Share

บทที่ 2

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
จ้านเป่ยว่างจนใจเล็กน้อย "ทำไมต้องหาเรื่องด้วยล่ะ? นี่คือพระราชทานสมรสที่ฝ่าบาทออกให้ และแม้ว่ายี่ฝางจะเข้ามา พวกเจ้าก็อยู่คนละเรือนกัน และนางก็จะไม่แย่งชิงสิทธิในการบริหารครอบครัวกับเจ้า ซีซี สิ่งที่เจ้าให้สำคัญนั้นนางไม่สนหรอก"

"ท่านคิดว่าข้าสนใจอยากกุมอำนาจดูแลบ้านเหรอ?" ซ่งซีซีถามกลับ มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นผู้นำที่ดูแลจวนแม่ทัพ แค่ยาที่หมอมหัศจรรย์ดันออกให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินในแต่ละเดือนก็ต้องเสียเงินหลายสิบตำลึง ไหนจะของกินของใช้ของทุกคน ไหนจะมีญาติพี่น้องและเพื่อนต้องติดต่ออีก ต้องใช้เงินไปหมด

จวนแม่ทัพมีแค่มีชื่อเสียงเท่านั้น ในปีที่ผ่านมา เงินสินเดิมของนางใช้อุดหนุนไปไม่น้อยเลย แต่นี่คือผลที่นางแลกมางั้นหรือ

จ้านเป่ยว่างหมดความอดทนโดยสิ้นเชิง "ช่างเถอะ ข้าไม่อยากเสียน้ำลายกับเจ้า ข้าแค่ต้องแจ้งให้เจ้าทราบเรื่องก็เท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนใจข้าได้"

ซ่งซีซีเฝ้าดูเขาเดินจากไปอย่างเย็นชา รู้สึกตัวเองน่าขำมากทีเดียว

"คุณหนู" เป่าจูเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ "ท่านเขยเขารังแกคนมากเกินไปจริงๆ"

"อย่าเรียกไปมั่ว!" ซ่งซีซีเหลือบมองนางเบาๆ "เขาและข้ายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ดังนั้นยังไม่นับเป็นเขย ไปเอารายการสินเดิมของข้ามา"

"ทำไมต้องการรายการสินเดิมเล่า" เป่าจูถาม

ซ่งซีซีเคาะหน้าผากของนาง "เด็กโง่เอ๊ย ครอบครัวแบบนี้ ทำไมเราถึงจะอยู่ต่อล่ะ?"

เป่าจูกุมหน้าผากของนางแล้วคร่ำครวญว่า "แต่การแต่งงานนี้เป็นฮูหยิงจัดให้ท่าน ตอนท่านโหวยังมีชีวิตอยู่ เขายังบอกด้วยว่าเขาหวังว่าท่านจจะแต่งงานและมีลูกด้วย"

เมื่อพูดถึงท่านแม่ของนาง ดวงตาของซ่งซีซีเต็มไปด้วยน้ำตา

ท่านพ่อของนางไม่ได้แต่งอนุภรรยา มีท่านแม่ของนางคนเดียว มีลูกชายหกคนและลูกสาวหนึ่งคน ท่านพี่ทั้งหมดของนางติดตามท่านพ่อไปออกศึก ในระหว่างการสู้รบที่เขตหนานเจียงเมื่อสามปีที่แล้ว ไม่มีใครรอดเลย

นางมาจากครอบครัวทหาร แม้ว่านางจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่นางก็ฝึกฝนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อนางอายุได้เจ็ดขวบ พ่อของนางส่งนางไปที่ภูเขาเหม่ยชานเพื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากอาจารย์ของนาง และนางก็เชี่ยวชาญกับกลยุทธ์ทางทหาร

จนกระทั่งนางอายุสิบห้าปีเลยออกจากนั้น จากนั้นนางถึงได้รู้ว่าพ่อและพี่ชายของนางเสียชีวิตในสนามรบเขตหนานเจียงเมื่อปีที่แล้ว

แม่ของนางร้องไห้จนตาพร่าและกอดนาง "จากนี้ไปเจ้าจะเป็นเหมือนคุณหนูสูงศักดิ์ที่เมืองหลวงจิง หาสามีที่ดี แต่งงานมีลูกกัน และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตลอดไป ข้าเหลือเจ้าคนเดียวแล้ว"

หัวใจของนางรู้สึกโดนมีดแทงใจเข้า นางเจ็บปวดมากจนไม่สามารถแม้แต่จะหลั่งน้ำตาได้

จากนั้นนางก็ใช้เวลาหนึ่งปีในการเรียนรู้สามคล้อยสี่คุณธรรม ความสามารถสำหรับฮูหยิงที่จัดการเรื่องการเงินของครอบครัว เพื่อให้ท่านแม่ของนางมีความสุข

บุตรีของฮูหยิงเอกจากจวนโหวเจิ้นเป่ยจัดหาสามี เนื่องจากนางมีรูปลักษณ์งดงามล่มเมืองจึงมีผู้คนมากมายมาขอแต่งงาน แม่ของนางเลือกจ้านเป่ยว่างให้นาง เพราะจ้านเป่ยว่างสาบานต่อหน้าแม่ของนางว่าถ้าเขาสามารถแต่งซีซีเป็นภรรยา เขาจะไม่แต่งอนุภรรยาเด็กขาด

