ้ล่ะคะ?”สีหน้าของฟู่เจิงเคร่งขรึมเล็กน้อย เขาเองก็เคยคิดปัญหาข้อนี้เหมือนกันนับตั้งแต่เวินเหลียงเข้ามาในตระกูลฟู่ ฟู่ชิงเยว่ก็ไม่เคยทำสีหน้าดี ๆ ใส่เวินเหลียงเลยสักครั้งเพียงแต่ตอนแรกเธอเหมือนแค่ทำว่าเวินเหลียงเป็นอากาศเท่านั้นทว่าต่อมาหลังจากที่คุณปู่ประกาศข่าวการแต่งงานของเขากับเวินเหลียง ฟู่ชิงเยว่ก็ต่อต้านรุนแรงขึ้น กระทั่งกลับประเทศมาโวยคุณปู่โดยเฉพาะ และเธอคงเคยไปหาเวินเหลี
ปลายสายรับสาย น้ำเสียงของฟู่ชิงเยว่สงบลงแล้ว เธอถามขึ้นว่า “ฝานฝานหลับไปแล้วเหรอ?”“ครับ”ฟู่ชิงเยว่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในน้ำเสียงเผยความจนใจออกมา “อาเจิง ที่อาทำก็เพื่อเธอทั้งนั้น ทำไมเธอถึงเอาแต่ดื้อรั้นล่ะ?”“นอกจากเวินเหลียงแล้ว ผมก็ไม่อยากแต่งงานกับใครอีก คุณอาไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความหรอกครับ ที่ผมโทรกลับหาคุณอา ก็เพราะอยากหารือเรื่องฝานฝาน”ในน้ำเสียงของฟู่ชิงเยว่แฝงไปด้วยความกังวล “ฉันว่าเธอถูกเวินเหลียงล่อให้หลงใหลเข้าจริง ๆ แล้ว! เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เวินเหลียงมีลูกไม่ได้ เธอก็เลยอยากรั้งฝานฝานให้อยู่ในประเทศ ให้ฝานฝานไปเป็นลูกสาวของเวินเหลียง?! ฉันจะบอกเธอให้นะ เรื่องนี้ฉันไม่ยอมหรอก!!”นัยน์ตาของฟู่เจิงประกายความเย็นชา บนใบหน้าปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกชั้นหนึ่ง “คุณอารู้ได้ยังไงครับ?”“ก็เวินเหลียง...” ฟู่ชิงเยว่หลุดปากโพล่งออกมา อยากพูดอะไรต่อทว่าก็กลั้นเอาไว้ “วันนั้นหลังจากที่เธอบอกว่าเวินเหลียงแท้ง ฉันก็ให้คนไปสืบดูที่โรงพยาบาล เป็นเพราะเธอมีลูกอีกไม่ได้ ฉันถึงยืนกรานต่อต้านไม่ให้เธอกับเวินเหลียงกลับมาแต่งงานกันใหม่ ตัวเธอเองก็คิดพิจารณาให้มันดี ๆ หรือว่าเธอ
เช้าวันเสาร์เก้าโมงครึ่ง เวินเหลียงมารับฟู่ซือฝานที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวาน พาเธอไปช็อปปิงที่ห้างเมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ทั้งสองคนจึงกำลังจะเดินทางไปยังร้านอาหาร ทันใดนั้นเวินเหลียงก็ได้รับข้อความจากเมิ่งเซ่อ “พี่ครับ เจอร้านกาแฟร้านหนึ่งระหว่างทาง พี่อยากดื่มอะไรไหม?”ต่อจากนั้นเขาก็ถ่ายเมนูส่งมาเวินเหลียงกดดูเมนู แล้วเธอก็โน้มตัวลง “ฝานฝาน เธออยากดื่มอะไร?”ฟู่ซือฝานมองทีหนึ่ง นัยน์ตาดำขลับกลอกไปมาทีหนึ่ง สั่งของที่แพงที่สุด จากนั้นเธอก็กัดนิ้วพลางพูดขึ้นว่า “ป้าสะใภ้คะ หนูอยากได้สามแก้ว แก้วหนึ่งของหนู แก้วหนึ่งให้คุณลุง อีกแก้วหนึ่งให้คุณย่าหวังค่ะ”เวินเหลียง “...”เจ้าตัวน้อยคนนี้ เปลี่ยนวิธีมาขูดรีดเงินของเมิ่งเซ่อแทน“ได้ สามแก้วก็สามแก้ว” เวินเหลียงบอกชื่อเมนูกับเมิ่งเซ่อ พร้อมโอนเงินไปให้เขาเมิ่งเซ่อ “พี่ครับ ทำไมพี่ถึงโอนเงินมาให้ผมอีกแล้ว บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมจะเลี้ยง!”คืนนั้นพอกลับไปถึงบ้าน เวินเหลียงก็โอนเงินค่าอาหารเที่ยงให้เมิ่งเซ่อทันที สุดท้ายเธอก็กินกับฟู่ซือฝานแค่สองคน จะให้เมิ่งเซ่อเป็นคนออกเงินได้ยังไงครั้งนั้นทีแรกเมิ่งเซ่อจะไม่ยอมรับเงินไป แต่เวิ
“พี่ครับ ฝานฝาน กินเลย ไม่ต้องเกรงใจ”ฟู่ซือฝานไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาได้ก็เริ่มคีบหลังจากนั้นจานที่สาม จานที่สี่ จานที่ห้า จานที่หกก็มาเสิร์ฟ...หลังเสิร์ฟจานที่หกมา เวินเหลียงเห็นอาหารเต็มโต๊ะไปหมด เธอจึงพลั้งพูดขึ้นว่า “คงหมดแล้วใช่ไหม? ทำไมสั่งเยอะขนาดนี้ล่ะ พวกเรากินกันไม่หมดแน่?”เมิ่งเซ่อเงยหน้ามองเวินเหลียงทีหนึ่ง พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “ยังเหลืออีกสองสามอย่างครับ เป็นเมนูที่พี่ส่งมาให้ผมไม่ใช่เหรอครับ?”“หา?” เวินเหลียงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หลังเปิดอ่านข้อความในห้องแชตของเมิ่งเซ่อ เธอเกือบจะโยนฟู่ซือฝานออกไปนอกร้านแล้ว!เธอปิดหน้าจอโทรศัพท์ แล้วมองไปที่ฟู่ซือฝานอย่างเย็นชาฟู่ซือฝานก้มหน้าลงเงียบ ๆ พลางเกี่ยวนิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจเวินเหลียงหันไปยิ้มแสดงความขอโทษกับเมิ่งเซ่อทีหนึ่ง “ขอโทษนะ”“พี่พูดขอโทษอะไรกันครับ เดิมทีผมก็บอกว่าจะเป็นคนเลี้ยง พวกพี่อยากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น” เมิ่งเซ่อรีบพูดขึ้น ทว่าก็เดาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวได้ที่แท้ก็เป็นอาหารที่ฟู่ซือฝานสั่งนี่เองมิน่าล่ะ!เขาร