แต่ครึ่งปีที่แล้ว ทั้งจวนโหวเจิ้นเป่ยถูกสังหารชั่วโคตร ทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอต่างเสียชีวิตไปหมด แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่รอด แต่ละคนถูกฟันหนึ่งร้อยแปดครั้ง และศพของพวกเขาถูกหักออกเป็นชิ้นๆ

น่าสงสารที่หลานชายคนเล็กของนางอายุเพียงสองขวบครึ่ง เขาเป็นลูกชายมรณกรรมของพี่ชายคนที่สามของนาง

เขตจิงจ้าวและค่ายลาดตระเวนเข้ามาจับผู้บงการหลายคนได้ ซึ่งกลับเป็นสายลับเมืองซีจิง

สงครามที่ชายแดนยังคงตึงเครียด และสายลับเมืองซีจิงกลับไม่กลัวจะโดนเปิดเผยตัวตน ยังต้องการฆ่าทั้งครอบครัวของจวนโหวด้วยซ้ำ และวิธีการสังหารนั้นก็เหมือนกับการระบายความโกรธมากกว่า

เมื่อนางได้รับข่าว นางก็รีบวิ่งกลับบ้าน แต่เพียงพบศพของท่านย่าและท่านแม่ของนางโดยโดนทำร้ายจนเป็นชิ้นๆ แล้ว

ทั้งจวนนั้นเต็มไปด้วยเลือด และสภาพการตายของทุกคนช่างน่าสงสารมาก

บัดนี้ ทั้งจวนโหวเจิ้นเป่ยเหลือนางคนเดียว หากอยากฟื้นฟูจวนโหวเจิ้นเป่ยเป็นเรื่องที่ไปเห็นไม่ได้อีกเลย อย่างน้อย คนนอกคิกว่ามันเป็นไปไม่ได้

เพราะถึงยังไง ทุกคนต่างก็รู้ว่านางเป็นเพียงผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่งก็เท่านั้น

ส่วนยี่ฝางแตกต่างออกไป นางเอาชนะศึก และเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกในราชวงศ์ แถมไทโฮ่วยังชื่นชมว่า หากมีนางช่วยจ้านเป่ยว่างไว้ อนาคตของจ้านเป่ยว่างจะยิ่งไปไกล ดังนั้นคนของตระกูลจ้านย่อมเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (45)
goodnovel comment avatar
Jureerat
เนื้อเรื่องดี น่าติดตามคะ
goodnovel comment avatar
Tasheka Smith
kool movie
goodnovel comment avatar
Romelyn Pino Parangan
English pls
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 3

    เป่าจูหยิบรายการสินเดิมมา "ในเวลาหนึ่งปีนี้ ท่านได้อุดหนุนเงินไปมากกว่าหกพันตำลึง แต่ร้านค้า บ้านพัก และสวนต่างไม่ได้แตะต้องเลย ใบรับรองเงินฝากของฮูหยิงที่เก็บไว้ในร้านฝากเงินตอนมีชีวิต และโฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน ฯลฯ ทั้งหมดอยู่ในกล่องแถมได้ปิดไว้เรียบร้อย""อืม!" ซ่งซีซีดูรายการนั้น ท่านแม่ของนางให้สินเดิมก้อนโตแก่นางในเวลานั้น คงกลัวว่านางจะต้องทนทุกข์ในครอบครัวของสามี และนางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างรุนแรงขึ้นมาเป่าจูถามอย่างเศร้าๆ จากด้านข้าง "คุณหนู เราจะไปที่ไหนได้บ้าง หรือว่าจะกลับจวนโหวเหรอ ไม่งั้นเรากลับภูเขาเหม่ยชานดีไหม"สายตาของนางแวบภาพที่ทั้งจวนเต็มไปด้วยเลือดและศพอันน่าสลดใจของคนในครอบครัว นางรู้สึกเจ็บปวดใจทันที "ไปไหนก็ได้ ยังไงก็ดีกว่าอยู่ที่นี่""พอท่านไปแล้ว มันก็ให้พวกเขาได้สมหวังสินะ"ซ่งซีซีพูดดรียบๆ "ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาได้สมหวังเถอะ หากข้าอยู่ต่อ ก็จะใช้ชีวิตอย่างทรมานเมื่อต้องเห็นพวกเขารักใคร่กัน เป่าจู ยามนี้ จวนโหวเหลือข้าเพียงคนเดียว ข้าต้องอยู่ดีกินดีเพื่อที่พ่อแม่และพี่ๆ ของข้าที่อยู่ในสวรรค์ได้หายห่วง""คุณหนู!" เป่าจูร้องไห้อย่างหนัก นางเป็นผู้รับใช้ที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 4

    ฮูหยินผู้เฒ่าฝืนยิ้ม "จะชอบหรือไม่ยังให้คำตอบไม่ได้ เพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ในเมื่อฝ่าบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว ต่อไปนางและเป่ยว่างร่วมือกันเพื่อสร้างผลงานในกองทัพ ส่วนเจ้าจัดการดูแลเรื่องฝ่ายในของจวนแม่ทัพ เพลิดเพลินกับความสำเร็จทางการทหารที่พวกเขาต่อสู้มา ช่างดีเหลือเกิน""ดีจริงๆ!" ซ่งซีซียิ้ม "แต่ให้แม่ทัพยี่เป็นแค่อนุภรรยาคงไม่เหมาะกับสถานะของนางสินะ"ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแล้วกล่าวว่า "เจ้าเด็กโง่เอ๊ย นางจะเป็นแค่อนุภรรยาได้ยังไง ในเมื่อฝ่าพระบาททรงพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว อีกอย่างนางยังเป็นผู้บัญชาการทหาร เป็นข้าราชการในราชสำนักด้วย ข้าราชการจะเป็นอนุภรรยาได้ยังไง เป็นภรรยาที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครเหนือกว่า"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ไม่มีใครเหนือกว่างั้นเหรอ ราชวงศ์ของเรามีกฎเช่นนี้หรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าดูเย็นชาเล็กน้อย "ซีซี เจ้าเป็นคนมีเหตุผลเสมอ ในเมื่อเจ้าได้แต่งเข้าตระกูลจ้านแล้ว ควรตามกฏของตระกูลจ้านก่อน หลังจากได้รับตรวจสอบโดยกระทรวงกลาโหมแล้ว ยี่ฝางสร้างผลงานโดดเด่นกว่าเป่ยว่างในสงครามครั้งนี้ ต่อไปสองสามีภรรยาพวกเขามีใจเดียวกันกัน บวกกับมีเจ้าดูแลฝ่าย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 5

    คนของตระกูลจ้านต่างมองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าซ่งซีซีมักจะที่อ่อนแอนั้น ยามนี้จะเด็ดขาดเช่นนี้ยิ่งกว่านั้นนางไม่ยอมเชื่อฟังท่านแม่ด้วยซ้ำฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา "นางต้องยอมแน่นอน นางไม่มีทางเลือกอื่น"ใช่ไง บัดนี้นางไม่มีครอบครัวที่ให้พึ่งพา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในตระกูลจ้าน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลจ้านไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง นางยังเป็นภรรยาเอกเช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีนำเป่าจูกลับจวนโหวเจิ้นเป่ยภายในจวนก็รกร้าง ใบไม้ร่วงหล่นกองอยู่อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนดูแลมาครึ่งปีแล้ว และลานบ้านของจวนโหวมีวัชพืชที่สูงพอๆ กับผู้ใหญ่ได้เมื่อเหยียบเข้าไปในจวนโหวอีกครั้ง ซ่งซีซีก็รู้สึกเจ็บใจจนเหมือนโดนมีดแทงใจเมื่อหกเดือนก่อน นางตกใจเมื่อได้ยินว่าครอบครัวของนางถูกสังหารไปหมด นางทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าศพของท่านย่าและท่านแม่ พวกนางหนาวมากจนไม่มีความอบอุ่นแม้แต่นิดเลย และทุกที่ของจวนก็เปื้อนไปด้วยเลือดหมดมีห้องโถงของบรรพบุรุษอยู่ในจวนโหว และป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษของตระกูลซ่งและท่านแม่ของนางล้วนอยู่ในห้องโถงของบรรพบุรุษนางและเป่าจูกำลังเตรียมเครื่องบูชา และน้ำตาของพวกนางก็ไม่เคยหยุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 6

    ซ่งซีซีคุกเข่าในห้องอ่านหนังสือของจักรวรรดิ ลดศีรษะลงพลางหรี่ตาลงจักรพรรดิ์ซูชิงจำได้ว่าทั้งครอบครัวจวนโหวเจิ้นเป่ยตอนนี้เหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมา "ลุกขึ้นค่อยพูด!"ซ่งซีซีประสานมือแล้วกราบ "ฝ่าบาทเพค่ะ ที่หม่อมฉันมาขอพบในวันนี้ถือว่าทำตัวล่วงเกินไปจริงๆ แต่หม่อมฉันอยากขอเรื่องหนึ่งจากฝ่าบาทเพค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงว่า "ซ่งซีซี ข้าได้ออกพระราชโองการแล้ว และไม่สามารถกลับคำได้"ซ่งซีซีส่ายหัวเบาๆ "หม่อมฉันขอร้องฝ่าบาทออกพระราชโองการให้หม่อมฉันกับแม่ทัพจ้านหย่าโดยสันติเพค่ะ"จักรพรรดิ์หนุ่มตกใจ "หย่า? เจ้าต้องการหย่าหรือ?"เดิมทีเขาคิดว่านางมาที่นี่เพื่อขอร้องให้เขาถอนพระราชโองการกาแต่งงาน แต่ไม่ได้คาดคิดว่านางมาขอออกพระราชโองการให้หย่าโดยสันติซ่งซีซีกลั้นน้ำตา "ฝ่าบาทเพค่ะ แม่ทัพจ้านและแม่ทัพยี่ใช้ผลงานการเอาชนะศึกเพื่อขอพระราชทานอภิเษกสมรส วันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของท่านพ่อและพี่ชายของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้องการใช้ผลงานทางทหารของพวกเขาเพื่อขอพระราชโองการให้หย่า หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้!"ดวงตาของจักรพรรดิ์ซูชิงมีความซับซ้อน "ซีซี เจ้ารู้ห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 7

    หลังจากที่ซ่งซีซีจากไป อู๋ต้าปั้นก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากด้านนอกแล้วพูดว่า "ฝ่าบาท ไทโฮ่วได้ส่งคนมาที่นี่ เพื่อตามหาฝ่าบาทหาเวลาไปพบพะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงถอนหายใจ "อาจเป็นเพราะเรื่องของซีซี ทำให้นางวิตกกังวลเข้าแล้ว ไปกันเลย"ดอกโบตั๋นในตำหนักโซ่วคังกำลังบานสะพรั่ง งดงาม มีกลิ่มหอมด้วยและดอกกุหลาบที่เลื้อยตามกำแพงตำหนักก็บานสะพรั่งอย่างสวยงามเช่นกันไทโฮ่วกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หวงฮวาลีที่มีพนักพิงในห้องโถงใหญ่ สวมชุดคลุมสีม่วง และมีหยกขาวอยู่ในมวยของนาง ด้วยใบหน้าซีดเซียว"กระหม่อมคารวะเสด็จแม่พะย่ะค่ะ!" จักรพรรดิ์ซูชิงก้าวไปข้างหน้าและคารวะด้วยไทโฮ่วมองดูเขา ให้คนรับใช้ต่างๆ ออกไปแล้วถอนหายใจ "พระราชทานอภิเษกสมรสที่เจ้าออกให้นั้น ใช้ไม่ได้จริงๆ เจ้าทำแบบนี้ ทั้งผิดต่อท่านโหวซ่ง ยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับผู้คนในใต้หล้าอีกด้วย"เสียงของไทโฮ่วค่อยๆ เข้มขึ้น "ในราชวงศ์ซางมีกฎหมายอยู่ ขุนนางในราชสำนักไม่ได้รับอนุญาตให้รับอนุภรรยาภายในห้าปีหลังจากแต่งงาน ห้าปีเป็นเวลาที่สั้นมากแล้ว ตามที่ข้าคิด เว้นแต่เกินอายุสี่สิบแต่ยังไม่มีบุตรถึงจะแต่งอนุภรรยาได้ ตอนนี้เจ้าออกพระราชทาน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 8

    วันรุ่งขึ้น จ้านเป่ยว่างเข้าไปในพระราชวังตามคำสั่ง เดิมทีเขาคิดว่าพอเข้าไปในวังแล้วก็สามารถเจอกับฝ่าบาทได้ เพราะถึงยังไงตอนนี้เขาเป็นคนโดดเด่นในราชสำนักโดยไม่คาดคิด เขารออยู่นอกห้องหนังสือหลวงเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็ม ก่อนที่อู๋ต้าปั้นจะออกมาและพูดว่า "ท่านแม่ทัพจ้าน ฝ่าบาทกำลังยุ่งอยู่ เขาบอกว่าให้ท่านกลับก่อน เดี๋ยวจะค่อยเรียกท่านมาใหม่ในวันอื่นขอรับ"จ้านเป่ยว่างมีสีหน้าประหลาดใจ เขารออยู่นอกห้องหนังสือมานานขนาดนี้ ก็ไม่เห็นมีขารชาการคนใดเข้าออก แสดงว่าพระองค์ไม่ได้ทรงอภิปรายเรื่องการเมืองกับข้าราชบริพารเขาถามว่า "อู๋กงกง เดิมทีฝ่าบาททรงเรียกข้ามาเพื่ออะไรหรือ"อู๋ต้าปั้นพูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยไม่รู้เรื่องนี้ขอรับ"จ้านเป่ยว่างรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าเข้าไปถามฝ่าบาทโดยตรง "รบกวนกงกงเตือนข้าสสัดหน่อยว่าใช่ข้าทำผิดอะไรหรือไม่?"อู๋ต้าปั้นยังคงยิ้มและกล่าวว่า "ท่านแม่ทัพเพิ่งกลับมาอย่างมีชัย เป็นวีรบุรุษของบ้านเมือง จะมมีผิดที่ไหนกัน""แล้วฝ่าบาท..."อู๋ต้าปั้นโค้งคำนับและพูดว่า "ท่านแม่ทัพ โปรดกลับก่อนเถอะขอรับ"จ้านเป่ยว่างยังต้องการถามต่อ แต่อู๋ต้าปั้นไ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 9

    จ้านเป่ยว่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยังคงพูดอย่างเย็นชาว่า "นี่มันข้าขอด้วยความผลงานในการออกศึก หากพระองค์ถอนพระราชกฤษฎีกาของเขาจริงๆ มันจะทำให้ทหารผิดหวังแน่ๆ วันนี้พระองค์ทรงเรียกข้าไปพบ แต่ก็ไม่ยอมพบข้า อาจเป็นเพราะเจ้าฟ้องว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี ซ่งซีซี ข้าไม่ถือสาเจ้า แต่ข้าเมตตากับเจ้ามามากพอแล้วจริงๆ""ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตัวดีๆ หยุดสร้างปัญหา หลังจากที่ข้าแต่งงานกับยี่ฝาง ข้าจะให้เจ้ามีลูกเป็นของตัวเองด้วย และเจ้าก็จะมีที่พึ่งพาในชีวิตที่เหลือ"ซ่งซีซีลดสายตาลง แล้วพูดเบาๆ "เป่าจู่ ส่งแขก!"เป่าจูยืนขึ้นแล้วพูดว่า "ท่าแม่ทัพเชิญเจ้าคะ!"จ้านเป่ยว่างเดินจากไปอย่างไม่ลังเลก่อนที่ซ่งซีซีจะพูดอะไร น้ำตาของเป่าจูก็ไหลออกมาราวกับลูกปัดที่แตกสลายซ่งซีซีเดินเข้ามาเพื่อเกลี้ยกล่อมนาง "เป็นอะไรอีก?""ข้าน้อยรู้สึกน้อยใจแทนคุณหนู คุณหนูไม่รู้สึกน้อยใจหรือ?" เป่าจูถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "น้อยใจสิ แต่ร้องไห้จะแก้ไขปัญหาอะไรได้ล่ะ สู้คิดหาทางออกเพื่อให้เราสองคนมีชีวิตที่ดีจะดีซะกว่า ตระกูลซ่งจะมีคนอ่อนแอที่ไหนกัน"เป่าจูเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า และเบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 10

    หลังจากส่งหมอมหัศจรรย์ดันกลับไป ซ่งซีซีก็กลับไปที่เรือนเหวินซี ครึ่งชั่วยามต่อมา จ้านเป่ยว่างก็พายี่ฝางไปที่เรือนเหวินซีเพื่อตามหานางนางกำลังทำบัญชีของจวนเดือนนี้ในห้องหนังสือ เมื่อนางเห็นพวกเขาเข้ามา ดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่มือที่ประสานกันของพวกเขากระถางธูปสีทองตัวเล็กๆ กำลังออกกลิ่มธูปหอมอยู่ กลิ่มนั้รทำให้คนสงบอารมณ์ได้ด้วย นางหายใจเข้าลึกๆ พูดให้ชัดเจนก็ดีหลังจากที่นางสั่งให้เป่าจูออกไป ก่อนพูดว่า "เชิญนั่งเลย!"ยี่ฝางเปลี่ยนกลับมาสวมเสื้อผ้าสตรีด้วยกระโปรงจีบสีแดงปักลายผีเสื้อสีทอง นางนั่งลง กระโปรงห้อยลงมา และผีเสื้อก็ดูนิ่งอยู่เช่นกันยี่ฝางไม่ถือว่าสวย แต่นางมีออร่ามาก"นางซ่ง!" นางเอ่ยปากก่อนและมองตรงไปที่ซ่งซีซี นางเคยอยู่ในกองทัพ และสังหารศัตรู นางคิดว่าความแข็งแกร่งของนางน่าจะทำให้ซ่งซีซีไม่กล้ามองตรงๆ อย่างไรก็ตาม ดวงตาของซ่งซีซีนั้นดูสดใส ไม่มีการหลบหนีแม้แต่น้อย นี่กลับทำให้นางประหลาดใจ"ท่านแม่ทัพมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ!" ซ่งซีซีกล่าว"ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยากพบข้า ข้าก็เลยมาที่นี่ ข้าแค่อยากถามเจ้าว่าเจ้าจะยินดีที่จะอยู่ร่วมกับฉันอย่างสันติหรือไม่" ยี่ฝางพูดอย่า

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1580

    "เซี่ยจิ้งเหยียน ปากเจ้าหยุดได้บ้างหรือไม่?" ซ่งซีซีขมวดคิ้ว มองดูบุตรสาวที่กำลังพันแข้งพันขาพี่รุ่ยเอ่อร์ด้วยคำถามไม่หยุดไม่หย่อนใบหน้าเล็กๆ แดงจัดจากแดด เผ้าผมยุ่งเหยิงราวกับรังนก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านมานับแต่พี่รุ่ยเอ่อร์กลับจากการเดินทาง เข้าประตูมา เด็กน้อยก็ไม่หยุดเจื้อยแจ้ว ถามเรื่องสนุกต่างๆ ที่พี่ชายพบเจอระหว่างท่องเที่ยว"เสด็จแม่เจ้าคะ" เซี่ยจิ้งเหยียนเบิกตากลมโต มองมาด้วยท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา ใบหน้าราวกับเก็บเอาส่วนดีจากทั้งบิดาและมารดามาไว้ครบถ้วน "ข้ามิได้พบพี่รุ่ยเอ่อร์มานาน วันเดียวไม่ได้เจอ เหมือนห่างกันสามปี นี่ไม่รู้เลยว่าห่างกันมากี่เดือนกี่ปีแล้ว ข้าย่อมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับพี่เขาเจ้าค่ะ""วันเดียวไม่เจอเหมือนห่างกันสามปี ใครสอนเจ้าพูดเช่นนี้?" ซ่งซีซีขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิมเซี่ยจิ้งเหยียนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ "อาจารย์ลุงหวังพูดกับท่านน้าเสิ่นอย่างนี้ ตอนก่อนเขากลับไปเขาเหม่ยซานไม่กี่วัน พอกลับมาก็กอดท่านน้าเสิ่นแล้วพูดประโยคนี้ล่ะเจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือรีบก้มหน้าลงทันที หลบเลี่ยงสายตาคมกริบดั่งมีดของซ่งซีซี ใครจะรู้เล่าว่าตอนนั้นจิ้งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1579

    การออกจากเมืองครั้งนี้ของซ่งรุ่ย เขาแจ้งกับฮ่องเต้ว่าออกไปท่องเที่ยว แต่เขามิได้อยู่ที่สำนักเทพโอสถนานนัก เพียงเจ็ดวันก็ออกเดินทางต่อ แล้วมุ่งหน้าไปยังสถาบันว่านซงเหมินแต่เดิมตั้งใจจะกลับเมืองหลวงไปหาท่านอาหงเซียว ทว่าคิดไปคิดมา สู้ไปหาศิษย์อาผิงหวูจูงโดยตรงดีกว่า ขอให้นางเป็นผู้สอนวิชาแปลงโฉมด้วยตนเอง วิชาแปลงโฉมไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากต้องการให้ถึงขั้นแยบยล แปลงแล้วไร้ผู้ใดมองออก เช่นนั้นก็ไม่อาจสำเร็จได้ในเวลาเดือนสองเดือน วิชาแปลงโฉมอย่างง่ายนั้น สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสริมอะไรเพิ่มเติมไปจากใบหน้าตนเอง จะเป็นการแต่งเติมหรือแต่งหน้าเท่านั้น แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา แม้แต่ฝนตกเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ความลับถูกเปิดเผย เพราะฉะนั้น ไม่อาจเรียนเพียงวิชาเบื้องต้นเช่นนี้ได้ อีกแขนงหนึ่งของวิชาแปลงโฉม คือการสร้าง “ใบหน้าเทียม” ขึ้นมา ทว่าใบหน้าเทียมทั่วไปนั้นมีความหนา อึดอัด หากสวมใส่นานจะทำร้ายผิวหน้าของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังต้องใช้ยาพิเศษในการติดกับผิวหน้า พอถึงเวลาพักผ่อน จะต้องลอกออก ซึ่งอาจดึงเอาผิวหน้าเดิมติดออกมาด้วย ในสำนักหออวิ๋นอี้ แม้จะมีการใช้ใบหน้าเทีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1578

    ยามค่ำ ทั้งสองนั่งสนทนาใต้แสงเทียน เรื่องราวในราชสำนักไม่มีการเอ่ยถึงแม้แต่น้อย ซิวเช่อเพียงรู้ว่าแผ่นดินสงบสุขร่มเย็น เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว เขามิใช่องค์ชายใหญ่คนเดิมอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องแบกรับ มีเพียงชีวิตของตน ส่วนอื่นนั้น ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว การเข้าไปเกี่ยวข้องกับราชสำนักนั้นเป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่ง ทางที่ดีคือต้องไม่เอ่ยถึงเลยจะปลอดภัยที่สุด เมื่อยังเยาว์ เขายังไม่เข้าใจนักว่าทำไมเขาถึง “ต้องตาย” จนกระทั่งท่านปรมาจารย์ดันค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ รวมถึงอาจารย์ของเขาก็เคยพูดถึงผลได้ผลเสียเหล่านี้ให้ฟัง ระหว่างเขากับน้องสาม แม้จะไม่ไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ทว่า หากจะใช้ความสัมพันธ์นั้นไปเดิมพันกับชีวิต เดิมพันกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ก็มิใช่เรื่องดีสำหรับผู้ใดเลย เขาจึงยอมรับความจริง ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และต้องมีชีวิตที่ดีในแต่ละวัน ยิ่งกว่าวันพรุ่งนี้ถึงจะไม่เสียเปล่าที่ได้เกิดมา ซ่งรุ่ยถามถึงขาของเขา “ตอนข้ามา ท่านอาบอกข้าว่า ขาของเจ้าลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเดินได้บ้างเล่า?” ซิวเช่อตอบว่า “ปีที่เสด็จพ่อสวรรคต มีคนอยู่เพียงไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1577

    ดอกอาซาเลียของสำนักเทพโอสถ บานสะพรั่งไปทั่วทั้งเขา ภาพสีสันสดใสเหล่านี้ ช่างงดงามจนทำให้ผู้คนหลงใหล โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยมาเยือนสำนักเทพโอสถ ต่างก็อยากจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป ทว่ากลับมีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น เขาควบม้าจนถึงเชิงเขา พอผูกม้าไว้เรียบร้อยก็เดินเท้าขึ้นเขา สายตาของเขาจับอยู่เพียงหนทางข้างหน้า แม้ดอกอาซาเลียสีแดงจะชูช่อเข้ามาขวางทาง เขาก็เพียงใช้มือปัดออก เขาเดินเร็ว บางครายังใช้วิชาตัวเบาช่วย สำนักเทพโอสถนั้นแม้จะไม่สูงนัก แต่กลับซ่อนตัวได้แนบเนียน ทางขึ้นเขายังแยกย่อยมากมาย ทว่าเขาได้ดูแผนที่มาไม่น้อยกว่าพันครั้ง ขึ้นใจจนจำได้แม่นยำ ในวัยยี่สิบต้นๆ เขาได้รับสืบทอดตำแหน่ง ขณะนั้นท่านอาเล็กมอบของขวัญยิ่งใหญ่หลายสิ่ง และของขวัญที่ใหญ่ที่สุดก็คือแผนที่ฉบับนั้น พร้อมกับข่าวหนึ่งที่ทำให้เลือดทั้งตัวของเขาเดือดพล่าน ซิวเช่อ… ยังมีชีวิตอยู่ คืนนั้นเขาไม่ได้นอนแม้แต่น้อย ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวทีละฉาก ราวกับเป็นเรื่องราวชาติปางก่อน หลังรับตำแหน่ง ต้องเข้าวังถวายบังคม ไปไหว้บรรพชน และเยี่ยมเยือนขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดี ท่านอาเล็กอยากให้เขาใช้โอกาสนี้สร้างส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1576

    เซี่ยหลูโม่มองเสื้อคลุมนั้น “นี่ของข้านี่ เจ้าเห็นว่าข้าอ้วนหรือ? ข้ามิได้อ้วนนี่นา”“อ้อ ของเจ้าหรือ? งั้นก็ยาวเกินไปหน่อย เอาไว้ให้คนแก้ให้หน่อยแล้วกัน”เซี่ยหลูโม่ว่า “เจ้าจะใส่เสื้อหลวมๆ ก็ให้คนตัดใหม่ให้สิ ไฉนต้องเอาเสื้อตัวเก่าของข้ามาแก้ด้วยล่ะ? ใส่ก็ไม่สบาย”“ข้าจะกลับไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี พอได้สวมเสื้อของเจ้า ก็เหมือนเจ้าคอยอยู่ข้างกายข้ายังไงเล่า” ซ่งซีซียิ้มจนตาโค้ง ราวกับการจากกันหนึ่งปีในปากของนางนั้นเป็นแค่เพียงวันเดียว ดูไม่เป็นเรื่องสำคัญอันใดเลยแม้แต่น้อย“หนึ่งปี?” เซี่ยหลูโม่ถึงกับตกตะลึง “เจ้าจะกลับไปหนึ่งปีเชียวหรือ? ทำไมล่ะ?”“ก็แน่นอนว่าอาจารย์คิดถึงข้า แล้วข้าก็คิดถึงอาจารย์ด้วยสิ” ซ่งซีซีเท้าสะเอว แล้วยื่นเสื้อให้เป่าจูที่ยืนปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ “แต่ไม่ใช่ว่าจะไปตอนนี้นะ รุ่ยเอ๋อร์กำลังจะรับตำแหน่งสืบทอดจวนกั๋วกง รอเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยกลับเขาเหม่ยซาน”“ทำไมต้องกลับไปนานขนาดนั้น?” เซี่ยหลูโม่รู้สึกว่าท่าทางยืนของนางแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เอาแต่ถามต่อซ่งซีซีลงนั่งอย่างไม่รีบร้อน “ข้าจะไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี แล้วจะอุ้มเด็กกลับมาคนหนึ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1575

    วันที่สิบสามเดือนเหมันต์ พระองค์กลับมีสติแจ่มใสขึ้นมาก จนเอ่ยว่าหิว และระบุชัดว่าต้องการเสวยโจ๊กเนื้อกับขนมนมอบกรอบอู๋ต้าปั้นรีบสั่งให้คนจัดเตรียม พอโจ๊กเนื้อกับขนมนมอบกรอบมาจัดถวาย เฉินฮองเฮาก็นั่งอยู่ข้างเตียงป้อนพระองค์เหมือนเช่นเคย แต่พระองค์กลับบอกว่าอยากนั่งเสวยเองอู๋ต้าปั้นจึงเข้ามาพยุงพระองค์ให้ลุกขึ้น แล้ววางเบาะนุ่มหนาไว้ที่ด้านหลังพระองค์ผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก เมื่อนั่งก็จะไถลตัวลงทุกครั้ง อู๋ต้าปั้นจึงต้องคุกเข่าข้างเตียง ใช้สองมือประคองช่วงเอวของพระองค์ไว้แน่นโจ๊กหนึ่งชาม พระองค์ก็เสวยจนหมดจริงๆ ไม่เหลือแม้แต่น้อย แล้วจึงเสวยขนมนมอบกรอบหนึ่งชิ้น เพียงแต่พอเสวยเข้าไปแล้วรู้สึกคลื่นไส้ จึงไม่ได้แตะชิ้นที่สองอีกหมอมหัศจรรย์ดันกลับให้คนไปเชิญไทเฮามา พอพูดไม่กี่ประโยค ใบหน้าไทเฮาก็เปลี่ยนสี น้ำตาร่วงลงมาทันทีแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง ใจของไทเฮาก็ยังเหมือนถูกมีดกรีด ร้าวจนตัวสั่นไปหมดผ่านไปพักใหญ่จึงมีรับสั่งให้ไปเชิญเนี่ยเจิ้งอ๋องกับองค์รัชทายาทมา แล้วให้เชิญบรรดาองค์หญิงในตำหนักฝ่ายในมาด้วยจักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าพระองค์ประชวร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1574

    เมื่อกลับถึงวังหลวง จักรพรรดิ์ซูชิงก็ล้มหมอนนอนเสื่อ มิอาจลุกขึ้นจากเตียงได้อีกหมอมหัศจรรย์ดันกล่าวกับไทเฮาเพียงไม่กี่คำ ความหมายก็คือว่า เกรงว่าอีกไม่กี่วัน ฮ่องเต้คงจะเสด็จสวรรคต หากอยากพบผู้ใด ก็จงรีบพบเสียแต่ตอนนี้ผู้ที่ฮ่องเต้อยากพบเป็นคนแรก ย่อมไม่พ้นไทเฮา“เด็กคนนั้น พอเห็นข้าก็พร่ำถามไม่หยุด คำถามแรกที่เอ่ยขึ้นมาก็คือเรื่องเสด็จย่า เสด็จแม่มิได้รักเขาเปล่าเปล่าเลยจริงๆ”ไทเฮาถอนพระทัยยาว “น่าสงสารนัก ชั่วชีวิตนี้ก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ไม่ได้ออกมาอีก ขาของเขา...ไม่อาจมีหวังแล้วจริงหรือ?”“เกรงว่าคงไม่มีหวังแล้ว” ริมพระโอษฐ์ของจักรพรรดิ์ซูชิงแห้งซีดไร้สีเลือด “แต่ก่อนจะจากกัน เขากล่าวว่า...เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ เมื่อลูกเรียนรู้วิชาแพทย์สำเร็จแล้ว จะรักษาโรคของพระองค์ให้หายแน่”ไทเฮารู้สึกปวดร้าวในพระทัย “เด็กดีจริงๆ”จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรเพดานเหนือม่านเตียง แล้วพึมพำว่า “ใช่แล้ว เด็กดีจริงๆ”เมื่อพบไทเฮาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ให้เซี่ยหลูโม่พาองค์รัชทายาทเข้ามาเมื่อครั้งยังทรงมีเรี่ยวแรง พระองค์เคยพาองค์รัชทายาทขึ้นว่าราชการ พาไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อตรวจฎีกา ร่วมประชุ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1573

    จักรพรรดิ์ซูชิงพำนักชั่วคราวอยู่ในสำนักเทพโอสถ ที่แห่งนี้มีโอสถครบครันทุกชนิด แต่พระอาการของพระองค์นั้นกลับอยู่ในจุดที่ยาใดก็ไร้ผลเสียแล้วแต่เมื่อได้อยู่ที่นี่ พระทัยกลับรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งร่างก็ประหนึ่งได้วางภาระทั้งหมดลงแล้ว เสมือนเป็นบิดาผู้สามัญในหมู่บ้านที่เฝ้าอยู่เคียงข้างบุตรในทุกวันคืนซ่งซีซีสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ นางก็คุยกับองค์ชายใหญ่พักหนึ่งองค์ชายใหญ่มักจะถามถึงพี่รุ่ยเอ่อร์ ถามว่าเขามีสหายใหม่แล้วหรือไม่ซ่งซีซีคิดว่าเขาจะหวง จึงตอบว่า “เขานอกจากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีสหายอื่นอีกเลย เขาคิดถึงเจ้าตลอด”องค์ชายใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน สีหน้าเผยแววรู้สึกผิด “ข้ามีสหายของตนเองแล้ว จี๋เสียงก็คือสหายของข้า เขาก็ควรจะมีสหายของเขา ข้าเองก็คิดถึงเขาเสมอ แต่ชีวิตนี้ คงไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว”เมื่อกล่าวจบ แววตาเขาก็มีเพียงความหดหู่สิ้นหวังซ่งซีซีลูบศีรษะเขา พลางยิ้มกล่าว “อนาคตยังอีกยาวไกล เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจนักว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีกเล่า?”“เพราะผู้ใหญ่ไม่ยอม ผู้ใหญ่มักจะต้องคิดเรื่องต่างๆ มากมาย ยังมีสิ่งที่กลัวอีกมากด้วย”“วันหน้า พวกเจ้าก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ เมื่อถึงยามนั้น เจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1572

    หลังตะวันลับเหลี่ยมเขาทิศตะวันตก อุณหภูมิในหุบเขาก็ลดต่ำลง จักรพรรดิ์ซูชิงแม้ตอนขึ้นเขาจะมีคนหามบัลลังก์ให้ ทว่าบัดนี้กลับเป็นฝ่ายแบกองค์ชายใหญ่เดินกลับไปยังเรือนพักองค์ชายใหญ่ซบอยู่บนแผ่นหลังผ่ายผอมของเสด็จพ่อ น้ำตาไหลพรากไม่หยุดแม้แต่น้อยนี่คือภาพที่แม้ในฝันเขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อย่าว่าแต่แบกเขาเลย แม้เพียงจะให้เสด็จพ่อเอื้อมพระหัตถ์ลูบศีรษะเขาสักครั้ง ก็ยังเป็นสิ่งที่เขาเห็นว่าเกินจะหวังแต่...เสด็จพ่อผอมเหลือเกิน เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้? บนหลังแทบไม่มีเนื้อเหลืออยู่เลยซ่งซีซีกับผู้อื่นยังคงรออยู่ที่หน้าประตูเขา แม้แต่ขุนนางชั้นสูงอย่างชีกุ้ยก็ยังมิได้เข้าไป ผู้ที่หามบัลลังก์เข้าไปเมื่อครู่ล้วนเป็นขุนนางที่จงรักภักดีอย่างถึงที่สุด ผู้อื่นย่อมไม่อาจได้พบองค์ชายใหญ่พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าฮ่องเต้เสด็จมายังสำนักเทพโอสถครั้งนี้ ก็เพื่อรักษาพระอาการประชวรเท่านั้นจักรพรรดิ์ซูชิงแบกเขากลับเข้าไปยังเรือนพักของตน เรือนพักแห่งนี้ ตอนเข้ามาก็ดูเหมือนสวรรค์ซ่อนเร้นเบื้องนอกแลไปก็เป็นเพียงเรือนพักธรรมดาหลังหนึ่ง แต่เมื่อย่างก้าวเข้ามา จึงเห็นว่าภายในแบ่งออกเป็นเรือนน้อยเรือนใหญ่แยกต่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status